ในเมืองเทพศุภโชค พวกอู๋ยางล้วนมือเท้าเย็นเยียบ
เคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพ!!
ใครก็คิดไม่ถึงว่าหลังหลินสวินได้ชัยชนะครั้งใหญ่ที่เรียกว่าเป็นประวัติการณ์ เคราะห์สังหารเช่นนี้ก็บุกโจมตีกะทันหัน
อานุภาพของเคราะห์นี้ ระดับนิรันดร์คนใดในใต้หล้าไม่รู้บ้าง
พูดได้ว่าสิ่งที่ทำให้ระดับนิรันดร์หวาดกลัวที่สุดก็คือเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพ ในความพินาศย่อยยับของอารยธรรมแห่งยุคสมัยที่ผ่านมา เคราะห์นี้กำจัดระดับนิรันดร์ผู้โดดเด่นแห่งยุคไปไม่รู้เท่าไร!
“หลินสวิน กลับมาเร็ว!”
ซิงเจียตวาดลั่นทันที เสียงดังก้องฟ้าดารา ที่นี่คือเมืองเทพศุภโชค หลบเลี่ยงการโจมตีของเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพได้
กลางฟ้าดาราหลินสวินกลับส่ายหัวพลางกล่าว “ทุกท่านอย่าตื่นตระหนก ข้าอยากดูว่าเคราะห์นี้ร้ายกาจแค่ไหนกันแน่”
นัยน์ตาเขาล้ำลึกแฝงจิตต่อสู้ร้อนแรงเสี้ยวหนึ่ง
เมื่อนานมาแล้วเขาเคยได้ยินข่าวลือนานัปการเกี่ยวกับเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพ ผู้แข็งแกร่งอย่างชั้นยอดเช่นจักรพรรดิเทพรัตติกาลนิรันดร์ยังเคยถูกเคราะห์นี้โจมตีอย่างหนัก!
สิ่งเดียวที่ทำให้หลินสวินรู้สึกสงสัยคือพลังของเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพนี้ มีความสัมพันธ์อะไรกับผู้บงการหลังม่านนั่นกันแน่
ด้วยตามปกติแล้วหากเคราะห์นี้มีผู้บงการหลังม่านนั่นคอยควบคุม ก่อนหน้านี้ถ้าอีกฝ่ายอยากฆ่าตน แน่นอนว่าเป็นเรื่องง่ายดาย
ไม่จำเป็นต้องไปบงการให้ลัทธิฌาน ลัทธิพ่อมด เผ่าเทพนิรันดร์น่านฟ้าที่เก้าลงมือโดยสิ้นเชิง ทั้งไม่ต้องให้เผ่าเทพในแหล่งสถานศุภโชคนี้มาจัดการตนด้วย
แต่หากกล่าวว่าเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพไม่ได้มีผู้บงการหลังม่านนั่นคอยควบคุมก็ไม่ค่อยสมเหตุสมผล ด้วยก่อนหน้านี้เขาสัมผัสถึงกลิ่นอายของกฎระเบียบไท่ชูจากแสงเคราะห์หลายสายนั้นได้อย่างชัดเจน!
นี่ก็คือจุดที่หลินสวินไม่เข้าใจที่สุด
“เจ้าหมอนี่…”
เมื่อรู้ความคิดของหลินสวิน หัวใจพวกอู๋ยางกระตุกวูบ นี่มันเวลาไหนแล้ว ยังจะไปประลองฝีมือกับเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพนั่นอีกหรือ
ต้องรู้ว่าหลินสวินเพิ่งจะแจ้งมรรคขั้นสรรสร้าง หากไม่ได้บรรลุถึงสัมบูรณ์ของขอบเขตนี้ แน่นอนว่าไม่มีโอกาสก้าวสู่ขั้นไร้ขอบเขตแม้เพียงเสี้ยว!
แต่เห็นชัดว่าหลินสวินยังฝืนทำเช่นนี้ คงเป็นอย่างที่เขาพูดจริงๆ คิดจะลองดูว่าเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพนั่นร้ายกาจหรือไม่
การกระทำนี้บ้าบิ่นเกินไปแล้ว ถึงขั้นไม่ต่างกับการรนหาที่ พวกอู๋ยางจะไม่เป็นห่วงได้อย่างไร
หลินฝานกับซูไป๋สบตากัน กลับมีความตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูกอยู่รางๆ ความอาจหาญที่หลินสวินเผยออกมาเวลานี้ทำให้พวกเขาต่างรู้สึกสั่นสะท้าน ถึงขั้นเลื่อมใสยกย่อง!
อาจมีเพียงความอาจหาญเช่นนี้จึงทำให้ท่านพ่อและอาจารย์ของพวกเขาประสบความสำเร็จเช่นวันนี้กระมัง
ทันใดนั้น…
ในเมฆาเคราะห์ขมุกขมัวตรงส่วนลึกของฟ้าดาราพลันปรากฏดาบยาวที่ควบรวมจากแสงเคราะห์ พุ่งวาบเคลื่อนขวางห้วงอากาศ ฟันใส่หลินสวินกะทันหัน
เร็วเกินไปแล้ว!
เพียงพริบตาก็อยู่ใกล้แค่เอื้อม ดาบยาวนั้นเปี่ยมกลิ่นอายประหลาดและอัปมงคล คมดาบขมุกขมัว ทำให้ผู้คนใจสั่น
เคร้ง!!
ในชั่วขณะเป็นตายนี้เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งปรากฏ ขวางดาบยาวที่ฟันลงมาไว้ แสงมรรคสาดกระเซ็น ส่งเสียงกึกก้องราวอสนีบาต
ดาบยาวแตกซ่าน ส่วนเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งก็ถูกซัดจนกระเด็นลอยออกไป
แต่เหนือความคาดหมาย ภายใต้การฟาดฟันของดาบเคราะห์น่ากลัวนี้ เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งกลับสมบูรณ์ไร้ความเสียหาย!
พวกอู๋ยางล้วนอึ้งงันอย่างอดไม่ได้
พวกเขาไม่รู้ว่ายามข้ามเก้ายอดเคราะห์มรรคในสายธารยุคสมัย เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งผ่านความพินาศและสร้างใหม่มากมายเหมือนหลินสวิน ต่างจากแต่ก่อนโดยสิ้นเชิงเช่นกัน
ปัจจุบันเตาหลอมนี้เชื่อมกายใจกับหลินสวิน ทั้งภายในและภายนอกเปี่ยมพลังกฎระเบียบมหามรรคของนัยเร้นลับนิพพาน!
หลินสวินเรียกเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งกลับมาแล้วยืนกลางอากาศ แม้สีหน้าจริงจัง แต่จิตใจนิ่งสงบไม่น้อย
ไม่นานส่วนลึกของเมฆาเคราะห์ขมุกขมัวนั้นม้วนซัด ศาสตราเคราะห์สายแล้วสายเล่าพุ่งออกมา ดาบทวนกระบี่ง้าว ผนึกโบราณเจดีย์สมบัติ เบียดเสียดแน่นขนัด ล้วนเปี่ยมกลิ่นอายประหลาดอัปมงคล ทรงพลังไร้ขอบเขต
พลังสังหารนั้นกำจัดขั้นสรรสร้างอย่างเกาหยางไหวและเจียงเถาได้โดยง่าย
หลินสวินไม่กล้าประมาท ต่อสู้เต็มกำลัง อานุภาพที่ปล่อยออกมาก็ไม่อาจเทียบกับยามปลิดชีพพวกเกาหยางไหวก่อนหน้านี้ได้
ตูม! ตูม! ตูม!
ก็เห็นเงาร่างหลินสวินส่องประกายในฟ้าดารา ผ่าเผยประดุจเทพ เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งทะยานอากาศ แสงเคราะห์หลากสายนั้นล้วนถูกขวางอยู่ตรงหน้าเขาแล้วระเบิดออกทันที
เวลานี้ในที่สุดพวกอู๋ยางก็ได้รู้ว่าพลังต่อสู้ถึงขีดสุดของหลินสวินหลังจากก้าวสู่ขั้นสรรสร้างแล้วเย้ยฟ้าเพียงใด
ก่อนหน้านี้ยามกำจัดศัตรูอย่างพวกเกาหยางไหว เจียงเถา เห็นชัดว่าเขาไม่ได้ลงมือเต็มกำลัง ตอนนี้ต่างหากที่เผยมรรควิถีทั้งตัวออกมาอย่างแท้จริง
หลังจากหลินสวินขวางศาสตราเคราะห์ชิ้นสุดท้ายได้ ส่วนลึกของเมฆาเคราะห์ขมุกขมัวนั้นมีเสียงหนึ่งดังขึ้นทันใด
“เอ๊ะ!”
เสียงนั้นแก่ชรามาก เปี่ยมความเฉยชาและไร้ปรานี มีแค่เสียงแต่เหมือนฟ้าผ่าซัดทลายกาลนิรันดร์ กระเทือนจนฟ้าดาราสั่นพล่านดังระงม
เบื้องหน้าพวกอู๋ยางพลันมืดมัว รู้สึกเพียงจิตใจมีสัญญาณหวั่นหวาด อดตื่นตะลึงไม่ได้ โคจรพลังปกป้องตนเองกับหลินฝานและซูไป๋ที่อยู่ข้างกายไว้ภายในทันที
ต้องรู้ว่าที่นี่คือเมืองเทพศุภโชค มีกฎระเบียบศุภโชคปกคลุม แต่เสียงนั้นยังคงสร้างอานุภาพน่าหวาดกลัวเช่นนี้ได้ ใครเล่าจะไม่ตกใจ
“เป็นคนนอกรีตที่ไม่ควรอยู่บนโลกดังคาด”
พร้อมกับเสียงเฉยชาแก่ชรานั้น เงาร่างหนึ่งเดินออกมาจากส่วนลึกของเมฆาเคราะห์ทีละก้าว
ตัวเขาปกคลุมอยู่ในเงาแสงทองอร่าม กฎระเบียบสีทองนับไม่ถ้วนไหลวนรอบกาย เจิดจรัสดังดวงตะวันแหวกผ่านราตรีนิรันดร์
เมื่อมองผ่านแสงเรืองรอง ผู้คนเห็นเพียงดวงตาสีเงินเฉยชาเยียบเย็นคู่นั้น รวมถึงเกราะที่เหมือนหล่อจากทองเซียนซึ่งปกคลุมร่างกายชั้นหนึ่ง ทันทีที่ปรากฏตัว คลื่นพลังน่ากลัวหาใดเปรียบก็ม้วนกลืนฟ้าดาราแถบนี้ราวคลื่นซัดสาดในพริบตา คล้ายภูเขาเทพดึกดำบรรพ์ลูกหนึ่งกดทับ ผู้แข็งแกร่งทุกคนที่เห็นภาพนี้ล้วนรู้สึกเพียงขวัญหนีดีฝ่อ จิตวิญญาณสั่นคลอน
ขณะเดียวกันแสงเคราะห์โหมกระหน่ำทิ้งตัวลงมาจากเงาร่างกำยำเปล่งประกายเจิดจรัสของเขา ระเบียบระดับเทพมากมายที่เดิมปกคลุมรอบฟ้าดารา เวลานี้ล้วนเหมือนของประดับ ถูกกำราบโดยสิ้นเชิง
“น่ากลัว น่ากลัวเกินไปแล้ว! กลิ่นอายเหนือกว่าขั้นสรรสร้างมาก เขา… เขาก็คือผู้บงการหลังม่านของเคราะห์แห่งยุคสมัยนั่นหรือ”
ทุกคนตื่นตระหนก
นัยน์ตาของสัตว์ประหลาดเฒ่าอย่างพวกอู๋ยาง ซิงเจีย หลงเซี่ยงล้วนคมปลาบ ทั้งตัวเครียดเกร็งถึงขีดสุด มรรควิถียิ่งโหมกระหน่ำคลุ้มคลั่ง ต้านอานุภาพนี้เหมือนเอาชีวิตเข้าแลก
ส่วนเหล่าผู้ฝึกปราณที่กระจายอยู่ในเมืองเทพศุภโชคพวกนั้น เวลานี้ถึงกับล้มพับลงพื้นทั้งหมด พลังชีวิตทั่วร่างถดถอยราวน้ำไหล...
ถึงกับถูกอานุภาพน่ากลัวนั้นซัดจิตวิญญาณแตกตาย!
เงาร่างสีทองนั้นยืนกลางอากาศเหมือนราชันไร้เทียมทาน ไม่ได้ลงมือ แค่อานุภาพนั้นก็พิสูจน์ได้ว่าพลังของเขาน่ากลัวเพียงใดแล้ว
“ส่งนัยเร้นลับนิพพานในตัวเจ้ามา ทำลายพลังปราณ ข้าสามารถเป็นตัวแทนนายท่านไว้ชีวิตเจ้าได้”
เงาร่างสีทองเอ่ยปาก เจือกลิ่นอายเก่าแก่ เฉยชา สูงส่งเหนือผู้อื่นราวกับกำลังทำทาน
เสียงนั้นดังก้องจักรวาล กดดันใจคน
เวลานี้สีหน้าหลินสวินจริงจังขึ้นมาอย่างยากพบเห็น แม้ว่าเขาจะต้านการโจมตีของอานุภาพกดดันที่แผ่ออกมาจากตัวอีกฝ่ายได้ แต่กลับรู้สึกถึงแรงกดดันที่ไม่เคยมีมาก่อน ทำให้ทุกอณูบนผิวหนังรู้สึกปวดแสบเหมือนโดนฉีกทึ้ง
แต่เขายังจับสังเกตจากคำพูดของอีกฝ่ายได้อย่างฉับไว
นายท่าน!
“เจ้าไม่ใช่ผู้บงการหลังม่านของเคราะห์แห่งยุคสมัยนั่นหรือ”
หลินสวินขมวดคิ้ว
ฝ่ายตรงข้ามไม่ได้ลงมือทันที เวลานี้เขาเองก็ไม่ทำอะไรบุ่มบ่าม หากล่วงรู้เบื้องลึกของอีกฝ่ายได้นั่นย่อมดีกว่าโดยไม่ต้องสงสัย
สิ่งมีชีวิตที่ก้าวออกมาจากเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพ เดิมก็น่าเหลือเชื่อนัก
“ผู้บงการหลังม่าน?”
เห็นชัดว่าเงาร่างสีทองไม่พอใจกับคำเรียกขานนี้อยู่บ้าง “นายท่านของข้าครองอานุภาพล้มล้างยุคสมัย ใช่ผู้ที่เจ้าสบประมาทได้หรือ ผู้ไม่รู้ย่อมไม่ผิด ครั้งนี้ข้าจะไม่เอาความเจ้า”
นี่เหมือนเป็นการยอมรับกับหลินสวินแล้ว
แต่ในคำพูดนั้นกลับเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งของผู้สูงส่ง ราวกับมองมดปลวกตัวหนึ่งบนพื้นดิน
“ที่แท้เจ้าก็เป็นแค่คนที่ขายชีวิตให้ผู้บงการหลังม่านนั่นเท่านั้น”
หลินสวินถอนใจเบาๆ รู้สึกผิดหวังอยู่บ้าง
เดิมทีเขาคิดว่าครั้งนี้เป็นผู้บงการหลังม่านนั่นสำแดงพลังของตน แต่ตอนนี้เห็นชัดว่าไม่ใช่ ‘นายท่าน’ ที่อีกฝ่ายเรียกมีหรือจะไม่ใช่ผู้บงการหลังม่านนั่น
“ได้มอบชีวิตให้นายท่าน เป็นเรื่องที่ระดับนิรันดร์คนใดก็ตามใฝ่ฝัน!”
เงาร่างสีทองพูดพลางเหลือบมองหลินสวิน น้ำเสียงเจือความชื่นชมเสี้ยวหนึ่ง “เจ้าเองก็ไม่เลวนัก สามารถต้านการโจมตีของพลังเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพที่ข้ายืมใช้ได้ ทั้งมีนัยเร้นลับนิพพานติดตัว หากเจ้ายอมสวามิภักดิ์ วันหน้าต้องได้เป็น ‘ทูตชะตาสวรรค์’ เหมือนข้าแน่”
นัยน์ตาหลินสวินฉายแววประหลาด
ที่แท้เจ้าหมอนี่ก็ยืมใช้พลังส่วนหนึ่งของเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพ
เขาเรียกตัวเองว่าทูตชะตาสวรรค์ นี่หมายความว่าพวกที่ขายชีวิตให้ผู้บงการหลังม่านนั่น ล้วนเรียกว่าเป็นทูตชะตาสวรรค์หรือไม่
ชะตาสวรรค์?
พูดจาใหญ่โตเสียจริง!
เวลานี้ในใจหลินสวินถึงกับตื่นเต้นขึ้นมาอยู่บ้างรางๆ
เขารู้ว่าวันนี้หากจับตัวเงาร่างสีทองนี้ได้ บางทีอาจเค้นถามข้อมูลเกี่ยวกับผู้บงการหลังม่านนั่นได้!
ถึงขั้นมีโอกาสสูงว่าจะฉวยโอกาสนี้เปิดเผยฐานะของผู้บงการหลังม่านได้ในคราเดียว!
เห็นว่าหลินสวินไม่พูดจา เงาร่างสีทองที่อยู่ห่างไปกล่าวอย่างจองหอง “เจ้าหนุ่ม ได้รับการยอมรับจากข้าถือว่าเจ้าโชคดี คุกเข่าและส่งนัยเร้นลับนิพพานมาตอนนี้ จงรักภักดีต่อข้า ข้าจะมอบเกียรติภูมิยิ่งใหญ่แก่เจ้า”
เขามองลงมาจากเบื้องสูง ให้หลินสวินคุกเข่าอ้อนวอนเหมือนทำทานและตอบแทนบุญคุณ
หลินสวินแค่นหัวเราะอย่างอดไม่ได้ “เจ้านับเป็นตัวอะไร สวะที่ยอมเป็นสุนัขให้ผู้บงการหลังม่านนั่นยังกล้าสั่งให้ข้าคุกเข่าด้วยหรือ”
“หืม?”
เงาร่างสีทองโมโหเล็กน้อย
เขาแค่แค่นเสียงเบาๆ ทั่วฟ้าดาราล้วนสั่นสะเทือน ห้วงอากาศไร้สิ้นสุดแตกทลายเหมือนเศษแก้ว เผยรอยแยกห้วงอากาศชวนประหวั่นหลากสาย
“แค่เสียงก็น่าหวาดกลัวยิ่งนัก หากเขาลงมือจริงๆ เกรงว่าฟ้าดาราแถบนี้คงต้านการโจมตีไม่อยู่! เจ้าคนที่เรียกตัวเองว่าทูตชะตาสวรรค์นี้มีมรรควิถีน่ากลัวเพียงใดกันแน่”
ในใจพวกอู๋ยางว้าวุ่น ทั้งหมดล้วนหน้าเปลี่ยนสี
ขั้นสรรสร้างเป็นตัวตนที่สูงส่งที่สุดในแหล่งสถานศุภโชคแล้ว แม้ว่าจะมีขั้นไร้ขอบเขตที่เหนือกว่าแต่กลับไม่มีทางพบเจอในแหล่งสถานศุภโชค
แต่ตอนนี้เงาร่างสีทองที่ก้าวออกมาจากเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพนั่น เห็นชัดว่าไม่ใช่ผู้ที่ขั้นสรรสร้างเทียบได้ ทำให้ผู้คนไม่อาจจินตนาการว่ามรรควิถีของเขาแข็งแกร่งถึงระดับใดกันแน่!