แดนฌาน
ในถ้ำสถิตแห่งหนึ่ง บงกชเก้าสีส่ายไปมาสาดแสงแพรวพราว
ฟ่านอั้นที่เงาร่างผอมแห้งนั่งขัดสมาธิอยู่บนเบาะรองนั่ง ใบหน้าผอมซูบ หนวดเคราขาวหิมะ ตรงหน้ามีรูปปั้นไท่ชูวางอยู่
“คนนอกกรีตนั่นบุกมาแล้ว เจ้า… จะทิ้งลัทธิฌานของพวกเราจริงหรือ…”
ฟ่านอั้นสีหน้าอึมครึมไม่สามารถสงบได้ สายตาจ้องมองรูปปั้นไท่ชู
สมบัติที่บรรพจารย์ซื่อของลัทธิฌานทิ้งเอาไว้นี้ หลังจากส่งคลื่นเจตจำนงออกมาครั้งก่อนก็ไม่เคยเกิดการตอบสนองอีกแม้แต่เสี้ยว
ตอนนี้ก็เช่นกัน
นอกถ้ำสถิตเสียงโกลาหลดังขึ้น มีทั้งที่ตะโกนอย่างเดือดดาล ที่กรีดร้องอย่างตื่นตระหนก และมีคลื่นการต่อสู้อึงอล มีเสียงหินทลายทรุดตัว เสียงอาคารหักพัง…
ทั้งหมดนี้ทำให้สีหน้ามืดทะมึนของฟ่านอั้นเข้มมากกว่าเดิม ในใจก็เกิดความโศกเศร้าและความขมขื่น
ครู่ใหญ่สองมือของฟ่านอั้นคว้ารูปปั้นไท่ชูนั่นไว้ ในดวงตาเผยประกายน่ากลัว “เป็นเจ้าทำลายลัทธิฌานของพวกเรา เพราะเจ้า…!”
เสียงคำรามต่ำลึกของเขาราวกับสัตว์ที่สิ้นหวัง
ใบหน้าผอมซูบของเขาเปลี่ยนเป็นเขียวคล้ำเหี้ยมโหด ในดวงตาเต็มไปด้วยความเดือดดาลและชิงชัง
ปัง!
รูปปั้นไท่ชูระเบิดเป็นเสี่ยงๆ กลายเป็นฝุ่นผงกระจายออกจากระหว่างนิ้วของฟ่านอั้น
ฟ่านอั้นหายใจหอบถี่ครู่หนึ่ง ก่อนหันหน้ามาพลัน และเห็นเงาร่างสูงโปร่งสายหนึ่งซึ่งไม่รู้ว่ามายืนอยู่ตรงทางเข้าถ้ำสถิตตั้งแต่เมื่อไหร่
หลินสวิน!
ฟ่านอั้นนัยน์ตาหดรัด ค่อยๆ ลุกจากเบาะรองนั่งพลางเอ่ยด้วยเสียงแหบพร่า “เหลือข้าคนเดียวแล้วหรือ”
หลินสวินส่ายหน้า “ข้าไม่ฆ่าผู้บริสุทธิ์ ผู้บริสุทธิ์บางส่วนไม่จำเป็นต้องตายเพราะความผิดที่ลัทธิฌานของพวกเจ้าก่อ”
ฟ่านอั้นอึ้งไป สายตาซับซ้อน “เหอะ เช่นนี้ข้ายังต้องขอบคุณเจ้าแทนบรรดาผู้สืบทอดที่มีชีวิตอยู่หรือไม่”
หลินสวินชี้ตรงตำแหน่งหัวใจของตนเอง “ทำเช่นนี้ข้าจะได้ไม่ละอายใจ ไม่ใช่ความเมตตาจอมปลอมอะไร”
ความเมตตาจอมปลอม!
คำพูดนี้เห็นชัดว่าเต็มไปด้วยความเสียดสี เป็นการเสียดสีคนในลัทธิฌานของพวกเขา!
แต่ฟ่านอั้นไม่มีใจจะสนใจเรื่องพวกนี้ เขาจ้องมองหลินสวิน ครู่ใหญ่จึงเอ่ยว่า “ข้าไม่เข้าใจยิ่ง เจ้าไม่กลัวผู้บงการหลังม่านของเคราะห์แห่งยุคสมัยหรือ”
หลินสวินอดยิ้มไม่ได้ “กลัวแล้วมีประโยชน์อะไร หรือเพราะกลัว ผู้บงการหลังม่านจะปล่อยให้ข้ารอดชีวิตหรือ”
ฟ่านอั้นหรี่ตาเล็กน้อย ครู่ใหญ่จึงพยักหน้ากล่าว “ก็ถูก เจ้าไม่มีทางหนีแล้ว แน่นอนว่าไม่มีอะไรต้องกลัว แต่บางทีทางถอยหนีเยอะไปกลับจะเลือกทางเลือกโง่ๆ”
เขานึกถึงรูปปั้นไท่ชูที่บรรพจารย์ทิ้งเอาไว้
เดิมทีนี่เป็นสมบัติพิทักษ์ลัทธิฌานของพวกเขา แต่ก็เพราะสมบัตินี้ทำให้ลัทธิฌานประสบเคราะห์ในวันนี้!
“ก่อนจะลงมือข้าก็มีเรื่องหนึ่งที่ไม่เข้าใจมาก”
หลินสวินพูด “เหตุใดลัทธิฌานของพวกเจ้าต้องแค้นเคืองคีรีดวงกมลขนาดนี้”
ไม่เพียงแค่ลัทธิฌาน แม้แต่ลัทธิพ่อมดก็เป็นเช่นนี้
จนตอนนี้หลินสวินก็ยังไม่เข้าใจ
“การต่อสู้แห่งมหามรรค”
ฟ่านอั้นพูดโดยไม่คิดด้วยซ้ำ “ในสี่หอบรรพจารย์ บรรพจารย์ลัทธิฌานและบรรพจารย์ลัทธิพ่อมดล้วนเป็นศัตรูเก่ากับเจ้าแห่งคีรีดวงกมลอาจารย์ของเจ้าตั้งแต่ก่อนสร้างหอบรรพจารย์ หรือพูดอีกอย่างว่าการต่อสู้ระหว่างพวกเขาเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อครั้งอดีตแล้ว”
หลินสวินอดถอนหายใจเบาๆ ไม่ได้ “การต่อสู้มหามรรค…”
ความแค้นเช่นนี้ต่างหากที่ไร้ทางแก้ที่สุด
เจ้ามองข้าว่าเป็นมรรคสายมารร้าย ข้ามองเจ้าว่าเป็นคนนอกรีต เหมือนน้ำกับไฟที่อยู่ร่วมกันไม่ได้ อยากจะคลี่คลายก็ทำได้เพียงตัดสินแพ้ชนะ!
“น่าเสียดาย”
ชั่วขณะนี้ฟ่านอั้นเองก็ถอนหายใจยาวคราหนึ่ง
หลินสวินเลิกคิ้ว “เสียดายอะไร”
ฟ่านอั้นสีหน้าพิกลเอ่ยว่าว่า “ไม่อาจมองดูได้อีกต่อไปว่าเจ้าจะรอดจากการดับสิ้นของยุคสมัยหรือไม่ นี่ย่อมเป็นเรื่องน่าเสียดาย”
หลินสวินยิ้มน้อยๆ ไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่านี้ ลงมือโดยตรง
ครู่หนึ่งหลังจากนั้น
ยามหลินสวินเดินออกจากแดนฌาน ระเบียบระดับเทพของหอบรรพจารย์ลัทธิฌานถูกชิงไปแล้ว ประตูสำนักถล่ม รากฐานที่สั่งสมมาในกาลเวลาไร้สิ้นสุดถูกทำลายล้างจนสิ้นในเวลาเพียงสั้นๆ
หลังจากนี้บนโลกนี้จะไม่มีลัทธิฌานอีกต่อไป
……
หอบรรพจารย์ลัทธิพ่อมด
หน้าประตูสำนัก
กายมรรคเพลิงแดงของหลินสวินเอามือไพล่หลัง มองสถานที่คุ้นเคยนี้ ในสายตาเผยแววทอดถอนใจ
ตอนนั้นเขากับพวกหยวนฉางเทียนเป็นตัวแทนของลัทธิแรกกำเนิด มาแดนมารสิบทิศของลัทธิพ่อมด
วันนี้พอกลับมาอีกครั้ง เขาเป็นขั้นสรรสร้างบนมรรคานิรันดร์แล้ว
“เป็ฯเจ้าหมอนี่จริงดังคาด!”
“หึ เขาคิดว่าลัทธิพ่อมดของเราอ่อนแอเหมือนพวกเผ่าเทพนิรันดร์น่านฟ้าที่เก้าหรือ”
หน้าประตูสำนักที่อยู่ไกลออกไปมีเงาร่างผู้แข็งแกร่งลัทธิพ่อมดมากมาย แต่ละคนกลิ่นอายเหี้ยมหาญ เต็มไปด้วยบรรยากาศป่าเถื่อน ไอสังหารพลุ่งพล่าน
ลัทธิพ่อมดพิเศษมาก ไม่นับถือฟ้าดิน ไม่เคารพกฎเกณฑ์ แต่ละคนไม่กลัวความเป็นตาย ภาคภูมิใจกับการสิ้นชีพในการต่อสู้
ดังนั้นแม้ตอนนี้เห็นหลินสวินบุกมาถึงที่ แต่ละคนก็ไร้ซึ่งความกลัว
เพียงแต่ไม่กลัวตายไม่ได้หมายความว่าพวกเขาบ้าบิ่น
เรื่องที่เกิดขึ้นในน่านฟ้าที่เก้าพวกเขาล้วนรู้นานแล้ว แน่นอนว่ารู้ถึงความน่ากลัวของหลินสวินเป็นอย่างดี
“ดูท่าทุกคนรู้จุดประสงค์การมาของข้าแล้ว เช่นนั้นก็ดี ให้โอกาสพวกเจ้าสักครั้ง จะเลือกต่อสู้หรือก้มหัวยอมจำนนตอนนี้ ให้ข้าคนแซ่หลินลงโทษความผิดของพวกเจ้าลัทธิพ่อมด”
กายมรรคเพลิงแดงของหลินสวินพูดเรียบๆ
ยามพูดเขาสะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง
ฮูม…
ระเบียบระดับเทพทะยานปกคลุมท้องฟ้าแถบนี้
“อยากให้พวกเราก้มหัวหรือ ฝันไปเถอะ!”
เฒ่าชราชุดหนังสัตว์คนหนึ่งตะโกน เสียงราวกับระเบิดก้องท้องฟ้า “ตั้งกระบวน!”
ตูม!
คนใหญ่คนโตลัทธิพ่อมดนับร้อยคนพุ่งออกมา รวมตัวเป็นกระบวนค่ายกลรบยิ่งใหญ่ ยามก่อกระบวนค่ายกลรบสำเร็จถึงกับชักนำพลังระเบียบระดับเทพที่ปกคลุมอยู่ทั้งบนล่างลัทธิพ่อมดเช้ามา อานุภาพที่ปะทุออกมาน่ากลัวไร้ขอบเขต
“ฆ่า!”
เฒ่าชราชุดหนังสัตว์เป็นแกนนำออกโจมตี กระบวนค่ายกลรบก็โคจรทันใด ทำให้ฟ้าดินสั่นไหว สิบทิศล้วนสะเทือน ไอชั่วร้ายทะลวงฟ้าดิน
“ตั๊กแตนขวางรถ”
หลินสวินแค่นเสียงขึ้นจมูกเย็นเยียบ ยื่นมือกวาดกลางอากาศ
เปลวเพลิงมากมายทะยานฟ้า กระแสเพลิงสว่างไสวสะดุดตาราวกับมหาสมุทรโหมคลั่ง กลบท่วมฟ้าดินแถบนั้น
ชั่วพริบตาร่างของเฒ่าชราชุดหนังสัตว์และเหล่าคนใหญ่คนโตนับร้อยของลัทธิพ่อมดล้วนกลายเป็นฝุ่นผง ถูกสังหารอย่างง่ายดายเหมือนกระดาษเปื่อย!
ภาพนั้นทำเอาผู้แข็งแกร่งลัทธิพ่อมดทุกคนที่อยู่บริเวณประตูสำนักหวาดหวั่น หน้าเปลี่ยนสีไป
“ใครไม่กลัวตายก็โจมตีมาได้เลย”
หลินสวินพูดเรียบๆ ในดวงตาเต็มไปด้วยความเย็นเยียบ
เมื่อเทียบกับลัทธิฌาน เขาเกลียดลัทธิพ่อมดมากกว่า ลัทธินี้ทำอะไรไร้กลัวเกรง หลายปีมานี้ส่งคนมาเล่นงานเขาไม่ใช่แค่ครั้งเดียว ผูกแค้นต่อกันอย่างลึกล้ำ
“ตั้งแต่ชั่วขณะที่ลัทธิพ่อมดของข้าก่อตั้งขึ้นก็ไม่เคยเกรงกลัวมาก่อน!”
ชายชุดเทาที่เงาร่างผึ่งผายราวกับภูเขาคนหนึ่งตะโกน ร่างพริบไหวโดยพลันเปลี่ยนเป็นสูงใหญ่พันจั้ง แสงมรรคนิรันดร์น่ากลัวโปรยลงจากร่าง
เห็นชัดว่าเป็นขั้นล่วงกฎคนหนึ่ง
“เช่นนั้นหรือ”
หลินสวินตบไปกลางอากาศ
ปัง!
ชายร่างสูงพันจั้งถูกตบจนคุกเข่าลงพื้นโดยตรง ซัดสะเทือนพื้นดินเป็นหลุมใหญ่ ผิวทั่วตัวแตกยับ เลือดไหลชุ่มโชก
“นี่…”
บรรดาผู้แข็งแกร่งลัทธิพ่อมดราวกับถูกฟ้าผ่า รู้สึกเหมือนฟ้าจะถล่มลงมาอย่างไรอย่างนั้น
พวกเขาไม่กลัวตาย และไม่กลัวการต่อสู้จริงๆ แต่ยามเผชิญกับคนที่สามารถกำราบขั้นล่วงกฎได้อย่างง่ายดายอย่างหลินสวินก็อดรู้สึกสิ้นหวังไม่ได้
แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!
สู้กับเขาก็ไม่ต่างอะไรกับมดเขย่าต้นไม้!
ถ้าเป็นเมื่อก่อนมีขั้นไร้ขอบเขตดูแลลัทธิพ่อมด แน่นอนว่าพวกเขาไม่กลัว แต่ตอนนี้ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปนานแล้ว ไม่ว่าพูดอะไรล้วนสายเกินไป
“หลินสวิน เจ้าคิดว่าทำเช่นนี้จะสามารถทำให้ลัทธิพ่อมดของข้าก้มหัวให้หรือ ฝันไปเถอะ!”
ชายชุดเทาตะโกน
“ไม่ก้มหัวก็ไม่เป็นไร ลบลัทธิของพวกเจ้าออกจากโลกก็พอ”
หลินสวินพูดง่ายๆ
“น่าขัน เหล่าผู้ยิ่งใหญ่ในลัทธิพ่อมดของข้าไปแหล่งสถานอัศจรรย์นานแล้ว รอพวกเขากลับมาเจ้ากับลัทธิแรกกำเนิดต้องตายทั้งหมด!!”
ชายชุดเทาคำราม
หลินสวินสีหน้าเรียบเฉยเหมือนเดิม “ผู้ยิ่งใหญ่ลัทธิพ่อมดของพวกเจ้าชาตินี้คงไม่สามารถกลับมาได้แล้ว แต่เจ้าวางใจ สักวันหนึ่งข้าคนแซ่หลินจะไปหาพวกเขาที่แหล่งสถานอัศจรรย์”
ปัง!
เขาชี้ผ่านห้วงอากาศ ชายชุดเทาซึ่งมีพลังปราณขั้นล่วงกฎระเบิดออก กายและจิตดับสลาย
จากนั้นหลินสวินก้าวเท้า มุ่งหน้าไปยังประตูสำนักของลัทธิพ่อมด
“ฆ่า!”
มีผู้แข็งแกร่งที่เหี้ยมหาญไม่กลัวตายมากมายพุ่งเข้ามา แต่ล้วนเหมือนแมงเม่าบินเข้ากองไฟ ร่วงหล่นเบื้องหน้าหลินสวิน ไม่มีใครสามารถขวางฝีเท้าของเขาไว้ได้
ชั่วพริบตาเท่านั้นหลินสวินก็ก้าวผ่านพลังผนึกมากมาย แหวกเปิดเส้นทางประตูสำนักที่ระเบียบระดับเทพปกคลุม บุกเข้าไปในแดนพ่อมด
ไร้ศัตรูตลอดทาง!
ไม่ถึงหนึ่งถ้วยชา หอบรรพจารย์ลัทธิพ่อมด หนึ่งในสี่หอบรรพจารย์ก็ถูกหลินสวินกวาดล้าง!
เหมือนกับที่ผ่านมา หลินสวินไม่ได้สังหารสิ้นซาก นี่คือหลักการที่เขายึดถือ สังหารเพียงผู้นำ ไม่ทำร้ายผู้บริสุทธิ์
ในวันนั้นหลังจากลัทธิฌาน หอบรรพจารย์ลัทธิพ่อมดก็ถูกลบชื่อออกจากโลกตามไป
……
แดนแรกเริ่ม
วันที่ร่างต้นของหลินสวินกลับมา กายมรรคเพลิงแดงและกายมรรคทองขาวก็กลับมาพร้อมกัน และนำข่าวที่หอบรรพจารย์ลัทธิพ่อมดล่มสลายกลับมาด้วย
กับเรื่องนี้หลินสวินไม่รู้สึกประหลาดใจ
ด้วยระดับปราณในตอนนี้ของเขา ทอดสายตามองไปทั้งโลกยอดนิรันดร์ก็ยากจะหาคู่ต่อสู้ การกวาดล้างยักษ์ใหญ่ที่พลังดั้งเดิมเสียหายหนักอย่างพวกลัทธิพ่อมดก็เป็นเรื่องง่ายราวกับพลิกฝ่ามือ
กระทั่งสิบวันหลังจากนั้น กายมรรคไม้เขียวที่มุ่งหน้าไปน่านฟ้าที่เก้าก็กลับมา
ที่แท้ยามกายมรรคไม้เขียวไปถึงน่านฟ้าที่เก้าถึงพบว่า เผ่าเทพนิรันดร์ทั้งสามอย่างตระกูลเย่ ตระกูลผานอู่ ตระกูลสิงเทียนยังคงไม่เปิดเผยร่องรอย ไม่รู้ว่าซ่อนตัวอยู่ที่ไหน
หลังจากกายมรรคไม้เขียวสืบด้วยวิธีต่างๆ ใช้วิชาลับมากมายก็ยังหาที่ซ่อนตัวของสามตระกูลนี้ไม่เจอ ทำได้เพียงกลับมามือเปล่า
กับเรื่องนี้หลินสวินไม่ถึงกับผิดหวังนัก
หากไม่ผิดจากที่คาด แม้เผ่าเทพนิรันดร์สามตระกูลนี้สามารถรอดจากการดับสิ้นของยุคสมัยได้ พวกเขาและอารยธรรมแห่งยุคสมัยนี้ก็จะไปปรากฏในแหล่งสถานศุภโชค
ถึงตอนนั้นหลินสวินย่อมมีวิธีไปจัดการพวกเขา
“ผู้อาวุโสทุกท่านพิจารณาแล้วเป็นอย่างไรบ้าง”
ในเรือนมรรคกลาง หลินสวินเอ่ยถาม
ก่อนหน้านี้พวกเสวียนเฟยหลิง ฟางเต้าผิงต่างรู้ข่าวที่ลัทธิพ่อมดกับลัทธิฌานล่มสลายแล้ว ในใจกำลังตะลึงและทอดถอนใจ ตอนนี้ได้ยินคำถามของหลินสวิน พวกเขาสบตากัน ต่างพยักหน้า
“พวกเราตัดสินใจแล้ว จะทำตามที่เจ้าบอก”
เสวียนเฟยหลิงยิ้มพูด
ลัทธิแรกกำเนิดในตอนนี้ ไม่ได้มีเพียงแค่ผู้สืบทอดของลัทธิ ยังมีคนจากตระกูลต่างๆ เช่นตระกูลหลิน ตระกูลลั่ว ตระกูลเสวียน ตระกูลหยวน ตระกูลตู๋กูอยู่ด้วย
ต่อให้พวกเขาไม่อยากจากไปแค่ไหน ก็ต้องนึกถึงภาพรวม คิดถึงอนาคตของทุกคน
“เช่นนี้ก็ดี”
หลินสวินผ่อนคลายลงทันที ยิ้มพูด “รอไปถึงแหล่งสถานศุภโชคก็ปลอดภัยอย่างสิ้นเชิงแล้ว”
——