ตอนที่ 3065 เงาร่างที่คุกเข่ากลางฟ้าดารา

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอนที่ 3065 เงาร่างที่คุกเข่ากลางฟ้าดารา

“พวกเราไปแล้ว สรรพชีวิตบนโลกนี้ควรทำอย่างไร”

จู่ๆ ตู๋กูยงก็ถามขึ้น

หลินสวินอึ้งงัน พลันเงียบไป

สัตว์ประหลาดเฒ่าคนอื่นๆ เองก็สีหน้าประหลาด อารมณ์ละเอียดอ่อน

โลกยอดนิรันดร์เก้าน่านฟ้า มีสิ่งมีชีวิตกระจายอยู่มากมาย ภายหน้าหากสเกิดการดับสิ้นของยุคสมัย สรรพชีวิตเหล่านี้จะต้องประสบเคราะห์ตามไปด้วย

และนอกจากโลกยอดนิรันดร์ยังมีโลกพันจักรวาล จะถูกโจมตีจากกการดับสิ้นของยุคสมัยเช่นเดียวกัน

สามารถพูดได้ว่านี่เป็นพิบัติเคราะห์ที่สรรพชีวิตของทั้งยุคสมัยจะต้องเผชิญ!

“พวกเรายังเอาตัวแทบไม่รอด ยังจะห่วงคนอื่นได้หรือ”

เสวียนเฟยหลิงพูดเสียงขรึม “ช่วยเหลือปวงชนเป็นหน้าที่ของพวกเราก็จริง แต่นั่นก็ต้องให้พวกเรามีความสามารถพอจะช่วยได้ก่อน”

ฟางเต้าผิงถอนหายใจเบาๆ “เฮ้อ แม้หลักการจะเป็นเช่นนี้ แต่พอนึกว่าสรรพชีวิตทั่วหล้าไร้ความผิดเพียงใด กลับต้องทิ้งชีวิตเพราะเคราะห์แห่งยุคสมัย ในใจอย่างไรก็ไม่อาจสบายใจ”

“ตอนนี้ห่างจากเวลาที่เคราะห์แห่งยุคสมัยจะมาเยือนอีกแปดร้อยกว่าปี หากเป็นไปได้ข้าจะไปขัดขวางการดับสิ้นของยุคสมัยอย่างสุดความสามารถ”

จู่ๆ หลินสวินก็พูดขึ้น

ทันใดนั้นบรรยากาศในเรือนเงียบลง

เปลี่ยนเป็นคนอื่นพูดเช่นนี้คงต้องถูกมองว่าเป็นบ้าอย่างแน่นอน

ถึงอย่างไรในอดีตที่ผ่านมามียุคสมัยไม่รู้เท่าไรดับสิ้นในเคราะห์ใหญ่ หากเคราะห์นี้สามารถสกัดกั้นได้ เหตุใดจนถึงตอนนี้จึงไม่เคยมีใครขัดขวาง

ควรรู้ว่าในอารยธรรมแห่งยุคสมัยในอดีตมียักษ์ใหญ่ขั้นไร้ขอบเขตที่สามารถก้าวผ่านยุคสมัยมากมายไม่รู้เท่าไร

พวกเขามีหรือจะไม่ได้ไปขัดขวางการเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้

เห็นชัดมากว่าพวกที่พยายามขัดขวางเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ล้วนล้มเหลวอย่างไม่มีข้อยกเว้น!

และตอนนี้หลินสวินก็ตัดสินใจเช่นนี้

นี่จะไม่ให้สัตว์ประหลาดเฒ่าในที่นี้ผิดคาดได้อย่างไร

ทว่า แม้รู้ว่าไม่สามารถทำได้แต่ยังจะทำ ลำพังความรับผิดชอบและสภาวะจิตเช่นนี้ก็ทำให้คนอดหวั่นไหวไม่ได้แล้ว ในใจเกิดความเลื่อมใส

“เรื่องในอนาคตค่อยว่ากันในอนาคตเถอะ หากสามารถทำได้ย่อมดี แต่ถ้าทำไม่ได้ก็ไม่จำเป็นต้องฝืน ถึงอย่างไรอารยธรรมแห่งยุคสมัยในอดีต พวกที่แข็งแกร่งที่สุดเหล่านั้นก็ยังไม่สามารถขัดขวางเรื่องเหล่านี้ได้”

เสวียนเฟยหลิงส่งเสียง ดูเหมือนให้กำลังใจหลินสวิน แต่ความจริงไม่ได้มีความมั่นใจในการตัดสินใจของหลินสวินนัก

สัตว์ประหลาดเฒ่าคนอื่นๆ ก็เช่นกัน

หลินสวินยิ้ม ไม่พูดอะไรอีก

แน่นอนว่าเขาใช่ว่าจะต้องไปขัดขวางเคราะห์แห่งยุคสมัยให้ได้ แต่ถ้าต่อไปมีโอกาส เหตุใดจะไม่ไปขัดขวางเล่า

วันนั้นเอง

เฒ่าชราอย่างพวกเสวียนเฟยหลิงต่างเคลื่อนไหว เรียกรวมตัวทุกคนในแดนแรกเริ่มและบอกเรื่องที่ตัดสินใจไปแหล่งสถานศุภโชค

ไม่มีคนคัดค้าน ไม่ว่าใครต่างรู้ดีว่าสำหรับพวกเขาแล้วการตัดสินใจเช่นนี้เป็นสิ่งที่ดีที่สุด ใครเล่าจะคัดค้าน

เวลาสั้นๆ ไม่ถึงหนึ่งวัน ทั้งบนล่างลัทธิแรกกำเนิดก็เตรียมพร้อมแล้ว

และสองวันหลังจากนั้น จอมวิญญาณชิงอวิ๋นแห่งหอบรรพจารย์ลัทธิวิญญาณก็นำเหล่าคนใหญ่คนโตมาเยือน พวกเขาตัดสินใจไปแหล่งสถานศุภโชคพร้อมพวกหลินสวินเช่นกัน

ดังนั้นการมาครั้งนี้จึงพาคนทั้งหมดในลัทธิวิญญาณมาด้วย

กับเรื่องนี้หลินสวินย่อมดีใจมาก

และในวันนั้นหลินสวินก็ลงมือหลอมแปลงแดนแรกเริ่มทั้งหมด และพาทุกคนไปจากโลกยอดนิรันดร์

ไม่มีใครรู้ว่าลัทธิฌานกับลัทธิพ่อมดดับสิ้นไปจากโลกแล้ว

และไม่มีใครรู้ว่าลัทธิแรกกำเนิดและลัทธิวิญญาณถูกหลินสวินพาไปแหล่งสถานศุภโชคด้วยกัน

สำหรับทุกคนบนโลก สี่หอบรรพจารย์ห่างไกลจากพวกเขาเกินไป จึงไม่มีทางรู้ว่าในเวลาสั้นๆ นี้สี่หอบรรพจารย์ได้หายไปจากโลกยอดนิรันดร์แล้ว

……

แหล่งสถานศุภโชค

ในฟ้าดาราอันกว้างใหญ่ หลินสวินเดินอยู่คนเดียว

พลังปราณมาถึงระดับอย่างเขา ทุกก้าวที่ก้าวออกไปล้วนสามารถข้ามเขตแดนดาราหนึ่ง หากไม่ใช่เพราะกังวลว่าจะถูกระเบียบฟ้าดินสะท้อนกลับ จำต้องกดกลิ่นอายของตนไว้ ความเร็วของเขามีแต่จะเร็วยิ่งกว่า

หืม?

ยามไปถึงฟ้าดาราที่เมืองเทพศุภโชคตั้งอยู่ จู่ๆ ในจิตรับรู้ของหลินสวินก็สัมผัสถึงความผิดปกติ

จากบริเวณที่มีเมืองเทพศุภโชคเป็นศูนย์กลาง ในห้วงอากาศสี่ทิศแปดด้านมีเงาร่างมากมายกระจายอยู่เนืองแน่น

เงาร่างเหล่านี้เห็นชัดว่ามาจากขุมอำนาจที่แตกต่างกัน ต่างอยู่กันเป็นกลุ่มเป็นก้อน

นี่ยังไม่ใช่จุดสำคัญ จุดสำคัญคือเงาร่างเหล่านี้ล้วนก้มหน้าคุกเข่ากลางห้วงอากาศไปทางเมืองเทพศุภโชค!

ทอดสายตามองไปทุกที่เต็มไปด้วยร่างที่กำลังคุกเข่า มีทั้งชายหญิงเด็กแก่ ภาพยิ่งใหญ่อย่างที่สุด

นี่ทำให้หลินสวินประหลาดใจมาก แต่เมื่อใคร่ครวญคร่าวๆ เขาก็พลันเข้าใจรางๆ

เขาส่ายหน้าน้อยๆ เดินตรงเข้าไปในเมืองเทพศุภโชค

“เอ๊ะ!”

“เป็นผู้อาวุโสหลิน!”

“ผู้อาวุโสหลินปรากฏตัวแล้ว!”

ไม่นานก็มีคนสังเกตเห็นเงาร่างของหลินสวิน ในที่นั้นเกิดความปั่นป่วนฮือฮา ร่างที่คุกเข่าอยู่ตรงนั้นล้วนเคลื่อนสายตามองมาตามจิตใต้สำนึก

ให้ความรู้สึกเหมือนหลินสวินเป็นราชันมาเยือนที่แห่งนี้ กำลังถูกปวงชนคุกเข่าแสดงความเคารพ

“พวกเจ้าล้วนเป็นเผ่าเทพของแต่ละยุคสมัย ตอนนี้กลับคุกเข่าอยู่ที่นี่ ไม่กลัวทำให้ตระกูลอับอายหรือ”

หลินสวินหยุดเท้าพูดเรียบๆ เสียงดังไปทั่วฟ้าดารา

เงาร่างเหล่านั้นยังคงคุกเข่าอยู่ตรงนั้น เพียงแต่หน้าเปลี่ยนสีไม่สามารถสงบได้

“ผู้อาวุโส พวกเรามาไถ่โทษ! ขอท่านโปรดใจกว้างยกโทษให้ตระกูลเบื้องหลังพวกเรา ขอเพียงตระกูลของพวกเราคงอยู่ต่อไป พวกเรายอมตอบแทนทุกอย่าง!”

เฒ่าชราผมขาวคนหนึ่งพูดเสียงสั่น สีหน้าเต็มไปด้วยความเคารพและประหม่า

“ผู้อาวุโสโปรดยกโทษด้วย!”

“ผู้อาวุโสโปรดยกโทษด้วย!”

ทันใดนั้นเงาร่างที่คุกเข่าอยู่ในฟ้าดาราล้วนเว้าวอน เสียงก้องในอากาศครู่ใหญ่ก็ยังไม่คลาย

ภาพเช่นนั้นหากคนบนโลกได้รู้คงต้องตกใจจนอ้าปากค้างแน่

คนเหล่านี้ล้วนเป็นคนใหญ่คนโตของเผ่าเทพตระกูลต่างๆ ที่ผ่านมาสูงส่ง เหยียดเย้ยในยุคสมัยหนึ่ง สูงศักดิ์และโดดเด่นเพียงใด

แต่ตอนนี้กลับเหมือนนักโทษที่กระทำความผิด อ้อนวอนอย่างตื่นตระหนก!

“พวกเจ้ามาเพราะเรื่องนี้ดังคาด”

ในดวงตาหลินสวินเผยแววกระจ่าง

เห็นชัดว่าข่าวที่ระดับนิรันดร์อย่างพวกเกาหยางไหว เจียงเถาร่วงหล่นที่นี่กระจายออกไปแล้ว ทำให้เผ่าเทพในแต่ละอารยธรรมแห่งยุคสมัยในแหล่งสถานศุภโชคล่วงรู้ และทำให้พวกเขาสังเกตเห็นอันตรายที่คุกคามการคงอยู่ของตระกูลตน จึงเลือกมาอ้อนวอนโดยไม่ห่วงหน้าหรือความเป็นตาย

“ผู้อาวุโส ที่ผ่านมาพวกเรามีตาแต่ไร้แวว ล่วงเกินท่านผู้ยิ่งใหญ่ ทำผิดสาหัส มาครั้งนี้ก็เพราะอยากขอให้ท่านยกโทษให้ ขอให้ท่านโปรด… เมตตา!”

เฒ่าชราผมขาวคนนั้นเอ่ยเสียงสั่น

ทุกสายตาในที่นั้นล้วนหันมองหลินสวิน สีหน้ามีทั้งเคารพนับถือ ประหม่า หวาดกลัว และเว้าวอน

พวกเขาไม่ห่วงศักดิ์ศรีหน้าตาอะไรแล้ว เพื่อชีวิตของคนทั้งตระกูล ทำได้เพียงมาคุกเข่าอ้อนวอนให้หลินสวินปล่อยพวกเขาไปสักครั้ง

ไม่เช่นนั้นด้วยความสามารถของหลินสวิน การกวาดล้างตระกูลเบื้องหลังพวกเขาก็เป็นเรื่องที่ง่ายมาก

หลินสวินคิดๆ แล้วเอ่ยว่า “โทษตายเลี่ยงได้ โทษเป็นไม่อาจหนี ส่งระเบียบระดับเทพที่พวกเจ้าแต่ละตระกูลครอบครองมา เรื่องในอดีตข้าคนแซ่หลินจะไม่ถือสา”

ส่งระเบียบระดับเทพมา!

คำพูดนี้ทำให้ทุกคนในที่นั้นหน้าเปลี่ยนสี หัวใจล้วนหลั่งเลือดราวกับถูกมีดกรีด

ระเบียบระดับเทพคือรากฐานการก่อตั้งของเผ่าเทพตระกูลหนึ่ง เมื่อเสียการคุ้มครองของระเบียบระดับเทพไป ในเวลาสั้นๆ ผลกระทบต่อตระกูลพวกเขายังมีไม่มาก แต่เมื่อนานไปอำนาจที่พวกเขาครอบครองจะถดถอยลงอย่างรวดเร็ว และรากฐานของตระกูลก็จะค่อยๆ ตกต่ำ!

แต่ถ้าไม่มอบออกไป ก็ต้องเผชิญเพลิงโทสะของหลินสวิน…

“ทำไม ทำใจไม่ได้หรือ”

หลินสวินยิ้ม

“ตระกูลผูของข้ายินยอม!”

ทันใดนั้นชายชุดม่วงคนหนึ่งตะโกน “ขอเพียงผู้อาวุโสให้อภัย ภายในเจ็ดวันตระกูลผูของข้าจะมอบระเบียบระดับเทพออกมาให้!”

“ได้” หลินสวินพยักหน้า

คนอื่นๆ ในที่นั้นเห็นเช่นนี้ต่างก็พากันเอ่ยปาก

“ตระกูลเยี่ยนของข้าก็ยินยอมมอบระเบียบระดับเทพ”

“ตระกูลเหลียงชิวยินยอมทำตามการจัดการของผู้อาวุโส ส่งมอบระเบียบระดับเทพ”

…ชั่วขณะเดียวมีเผ่าเทพสิบกว่าตระกูลทยอยตอบรับ

หลินสวินอดประหลาดใจไม่ได้ ตอนนี้เขาออกคำสั่งได้ง่ายขนาดนี้เลยหรือ

จากเรื่องนี้เห็นได้ว่าการต่อสู้เมื่อหลายวันก่อนทำให้เผ่าเทพเหล่านี้ตกใจอย่างสิ้นเชิง ถึงได้ยอมทุกสิ่งเหมือนเช่นตอนนี้

“ผู้อาวุโส ตระกูลข้าก่อนหน้านี้ก็ไม่มีระเบียบระดับเทพแล้ว นี่… นี่จะทำอย่างไร”

และมีคนสีหน้าร้อนใจ พูดอย่างลนลาน

สถานการณ์เช่นนี้มีไม่น้อย ไม่นานก็มีผู้แข็งแกร่งตระกูลอื่นๆ ส่งเสียง หวังจะใช้สมบัติอื่นมาชดเชย

“เช่นนั้นก็มอบสมบัติพิทักษ์ตระกูลของตระกูลพวกเจ้ามาเป็นใช้ได้”

หลินสวินไม่คิดด้วยซ้ำ

พลันนั้นผู้แข็งแกร่งเผ่าเทพตระกูลที่ไม่มีระเบียบระดับเทพต่างโล่งอก

“ผู้อาวุโส ระเบียบระดับเทพล้ำค่าเกินไป พวกเราตัดสินใจเองไม่ได้ ต้องกลับตระกูลไปหารือ ท่าน… ให้เวลาพวกเราสักหน่อยได้หรือไม่ ให้พวกเราจัดการเรื่องนี้โดยเร็วที่สุด”

มีคนพูดอย่างประหม่า

“ได้ ภายในสามวันต้องให้คำตอบข้า ส่วนตระกูลที่ตอบรับจะมอบระเบียบระดับเทพกับสมบัติพิทักษ์ตระกูล จะต้องส่งมาเมืองเทพศุภโชคภายในเจ็ดวัน”

หลินสวินพูดง่ายๆ

เขาไม่ได้โลภในระเบียบระดับเทพเหล่านั้น แต่จะใช้เรื่องนี้มาดูว่าเผ่าเทพตระกูลต่างๆ ทั่วหล้าจริงใจไถ่โทษหรือไม่ นี่จะเป็นตัวตัดสินท่าทีที่เขาจะปฏิบัติต่อเผ่าเทพเหล่านี้!

“ได้!”

ทุกคนล้วนตอบรับ

หลินสวินไม่สนใจคนพวกนี้อีก ก้าวออกไปก้าวหนึ่งเงาร่างก็พุ่งไปในเมืองเทพศุภโชคแล้ว

กระทั่งเห็นร่างหลินสวินหายลับไป ผู้แข็งแกร่งเผ่าเทพตระกูลต่างๆ ที่คุกเข่าอยู่ในห้วงอากาศจึงเหมือนยกภูเขาออกจากอก หยัดตัวลุกขึ้น

“โชคดีที่ในที่สุดก็เกิดการเปลี่ยนแปลง คราวนี้ข้าก็สามารถกลับไปบอกกับคนในตระกูลได้แล้ว!”

มีคนตื่นเต้น รู้สึกเหมือนน้ำตานองเอ่อคลอ

หลังจากรู้ข่าวที่ระดับนิรันดร์อย่างพวกเกาหยางไหว เจียงเถาดับสิ้นทั้งหมดแล้ว หลายวันมานี้พวกเขาเผ่าเทพตระกูลต่างๆ ทั่วหล้าล้วนกินไม่ได้นอนไม่หลับ หวาดหวั่นและสิ้นหวัง

สิ่งที่ทรมานที่สุดคือ แม้พวกเขาอยากหนีก็ไม่สามารถหนีออกจากแหล่งสถานศุภโชคได้

แต่ตอนนี้แม้เงื่อนไขของหลินสวินจะโหดร้ายไปบ้าง แต่ยังอยู่ในขอบเขตที่พวกเขาสามารถรับได้

แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกคนที่ดีใจมาก ยังมีหลายคนที่ในใจเต็มไปด้วยความขมขื่น หนักอึ้ง และจนปัญญา

เพราะพวกเขารู้ว่าหลังจากทำเช่นนี้ ตระกูลตนในอนาคตต้องลำบากแน่…

“ไปเถอะ รีบกลับไปบอกข่าวกับตระกูล”

“ใช่ เวลาไม่เคยคอยท่า รีบไป”

ไม่นานผู้แข็งแกร่งที่มาจากเผ่าเทพตระกูลต่างๆ ล้วนรีบเร่งจากไป หายไปในฟ้าดาราอันกว้างใหญ่ไพศาล

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท