ตอนที่ 3069 ทะเลโชคชะตา

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

คิดถึง​ตรงนี้​หลิน​สวิน​ไม่ลังเล​อีกต่อไป​ เคลื่อนย้าย​ผ่าน​ห้วง​อากาศ​ไป​ยัง​บริเวณ​ที่​แดน​ผนึก​ไร้​นาม​ตั้งอยู่​ทันที​

ไม่นาน​ฟ้าดิน​ที่​แปลกประหลาด​ผืน​หนึ่ง​ปรากฏ​ใน​สายตา​

ท้องฟ้า​ของ​ที่นี่​พัง​ถล่ม​เป็น​หลุมดำ​ขนาดใหญ่​มากมาย​ สงัด​เงียบ​ไร้​เคลื่อนไหว​ พา​ให้​คน​ขนลุก​

ส่วน​บน​ผืนดิน​เต็มไปด้วย​โกรกธาร​กับ​เหว​ลึก​ แน่นขนัด​ซ้อน​กัน​เป็น​คลื่น​

นี่​ก็​คือ​แดน​ ‘ฟ้าถล่ม​ดิน​ทลาย​’ อัน​มีชื่อเสียง​

ตอนนั้น​ระฆัง​มหา​มรรค​ไร้​กฎ​เคย​พา​หลิน​สวิน​มาที่นี่​

และ​แดน​ผนึก​ไร้​นาม​ก็​คือ​ปลาย​สุด​ของ​ฟ้าดิน​แปลกประหลาด​ผืน​นี้​ นั่น​เป็น​สถาน​ที่ว่างเปล่า​มืดมิด​แห่ง​หนึ่ง​ ถูก​ความมืด​ของ​คืน​รัตติกาล​กลืน​กิน​โดย​สมบูรณ์​

วันนี้​เมื่อ​กลับมา​ที่นี่​อีกครั้ง​ หลิน​สวิน​ครอบครอง​พลัง​ปราณ​ขั้น​สรร​สร้าง​ขั้น​กลาง​แล้ว​ แต่​ยาม​เห็น​แดน​ผนึก​ไร้​นาม​ที่​จมอยู่​ใน​ความมืด​ไกล​ออก​ไป​นั่น​ก็​ยัง​รู้สึก​หวาดหวั่น​

เงียบ​ไป​ครู่หนึ่ง​ หลิน​สวิน​ถึงก้าวเดิน​ตรง​ไป​

ฟ้าดิน​เงียบเชียบ​ ว่างเปล่า​ไร้​เสียง​ เงียบ​จน​น่ากลัว​

หลุมดำ​ขนาดใหญ่​มากมาย​ที่เกิด​จาก​ฟ้าถล่ม​ราวกับ​ดวงตา​ที่ว่างเปล่า​ เหว​ลึก​และ​โกรกธาร​บน​พื้นดิน​เหมือน​ปาก​เลือด​ที่​อ้า​อยู่​มากมาย​

เดิน​อยู่​ใน​นั้น​หลิน​สวิน​ยัง​รู้สึก​ถึงความกดดัน​ระลอก​แล้ว​ระลอก​เล่า​

ทว่า​สิ่งที่​เหนือ​ความคาดหมาย​คือ​ระหว่างทาง​ไม่มีอันตราย​อะไร​เกิดขึ้น​ กระทั่ง​ครึ่ง​เค่อ​หลังจากนั้น​เงาร่าง​ของ​หลิน​สวิน​เดิน​เข้า​ฟ้าดิน​ว่างเปล่า​ที่​ถูก​ความมืด​กลบ​ทับ​แห่ง​หนึ่ง​

ที่นี่​ขุ่นมัว​ทั้ง​แถบ​ ไม่มีฟ้า ไม่มีดิน​ และ​ไม่มีภูผา​ธารา​หมื่น​ลักษณ์​ มีเพียง​ความมืด​และ​ความว่างเปล่า​ที่​กด​ข่มใจ​คน​

อยู่​ใน​นี้​พา​ให้​คน​ขนลุกซู่​

หลิน​สวิน​อด​โคจร​มรรค​วิถี​ของ​ตน​ไม่ได้​ ยิ่ง​ระมัดระวัง​ขึ้น​

‘ทะเล​โชคชะตา​นั่น​อยู่​ที่ไหน​กัน​แน่​’

จิต​รับรู้​ของ​เขา​แผ่ออก​ไป​ สงบ​จิต​สัมผัส​

ครู่หนึ่ง​หลังจากนั้น​จู่ๆ ก็​สังเกตเห็น​ว่า​ใน​ความมืด​ไกลโพ้น​มีเงาแสงพริบไหว​อยู่​ เหมือน​กำลัง​หายใจ​ หาก​ไม่สัมผัส​โดยละเอียด​ยาก​จะสังเกตเห็น​ยิ่ง​

หลิน​สวิน​พุ่ง​เข้าไป​ทันใด​

ในที่สุด​เขา​ก็​ค่อยๆ​ มอง​เห็นชัด​ ว่า​ความจริง​แล้ว​เงาแสงนั่น​เป็น​ประตู​ที่​ลึกลับ​บาน​หนึ่ง​

ประตู​บาน​นี้​ปาน​มายา​ เลือนราง​อยู่​ใน​ความมืด​ รอบ​ๆ ประตู​เต็มไปด้วย​คลื่น​พลัง​ระเบียบ​อัน​ลึกลับ​คลุมเครือ​

เมื่อ​จิต​รับรู้​ของ​หลิน​สวิน​สัมผัส​ เรื่อง​แปลกประหลาด​พลัน​บังเกิด​…

รอบ​ๆ ประตู​บาน​นั้น​ปรากฏ​คลื่น​พลัง​ไร้​รูป​กลบ​ท่วม​ร่าง​หลิน​สวิน​ปาน​กระแสน้ำ​ ขณะที่​ยัง​ไม่ทัน​ตอบสนอง​ ภาพ​ตรงหน้า​พลัน​มืด​ลง​ เงาร่าง​ถูก​ม้วน​ไป​อย่าง​ไม่สามารถ​ควบคุม​ได้​

‘ที่นี่​ที่ไหน​’

ผ่าน​ไป​ไม่รู้​นาน​เท่าไร​ ยาม​การรับรู้​ของ​หลิน​สวิน​กลับมา​ สิ่งแรก​ที่​สะท้อน​สู่สายตา​คือ​ทะเล​ที่​กว้างใหญ่​ผืน​หนึ่ง​

ทะเล​นั่น​กว้างใหญ่​ไพศาล​มาก​ ขวางกั้น​อยู่​บน​เวิ้ง​ฟ้า คลื่น​ทะเล​ขาวโพลน​โหม​ซัด​ไกล​ออก​ไป​ไร้​จุดสิ้นสุด​ มองไม่เห็น​ปลายทาง​

และ​ทะเล​ที่​พลุ่งพล่าน​นี้​ก็​แปลง​จาก​พลัง​มหา​มรรค​ปาน​ต้องห้าม​อย่างหนึ่ง​ เมื่อ​มอง​ไป​พา​ให้​คน​เกิด​ความรู้สึก​เล็ก​จ้อย​ปาน​ทราย​เม็ด​หนึ่ง​ใน​ทะเล​

ทะเล​ไร้​สิ้นสุด​ ทะยาน​บน​เก้า​ชั้น​ฟ้า!

ภาพ​เช่นนี้​ทำเอา​หลิน​สวิน​อด​ตะลึง​ไม่ได้​ นี่​เป็นไปได้​สูงมากว่า​จะเป็น​ทะเล​โชคชะตา​ใน​คำ​เล่าขาน​ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์​ซึ่งแปลง​จาก​พลัง​ต้นกำเนิด​ของ​แหล่ง​สถาน​คุ​น​หลุน​!

เพียงแต่​หลิน​สวิน​คิดไม่ถึง​ว่า​ทะเล​โชคชะตา​นี้​จะตั้งอยู่​บน​เวิ้ง​ฟ้า ทำให้​คน​ทำได้​เพียง​เงยหน้า​มอง​เหมือน​มด​ตัว​หนึ่ง​

“เอ๋​ คิดไม่ถึง​ว่า​จน​ป่านนี้​แล้ว​ยังมี​คน​มา ผิดคาด​จริงๆ​”

จู่ๆ เสียง​ชรา​เสียง​หนึ่ง​ดัง​ขึ้น​จาก​ไกลๆ​

ใน​ใจหลิน​สวิน​สั่น​ไหว​ สายตา​มอง​ไป​ไกลๆ​

ก็​เห็น​ว่า​นี่​คือ​ฟ้าดิน​ไพศาล​ราวกับ​ไร้​สิ้นสุด​ เทือกเขา​เรียงตัว​สูงต่ำ​ พื้นดิน​กว้างใหญ่​ เพียงแต่​เทา​หม่น​ไป​ทุกที่​ ถูก​หมอก​สีขาว​เทา​ปกคลุม​ ดู​ลึกลับ​หา​ใด​เปรียบ​

เพียงแต่​เสียง​แก่​ชรา​นั่น​มาจาก​ไหน​กัน​แน่​ กลับ​ไม่สามารถ​จับ​ตำแหน่ง​ได้​ในทันที​

หลิน​สวิน​ไม่เผย​สีหน้า​ สังเกต​รอบด้าน​ต่อไป​

ตอนนี้​เขา​อยู่​ใจกลาง​แท่น​มรรค​เก่าแก่​แห่ง​หนึ่ง​

และ​รอบ​ๆ แท่น​มรรค​มีพลัง​ระเบียบ​คละคลุ้ง​อยู่​ ปกป้อง​แท่น​มรรค​ไว้​ปาน​ปราการ​ชั้นหนึ่ง​

‘ดูท่า​ว่า​หาก​ไป​จาก​แท่น​มรรค​นี้​ ก็​เท่ากับ​สูญเสียง​การปกป้อง​บางอย่าง​ไป​’

หลิน​สวิน​เข้าใจ​รางๆ​ แล้ว​

ฟ้าดิน​แถบ​นี้​แปลกตา​ยิ่ง​สำหรับ​เขา​ นอกจาก​คาดเดา​ได้​ว่า​เป็น​ทะเล​โชคชะตา​ เรื่อง​อื่นๆ​ เขา​ไม่รู้​สักนิด​ นี่​ทำให้​เขา​ไม่อาจ​ไม่ระวังตัว​เพิ่มขึ้น​

“สหาย​ยุทธ์​ ไหน​ๆ ก็​มาแล้ว​เหตุใด​ไม่ออกจาก​แท่น​มรรค​โชคชะตา​เล่า​”

ทันใดนั้น​เสียงหัวเราะ​แฝงแวว​เยาะเย้ย​ดัง​ขึ้น​ “ควร​รู้​ว่า​ตั้งแต่นี้ไป​แม้เจ้าจะอยาก​ไป​จาก​ทะเล​โชคชะตา​นี้​ก็​เป็นไปไม่ได้​แล้ว​”

สายตา​หลิน​สวิน​มอง​ไป​ ในที่สุด​ก็​มองเห็น​รางๆ​ ว่า​ใน​หมอก​เทา​หม่น​ไกล​ออก​ไป​มีเขา​เล็ก​ลูก​หนึ่ง​ เงาร่าง​หนึ่ง​นั่งขัดสมาธิ​อยู่​บน​เขา​เล็ก​นั้น​

เพียงแต่​เพราะ​การ​ขวางกั้น​ของ​พลัง​ระเบียบ​รอบ​ๆ แท่น​มรรค​ ทำให้​เขา​ไม่สามารถ​ใช้จิต​รับรู้​ไป​สัมผัส​ได้​

“เหอะ​ๆ เจ้าเฒ่าซิง ดูเหมือน​เจ้าจะอยู่ไม่สุข​อีกแล้ว​ เจ้าไม่กลัว​ว่า​สหาย​ยุทธ์​ที่มา​ใหม่​คน​นี้​จะเป็น​พวก​ร้ายกาจ​คน​หนึ่ง​ ซัด​เจ้าจน​คุกเข่า​ร้องขอ​ชีวิต​หรือ​”

เสียง​ผู้หญิง​ที่​เย็นเยียบ​เสียง​หนึ่ง​ดัง​ขึ้น​เนิบๆ​

“อย่า​พูด​เช่นนี้​ จะทำให้​สหาย​ยุทธ์​ที่มา​ใหม่​เข้าใจผิด​ได้​ง่าย​”

เงาร่าง​ที่​นั่งขัดสมาธิ​อยู่​บน​เขา​เล็ก​ซึ่งถูก​เรียก​ว่า​ ‘เจ้าเฒ่าซิง’ รีบ​อธิบาย​

ทันใดนั้น​เสียงทุ้ม​หนา​เสียง​หนึ่ง​ดัง​ขึ้น​ “คำพูด​ไร้สาระ​มาก​จริงๆ​ พวก​เจ้าหุบปาก​ให้​หมด​ ข้า​คุย​กับ​สหาย​ยุทธ์​ที่มา​ใหม่​คน​นี้​เอง​”

ยัง​ไม่ทัน​สิ้น​เสียง​ กลาง​ฟ้าดิน​เทา​หม่น​ไกล​ออก​ไป​มีเงาร่าง​สูงใหญ่​ยิ่ง​สาย​หนึ่ง​ปรากฏ​กลางอากาศ​ ราวกับ​ภูเขา​สัน​โษลูก​หนึ่ง​ ทั้ง​ร่าง​สวม​ชุด​เกราะ​สีแดง​ทึบ​

ผม​ของ​เขา​ดำ​ราวกับ​หมึก​ ดวงตา​เผย​ประกาย​สายฟ้า​ ร่าง​ที่​ราวกับ​ภูเขา​แผ่​กลิ่นอาย​นิรันดร์​อัน​น่ากลัว​แข็งกร้าว​ นั่น​คือ​พลัง​ของ​ขั้น​สรร​สร้าง​สัมบูรณ์​

เมื่อ​เขา​ปรากฏตัว​ เสียง​ใน​บริเวณ​ใกล้เคียง​ก็​หาย​ไป​ทันที​

แต่​หลิน​สวิน​กลับ​สังเกตเห็น​ ว่า​ชั่ว​ขณะนี้​ใน​ฟ้าดิน​เทา​หม่น​นี้​มีสายตา​มากมาย​จับจ้อง​อยู่​ใน​มุมมืด​

เงาร่าง​สูงใหญ่​เดิน​มา กระทั่ง​มาถึงใน​ระยะ​ร้อย​จั้งจาก​แท่น​มรรค​ จู่ๆ ก็​หยุด​เท้า​ นัยน์ตา​ดุจ​สายฟ้า​จ้อง​หลิน​สวิน​ซึ่งอยู่​ใจกลาง​แท่น​มรรค​พลาง​เอ่ย​ว่า​ “สหาย​ยุทธ์​ยอม​บอกชื่อ​ให้​พวกเรา​รู้​หรือไม่​”

หลิน​สวิน​กล่าว​โดย​ไม่เผย​สีหน้า​ “หาก​ให้เหตุผล​ข้า​สัก​ข้อ​ บางที​ข้า​อาจ​บอก​โดย​ไม่ใส่ใจ”

ชาย​ร่าง​สูงใหญ่​ขมวดคิ้ว​เล็กน้อย​ กล่าวว่า​ “ดู​ไม่ออ​กว่า​สหาย​ยุทธ์​ถึงกับ​ระมัดระวัง​เช่นนี้​ ช่างเถอะ​ ถึงอย่างไร​ที่นี่​ก็​คือ​ทะเล​โชคชะตา​ เต็มไปด้วย​ไอ​สังหาร​ คน​ใหม่​ที่มา​ที่นี่​เพียงลำพัง​ไม่รู้​อะไร​เลย​ ระมัดระวัง​หน่อย​ก็​เป็นเรื่อง​ปกติ​”

หลิน​สวิน​กล่าว​คล้าย​ขบคิด​ “พูด​เช่นนี้​ เป็น​เพราะ​สหาย​ยุทธ์​เห็น​ข้า​มาคนเดียว​จึงเป็น​ฝ่าย​เข้ามา​ถามก่อน​หรือ​”

“ฉลาด​”

เสียงหัวเราะ​ดัง​มาจาก​ที่​มืด​ไกล​ออก​ไป​ “โดยทั่วไป​หาก​เป็น​คนใน​ขุม​อำนาจ​ใหญ่​ที่​มาจาก​เผ่า​เทพ​นิรันดร์​ ไม่มีทาง​เคลื่อนไหว​คนเดียว​แน่​”

ความหมาย​ใน​คำพูด​ก็​คือ​ คน​ที่​เคลื่อนไหว​เพียงลำพัง​แทบจะ​ไม่มีทาง​เป็น​คน​ของ​ขุม​อำนาจ​ใหญ่​เผ่า​เทพ​นิรันดร์​ได้​

ความนัย​ที่​แฝงอยู่​นี้​ละเอียดอ่อน​มาก​

แน่นอน​ว่า​หลิน​สวิน​ฟังออก​ เขา​ร้อง​ว่า​อ้อ​คำ​หนึ่ง​ก่อน​เอ่ย​เรียบๆ​ “ข้า​ไม่ได้​มาจาก​ขุม​อำนาจ​ใหญ่​อย่าง​เผ่า​เทพ​นิรันดร์​จริงๆ​”

เพิ่งจะ​สิ้น​เสียง​เขา​ก็​สังเกตเห็น​อย่าง​ฉับไว​ว่า​เงาร่าง​สูงใหญ่​ที่อยู่​ห่าง​ไป​ร้อย​จั้งนั่น​ผ่อนคลาย​ลง​ไม่น้อย​ แม้แต่​สายตา​ที่​มอง​ตน​ยัง​ทิ้ง​ความระมัดระวัง​ก่อนหน้านี้​ไป​ กลับ​มีความ​กำเริบเสิบสาน​เพิ่ม​เข้ามา​

นี่​ทำให้​ใน​ใจหลิน​สวิน​หนาวเหน็บ​

อีก​ฝ่าย​มาหยั่งเชิง​ หรือ​อยากรู้​เบื้องลึก​เบื้องหลัง​ของ​เขา​ให้​แน่ชัด​ก่อน​ค่อย​ลงมือ​หรือ​

“ใน​ใจสหาย​ยุทธ์​ต้อง​มีข้อสงสัย​มาก​อย่าง​แน่นอน​ อัน​ที่​ตลอดเวลา​ที่ผ่านมา​ ขอ​เพียง​เป็น​คน​ที่​มาถึงทะเล​โชคชะตา​แห่ง​นี้​เพียงลำพัง​ ล้วน​ระมัดระวัง​เหมือน​สหาย​ยุทธ์​”

ชาย​ร่าง​สูงใหญ่​กล่าว​เสียง​ขรึม​ “และ​ความจริง​ยาม​พวกเรา​เพิ่ง​มาก็​เป็น​เช่น​สหาย​ยุทธ์​ตอนนี้​ ไม่รู้​อะไร​ทั้งนั้น​ แต่​เรื่อง​เหล่านี้​ล้วน​ไม่สำคัญ​ สิ่งสำคัญ​คือ​หาก​สหาย​ยุทธ์​เลือก​จะเข้าร่วม​ฝ่าย​ของ​พวกเรา​ ตั้งแต่​วันนี้​ไป​พวกเรา​ก็​เป็น​พวก​เดียวกัน​ เรื่อง​ที่​เจ้าไม่รู้​พวกเรา​สามารถ​บอก​เจ้าได้​ทั้งหมด​”

ขณะ​พูด​เขา​จับจ้อง​หลิน​สวิน​โดยตลอด​ กำลัง​สังเกต​ปฏิกิริยา​ของ​หลิน​สวิน​

“หาก​ข้า​ไม่ตอบรับ​เล่า​”

หลิน​สวิน​เอ่ย​ด้วย​สีหน้า​สงบนิ่ง​

เงาร่าง​สูงใหญ่​เหมือน​คาด​เอาไว้​แล้ว​ว่า​หลิน​สวิน​จะถามเช่นนี้​ เอ่ย​โดย​ไม่ต้อง​คิด​ “เช่นนั้น​ก็​เป็น​คู่ต่อสู้​ของ​พวกเรา​ และ​ถ้าเจ้าอยาก​ไป​จาก​ที่นี่​ก็​ต้อง​ผ่าน​ด่าน​พวกเรา​ก่อน​”

“ผ่าน​ด่าน​อย่างไร​”

สีหน้า​ของ​หลิน​สวิน​สงบ​ยิ่งกว่า​เดิม​

“แน่นอน​ว่า​แสดงความสามารถ​ที่​แท้จริง​ออกมา​ ตัดสิน​แพ้ชนะ​”

ชาย​ร่าง​สูงใหญ่​เอ่ย​เสียง​ขรึม​ “หาก​เจ้าชนะ​ก็​สามารถ​จากไป​อย่าง​ผ่าเผย​ได้​ หาก​แพ้​ก็​เหลือ​เพียง​สอง​ตัวเลือก​”

“สอง​ตัวเลือก​ไหน​”

หลิน​สวิน​ถามต่อ​

ชาย​ร่าง​สูงใหญ่​ขมวดคิ้ว​เอ่ย​ว่า​ “ถ้าไม่ส่งสมบัติ​ทั้งหมด​ใน​ตัว​ออกมา​เป็นการ​ชดเชย​สำหรับ​ผู้แพ้​ ก็​ต้อง​เข้าร่วม​กลุ่ม​ของ​พวกเรา​ เคลื่อนไหว​พร้อมกับ​พวกเรา​”

หลิน​สวิน​เหมือน​โล่งอก​ ยิ้ม​กล่าว​ “ข้า​ยัง​นึก​ว่า​ถ้าแพ้​ก็​ต้อง​ตาย​เสีย​อีก​ ดูท่า​ทุกท่าน​ก็​ระมัดระวัง​มาก​ ไม่กล้า​เอ่ย​คำพูด​ร้ายแรง​ชวน​ตกใจ​บางอย่าง​”

เสียง​แก่​ชรา​นั้น​ดัง​ขึ้น​ไกล​ออก​ไป​ “ไม่ใช่มังกร​แกร่ง​ไม่ข้าม​ธาร​ คน​ที่​กล้า​มาแย่งชิง​ใน​ทะเล​โชคชะตา​ล้วน​ไม่ใช่คน​ทั่วไป​ แม้สหาย​ยุทธ์​ไม่ได้​มาจาก​ขุม​อำนาจ​ใหญ่​อย่าง​เผ่า​เทพ​นิรันดร์​ หน้าตา​ก็​ไม่คุ้น​ยิ่ง​ แต่​หาก​เป็น​มังกร​แกร่ง​พวกเรา​ก็​ไม่อยาก​ล่วงเกิน​ถึงที่สุด​”

หลิน​สวิน​พยักหน้า​พูด​ “ข้า​เข้าใจ​แล้ว​ แต่​แม้ข้า​เพิ่ง​มาถึง เป็น​แค่​คน​ใหม่​คน​หนึ่ง​ ไม่รู้​อะไร​เกี่ยวกับ​ที่นี่​เลย​ แต่​ทุกท่าน​คิด​ว่า​ภายใต้​สถานการณ์​เช่นนี้​ ข้า​จะเสี่ยง​เข้าร่วม​กลุ่ม​ที่​ไม่เคย​รู้จัก​เลย​ได้​หรือ​”

“แต่​สหาย​ยุทธ์​ไม่มีทางเลือก​อื่น​แล้ว​”

ชาย​ร่าง​สูงใหญ่​เหมือน​หมด​ความอดทน​อยู่​บ้าง​แล้ว​ “ยิ่งกว่านั้น​ก่อนหน้านี้​ข้า​บอก​ไป​แล้ว​ ว่า​ขอ​เพียง​เจ้าเข้า​ร่วมกับ​พวกเรา​ อยากรู้​อะไร​พวกเรา​จะบอก​ทั้งหมด​”

หลิน​สวิน​ยิ้ม​ “ขออภัย​ หาก​ไม่รู้เรื่อง​ก่อน​ข้า​ไม่มีทาง​ตอบรับ​ง่ายๆ​”

เสียง​ผู้หญิง​ที่​เย็นเยียบ​ดัง​ขึ้น​ “สหาย​ยุทธ์​ การ​มาทะเล​โชคชะตา​เพียงลำพัง​ก็​เหมือน​มีเพียง​หนึ่ง​ชีวิต​จาก​เก้า​ชีวิต​ที่จะ​รอดไป​ได้​ พวกเรา​ชวน​เจ้าก็​เพราะ​มีความคิด​จะพึ่งพาอาศัย​กัน​ มีเพียง​ทำ​เช่นนี้​พวกเรา​จึงจะมีโอกาส​ไป​ช่วงชิง​พื้นที่​กับ​ขุม​อำนาจ​ใหญ่​เหล่านั้น​ หวัง​ว่า​เจ้าจะใคร่ครวญ​อีกที​”

ช่วงชิง​พื้นที่​หรือ​

แววตา​หลิน​สวิน​เผย​ความประหลาดใจ​ อด​ถามไม่ได้​ “ทุกท่าน​จะช่วงชิง​พื้นที่​อะไร​”

“สหาย​ยุทธ์​ คำถาม​ของ​เจ้าเยอะ​เกินไป​แล้ว​!”

ในที่สุด​ชาย​ร่าง​สูงใหญ่​ก็​หมด​ความอดทน​อย่าง​สิ้นเชิง​ “ข้า​ถามเจ้าเพียง​ว่า​จะตัดสินใจ​อย่างไร​กัน​แน่​”

หลิน​สวิน​ถอนหายใจ​เบา​ๆ “มาเยือน​เป็นครั้งแรก​ ข้า​ไม่อยาก​ลงมือ​กับ​คน​ที่​ไม่มีความแค้น​ต่อกัน​จริงๆ​ เหตุใด​ทุกท่าน​ต้อง​ทำให้​ลำบากใจ​ด้วย​”

“ดู​สิ ก่อนหน้านี้​ข้า​ก็​บอก​แล้ว​ว่า​เอ่ย​คำพูด​ไร้สาระ​ไป​มากมาย​ก็​ไม่สู้ลงมือ​ในทันที​ ชนะ​แล้ว​ สหาย​ยุทธ์​ที่มา​ใหม่​คน​นี้​ก็​จะใคร่ครวญ​เงื่อนไข​ของ​พวกเรา​อย่าง​จริงจัง​เอง​”

บน​เขา​เล็ก​ไกล​ออก​ไป​ ชาย​ที่​ถูก​เรียก​ว่า​เจ้าเฒ่าซิงพึมพำ​อย่าง​จนใจ​ “ตอนนี้​พูด​ไป​มาก​ขนาด​นี้​ มีประโยชน์​อะไร​”

“ระวัง​สักหน่อย​ไม่ใช่เรื่อง​เลวร้าย​ ยิ่งกว่านั้น​หาก​สหาย​ยุทธ์​ที่มา​ใหม่​คน​นี้​ไม่ออกจาก​แท่น​มรรค​โชคชะตา​เสียที​ อยาก​ลงมือ​ตัดสิน​แพ้ชนะ​ก็​ทำ​ไม่ได้​”

เสียง​แก่​ชรา​นั้น​ดัง​ขึ้น​

จากนั้น​เสียง​ผู้หญิง​ที่​เย็นเยียบ​ก็​ดัง​ตามมา​ “สหาย​ยุทธ์​ แม้ตอนนี้​เจ้ามีพลัง​บน​แท่น​มรรค​โชคชะตา​ปกป้อง​ แต่​หนึ่ง​ชั่ว​ยาม​หลังจากนี้​ก็​จะถูก​พลัง​แท่น​มรรค​โชคชะตา​ส่งออกมา​ ถึงตอนนั้น​ย่อม​ต้อง​ลงมือ​อย่าง​ไม่อาจ​เลี่ยง​ได้​ เจ้าแน่ใจ​หรือว่า​จะไม่ใคร่ครวญ​อีกครั้ง​”

นาง​เหมือน​ไม่อยาก​ลงมือ​กับ​หลิน​สวิน​

หลิน​สวิน​ฟังแวว​เกลี้ยกล่อม​ใน​เสียง​ของ​อีก​ฝ่าย​ออก​ น่าเสียดาย​ที่​เขา​ไม่เข้าใจ​สถานการณ์​ของ​อีก​ฝ่าย​ ต่อให้​รู้​ก็​อาจจะ​ไม่เข้าร่วม​

เขา​จึงส่ายหน้า​

จากนั้น​ภายใต้​สายตา​ประหลาดใจ​และ​ตกใจ​ของ​ทุกคน​ หลิน​สวิน​ก็​เดิน​ตรง​ออกจาก​แท่น​มรรค​นั่น​

“หาก​ต้อง​ตัดสิน​แพ้ชนะ​ถึงจะปล่อย​ข้า​ไป​ได้​ เช่นนั้น​ก็​เริ่ม​ตอนนี้​เลย​”

หลิน​สวิน​กวาด​มอง​รอบ​ๆ สุดท้าย​สายตา​มาหยุด​อยู่​ที่​ชาย​ร่าง​สูงใหญ่​ซึ่งอยู่​ห่าง​ไป​ร้อย​จั้ง พูด​เรียบๆ​ ว่า​ “พวก​เจ้าจะเข้ามา​พร้อมกัน​หรือ​สู้หนึ่งต่อหนึ่ง​”

เขา​ยืน​เอา​มือ​ไพล่หลัง​ เงาร่าง​สันโดษ​ เสียง​ราบเรียบ​ดังก้อง​ฟ้าดิน​

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท