ตอนที่ 3071 ข่าวร้าย

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอนที่ 3071 ข่าวร้าย

หลินสวินยื่นม้วนหยกคืนหญิงสาวกระโปรงดำผ่านอากาศ ใคร่ครวญเล็กน้อยแล้วกล่าว “ในใจข้ายังมีข้อสงสัยบางอย่าง ต้องการขอคำชี้แนะจากทุกท่าน ไม่ทราบพอจะบอกได้หรือไม่”

เมื่อเห็นว่าหลังหลินสวินเอาชนะชายสูงใหญ่แล้วกลับไม่เผยแววเป็นศัตรูอะไร คนเหล่านี้ต่างก็ผ่อนคลายลงไม่น้อย

หญิงกระโปรงดำกล่าวว่า “สหายยุทธ์เชิญกล่าวไม่ต้องเกรงใจ ขอเพียงเป็นสิ่งที่พวกข้ารู้ย่อมบอกทั้งหมด”

หลินสวินพยักหน้าน้อยๆ กล่าวว่า “ขอบังอาจถามทุกท่านว่าในหลายปีมานี้เคยพบผู้สืบทอดคีรีดวงกมลหรือไม่”

คีรีดวงกมล!

พวกหญิงกระโปรงดำล้วนนัยน์ตาหดรัด สีหน้าแปลกไป

“ก่อนจะตอบคำถามข้อนี้ ขอบังอาจถามสหายยุทธ์ว่าเกี่ยวข้องอะไรกับคีรีดวงกมล”

หญิงสาวกระโปรงดำถาม

หลินสวินไม่ปิดบังอีก กล่าวว่า “ผู้น้อยหลินสวิน ผู้สืบทอดลำดับที่สิบห้าแห่งคีรีดวงกมล”

หลินสวิน!

สีหน้าพวกหญิงสาวกระโปรงดำล้วนเปลี่ยนไป

ชายชุดขาวสวมเกี้ยวประดับสูงยิ่งกล่าวด้วยความตกใจว่า “ที่แท้เจ้าก็คือหลินสวินคนนั้น!”

“ทุกท่านรู้จักข้าคนแซ่หลินด้วยหรือ” หลินสวินประหลาดใจ

“ย่อมรู้แน่นอน”

หญิงสาวกระโปรงดำสูดหายใจลึกคราหนึ่งแล้วกล่าว “หรือควรบอกว่าในโลกวิญญาณยุทธ์ตอนนี้เกรงว่าคงไม่มีใครไม่รู้จักชื่อเสียงเกรียงไกรของสหายยุทธ์”

ขณะพูดนางก็บอกสาเหตุให้ฟัง

ช่วงสิบกว่าปีก่อนหน้า ขั้นล่วงกฎสามคนของเผ่าเทพนิรันดร์ตระกูลเย่ ตระกูลผานอู่ และตระกูลสิงเทียนจากน่านฟ้าที่เก้ามาถึงทะเลโชคชะตา และนำข่าวหนึ่งมาด้วย…

เผ่าเทพนิรันดร์ทุกตระกูลในน่านฟ้าที่เก้าล้วนถูกผู้สืบทอดคีรีดวงกมลหลินสวินทำลาย!

นอกจากนี้หอบรรพจารย์ลัทธิฌานและลัทธิพ่อมดก็เสียหายรุนแรง ล้วนมาจากฝีมือของหลินสวินคนเดียว!

เรื่องนี้สะเทือนโลกวิญญาณยุทธ์ทันที ถูกพวกน่ากลัวมากมายที่กระจายอยู่ในโลกนี้รับรู้

และชื่อของหลินสวินก็สะเทือนไปทั่ว ทุกคนต่างล่วงรู้

‘ที่แท้เป็นข่าวที่พวกเขาปล่อยออกมา…’

หลินสวินถึงเพิ่งกระจ่าง

ปีนั้นเขากวาดล้างน่านฟ้าที่เก้า แต่ตระกูลเย่ ตระกูลสิงเทียน และตระกูลผานอู่กลับหนีเคราะห์สังหารพ้น สิบกว่าปีก่อนเขายังเคยส่งกายมรรคไม้เขียวมุ่งหน้าไปน่านฟ้าที่เก้าอีกครั้ง ที่น่าเสียดายคือยังคงไม่สามารถหาร่องรอยของเผ่าเทพนิรันดร์สามตระกูลนี้ได้

กลับไม่เคยคิดว่าเผ่าเทพนิรันดร์สามตระกูลนี้ล้วนส่งระดับนิรันดร์ของตนออกมาตระกูลละคน และมาถึงทะเลโชคชะตาแห่งนี้นานแล้ว

เห็นชัดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในโลกยอดนิรันดร์ช่วงหลายปีก่อน ต้องถูกเฒ่าชราเหล่านั้นกระจายข่าวไปทั่วโลกวิญญาณยุทธ์นานแล้ว

หลินสวินลองคำนวณเวลา ปีนั้นตอนที่ข่าวมาทะเลโชคชะตา ตนอยู่ในแหล่งสถานศุภโชค กำลังทำการบูรณะเมืองเทพศุภโชค

หรือกล่าวได้ว่าแม้เฒ่าชราในโลกวิญญาณยุทธ์เหล่านั้นจะรู้ข่าว เกรงว่าก็ไม่มีทางรู้ว่าตนแจ้งมรรคขั้นสรรสร้างในแหล่งสถานศุภโชคแล้ว

และขณะที่หลินสวินใคร่ครวญ พวกหญิงสาวกระโปรงดำล้วนใจเต้นไม่เป็นส่ำ สายตาที่มองหลินสวินเจือแววยำเกรงเสี้ยวหนึ่ง

พวกเขาเพิ่งเข้าใจตอนนี้ว่าคนที่บังเอิญพบครั้งนี้ไม่ใช่แค่มังกรแกร่งข้ามธาร แต่เป็นพวกร้ายกาจสะท้านยุคที่อาละวาดเย้ยฟ้าคนหนึ่ง!

“สหายยุทธ์ เจ้ายังไม่ตอบคำถามเมื่อครู่ของข้า”

หลินสวินที่หลุดจากห้วงคิดทอดมองหญิงสาวกระโปรงดำ

“เอ้อ”

หญิงสาวกระโปรงดำรีบเก็บความคิดฟุ้งซ่านแล้วเอ่ยว่า “เท่าที่พวกข้ารู้ หลังจากผู้สืบทอดคีรีดวงกมลมาถึงทะเลโชคชะตาแห่งนี้ก็เข้าเป็นพันธมิตรกับลัทธิแรกกำเนิดและลัทธิวิญญาณ ในหลายปีมานี้เก็บตัวบนภูเขาเทพลูกหนึ่งในพื้นที่แกนกลางโดยตลอด เพียงแต่…”

กล่าวถึงตรงนี้ สีหน้านางลังเลอยู่บ้าง

“เพียงแต่อะไรหรือ” หลินสวินถาม

“เรื่องนี้ข้าประสบมากับตัว ให้ข้าเป็นคนบอกจะดีกว่า”

ชายชราผอมแห้งที่สะพายกล่องกระบี่ใหญ่สีดำคนนั้นเอ่ยปาก “ก่อนหน้านี้ผู้แข็งแกร่งลัทธิพ่อมด ลัทธิฌาน และเผ่าเทพนิรันดร์สิบสองตระกูลก็มองคีรีดวงกมลเป็นศัตรูแล้ว แต่เพราะมีการปกป้องจากลัทธิแรกกำเนิดและลัทธิวิญญาณ จึงไม่มีใครกล้าทำอะไรผู้สืบทอดคีรีดวงกมลเหล่านั้นเท่าไร”

ขณะพูดเขาทอดสายตามองหลินสวิน “แต่สิบกว่าปีก่อน เมื่อลัทธิพ่อมด ลัทธิฌาน และเผ่าเทพนิรันดร์เหล่านั้นรู้เรื่องในโลกยอดนิรันดร์ของสหายยุทธ์ คราวเคราะห์ทั้งหมดก็พุ่งเป้าเล่นงานผู้สืบทอดคีรีดวงกมล”

“เมื่อเก้าปีก่อน อมิตาพุทธซินหูจากลัทธิฌานออกหน้า ร่วมมือกับผู้ยิ่งใหญ่ทั้งจากลัทธิพ่อมดและเผ่าเทพนิรันดร์สิบสองตระกูลมุ่งหน้าไปยังภูเขาเทพที่ลัทธิแรกกำเนิดตั้งอยู่ การต่อสู้ครั้งใหญ่ปะทุขึ้น”

ฟังถึงตรงนี้ในใจหลินสวินบีบรัด สีหน้าล้วนเปลี่ยนไปแล้ว

เขาสูดหายใจลึกคราหนึ่ง นิ่งฟังต่อไป

“ศึกใหญ่ครั้งนั้นกินเวลานานเจ็ดวันเต็ม เข่นฆ่าจนมืดฟ้ามัวดิน ระหว่างนั้นกำลังพลของลัทธิวิญญาณก็สอดมือเข้ามาด้วย ล้วนสะเทือนไปทั้งโลกวิญญาณยุทธ์”

“จากข่าวลือที่กระจายออกมาภายหลังกล่าวว่า ในศึกครั้งนี้ขั้นไร้ขอบเขตสองคนจากลัทธิแรกกำเนิดบาดเจ็บสาหัส ยิ่งมีขั้นสรรสร้างสองคนร่วงหล่น”

“ฝ่ายลัทธิวิญญาณก็มีคนใหญ่คนโตได้รับบาดเจ็บไม่น้อยเช่นกัน”

“ส่วนด้านคีรีดวงกมล ผู้สืบทอดจำนวนมากยังไม่แจ้งมรรคระดับนิรันดร์ ฉะนั้นก่อนการต่อสู้จะปะทุขึ้นจึงได้รับการปกป้องไว้ก่อน มีเพียง… มีเพียงผู้สืบทอดลำดับแรกถูกสังหาร”

ทั้งตัวหลินสวินล้วนแข็งทื่อ หัวใจราวถูกบีบรุนแรง ศิษย์พี่ใหญ่ถูกสังหารแล้ว!?

นี่เป็นไปได้อย่างไร!?

ชั่วขณะหนึ่งความรู้สึกในใจเขาปั่นป่วนไม่หยุด ไม่อาจสงบได้

“สหายยุทธ์”

ชายชราผอมแห้งเหลือบมองหลินสวินอย่างเป็นกังวลปราดหนึ่ง สีหน้าของอีกฝ่ายย่ำแย่เกินไป ทั้งตัวล้วนแผ่กลิ่นอายเกรี้ยวกราดไม่อาจควบคุมออกมา

“ข้าไม่เป็นไร เจ้าพูดต่อ”

หลินสวินเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยด้วยเสียงต่ำลึก

เขาพยายามทำให้ตนสงบลง ความเดือดดาลไม่ใช่วิธีแก้ไขปัญหา

“หลังจากศึกครั้งนั้น บริเวณที่ขุมอำนาจลัทธิแรกกำเนิดเคยอยู่ก็กลายเป็นซากปรักหักพังโดยสมบูรณ์ ตอนนี้ลัทธิแรกกำเนิดพาเหล่าผู้สืบทอดคีรีดวงกมลทั้งกลุ่มไปอยู่บนภูเขาเทพที่ลัทธิวิญญาณอาศัยอยู่”

ชายชราผอมแห้งเอ่ยต่อ “ว่ากันว่าสถานการณ์ของพวกเขาล้วนไม่สู้ดี ส่วนเรื่องอื่นๆ ข้าเองก็ไม่รู้ชัด อย่างไรนั่นก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในพื้นที่แกนกลาง ขั้นสรรสร้างอย่างพวกข้าไม่มีคุณสมบัติพอจะไปเกี่ยวข้องด้วยสักนิด”

“ข้ากลับได้ยินมาว่าหลายปีมานี้คนของลัทธิวิญญาณ ลัทธิแรกกำเนิด และคีรีดวงกมลล้วนถูกขังอยู่บน ‘ภูเขาเทพใบบัว’ ที่นั่นเป็นพื้นที่ของลัทธิวิญญาณ แต่สี่ทิศแปดทางมีผู้แข็งแกร่งจากลัทธิพ่อมด ลัทธิฌาน และเผ่าเทพนิรันดร์สิบสองตระกูลจับตาอยู่ตลอด ไม่มีโอกาสออกจากภูเขาเทพใบบัวสักนิด”

จู่ๆ ชายสูงใหญ่คนนั้นก็เอ่ยปาก “นอกจากนี้บรรพจารย์พ่อมดเหลยซ่งแห่งลัทธิพ่อมดยังประกาศว่า หากลัทธิวิญญาณและลัทธิแรกกำเนิดไม่ส่งตัวผู้สืบทอดคีรีดวงกมลออกมา ภายหน้าจะไม่มีโอกาสชิงบัวชะตามหามรรคอีก”

เขาเว้นช่วงไปแล้วกล่าวต่อ “เผ่าเทพนิรันดร์สิบสองตระกูลก็แสดงจุดยืนเช่นกัน บอกว่าสักวันจะเหยียบภูเขาเทพใบบัวให้ราบคาบ”

ฟังถึงตรงนี้ในใจหลินสวินมีเพลิงโทสะที่ไม่อาจควบคุมไหลทะลัก นัยน์ตาเย็นเยียบจนน่ากลัว

เขามีหรือจะไม่รู้ว่าเป็นเพราะปีนั้นตนทำให้ลัทธิพ่อมดและลัทธิฌานเสียหายหนัก ทั้งยังกวาดล้างเผ่าเทพนิรันดร์สิบสองตระกูล จึงทำให้เพลิงโทสะของขุมอำนาจเหล่านี้ล้วนมาระบายที่บรรดาศิษย์พี่คีรีดวงกมลเหล่านั้นทั้งหมด

ส่วนลัทธิแรกกำเนิดและลัทธิวิญญาณก็พลอยเดือดร้อนไปด้วยเพราะปกป้องศิษย์พี่เหล่านั้น!

เมื่อคิดถึงตรงนี้หลินสวินก็แทบอยากเข้าไปสังหารในทันที

นี่ก็คือความแค้น เมื่อผูกปมแล้ว ไม่ว่าฝ่ายศัตรูหรือฝ่ายตนต่างล้วนคว้าโอกาสทั้งหมดเพื่อแก้แค้น

“ทุกท่านรู้กำลังพลของลัทธิพ่อมด ลัทธิฌาน และเผ่าเทพนิรันดร์สิบสองตระกูลในโลกวิญญาณยุทธ์ตอนนี้หรือไม่”

หลินสวินเอ่ยถาม

หญิงสาวกระโปรงดำเอ่ยว่า “ฝั่งลัทธิฌานมีอมิตาพุทธซินหูเป็นผู้นำ เขาเป็นขั้นไร้ขอบเขตใหญ่ ลือกันว่าเคยผ่านเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพมาหกครั้งแล้ว รากฐานพลังลึกล้ำไม่อาจหยั่ง”

“นอกจากอมิตาพุทธซินหู ขั้นไร้ขอบเขตอีกสามคนของลัทธิฌานยังมี ซินอิ้ง จัวสิง และจัวคง ในนั้นซินอิ้งเป็นเฒ่าดึกดำบรรพ์ที่เคยผ่านเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพสี่ครั้ง เป็นขั้นไร้ขอบเขตใหญ่เช่นเดียวกับซินหู”

“ส่วนจัวสิง จัวคงสองคนล้วนมีมรรควิถีขั้นไร้ขอบเขตเล็ก ฝ่ายแรกเคยผ่านเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพสองครั้ง ฝ่ายหลังเคยผ่านเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพหนึ่งครั้ง”

“ส่วนขั้นสรรสร้างของลัทธิฌานมีมากถึงสิบเอ็ดคน…”

หลังจากหญิงสาวกระโปรงดำอธิบายกำลังพลฝั่งลัทธิฌานเสร็จ ก็เริ่มเล่าถึงฝั่งลัทธิพ่อมด

ในลัทธิพ่อมดมีขั้นไร้ขอบเขตสี่คนเช่นกัน

ผู้นำคือบรรพจารย์พ่อมดเหลยซ่ง ว่ากันว่าคนผู้นี้เป็นศิษย์น้องของบรรพจารย์ผู้ก่อตั้งลัทธิพ่อมดเทียนอู มีมรรควิถีขั้นไร้ขอบเขตใหญ่

สามคนที่เหลือคืออูหงจื่อ ทั่วหนานเฟิง และเซียวเหอ

แต่ละคนล้วนเป็นผู้กร้าวแกร่งที่โดดเด่นในหลายยุคสมัย

และในลัทธิพ่อมดยังมีขั้นสรรสร้างเก้าคน

เมื่อได้รู้เรื่องพวกนี้ก็ทำให้หลินสวินสะท้านไประลอกหนึ่ง ใจเย็นลงโดยสิ้นเชิง

เขาคิดไม่ถึงว่าผู้ยิ่งใหญ่ของลัทธิพ่อมดกับลัทธิฌานจะมากมายเพียงนี้!

จากจุดนี้เห็นได้ว่าปีนั้นที่เขาสามารถเหยียบลัทธิพ่อมดกับลัทธิฌานได้เรียกว่าโชคช่วย เป็นช่วงจังหวะได้เปรียบ

ถึงอย่างไรหากไม่ใช่เพราะเคราะห์แห่งยุคสมัยปรากฏ ทำให้เฒ่าชราเหล่านี้ไม่อาจไม่มาแหล่งสถานคุนหลุน ด้วยพลังของเขาย่อมไม่มีทางสั่นคลอนรากฐานของลัทธิพ่อมดและลัทธิฌานได้แน่นอน

“ส่วนเผ่าเทพนิรันดร์สิบสองตระกูล แต่ละคนตระกูลอย่างมากมีขั้นไร้ขอบเขตสองคน อย่างน้อยก็มีหนึ่งคน แต่เมื่อรวมกันก็มีขั้นไร้ขอบเขตเกือบยี่สิบคน”

“ส่วนผู้แข็งแกร่งขั้นสรรสร้างก็ยิ่งมีมาก”

หญิงสาวกระโปรงดำกล่าวต่อ “ยังดีที่ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาไม่ถึงขั้นปรองดอง ยามต้านศึกภายนอกสามารถร่วมมือกันได้ แต่เวลาอื่นต่างฝ่ายต่างมีความสัมพันธ์เชิงแข่งขันกัน”

“สรุปแล้วโลกวิญญาณยุทธ์ในตอนนี้มีลัทธิฌาน ลัทธิพ่อมด และเผ่าเทพนิรันดร์สิบสองตระกูลเป็นใหญ่ พวกเขายึดครองพื้นที่ที่ได้ประโยชน์มากที่สุดในพื้นที่แกนกลางไว้อย่างแน่นหนา”

ฟังถึงตรงนี้หลินสวินอดกล่าวไม่ได้ “แล้วลัทธิแรกกำเนิดและลัทธิวิญญาณเล่าเป็นอย่างไร”

หญิงสาวกระโปรงดำกล่าวว่า “ลัทธิแรกกำเนิดมีขั้นไร้ขอบเขตสามคน ผู้นำคือขั้นไร้ขอบเขตใหญ่สิงเจี้ยนสยา อีกสองคนคือเหรินฟู่เทียนและกู่เยวี่ยหมิง เพียงแต่ในศึกใหญ่ครั้งก่อนเหรินฟู่เทียนและกู่เยวี่ยหมิงบาดเจ็บสาหัส ก็ไม่รู้ว่าตอนนี้ฟื้นตัวแล้วหรือไม่”

นางเว้นช่วงไปแล้วกล่าวต่อว่า “นอกจากนี้เดิมลัทธิแรกกำเนิดมีขั้นสรรสร้างเก้าคน แต่ในศึกใหญ่ปีนั้นก็ร่วงหล่นไปสองคน ตอนนี้น่าจะเหลือเพียงเจ็ดคนแล้ว”

จากนั้นนางก็เล่าขุมกำลังของลัทธิวิญญาณออกมา

ผู้นำลัทธิวิญญาณคือฟู่หนานหลี อยู่ขั้นไร้ขอบเขตใหญ่เช่นเดียวกันสิงเจี้ยนสยาแห่งลัทธิแรกกำเนิด

นอกจากนี้ยังมีขั้นไร้ขอบเขตอีกสองคน คือซุ่นไหวเจี่ยและเสวี่ยเย่

ขั้นสรรสร้างของลัทธิวิญญาณกลับน้อยมาก มีเพียงหกคนเท่านั้น

หลังเข้าใจเรื่องเหล่านี้แล้ว หลินสวินก็รู้สึกถึงความแตกต่างอย่างชัดเจน!

ยังไม่ต้องเอ่ยถึงเผ่าเทพนิรันดร์สิบสองตระกูล ลำพังแค่กำลังพลของหอบรรพจารย์ลัทธิพ่อมดกับลัทธิฌานก็เหนือกว่าลัทธิแรกกำเนิดและลัทธิวิญญาณช่วงหนึ่งแล้ว

หากรวมเผ่าเทพนิรันดร์สิบสองตระกูลด้วย พลังของทั้งสองฝ่ายก็ต่างกันราวฟ้ากับเหว ห่างชั้นดั่งเมฆกับโคลนตม!

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท