หลังเข้าใจสถานการณ์ของสี่หอบรรพจารย์และเผ่าเทพนิรันดร์สิบสองตระกูล หลินสวินก็เป็นกังวลอย่างไม่อาจเลี่ยง
ศิษย์พี่ใหญ่ประสบเคราะห์!
ลัทธิแรกกำเนิด ลัทธิวิญญาณ และผู้สืบทอดคีรีดวงกมลล้วนถูกขังอยู่ในภูเขาเทพใบบัว สถานการณ์สุ่มเสี่ยง!
นี่จะไม่ให้หลินสวินกังวลได้อย่างไร
“ทุกท่านรู้หรือไม่ว่าภูเขาเทพใบบัวอยู่ที่ไหน”
หลินสวินถาม
หญิงสาวกระโปรงดำกล่าว “ว่ากันว่าอยู่ในบริเวณตะวันตกเฉียงใต้ของพื้นที่แกนกลางของโลกนี้ หากสหายยุทธ์จะไปต้องระวังตัวด้วย โลกวิญญาณยุทธ์แห่งนี้ไม่ได้สงบสุข ตรงข้ามกลับเต็มไปด้วยไอสังหารทั่วทุกแห่ง โดยเฉพาะหากคิดจะไปพื้นที่แกนกลางจากพื้นที่รอบนอกนี้ ยิ่งจะพบเจอการโจมตีและขับไล่จากขุมอำนาจลัทธิพ่อมด ลัทธิฌาน และเผ่าเทพนิรันดร์สิบสองตระกูล”
จากที่นางว่ามา มีเพียงเข้าสู่พื้นที่แกนกลางของโลกวิญญาณยุทธ์จึงจะมีโอกาสชิงบัวชะตามหามรรค นี่คือสิ่งที่ขุมอำนาจใหญ่เหล่านั้นไม่อาจยอมให้ได้
ไม่มีใครยินยอมให้โอกาสเช่นนี้ถูกผู้อื่นฉกชิงไป
และเมื่อได้รู้เรื่องเหล่านี้ หลินสวินอดยิ้มเย็นไม่ได้ “หากพวกเขามีปัญญาจริง เหตุใดหลายปีก่อนหน้านี้ บัวชะตามหามรรคปรากฏสามครั้งแล้วก็ไม่เห็นพวกเขาทำสำเร็จสักครั้ง”
พวกหญิงสาวกระโปรงดำสี่คนล้วนเงียบไป
พวกเขาไม่กล้าลบหลู่ขุมอำนาจใหญ่อย่างลัทธิพ่อมด ลัทธิฌาน
“ครั้งนี้ขอบคุณทุกท่านนักที่ไขข้อสงสัยให้ข้า แต่สำหรับเรื่องที่พบกับข้าในวันนี้ รบกวนทุกท่านช่วยข้าปิดเป็นความลับด้วย”
หลินสวินประสานหมัดกล่าว
พวกหญิงสาวกระโปรงดำล้วนพยักหน้าจริงจัง
“ต่อให้สหายยุทธ์ไม่บอก พวกข้าก็ไม่มีทางทำเรื่องชักภัยมาใส่ตัวเช่นนี้เด็ดขาด”
หญิงสาวกระโปรงดำกล่าว
หากพวกเขาปล่อยข่าวออกไป ขุมอำนาจใหญ่อย่างลัทธิพ่อมด ลัทธิฌานก็ใช่ว่าจะซาบซึ้งบุญคุณของพวกเขา ทั้งยังจะกลายเป็นการล่วงเกินหลินสวิน รวมถึงคีรีดวงกมล ลัทธิแรกกำเนิด และลัทธิวิญญาณที่อยู่เบื้องหลังเขาอย่างสมบูรณ์!
จริงอยู่ว่าคีรีดวงกมล ลัทธิแรกกำเนิด และลัทธิวิญญาณในตอนนี้สถานการณ์ง่อนแง่น แต่หากหมายจะจัดการคนอย่างพวกเขา ก็ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะสามารถต้านทานได้
ยิ่งกว่านั้นที่นี่อย่างไรก็เป็นโลกวิญญาณยุทธ์ ก่อนเคราะห์แห่งยุคสมัยจะมาเยือนอย่างแท้จริงไม่มีใครสามารถไปจากที่แห่งนี้ได้!
กล่าวอีกอย่างคือ ใครก็ตามที่อยู่ในโลกวิญญาณยุทธ์ตอนนี้ล้วนไม่มีทางออกไปได้อย่างแน่นอน
“ทุกท่าน ขอลาแล้ว”
หลินสวินไม่มีเวลามาโอ้เอ้อีก ตัดสินใจจากไปทันที
“สหายยุทธ์ โลกวิญญาณยุทธ์แห่งนี้มีพวกร้ายกาจที่ทำอะไรไร้เกรงกลัว ไม่สนวิธีการอยู่ไม่น้อย หากถูกคนรู้เข้าว่าเจ้าเดินทางคนเดียว เป็นไปได้สูงมากว่าอาจเรียกเคราะห์สังหารมาไม่น้อย เจ้าต้องระวังให้ดี”
หญิงสาวกระโปรงดำเอ่ยเตือนด้วยความหวังดี
“ขอบคุณมาก”
หลินสวินพยักหน้าน้อยๆ แล้วหมุนตัวออกไป เงาร่างสูงโปร่งหายลับไปจากฟ้าดินเวิ้งว้างขมุกขมัวนี้อย่างรวดเร็ว
ฮู่ว…
และเป็นเวลานี้เช่นกันที่พวกหญิงสาวกระโปรงดำถอนหายใจยาวโล่งอก
ก่อนหน้านี้พวกเขายังกังวลอยู่บ้างว่าหลินสวินจะฆ่าคนปิดปาก ใช้วิธีนี้ตัดความเป็นไปได้ที่ร่องรอยของเขาจะรั่วไหล
แต่ดูจากตอนนี้ เห็นชัดว่าพวกเขาคิดมากไป
“ทุกท่านสังเกตเห็นหรือไม่ ในข่าวลือที่แพร่สะพัดในโลกนี้เมื่อสิบกว่าปีก่อนบอกว่าหลินสวินคว้าจุดเปลี่ยนแจ้งมรรคได้ราวปาฏิหาริย์ภายใต้สถานการณ์ที่แทบเป็นไปไม่ได้ แจ้งมรรคระดับนิรันดร์ขั้นล่วงกฎสำเร็จ และเป็นตอนนั้นเช่นกันที่เขามุ่งหน้าไปน่านฟ้าที่เก้าเพียงลำพัง กวาดล้างเผ่าเทพนิรันดร์สิบสองตระกูล”
ชายชราผอมแห้งที่สะพายกล่องกระบี่แววตาวูบไหว “แต่ตอนนี้เพิ่งผ่านไปแค่ไม่กี่ปี หลินสวินนี่แจ้งมรรคขั้นสรรสร้างขั้นกลางแล้ว!”
ในน้ำเสียงเจือความตกใจยากปกปิด
สำหรับระดับนิรันดร์ หมายจะก้าวหน้าสักก้าวในมรรคานี้ยากยิ่งกว่าปีนขึ้นฟ้า ดีไม่ดีในกาลเวลานับหมื่นปียังไม่มีวี่แววทะลวงขั้น
เมื่อเทียบกันเช่นนี้ ความเร็วในการเลื่อนขั้นพลังของหลินสวินเรียกได้ว่าสะท้านโลกอย่างไม่ต้องสงสัย!
“ยามอยู่ขั้นล่วงกฎก็สามารถทำลายน่านฟ้าที่เก้าได้ เขาในตอนนี้ยิ่งสามารถเอาชนะขั้นสรรสร้างสัมบูรณ์อย่างเหล่าอินในการโจมตีเดียว หลินสวินนี่… เกรงว่าคงไร้ศัตรูในหมู่ผู้ที่มีปราณต่ำกว่าขั้นไร้ขอบเขตแล้ว!”
หญิงสาวกระโปรงดำก็เผยสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน “นี่ก็คือสาเหตุที่เมื่อครู่ข้าเกรงกลัวเขาขนาดนั้น แต่โชคดีที่ตั้งแต่ต้นจนจบพวกเราไม่ได้พูดอะไรไม่ดี ยิ่งไม่ได้ทำเรื่องเกินควรออกไป หาไม่วันนี้เกรงว่าพวกเราคงไม่อาจรอดแล้ว”
“แต่หากหลินสวินไปภูเขาเทพใบบัวทั้งอย่างนี้ ทันทีที่ถูกขุมอำนาจใหญ่อย่างพวกลัทธิพ่อมด ลัทธิฌานรู้เข้าก็ต้องประสบเคราะห์อย่างไม่ต้องสงสัย ควรรู้ว่าตอนนี้คนที่ขุมอำนาจเหล่านั้นชิงชังที่สุดก็คือเขา”
ชายชุดคลุมขาวสวมเกี้ยวประดับสูงกล่าวเสียงเบา
ตอนนี้เขาและคนอื่นๆ ยังไม่รู้เรื่องที่หลินสวินทำลายลัทธิพ่อมดและลัทธิฌานราบคาบแล้ว ไม่เช่นนั้นย่อมมองการเคลื่อนไหวครั้งนี้ของหลินสวินในแง่ร้ายยิ่งกว่านี้แน่
“คนอย่างเขามีหรือจะทำเรื่องโง่เง่าขนาดนี้ อย่าลืมสิ ความเร็วในการเลื่อนขั้นของเขารวดเร็วยิ่ง หากเลือกซ่อนตัวกบดาน รอจนกว่าแจ้งมรรคขั้นไร้ขอบเขตค่อยลงมือ ถึงตอนนั้น… คงมีเรื่องน่าดูมาให้ชมแล้ว”
ชายร่างสูงใหญ่กล่าว
“ข้ากลับหวังจริงๆ ว่าจะมีคนสามารถทำลายสถานการณ์ในตอนนี้ลงได้ หาไม่พวกที่ได้แต่เตร็ดเตร่อยู่ในพื้นที่รอบนอกอย่างพวกเราก็ไม่มีโอกาสไปไขว่คว้าโอกาสในทะเลโชคชะตานั่นสักนิด”
หญิงสาวกระโปรงดำถอนใจเบาๆ
พื้นที่รอบนอกของโลกวิญญาณยุทธ์แห่งนี้มีผู้แข็งแกร่งที่เหมือนกับพวกเขากระจายตัวอยู่มากมาย ล้วนทำได้เพียงเกาะกลุ่มช่วยเหลือและล่าถอยกบดานไปด้วยกัน ไม่กล้ามุ่งหน้าไปยังพื้นที่แกนกลาง
แม้บอกว่าทำเช่นนี้สามารถรักษาชีวิตได้ แต่กลับสูญเสียความหวังในการไขว่คว้าโอกาส นี่จะไม่ให้พวกเขาคับแค้นใจได้อย่างไร
ควรรู้ว่าทุกคนที่มาทะเลโชคชะตา ล้วนทำเพื่อไปยังแหล่งสถานอัศจรรย์ในตำนานนั่นทั้งสิ้น!
แน่นอนว่าข้อดีเพียงจุดเดียวอาจจะเป็นไม่ต้องกลัวว่าจะได้รับภัยคุกคามจากเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพ…
“คอยดูก่อนเถอะ กว่าเคราะห์แห่งยุคสมัยจะมาเยือนอย่างแท้จริงยังเหลืออีกแปดร้อยกว่าปี ไม่ต้องรีบร้อนตอนนี้ หากว่า… ภายหน้าหลินสวินนั่นสามารถทำลายสถานการณ์ในปัจจุบันนี้ได้จริงๆ เล่า”
ชายชราผอมแห้งเอ่ยกล่าวเนิบๆ
…
กลางฟ้าดินเวิ้งว้างเทาขุ่น หลินสวินเดินตะลุยอยู่ในนั้นเพียงลำพัง เหินทะยานไปไกล
ฟ้าดินของที่นี่เก่าแก่และดั้งเดิม กลางห้วงอากาศรายล้อมด้วยพยับหมอกเทาขุ่น ทำให้ภูผาธาราสรรพสิ่งล้วนปกคลุมด้วยม่านลึกลับที่ชวนให้ผู้คนใจสะท้านชั้นหนึ่ง
‘ถึงแม้ศิษย์พี่ใหญ่จะประสบเคราะห์ แต่ขอเพียงหลงเหลือพลังชีวิตเสี้ยวหนึ่งข้าก็สามารถช่วยเขากลับมาได้ แค่ไม่รู้ว่าศิษย์พี่รองยังจำคำพูดของข้าในปีนั้นได้หรือไม่’
ระหว่างทางในใจหลินสวินกังวลกับสถานการณ์ของศิษย์พี่ใหญ่อยู่บ้างจริงๆ
ปีนั้นเขาเคยเล่าเรื่องที่ตนใช้พลังของนัยเร้นลับนิพพานชุบชีวิตศิษย์ถังเจียงให้ศิษย์พี่รองจ้งชิวฟัง และเคยกำชับศิษย์พี่รองให้ช่วยหาสิ่งของที่ศิษย์พี่ซึ่งเคยร่วงหล่นเหล่านั้นเหลือทิ้งไว้ ดูว่าจะเจอสิ่งของที่เจือพลังชีวิตของเจ้าตัวได้หรือไม่
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หากศิษย์พี่รองเห็นศิษย์พี่ใหญ่ประสบเคราะห์แล้วสามารถเก็บพลังชีวิตส่วนหนึ่งของศิษย์พี่ใหญ่ได้ นั่นย่อมเป็นเรื่องดีที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย
แต่หากศิษย์พี่ใหญ่ไม่หลงเหลือพลังชีวิตแม้แต่เสี้ยวเดียว…
เช่นนั้นก็เลวร้ายจริงๆ แล้ว
และนี่ก็คือจุดที่ทำให้หลินสวินกังวลใจมากที่สุด
ผึง!
ทันใดนั้นเสียงลูกธนูแหวกอากาศสายหนึ่งดังก้องขึ้น กระตุ้นจนหลินสวินได้สติจากภวังค์ความคิด แทบจะในเวลาเดียวกันศรเทพดำสนิทดอกหนึ่งแหวกอากาศมาเยือน กระชั้นชิดจวนตัว!
เร็วเกินไปแล้ว!
เสมือนแหวกปราการห้วงมิติ กลิ่นอายที่ประทับบนศรดอกนั้นยิ่งดุกร้าวไร้ทัดเทียม เห็นชัดว่าเป็นพลังกฎระเบียบที่อหังการสุดขีดอย่างหนึ่ง เกี่ยวข้องกับมรรคสังหาร!
หากเปลี่ยนเป็นผู้มีขั้นพลังเดียวกันคนอื่นๆ เกรงว่าคงหนีไม่พ้นสักนิด
แต่สำหรับหลินสวิน ศรดอกนี้ยังไม่อาจคุกคามเขาได้
ก็เห็น…
ศรเทพสีดำสนิทดอกนั้นอยู่ห่างหว่างคิ้วเขาเพียงครึ่งครึ่งฉื่อ ก็ถูกมือขวาของเขาคว้าจับทันใด พลังกฎระเบียบที่ปลดปล่อยออกมาจากศรนั่นน่าสะพรึงปานใด แต่กลับถูกมือขวาของหลินสวินจับไว้แน่นหนา ไม่อาจรุกคืบได้สักนิด!
ปึง!
ครู่ต่อมาศรนี้ก็ถูกพลังฝ่ามือของหลินสวินบดขยี้เป็นผุยผง
“สมควรตาย!”
บริเวณไกลโพ้นเงาร่างสายหนึ่งหน้าเปลี่ยนสีทันควัน เมื่อโจมตีพลาดก็รีบหนีทันที นี่เห็นชัดว่าเป็นพวกร้ายกาจที่ผ่านการต่อสู้มาโชกโชนคนหนึ่ง จากไปอย่างรวดเร็วยิ่ง
“คิดว่าข้าตัวคนเดียวก็จะรังแกได้ง่ายๆ หรือ”
กระนั้นเงาร่างสายนี้เพิ่งเริ่มเคลื่อนย้าย เสียงเย็นเยียบสายหนึ่งก็ดังขึ้นข้างหู
ยังไม่รอให้เขาตอบสนอง มือใหญ่บังฟ้าข้างหนึ่งก็ปิดครอบลงมา
ตูม!
มือใหญ่นี้รายล้อมด้วยเงาแสงคลุมเครือดุจสายฝน แหวกเปิดเวิ้งฟ้า กดครอบภูผาธารา ยามกำราบลงมาห้วงอากาศโดยรอบล้วนถูกบดขยี้แหลกลาญ
เงาร่างสายนั้นอยู่ภายใน หนีจนไร้ทางหนี หลบจนไม่อาจหลบ ได้แต่ขืนปะทะตรงๆ
“ทลาย!”
เขาโบกคันธนูใหญ่สีเขียวในมือ พยายามต้านสุดกำลัง มรรควิถีขั้นสรรสร้างทั้งตัวปะทุออกมาทั้งหมดในเวลานี้เช่นกัน
เปรี๊ยะ!
ภายใต้ฝ่ามือนั้น คันธนูใหญ่สีเขียวหักสะบั้นระเบิดเป็นเสี่ยง เจ้าของของมันยิ่งถูกตบจนร่างแตก กระแทกลงพื้นอย่างแรงราวกับดาวตกดวงหนึ่ง เลือดออกเจ็ดทวาร
คนผู้นี้เพิ่งจะตะกายขึ้นมาก็ถูกเท้าข้างหนึ่งของหลินสวินเหยียบบนแผ่นหลัง เสียงกระดูกแตกถี่ยิบระลอกหนึ่งดังขึ้น คนผู้นี้ตัวอ่อนเปลี้ยเหมือนโคลนทันที ใบหน้าเผยแววเจ็บปวดไร้ที่เปรียบ
“ตอนนี้ข้าโมโหมาก เจ้าดันพุ่งเข้ามา สมควรดวงซวยแล้ว”
แววตาหลินสวินเย็นเยียบ จับคู่ต่อสู้ที่มีมรรควิถีขั้นสรรสร้างขั้นปลายคนนี้ยัดใส่เตากระบี่ไร้ก้นบึ้ง ตั้งใจว่าจะหาเวลาใช้ห้าระเบียบแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์หลอมเขาให้หมดจด
จากนั้นเขากวาดสายตาไปทั่วบริเวณ ในจิตรับรู้ก่อนหน้านี้ของเขา พื้นที่ใกล้เคียงยังมีเงาร่างหลายสายกำลังพุ่งเข้ามา
เพียงแต่หลังจากเห็นภาพที่ชายถือธนูคนนี้ถูกกำราบ เงาร่างเหล่านี้ล้วนหันหลังกลับตรงๆ พุ่งไปไกลๆ ทันที
เห็นชัดว่าพวกเขาและชายถือธนูคนนี้เป็นพวกเดียวกัน แผนการของพวกเขาก็เรียบง่ายยิ่ง ให้ชายถือธนูลงมือล่อศัตรูก่อน จากนั้นค่อยล้อมกรอบเข้ามาพร้อมกัน
เพียงแต่ตอนนี้พวกเขาหวาดผวาอย่างเห็นได้ชัด เผ่นหนีตรงๆ แล้ว
‘ดังคาด ระดับนิรันดร์ในนี้ล้วนไม่ใช่พวกรับมือง่าย ข้าเคลื่อนไหวคนเดียวจะถูกซุ่มโจมตีเช่นนี้ได้ง่ายที่สุด’
หลินสวินนึกถึงคำเตือนของหญิงสาวกระโปรงดำ หลังใคร่ครวญคร่าวๆ แสงมรรคบนตัวเขาไหลเวียน เพียงชั่วอึดใจรูปร่างหน้าตาและบุคลิกก็เกิดการเปลี่ยนแปลง ผิดไปจากก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง
ที่ทำเช่นนี้เพราะกังวลว่าจะถูกคนจดจำฐานะได้ ส่งผลให้ขุมอำนาจใหญ่อย่างลัทธิพ่อมด ลัทธิฌานไหวตัวทันว่าตอนนี้เขามาถึงโลกวิญญาณยุทธ์แล้ว
หากเป็นเช่นนี้ผลที่ตามมาก็ร้ายแรงยิ่ง
ความจริงแสนโหดร้ายอย่างหนึ่งคือ แม้ว่าด้วยพลังต่อสู้ของเขาในตอนนี้จะสามารถเป็นหนึ่งในโลกยอดนิรันดร์ได้ ทว่าในโลกวิญญาณยุทธ์แห่งนี้บางทีอาจไม่ต้องเกรงกลัวคู่ต่อสู้ขั้นไร้ขอบเขตเล็ก แต่หากบังเอิญพบกับขั้นไร้ขอบเขตใหญ่ก็ไม่อาจไม่สู้สุดชีวิต
ควรรู้ว่าขั้นไร้ขอบเขตใหญ่เหล่านั้น แต่ละคนล้วนเคยข้ามเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพสามครั้งขึ้นไปทั้งสิ้น รอดชีวิตจากยุคสมัยดับสิ้นสามครั้งขึ้นไปจนถึงบัดนี้ย่อมแข็งแกร่งอย่างเหลือเชื่อ
หลินสวินเคยต่อสู้กับทูตชะตาสวรรค์ที่มาจากยุคมรรคอย่างอิงซานอิง อีกฝ่ายเห็นชัดว่าเป็นขั้นไร้ขอบเขตใหญ่ แม้ว่าตอนนั้นหลินสวินจะกำราบอีกฝ่ายได้แต่ตนก็บาดเจ็บสาหัสเช่นกัน
นอกจากนี้อิงซานอิงในตอนนั้นเพียงแค่ถูกหลินสวินโค่นร่างมรรคเท่านั้น พลังจิตยังคงอยู่
สาเหตุที่ถูกหลินสวินจับตัวได้ในท้ายสุดยังเป็นเพราะอิงซานอิงตระหนักได้ว่าเขาถูกผู้บงการหลังม่านนั่นทอดทิ้ง ส่งผลให้จิตใจกระทบกระเทือน หมื่นความคิดกลายเป็นเถ้าธุลีและล้มเลิกการขัดขืนโดยสิ้นเชิง
หากไม่ใช่เช่นนั้น ในการต่อสู้ครั้งนั้นแม้หลินสวินจะคว้าชัยได้ก็ต้องจ่ายค่าตอบแทนที่ร้ายแรงยิ่งกว่านี้
นี่ก็คือความน่ากลัวของขั้นไร้ขอบเขตใหญ่
และในโลกวิญญาณยุทธ์นี้มีคนเช่นนั้นนับไม่ถ้วน
ส่งผลให้หลินสวินไม่อาจไม่รอบคอบและระวังตัวเช่นกัน
วิธีที่ฉลาดที่สุดก็คือปิดบังตัวตนและร่องรอย หาไม่ทันทีที่ถูกศัตรูสังเกตเห็นย่อมเป็นผลเสียมากกว่าดี และจะชักนำหายนะที่ไม่อาจคาดเดาได้