ตอนที่ 3092 ตัวแปรมาเยือน

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอนที่ 3092 ตัวแปรมาเยือน

ไม่นานสีหน้าของพวกซินหู เหลยซ่งก็มืดทะมึน

พวกเขาสังเกตเห็นว่าพวกสิงเจี้ยนสยาไม่ได้ย้อนกลับภูเขาเทพใบบัว แต่อ้อมบริเวณภูเขาเทพใบบัวเดินเล่นอย่างสบายใจ

ส่วนพวกตนที่ตามหลังมาโดยตลอดก็เหมือนกับสุนัขที่ถูกจูง ดูโง่เขลามากจริงๆ

“เจ้าเฒ่าสามคนนี้เห็นได้ชัดว่ากำลังล้อเล่นกับพวกเรา!”

ผานอู่ฝูเซิงเดือดดาล แววตาน่ากลัว

เขาสวมเสื้อคลุมนกกระเรียนสีเขียว เท้าเหยียบกระบี่มรรคหลากสี อานุภาพดุจภูผา แต่ตอนนี้สีหน้ากลับไม่น่ามองอย่างที่สุด

“เหตุใดข้าจึงสงสัยว่าพวกเขากำลังจงใจยั่วยุพวกเรา เหมือนอยากทำให้พวกเราโมโหจนทำเรื่องบุ่มบ่าม”

ชางหลงเยวี่ยขมวดคิ้ว

เงาร่างของเขาเลือนราง เหมือนเงาแสงมายา กลิ่นอายก็คลุมเครืออย่างที่สุด

“ข้าว่าพวกเราลงมือกับภูเขาเทพใบบัวโดยตรงเป็นพอ หากมีการซุ่มโจมตีและเคราะห์สังหาร ขอเพียงพวกเราหลบห่างออกไปในทันทีก็พอ เช่นนี้ก็ไม่ต้องถูกพวกเฒ่าสารเลวสิงเจี้ยนสยาจูงจมูกอีก”

จื่อเชออู๋จี้ในชุดผ้าป่านกระชับทวนเทพผลาญฉิมพลี ไอสังหารพลุ่งพล่าน

ซินหูและเหลยซ่งสบตากัน ต่างนิ่งเงียบ

หากสถานการณ์เป็นเช่นนี้ไม่เปลี่ยน พวกเขามีแต่จะถูกอีกฝ่ายควบคุมตลอด

ความรอบคอบและระมัดระวังเป็นสิ่งจำเป็น แต่ถ้าระมัดระวังเกินไปจะกลายเป็นวิตกเกินควรจนไม่กล้าลงมือทำอะไร

“ทุกคนหลบออกไป ข้าจะโจมตีภูเขาเทพใบบัว ทำลายสถานการณ์ตอนนี้!”

ซินหูตัดสินใจ

เงาร่างของเขาทะยานอากาศโดยพลัน ชุดภิกษุขาวหิมะพลิ้วไหว ราวกับเซียนในโลกพุทธ ละโลกีย์ไร้มลทิน

วู้ม…

เมื่อลำแสงเพลิงไหลเคลื่อน ในมือเขาปรากฏลูกประคำโปร่งแสงเป็นประกายยี่สิบสี่เม็ด กลมมนราวกับหยก ลูกประคำทุกเม็ดล้วนสลักอักษณลึกลับบทหนึ่ง

ยามลูกประคำเส้นนี้ปรากฏ กลางฟ้าดินพลันมีเสียงสวดท่องธรรมดังขึ้นเป็นระลอก บุปผาเทพโรงร่วงจากฟ้า พื้นดินผุดบัวทอง ปรากฏการณ์ประหลาดประหนึ่งแดนพิสุทธิเมืองพุทธมากมายสะท้อนออกมา ย้อมกลิ่นอายยิ่งใหญ่ไร้จำกัด เงียบสงบสันติบนฟ้าดินผืนนี้

ประคำเผาผลาญ!

ยอดสมบัตินิรันดร์ที่ซินหูครอบครอง ลูกประคำยี่สิบสี่เม็ด ล้วนควบรวมมาจากอัฐิของภิกษุระดับนิรันดร์ สลักอักษรธรรมเอาไว้ เป็นตัวแทนของยี่สิบสี่อภินิหารชั้นเลิศในมรรคฌาน

ตามข่าวลือทันทีที่สมบัตินี้ปรากฏ พลันกลายเป็นโลกธรรมอันเปี่ยมสุขในชั่วพริบตา กำราบหมื่นธรรมทั่วหล้า สามารถทำลายล้างสิ่งชั่วร้ายทุกอย่างบนโลก มหัศจรรย์ไม่อาจคาดเดา น่ากลัวไร้ขอบเขต

และในเวลาเดียวกันพวกเหลยซ่ง เย่เจวี๋ยต่างหลบไปไกล แต่ละคนเรียกสมบัติของตนออกมาเตรียมพร้อมโจมตี

ในมือเย่เจวี๋ยกุมแส้อสนีดาราเลิศ ราวกับอสนีที่แปลงมาจากดวงดาวไพศาลกำลังไหลพราก

กระบี่มรรคสวรรค์ปัญจธาตุเบื้องหน้าผานอู่ฝูเซิงเปล่งเสียงครวญผะแผ่ว ตัวกระบี่สำแดงกฎระเบียบปัญจธาตุ สร้างม่านฟ้ามหัศจรรย์ห้าชั้น

เงาร่างที่เดิมทีก็ราวกับมายาอยู่แล้วของชางหลงเยวี่ยเหมือนหายไปในทันที ในห้วงอากาศรอบๆ มีเพียงลำแสงที่เขียวมรกตเป็นจุดๆ ปรากฏอย่างคลุมเครือ

‘กฎระเบียบพันประตู’ ที่เขาครอบครองเกี่ยวข้องกับนัยเร้นลับกาลเวลา แม้แต่ศาสตรามรรคหนามเพลิงที่เขาใช้ยังเหมือนเลือนหายไปรางๆ ทำให้ไม่สามารถมองเห็นได้ทั้งหมด

ส่วนจื่อเชออู๋จี้ถือทวนเทพผลาญฉิมพลี กฎระเบียบผสานเทพที่แข็งแกร่งยิ่งยวดพลุ่งพล่านทั่วร่าง กลายเป็นคลื่นอสนีแกร่งมากมายน่าสะท้านสะเทือน

ทันใดนั้นฟ้าดินเปลี่ยนสี ห้วงอากาศปั่นป่วน

เพียงแค่อานุภาพน่ากลัวระดับนั้นก็กดข่มจนพลังผนึกและระเบียบระดับเทพที่ปกคลุมอยู่ทั่วภูเขาเทพใบบัวปั่นป่วนรุนแรง เผชิญการโจมตีอันน่ากลัว

เห็นซินหูจะลงมือโจมตีภูเขาเทพใบบัวแล้ว

พวกสิงเจี้ยนสยา ฟู่หนานหลี เหรินฟู่เทียนที่อยู่ห่างออกไปสบตากัน ล้วนหันหลังกลับในทันที พุ่งเข้าหาพวกซินหู เหลยซ่ง

บนร่างของทุกคนล้วนปรากฏอานุภาพท่วมฟ้า กลิ่นอายของขั้นไร้ขอบเขตใหญ่ประหนึ่งเขาถล่มสมุทรซัดสาด ทำเอาฟ้าดินผืนนี้ล้วนสั่นไหว

วู้ม!

สิงเจี้ยนสยาเรียกเจดีย์สมบัติอสนีออกมา

ส่วนฟู่หนานหลีกับเหรินฟู่เทียนที่อยู่ข้างกายเขาต่างเรียกกระบี่มรรคแดงสดและทวนศึกเจิดจ้าราวกับหิมะออกมา

“ลงมือ!”

สิงเจี้ยนสยาตะโกน

ทั้งสามโจมตีมาทางนี้โดยตรง

พวกซินหูเห็นเช่นนี้ต่างอดหัวเราะหยันไม่ได้ เพียงแค่หยั่งเชิงจะลองโจมตีภูเขาเทพใบบัวเท่านั้นก็ทนไม่ไหวแล้วหรือ

ราวกับว่า… เมื่อครู่นี้พวกเขาประเมินอีกฝ่ายสูงเกินไป

“ไม่ใช่!”

ทันใดนั้นซินหูนัยน์ตาหดรัด สังเกตได้อย่างฉับไวว่าพริบตาที่พวกสิงเจี้ยนสยาลงมือ พลังระเบียบระดับเทพที่ปกคลุมอยู่บนภูเขาเทพใบบัวล้วนเกิดเสียงดังสนั่น ปลดปล่อยอานุภาพน่ากลัวออกมา

ระเบียบระดับเทพชั้นแล้วชั้นเล่า มีถึงยี่สิบเจ็ดชนิด!

ตอนนี้ระเบียบระดับเทพเหล่านี้ล้วนถูกกระตุ้นเต็มกำลัง อานุภาพที่ปลดปล่อยออกมาปานธารสวรรค์เป็นชั้นๆ กลบท่วมฟ้าดิน ม้วนตัวมาทางนี้

นอกจากนี้ในฟ้าดินรอบๆ ยังมีเสียงระเบิดน่าตระหนกดังขึ้นกะทันหัน จากนั้นคลื่นพลังผนึกที่หนาแน่นพร่างพราวนับไม่ถ้วนก็พุ่งออกมา

ผนึกตัดเทพ!

กระบวนค่ายกลที่ถูกหลินสวินวางไว้ในถ้ำสถิตใต้ดินตอนนั้น

และตอนนี้กระบวนค่ายกลนี้ก็ตัดทางหนีของพวกซินหูแล้ว

“มีการซุ่มโจมตีตามคาด!”

ในดวงตาพวกเหลยซ่งวาบประกาย ไม่ได้ตื่นตระหนก

“ถอยก่อน!”

“ได้!”

พวกซินหู เหลยซ่งเคลื่อนไหวเต็มกำลังโดยไม่ได้นัดหมาย

ตูม!

ประคำเผาผลาญยี่สิบสี่เม็ดทะยานฟ้า ปรากฏโลกธรรมยี่สิบสี่แห่ง แส้อสนีดาราเลิศแหวกห้วงอากาศเป็นแนวยาว สาดประกายอสนีโหมคลั่ง กระบี่มรรคสวรรค์ปัญจธาตุกลายเป็นม่านกระบี่ชั้นแล้วชั้นเล่า…

ทันทีที่พวกขั้นไร้ขอบเขตใหญ่ซึ่งผ่านการต่อสู้มายาวนานพวกเขาลงมือ ก็เผยความมากประสบการณ์ออกมาอย่างเด่นชัด ร่วมมือกันอย่างสมบูรณ์แบบไร้บกพร่อง

ชั่วพริบตา…

ผนึกตัดเทพรับไม่ไหว ทลายลงโดยพลัน สาดละอองแสงที่งดงามนับไม่ถ้วนออกมา

แม้กระบวนค่ายกลนี้จะแข็งแกร่งแค่ไหน แต่จะต้านการโจมตีเต็มกำลังของขั้นไร้ขอบเขตใหญ่หกคนได้อย่างไร

พลังระเบียบระดับเทพที่โจมตีมาจากภูเขาเทพใบบัวเหล่านั้น ล้วนถูกพวกซินหู เหลยซ่งสลายไปได้อย่างเหี้ยมหาญ

แต่ตอนที่พวกเขากำลังจะถอยนั่นเอง พวกสิงเจี้ยนสยาก็โจมตีเข้ามาแล้ว

“จะถูกพวกเขายื้ดไว้ไม่ได้ ไม่เช่นนั้นต้องมีตัวแปรเกิดขึ้นแน่!”

เหลยซ่งตะโกน

ตูม!

ก็เห็นซินหูกับผานอู่ฝูเซิง เหลยซ่งกับชางหลงเยวี่ย เย่เจวี๋ยกับจื่อเชออู๋จี้ จับคู่โจมตีเข้าใส่สิงเจี้ยนสยา ฟู่หนานหลี และเหรินฟู่เทียนตามลำดับ

สองต่อหนึ่ง ทั้งยังโจมตีเต็มกำลัง ไม่หวังสังหารศัตรู แต่ขอเพียงถอยจากที่นี่!

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้พวกเขามั่นใจว่าสามารถทำได้อย่างง่ายดาย

ตูมๆๆๆๆ!!!

เสียงปะทะดุเดือดสะเทือนทั่วทิศดังก้อง ฟ้าดินโกลาหล พลังกฎระเบียบน่ากลัวราวกับโลกมากมายกำลังปะทะกัน สาดละอองแสงไร้สิ้นสุดออกมา เสมือนหมายจะพลิกฟ้าหมื่นกาล ทำลายทุกสิ่งบนโลก

น่ากลัวเกินไป!

เงาร่างที่เรียกได้ว่าเป็นนายเหนือหัวเหล่านั้น ชั่วขณะนี้ดูสูงใหญ่และสะดุดตาหาใดเปรียบ อานุภาพศักดิ์สิทธิ์นั่นยิ่งสามารถทำให้ทั่วหล้าหมอบกราบกับพื้น

และในการโจมตีเช่นนี้ เงาร่างของพวกสิงเจี้ยนสยา ฟู่หนานหลี เหรินฟู่เทียน ถูกซัดสะเทือนทั้งอย่างนั้น!

ชั่วขณะนี้พวกซินหู เหลยซ่งต่างกระเหี้ยนกระหือรือ อยากฉวยโอกาสนี้สังหารคู่ต่อสู้เหล่านี้!

แต่พวกเขาต่างอดทนไว้

‘การเปลี่ยนแปลง’ อันเป็นตัวแปรที่พวกเขาป้องกันและระวังมาโดยตลอดยังไม่ปรากฏออกมา หากถูกพวกสิงเจี้ยนสยาพัวพันในตอนนี้ย่อมเป็นเรื่องโง่เขลามาก

ว่ากันถึงที่สุดจำเป็นต้องอดทนไว้ก่อน สืบเบื้องลึกเบื้องหลังของอีกฝ่ายให้แน่ชัด และรู้ให้ได้ว่าการเปลี่ยนแปลงอันเป็นตัวแปรนั่นเป็นใครหรืออะไรกันแน่ นี่จึงจะเป็นการกระทำที่ฉลาดที่สุด

ดังนั้นพวกซินหูจึงถอนตัวทันที เคลื่อนย้ายไกลออกไป

เห็นได้ชัดว่าระมัดระวังและรอบคอบมาก

และตอนนี้เองพวกสิงเจี้ยนสยาที่ถูกพวกเขาซัดถอยในการโจมตีเดียว กลับพุ่งโจมตีมาสุดชีวิต แต่ละคนร่างกายส่องแสง อานุภาพน่าสะพรึง

อีกทั้งพลังระเบียบระดับเทพยี่สิบเจ็ดชั้นบนภูเขาเทพใบบัวล้วนถูกพวกเขาควบคุม นำมาโจมตีศัตรู

เห็นเช่นนี้พวกซินหู เหลยซ่งยิ่งตระหนักได้ว่าการกระทำนี้ของพวกสิงเจี้ยนสยา เป็นไปได้สูงมากว่าอาจกำลังสร้างโอกาสลงมือให้ตัวแปรนั่น

ดังนั้นพวกเขาจึงถอนตัวอย่างเด็ดขาดและว่องไวกว่าเดิม ไม่คิดจะให้โอกาสพวกสิงเจี้ยนสยาฉุดรั้งไว้

แต่ก็ตอนนี้เอง…

เงาร่างหนึ่งปรากฏกลางอากาศ ขวางทางหนีของพวกเขา

“ตัวแปรปรากฏตัวแล้ว!”

พวกซินหู เหลยซ่งตกใจ พลังขับเคลื่อนทั่วร่างโคจรถึงขีดสุดโดยพลันราวกับจะสู้สุดชีวิต อานุภาพระดับนั้นน่ากลัวยิ่งกว่าก่อนหน้านี้

เพราะสำหรับพวกเขา ตัวแปรที่สามารถสังหารขั้นไร้ขอบเขตใหญ่อย่างพวกซินอิ้ง เหวินไจ้ กวาดล้างฐานที่มั่นของพวกเขาได้ จะต้องเป็นพวกที่แข็งแกร่งและน่ากลัวกว่าพวกสิงเจี้ยนสยาอย่างแน่นอน

นี่จะให้พวกเขากล้าออมมือได้อย่างไร

เพียงแต่…

ชั่วขณะที่พวกเขาตัดสินใจลงมือเต็มกำลัง ในดวงตากลับปรากฏแววผิดคาด

หลินสวิน!?

เป็นเดรัจฉานน้อยนี่ได้อย่างไร เขามาโลกวิญญาณยุทธ์ตั้งแต่เมื่อไหร่

โดยเฉพาะยามสังเกตเห็นกลิ่นอายขั้นสรรสร้างสัมบูรณ์ที่ไม่สามารถปกปิดได้บนร่างหลินสวิน ในใจพวกเขาอดเกิดความอับอายไม่ได้

เมื่อครู่นี้ตนถึงกับถูกเจ้าตัวจ้อยขั้นสรรสร้างทำให้ตกใจ…

นี่ทำให้ใบหน้าพวกเขาต่างร้อนฉ่า

เดิมทีคิดว่าตัวแปรที่น่ากลัวหาใดเปรียบนั่นปรากฏตัว ไม่คิดว่ากลับเป็นเพียงตั๊กแตนที่สามารถถูกพวกเขาทับตายได้อย่างง่ายดาย!

ความคิดเหล่านี้ล้วนวาบผ่านในชั่วพริบตา

ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว บริเวณที่หลินสวินปรากฏตัวอยู่ใกล้กับจื่อเชออู๋จี้ที่สุดพอดี

ดังนั้นจื่อเชออู๋จี้จึงยื่นมือไปคว้าตัวหลินสวินทันทีโดยไม่คิดด้วยซ้ำ

หลินสวินอาจจะอ่อนแอมาก แต่กลับทำให้เฒ่าชราอย่างพวกเขาชิงชังเข้ากระดูกนานแล้ว ตอนนี้เวลานี้จื่อเชออู๋จี้มีเพียงความคิดเดียว จับตัวเดรัจฉานนี่ไว้ จากนั้นจัดการเขาช้าๆ

ก็เป็นเวลานี้เอง…

จู่ๆ มุมปากหลินสวินเผยรอยยิ้มหยอกล้อ

จากนั้นเงาร่างเขาพุ่งมาข้างหน้าโดยพลัน!

ยามเห็นภาพนี้จื่อเชออู๋จี้อดประหลาดใจไม่ได้ ใจร้อนอยากรนหาที่ตายขนาดนี้เชียวหรือ

เพียงแต่ครู่ต่อมาสีหน้าเขาก็เปลี่ยนไป

ตูม!

พลังฝ่ามือที่เขาคว้าออกไปล้วนสามารถคุกคามขั้นไร้ขอบเขตใหญ่ได้ แต่ตอนนี้กลับถูกหมัดเดียวของหลินสวินโจมตีแหลกละเอียดอย่างง่ายดาย

นี่…

ในใจจื่อเชออู๋จี้สะท้าน สัญชาตญาณที่เคี่ยวกรำในการต่อสู้มาไม่รู้นานเท่าไรทำให้เขาสังเกตเห็นจุดผิดปกติทันที

หรือเจ้าหมอนี่… ก็คือ ‘ตัวแปร’ นั่น

เขาไม่คิดมากความ อาศัยสัญญาตญาณโบกสะบัดทวนเทพผลาญฉิมพลีในมือทันใด ปลายทวนที่แดงสดแปลกประหลาดราวกับคมมีดทำลายล้างโลก เต็มไปด้วยกลิ่นอายกฎระเบียบเทพผสานที่เผด็จการน่ากลัว

และในเวลาเดียวกับที่การโจมตีนี้พุ่งออกมา ห้าร่างมรรคของหลินสวินโฉบพุ่งทันใด ชั่วขณะนั้นเขาเหมือนกลายร่างเป็นหกคน ต่างถือศาสตรามรรคนิรันดร์โจมตีเข้ามา

เคร้ง!!

ทวนเทพผลาญฉิมพลีของจื่อเชออู๋จี้ถูกเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งขวางไว้ทั้งอย่างนั้น

เขาไม่กล้าเชื่อสายตาตัวเองสักนิด

นี่คือพลังที่ขั้นสรรสร้างสามารถครอบครองได้หรือ!?

เพียงแต่ยังไม่รอเขาตอบสนอง ห้าร่างแยกของหลินสวินก็โจมตีมาแล้ว ล้อมร่างของเขาไว้ สี่ทิศแปดด้านล้วนเป็นพลังทำลายล้างที่น่ากลัวอย่างที่สุด…

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท