บทที่ 392 ในที่สุดก็เจอแล้ว
กระดูกหักมีทั้งหมดสี่ระยะ แต่ละระยะก็ไม่ได้แสดงปฏิกิริยาและลักษณะทางพยาธิวิทยาเพียงอย่างเดียว
ยิ่งไปกว่านั้น ไป๋เยี่ยก็เชื่อว่าอาการในแต่ละระยะล้วนมีนัยสำคัญทั้งนั้น!
โมลโดเอ่ยขึ้น “ทีมที่สองจะมีหน้าที่ตรวจสอบความผันผวนของฮอร์โมนทุกชนิดในร่างกายมนุษย์อย่างเคร่งครัด จากนั้นก็นำผลที่ได้มาศึกษาต่อ”
เครื่องตรวจสอบสมดุลฮอร์โมนตรวจสอบได้เฉพาะฮอร์โมนในร่างกายมนุษย์ที่ถูกค้นพบแล้วในปัจจุบันเท่านั้น ตรวจสอบสิ่งที่ยังไม่ถูกค้นพบไม่ได้ เพราะฉะนั้นแล้ว สิ่งที่พวกเขาต้องทำในตอนนี้คือการสำรวจสมดุลของฮอร์โมนที่ทราบชื่ออยู่แล้วนั่นเอง!
ผ่านไปประมาณสิบนาที นักวิจัยคนหนึ่งก็ตะโกนดังลั่น
“เจอแล้ว! มันคืออินซูลิน-ไลค์ โกรท แฟคเตอร์ 1[1] (ไอจีเอฟ-1)!”
“หลังจากที่ไอจีเอฟ-1ถูกกระตุ้น ปริมาณการหลั่งก็เพิ่มขึ้นทันที มันอาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับปฏิกิริยาของร่างกายในตอนนี้ก็ได้!”
ทันทีที่ไป๋เยี่ยได้ยินชื่อไอจีเอฟ-1 เขาก็ขมวดคิ้วพลางครุ่นคิดถึงบางสิ่งบางอย่าง ก่อนจะเอ่ยปาก “สังเกตกระบวนการก่อตัวของเซลล์กระดูกในบริเวณที่แตกหักแล้วดูว่ามีความปกติใดๆ หรือไม่ทีครับ”
ทุกคนต่างตึงเครียด เพราะความสำเร็จอาจจะอยู่ห่างออกไปเพียงก้าวเดียวเท่านั้น ตอนนี้พวกเขาจะผ่อนแรงไม่ได้เลย
เวลาผ่านไปนาทีต่อวินาที ถึงแม้ว่าเครื่องปรับอากาศในห้องจะแพร่ไอความเย็นมากเท่าใด แต่มันก็ไม่อาจต้านทานไฟร้อนรุ่มจากความตึงเครียดได้
จู่ๆ เครื่องตรวจก็ส่งเสียง ติ๊ดๆๆ ขณะเดียวกันสัญญาณไฟสีแดงก็สว่างขึ้นมาด้วย!
สมาชิกทีมชีวเคมีต่างลุกขึ้นมาแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “มันเพิ่มขึ้นแล้ว! เซลล์กระดูกถูกสร้างขึ้นเร็วกว่าปกติมากแล้วก็ค่อยๆ ชะลอความเร็วลง อีกสามสิบวินาทีข้างหน้ามันอาจจะเร่งความเร็วกลับมาเท่าเดิมก็ได้”
“อะไรคือสัญญาณที่กระตุ้นการสร้างเซลล์กระดูกกันนะ มันคือสารอะไรกันแน่!”
สมาชิกทีมชีววิทยาต่างพากันสังเกตเครื่องตรวจสอบสมดุลฮอร์โมน “เป็นความผันผวนลักษณะเดียวกันกับความผันผวนของไอจีเอฟ-1 มันเป็นสารจากไฮโปทาลามัสที่ออกฤทธิ์ในบริเวณที่มีการแตกหักของกระดูก”
จากนั้นสมาชิกทีมสรีรวิทยาก็เอ่ยขึ้นบ้าง “ไม่พบความผิดปกติใดๆ สัญญาณชีพปกติดี แม้แต่อัตราการหลั่งฮอร์โมนและอัตราการเผาผลาญก็ปกติ!”
ไป๋เยี่ยจึงหันไปทางทีมศึกษาปัจจัยการเจริญเติบโตของกระดูก “ฉีดสารสกัด!”
สารสกัดนี้เป็นสารจากยาแผนจีนโบราณจาก ‘ยาทาเชื่อมกระดูก’ ซึ่งผ่านการทดสอบความปลอดภัยจากโรงพยาบาลแล้ว
“ส่วนทีมอื่นๆ ก็คอยสังเกตความผันผวนอย่างใกล้ชิด ทีมที่สองฉีดสารสกัดแล้วก็สังเกตดูสารที่ถูกหลั่งออกมาจากไฮโปทาลามัส ส่วนกลุ่มอื่นๆ…”
ตอนนี้สมองของไป๋เยี่ยเปรียบเสมือนคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ที่คอยคำนวณความน่าจะเป็นต่างๆ อย่างต่อเนื่อง จากนั้นจึงนำข้อมูลที่ได้รับมาวิเคราะห์และประมวลผล สุดท้ายก็ออกคำสั่งต่างๆ
สิ่งที่ไป๋เยี่ยพึงพอใจมากที่สุดในตอนนี้ก็คงจะเป็นคุณภาพและศักยภาพของนักวิจัยกลุ่มนี้ พวกเขาล้วนเป็นแนวหน้าในสาขาวิชาชีพของตน ไม่ต้องพูดอะไรพวกเขาก็เข้าใจว่าต้องทำอะไร
นี่แหละทีมที่คู่ควรกับการทำงานวิจัย!
เพราะฉะนั้น สิ่งที่มีมูลค่าสูงที่สุดในการทำวิจัยไม่ใช่อุปกรณ์หรือเครื่องมือ แต่เป็นบุคลากรต่างหาก
อย่างน้อยการมีพวกเขาอยู่ตรงนี้ก็ช่วยแบ่งเบาปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ไปได้มาก
ทุกคนทำงานภายใต้บรรยากาศอันตึงเครียด เวลาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ทว่าในแววตาของทุกคนกลับไม่ปรากฎคำว่าเหนื่อยล้าเลย
กลับกัน ทุกคนทำงานด้วยความกระตือรือร้นและเปี่ยมไปด้วยขวัญกำลังใจ สำหรับนักวิจัยแล้ว อะไรคือสิ่งสำคัญที่สุดล่ะ
การค้นพบครั้งใหม่ไงล่ะ!
การค้นพบครั้งใหม่คือประวัติศาสตร์หน้าใหม่ที่จะนำพาอนาคตมาสู่เรา!
ถึงแม้บนถ้วยรางวัลโนเบลจะไม่มีชื่อของพวกเขา แต่พวกเขาก็คือกลุ่มคนที่ขับเคลื่อนการพัฒนาในยุคสมัยนี้ ไม่แน่ว่าต่อไปพวกเขาอาจจะกลายเป็นกระดูกสันหลังของการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีก็ได้
ทันใดนั้นก็มีคนพูดแทรกขึ้นมา “ค้นพบความผิดปกติแล้ว ทีมสองจะคอยสังเกตการณ์ ส่วนทีมสามจะเตรียมตรวจจับความผันผวน และทีมชีวเคมีจะเป็นฝ่ายตรวจหาแหล่งที่มาของความผันผวน!”
“รับทราบ!”
“รับทราบ!”
“รับทราบ!”
ตอนนี้ทุกคนต่างจดจ่อกับเครื่องมือตรงหน้าพลางค่อยๆ สูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อสงบความตื่นเต้นและในใจ…
ไม่มีใครรู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว กระทั่งสมาชิกทีมชีวเคมีคนหนึ่งตะโกนขึ้นมา!
“สำเร็จแล้ว!”
“พวกเราเจอสัญญาณที่ก่อให้เกิดความผันผวนแล้ว!”
ประโยคนี้จุดประกายความคิดให้กับทั้งทีมวิจัย ทุกคนจึงพากันส่งเสียงโห่ร้องแสดงความยินดี
ไป๋เยี่ยเองก็ตื่นเต้นแพ้กันจึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเบิกบานใจ “วันนี้เราจะไปกินข้าวกัน ผมจะให้โบนัสพวกคุณคนละห้าหมื่นหยวน ไม่สิ แสนหยวนเลยแล้วกัน!”
ไป๋เยี่ยตื่นเต้นมาก เพราะเขาก่อตั้งทีมวิจัยปัจจัยการเจริญเติบโตของกระดูกขึ้นมาระยะหนึ่งแล้ว ทั้งยังทุ่มทุนไปหลายร้อยล้าน แต่กลับหาต้นสายปลายเหตุไม่ได้ แต่ตอนนี้พวกเขาหามันเจอแล้ว!
ทุกคนที่นี่ทุ่มเทมากจริงๆ!
เงินหนึ่งแสนหยวนอาจจะไม่เยอะมากนัก แต่มันก็เป็นสินน้ำใจอย่างหนึ่ง สุดท้ายแล้วความสำเร็จในครั้งนี้ก็เกิดขึ้นเพราะทุกคนร่วมแรงกัน
ส่วนมันจะไปต่อได้ไกลแค่ไหนก็คงเป็นเรื่องของอนาคต!
ไป๋เยี่ยคิดได้ดังนั้นก็ให้กำลังใจตนเองด้วย
สารต่างๆ ถูกนำไปศึกษาและวิเคราะห์ต่อ อีกทั้งไป๋เยี่ยยังชวนทุกคนไปกินข้าวด้วย ขณะนี้จึงยังไม่มีความเคลื่อนไหวอื่นอีก
ทว่าเมื่อเขาดูนาฬิกาก็ต้องแปลกใจเล็กน้อย เพิ่งสิบเอ็ดโมงเองเหรอ
ไป๋เยี่ยคิดแล้วก็ตบหน้าผากตนเองเบาๆ เขาคิดว่าเวลาต้องผ่านไปนานแล้วแน่ๆ แต่ทำไมเพิ่งจะเป็นเวลาสิบเอ็ดโมงล่ะ
ไป๋เยี่ยจึงหันไปถามโมลโด “ตอนนี้กี่โมงแล้วครับ นาฬิกาของผมน่าจะตาย ตอนนี้ยังไม่เที่ยงอีกเหรอ ผมว่าจะไปกินข้าวเที่ยงแล้วแท้ๆ หิวมากเลย…”
โมลโดจึงยื่นมือออกมาดูนาฬิกา ทันทีที่เห็นเวลาเขาก็ตกตะลึงไปด้วย “โอ้พระเจ้า ตอนนี้ห้าทุ่มแล้วนี่นา เวลาผ่านไปเร็วจริงๆ”
คำพูดของโมลโดทำเอาไป๋เยี่ยอ้าปากค้าง
โอเค…ที่แท้ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้ว คงต้องเปลี่ยนไปใช้นาฬิกาแบบยี่สิบสี่ชั่วโมงแล้วล่ะ…
“ดึกแล้วสินะ เราไปหาอะไรกินไม่ก็ไปดื่มกันหน่อยไหมครับ” ไป๋เยี่ยเอ่ยพลางยักไหล่ขึ้น
อย่างไรเสียโมลโดก็มีอายุมากแล้ว พละกำลังก็สู้ไป๋เยี่ยไม่ได้ การใช้สมาธิจดจ่อเป็นเวลานานจึงทำให้เขาเหนื่อยง่ายมาก “ได้สิ เบียร์กับบาร์บีคิวเหรอ”
ไป๋เยี่ยตอบรับ “จัดไป!”
ผู้คนรอบๆ ได้ยินบทสนทนาระหว่างทั้งสองคน จึงส่งเสียงเชียร์ด้วย
“ไปกินปิ้งย่างหม่าล่ากันเถอะ~”
“หัวหน้าเลี้ยงทั้งทีนี่เนอะ!”
ไป๋เยี่ยยิ้ม เป็นไปตามที่คาดไว้ ชาวต่างชาติเหล่านี้ถูกวัฒนธรรมจีนกลืนไปแล้วจริงๆ “ได้สิครับ ไปกันเถอะ!”
[1] อินซูลิน-ไลค์ โกรท แฟคเตอร์ 1 (Insulin-like growth factor-1; IGF-1) คือ ฮอร์โมนที่มีโครงสร้างโมเลกุลคล้ายเคียงกับอินซูลิน มีบทบาทสำคัญในการเร่งการเจริญเติบโต