บทที่ 1359 เทียบอันดับเทวา
บทที่ 1359 เทียบอันดับเทวา
เทียบอันดับเทวา!
ตามตำนาน เมื่อราชันเซียนบรรลุเต๋าและกลายเป็นเทพ ชื่อของราชันเซียนจะปรากฏบนเทียบอันดับเทวา และเมื่อราชันเซียนได้รับแผ่นจารึกเทพ ก็จะกลายเป็นความรุ่งโรจน์ของผู้เยี่ยมยุทธ์ไปชั่วนิรันดร์
แม้ว่าเทพจะพินาศ โลกถูกทำลาย หรือยุคใหม่มาถึง แต่ชื่อผู้เยี่ยมยุทธ์คนนั้นจะยังคงถูกประทับอยู่ในเทียบอันดับเทวาตลอดกาล!
ที่สำคัญที่สุด มันคือรูปแบบหนึ่งของการรับรู้ถึงแดนเทพ ถึงขั้นที่มีข่าวลือว่าสามารถเจาะลึกเข้าไปในแดนเทพอันลึกลับผ่านเทียบอันดับเทวาได้!
เมื่อเฉินซีได้ยินชื่อเทียบอันดับเทวา พลันนึกถึงฉากอันยิ่งใหญ่ที่ครั้งหนึ่งเคยเห็นในห้วงจิตสำนึกของตนทันที มันเป็นม้วนคัมภีร์สีทองสุกใสที่พาดผ่านสวรรค์ และมันถูกซ่อนอยู่ในหมอกโกลาหล ทำให้ไม่อาจมองเห็นสิ่งที่บันทึกไว้ในม้วนคัมภีร์ได้ชัดเจน
มันอาจเป็นเทียบอันดับเทวา!
เหตุผลที่เฉินซีสามารถเห็นเหตุการณ์ดังกล่าวได้ก็เนื่องมาจากการตื่นขึ้นอย่างไม่คาดคิดของชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลาก
เฉินซีไม่ทราบแน่ชัดว่า มันเป็นตัวแทนของอะไร ทั้งยังสงสัยเช่นเดียวกัน ว่าหากมีเทียบอันดับเทวานี้อยู่ แล้วใครเป็นผู้ควบคุมมัน? เหตุใดจึงมีการเผยแพร่เทียบอันดับสูงสุดดังกล่าว?
…
หลังจากที่ตัดสินใจที่จะขัดเกลาและดูดซับผลวิญญาณเต๋า และเป็นสักขีพยานในเทียบอันดับเทวาด้วยตนเอง สืออวี๋ก็ไม่ลังเล นั่งขัดสมาธิบนเทวาคารทันที
เขามีท่าทางที่เคร่งขรึม ทั้งร่างถูกปกคลุมด้วยกฎแห่งราชันเซียน อีกทั้งยังสร้างผนึกลึกลับและลึกซึ้งมากมายด้วยมือ ผนึกเหล่านี้พุ่งทะยานราวกับกระแสน้ำเข้าสู่ผลวิญญาณเต๋าที่ลอยอยู่ตรงหน้า
ครืน!
พร้อมกับผนึกอันล้ำลึกต่าง ๆ ที่พลุ่งพล่านเข้าไปในนั้น ผลวิญญาณเต๋าก็เปล่งประกายเจิดจ้าและเปล่งทำนองของเต๋าที่ก้องกังวานอย่างยิ่งใหญ่ จากนั้นทุกคนก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่ามีปรากฏการณ์ลึกลับมากมายเกิดขึ้นจากมัน
ทวยเทพต่างสรรเสริญ แสงสีทองพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า ปราณมงคลลอยละล่องไปรอบ ๆ เสียงสวดมนต์อันกว้างใหญ่ดังก้อง…
ในท้ายที่สุด ปรากฏการณ์ทั้งหมดนี้ก็กลายเป็นกระแสพลังที่ใสและวาววับ จากนั้นสืออวี๋ก็กลืนเข้าไปในร่างกายของตน
ทันใดนั้น ร่างของเขาก็พลุ่งพล่านไปด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์สีทองอันเจิดจ้า และมันก็เหมือนกับดวงอาทิตย์สุกใสที่ลอยเด่นอยู่บนท้องนภา ทำให้โลกสว่างไสว
ผลวิญญาณเต๋ามีความลับในการเป็นเทพ และตราบใดที่คนคนหนึ่งขัดเกลาและดูดซับผลวิญญาณเต๋า ก็จะสามารถได้รับแผ่นจารึกเทพที่สวรรค์ประทานให้ หลังจากนั้น ก็ต้องบ่มเพาะต่อไปจนสามารถบรรลุเต๋า และกลายเป็นเทพในที่สุด!
นั่นคือขอบเขตการบ่มเพาะที่ราชันเซียนทุกคนใฝ่ฝัน!
ในความเห็นของเฉินซี การได้เห็นกระบวนการดังกล่าวเป็นประสบการณ์ที่หาได้ยากอย่างยิ่ง และมันจะเป็นประโยชน์อย่างมากเมื่อเขาบรรลุเต๋าและกลายเป็นเทพในอนาคต
ครืน!
แสงศักดิ์สิทธิ์สีทองอันเจิดจ้าฉีกทะลุฟ้า ทำให้หมอกโกลาหลบนท้องฟ้าแยกออกจากกัน หลังจากนั้น กลิ่นอายอันน่าเกรงขามอย่างไม่อาจพรรณนาก็แผ่ขยายไปทั่วบริเวณ ขณะที่มันจุติลงมาจากสวรรค์
คล้ายเทพผู้ยิ่งใหญ่กำลังจุติลงมายังโลก เมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายสูงสุดอันน่าเกรงขามนี้ ราชันเซียนทั้งหมดพลันรู้สึกเคารพอย่างอดไม่ได้ เหมือนกับต้องแสดงความเคารพต่อเหล่าทวยเทพอย่างจริงใจ
ในช่วงเวลาต่อมา ม้วนคัมภีร์อันยิ่งใหญ่และลึกลับที่ปกคลุมไปด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์สีทองค่อย ๆ ปรากฏขึ้นเหนือท้องฟ้า
มันสว่างไสวและเจิดจรัส ปกคลุมเทวาคารบรรลุเทพทั้งหมด ทำให้ฟ้าดินถูกย้อมเป็นสีทองสุกใส ในขณะที่มันแผ่กลิ่นอายน่าเกรงขามอันสูงสุด
เทียบอันดับเทวา!
เซียงหลิวหลีและคนอื่น ๆ รู้สึกตกตะลึงอย่างมากจนตาเบิกโพลง พวกเขาแสดงออกถึงความชื่นชมและคลั่งไคล้อย่างออกนอกหน้า
เฉินซีไม่สามารถจินตนาการได้อย่างแท้จริงว่า มีความลับเช่นใดที่ซ่อนอยู่ในเทียบอันดับเทวา ถึงสามารถทำให้ราชันเซียนเหล่านี้ตื่นเต้นได้ถึงเพียงนี้
และในเวลาต่อมา ม้วนคัมภีร์สีทองลึกลับและสง่างามเหนือท้องฟ้าก็ค่อย ๆ คลี่ออก
ทุกคนจ้องม้วนคัมภีร์เขม็ง คล้ายกลัวว่าจะพลาดรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ไป
ครืน! ครืน! ครืน!
พร้อมกับการเปิดเผยของเทียบอันดับเทวา คลื่นของท่วงทำนองศักดิ์สิทธิ์ที่ฟังดูเหมือนเสียงระฆังในยามเช้าก็ดังก้องไปทั่วฟ้าดิน มันทรงพลังอย่างยิ่ง สง่างามอย่างมาก และเมื่อทุกคนได้ฟัง มันให้ความรู้สึกเหมือนเสียงของธรรมชาติ ทำให้จิตใจและร่างกายรู้สึกสงบและสบายใจ
แต่ในไม่ช้า สีหน้าของเซียงหลิวหลี มหาปราชญ์ย่ำสวรรค์และคนอื่น ๆ ก็เปลี่ยนไป และร้องครวญคราง แล้วความเจ็บปวดก็ปรากฏบนใบหน้าของพวกเขา
เพราะจิตใจและความตั้งใจของพวกเขาถูกสะกดอยู่ในขณะนี้ ด้วยแรงกดดันอันสูงส่ง ทำให้พวกเขาไม่สามารถมองเห็นเทียบอันดับเทวาที่อยู่เหนือท้องฟ้าได้ แม้จะลืมตากว้างเพียงใดก็ตาม!
พวกเขาไม่กล้าดิ้นรน เพราะอานุภาพของแรงกดดันอันสูงส่งนั้นน่ากลัวเกินไป ดังนั้นจึงขจัดความคิดทั้งหมดทันทีและนั่งขัดสมาธิบนพื้น ไม่กล้าคิดฟุ้งซ่านใด ๆ อีก
มีเพียงเฉินซีเท่านั้นที่ไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ เพราะเมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายน่าเกรงขามอันสูงสุดที่แผ่ลงมา ชิ้นส่วนแผนภาพวารีในห้วงจิตสำนึกก็ปลดปล่อยคลื่นพลังผันผวนจัดการกับมันทันที
เฉินซีจึงสังเกตเห็นว่า แม้ชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากจะไม่สามารถกล่าวได้ว่ารู้สึกเกลียดชังและโกรธเคืองต่อพลังนี้ แต่มันก็ปฏิเสธและไม่ยอมรับมันอย่างยิ่ง
สิ่งนี้ทำให้เฉินซีนึกถึงฉากที่เขาต่อสู้กับเนตรทัณฑ์สวรรค์ก่อนหน้านี้
ชายหนุ่มสัมผัสได้ราง ๆ ไม่ว่าตอนที่กำลังเผชิญหน้ากับเนตรทัณฑ์สวรรค์หรือเทียบอันดับเทวาที่ปรากฏในขณะนี้ ชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากก็ไม่อาจนิ่งเฉย และปลดปล่อยความรู้สึกและเจตจำนงของมันออกมา
เฉินซีไม่สามารถเข้าใจเรื่องทั้งหมดนี้ได้ จึงดึงความสนใจกลับมา และจดจ้องไปที่เทียบอันดับเทวาเหนือท้องฟ้าอย่างแน่วแน่ เขาเห็นมันค่อย ๆ เผยโฉม และในที่สุดก็เห็นชื่อที่น่าตื่นตาอย่างยิ่ง!
มีชื่อเรียงรายยาวเป็นแถว!
พวกมันเป็นเหมือนมวลไข่มุกที่ส่องประกายเรียงรายบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว ในขณะที่เปล่งรัศมีอันสง่างามที่แตกต่างกันออกไป
บ้างดุร้ายราวกับกระบี่อันคมกริบ และเต็มไปด้วยจิตสังหารที่ไม่มีใครเทียบได้
บ้างก็ลุกโชนเหมือนเปลวไฟ
บ้างก็แผ่วเบาราวกับสายลมอันสดชื่นที่พัดโบกไปทั่วบริเวณ
บ้างก็นิ่งเงียบเหมือนก้อนหิน แต่กลับเปล่งพลังที่ไม่อาจสั่นคลอน
…
ทุกชื่อล้วนแวววาวและรุ่งโรจน์ สูงส่งและทรงพลัง เมื่อพวกมันปรากฏบนเทียบอันดับเทวา ก็ดูเหมือนดวงดาวไม่ถ้วนได้มารวมตัวกัน และชักนำความอัศจรรย์อย่างที่ไม่มีสิ่งใดเทียบได้ มาสู่หัวใจของทุกคนที่จ้องมอง
น่าเสียดาย ที่ไม่ว่าเฉินซีจะพยายามสักเพียงใด ก็ไม่สามารถเห็นชื่อเหล่านั้นได้ชัดเจน และไม่อาจนับได้ว่าทั้งหมดมีกี่รายชื่อ
อย่างไรก็ตาม เฉินซีมั่นใจว่ารายชื่อที่อยู่บนเทียบอันดับเทวาเหล่านั้น เป็นตัวแทนของสิ่งมีชีวิตสูงสุดทั้งหมดที่บรรลุเต๋าและกลายเป็นเทพในตลอดกาลเวลาอันยาวนาน นับตั้งแต่ความโกลาหลถูกเปิดออกและโลกเริ่มก่อตัวขึ้น
พวกเขาคือใครกัน?
ชื่อของฝูซี หนี่หวา ปรมาจารย์แห่งนิกายอำนาจเทวะ ดอกบัวศักดิ์สิทธิ์แห่งความโกลาหล จักรพรรดิยมโลกองค์ที่สาม ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เงาทมิฬ จักรพรรดิมด ห้าจักรพรรดิบรรพกาล… ทั้งหมดก็อยู่ที่นั่นเหรอ?
เฉินซีครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว ในขณะที่นึกถึงผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหมดที่เคยได้ยินมาตั้งแต่เริ่มบ่มเพาะ
ในความงุนงง ดวงตาลึกลับที่เฉยเมยและไร้อารมณ์ พลันปรากฏขึ้นในใจของเฉินซีโดยไร้สาเหตุ และนึกถึงร่างที่พร่ามัวในดวงตาที่หันกลับมามองตน…
หลังจากนั้น หัวใจของเฉินซีก็สั่นสะท้าน ทั้งรู้สึกถึงความหวาดกลัวที่ไม่อาจอธิบายได้ ขนบนร่างกายชูชัน และทันใดนั้นก็สะดุ้งตื่นขึ้นจากความคิดที่สับสนวุ่นวาย
ฟู่!
เฉินซีอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจยาวในขณะที่เผยสีหน้าประหลาดใจ ร่างพร่ามัวที่ปรากฏภายในเนตรทัณฑ์สวรรค์คือใครกันแน่?
ทำไมข้าถึงรู้สึกหวาดกลัวเมื่อนึกถึงเขา?
ฟิ่ว!
ในระหว่างที่เฉินซีกำลังไตร่ตรองอย่างลึกซึ้ง แสงสีทองเหนือท้องฟ้าก็หรี่ลง ในขณะที่กลิ่นอายอันสูงส่งก็หายไป และเทียบอันดับเทวาค่อย ๆ จมหายไปในหมอกหนาทึบพร้อมกับสิ่งนี้
ในขณะนี้ สืออวี๋ก็ลืมตาขึ้นและได้สติกลับมา พร้อมกับแสงอันแปลกประหลาดที่ดูเหมือนแสงแห่งปัญญาวูบวาบบนหว่างคิ้ว เผยให้เห็นรอยยิ้มที่มุมปาก ซึ่งมีร่องรอยของความตื่นเต้นและความยินดีอย่างอธิบายไม่ได้
เมื่อเห็นเช่นนี้ คนอื่น ๆ ก็เข้ามารุมล้อมเขาทันที
“เจ้าได้รับวิธีการบ่มเพาะเพื่อกลายเป็นเทพหรือไม่?”
“เจ้าค้นพบความลับอะไรกันแน่? เทียบอันดับเทวาเกี่ยวข้องกับแดนเทพโบราณหรือไม่?”
“มีเทพกี่องค์อยู่บนเทียบอันดับ?”
ในขณะนี้ แม้แต่เฉินซีก็มองอย่างสงสัยใคร่รู้ แม้จะได้เห็นรายชื่อที่สว่างไสวบนเทียบอันดับเทวาก่อนหน้านี้ แต่ก็ไม่รู้แน่ชัดว่าพวกเขาเป็นใคร
สืออวี๋ตกตะลึงกับคำถามเหล่านี้ เขาขมวดคิ้วและครุ่นคิดอยู่นาน ก่อนที่จะหัวเราะอย่างขมขื่นและไหวไหล่ “ข้ามั่นใจได้เพียงว่า ข้าอยู่ไม่ไกลจากขอบเขตเทวา สำหรับเรื่องอื่นนั้น… อืม มันยากที่จะกล่าว ข้าเข้าใจแต่ไม่สามารถอธิบายได้”
เป็นดั่งที่กล่าวกัน เต๋าวิถีนั้นไร้นาม และเป็นไปไม่ได้ที่จะกล่าวถึงเต๋า
ความเข้าใจและประสบการณ์บางอย่างที่ได้รับมา บางครั้งก็ไม่อาจอธิบายได้
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ทุกคนอดไม่ได้ที่จะผิดหวังเล็กน้อย
เฉินซีก็ตกตะลึงเช่นกัน บางทีอาจมีเพียงมหาเต๋าแห่งเทพเท่านั้นที่สามารถเข้าใจในสิ่งที่แม้แต่ราชันเซียนก็ไม่สามารถอธิบายได้กระมัง?
“ข้าน่าจะลองขัดเกลาและดูดซับผลวิญญาณเต๋าบ้าง ดูสิว่าข้าจะสามารถเข้าใจบางอย่างจากเทียบอันดับเทวาได้หรือไม่” ขณะที่นางกล่าว เซียงหลิวหลีก็นั่งขัดสมาธิบนพื้นแล้วเริ่มดูดซับ
ทว่าทันใดนั้น เทวาคารบรรลุเทพที่อยู่ใต้เท้าของนางพลันสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ทำให้สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไป
“แย่แล้ว! เทวาคารบรรลุเทพนี้กำลังจะพังทลาย!”
“มันไม่ใช่แค่เทวาคารนี้ ดูเหมือนฟ้าดินอันกว้างใหญ่แห่งนี้ก็เริ่มแตกสลายเช่นกัน!”
“รีบออกไปกันเถอะ!”
ก่อนที่เฉินซีจะฟื้นคืนสติ เขาก็ถูกสืออวี๋คว้าตัวไว้ สีหน้าของอีกฝ่ายฉายแววเคร่งเครียด จากนั้นสืออวี๋ก็บินลงจากเทวคารอย่างรวดเร็ว
ไม่ใช่แค่สืออวี๋เท่านั้น เซียงหลิวหลี และคนอื่น ๆ ก็ทะยานออกไปเช่นกัน เพราะเกรงว่าหากช้ากว่านี้เพียงเล็กน้อยจะเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น
เกิดอะไรขึ้น?
เฉินซีรู้สึกงุนงง ทั้งยังไม่เข้าใจว่าทำไมสืออวี๋และคนอื่น ๆ จึงดูกังวลและรีบร้อนขนาดนี้
แต่ในไม่ช้า เขาก็เข้าใจทุกสิ่ง
เพราะทันทีที่สืออวี๋พาเขาไปจากเทวาคารบรรลุเทพ มิติบนท้องฟ้าก็เริ่มแยกออกจากกัน พังทลายและแตกสลาย กลายเป็นความปั่นป่วนของมิติที่พังทลายและถาโถมลงมา
แทบจะในชั่วพริบตาเดียว มันก็ปกคลุมไปทั้งเทวาคารบรรลุเทพ บังเกิดเป็นหลุมดำและรอยแยกที่น่ากลัว ยิ่งไปกว่านั้น หลุมดำและรอยแยกยังแพร่กระจายอย่างรวดเร็วโดยไม่มีที่สิ้นสุด…
ฉากนี้น่าสะพรึงเป็นอย่างยิ่ง มันเหมือนกับหลุมดำในจักรวาลกำลังกลืนกินท้องฟ้าและโลกอันกว้างใหญ่นี้อย่างไม่อาจหยุดยั้ง ถ้าสืออวี๋และคนอื่น ๆ ช้าเพียงนิด ผลที่ตามมาก็คงไม่สามารถจินตนาการได้
เพราะนี่เป็นหายนะที่แม้แต่พลังของราชันเซียนก็ไม่อาจต้านทาน!
ครืน!
ชั่วขณะต่อมา วิสัยทัศน์ของเฉินซีกลายเป็นสีดำ จากนั้นร่างก็สั่นไหวผ่านท้องฟ้า สืออวี๋หิ้วเฉินซีทะยานไปพร้อมกับเขา ได้ยินเพียงคลื่นเสียงระเบิดที่น่าสะพรึงกลัวดังกึกก้องไปรอบ ๆ…