บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] – บทที่ 1360 การล่มสลายของซากโบราณสถานแรกกำเนิด

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บทที่ 1360 การล่มสลายของซากโบราณสถานแรกกำเนิด

บทที่ 1360 การล่มสลายของซากโบราณสถานแรกกำเนิด

ครืน!

ฟ้าถล่มนภาทลาย พลังงานกระโชกโหมแรงกระจายไปทั่วทิศ

เป็นความวิบัติคล้ายฟ้าดินประสบความฉิบหายหนักหน่วง ใต้หล้าเต็มไปด้วยการทำลายล้าง

ตอนนี้เทวาคารบรรลุเทพ ตำหนักบรรลุเทพ ห้วงบรรยากาศโกลาหล… ทุกขอบเขตในใต้หล้ากำลังล่มสลายและแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ เห็นเป็นรูและรอยแยกสีดำน่ากลัวจำนวนมาก

หลุมและรอยแยกดำพวกนี้ขยายตัวออกอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะผ่านไปทางใด ดาราร่วงหล่น ขุนเขาศักดิ์สิทธิ์ล่มสลายกลายเป็นผุยผง ทำลายล้างทุกอย่างสิ้น

ภายในเวลาไม่ถึงเค่อ ความวิบัติก็กระจายไปถึงแดนโลหิตสังหารเทพแล้ว!

ซึ่งหมายความว่าภูมิภาคบรรลุเทพที่อยู่ยั้งยืนยงมาตลอดตั้งแต่บรรพกาลได้ถูกทำลายสิ้น!

แต่การทำลายล้างยังไม่จบ

ครู่ต่อมา ณ แดนโลหิตสังหารเทพที่เป็นศูนย์กลางการทำลายล้าง พลันเกิดหลุมดำและรอยแยกกระจายตัวออกรอบข้าง มันกลืนกินท้องฟ้า ทลายผืนดิน ทำลายห้วงเวลาและอวกาศจนตกอยู่ในความโกลาหล…

มันเป็นเหมือนคลื่นความวิบัติที่ปะทุขึ้นและเริ่มกระจายตัวไปทั่วซากโบราณสถานแรกกำเนิด!

“เวรแล้ว! ซากโบราณสถานแรกกำเนิดกำลังจะถล่ม!”

“รีบออกไปกันเถอะ! หากช้าไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง!”

“บัดซบ! เหตุใดจึงเกิดขึ้นเร็วเช่นนี้?”

“เร็วเข้า! เร็วเข้า! เร็วเข้า! จะเสียเวลาอีกไม่ได้ เราต้องออกไปเดี๋ยวนี้เลย!”

ตอนนี้ นิกายยุคแรกกำเนิด อสูร และสิ่งมีชีวิตทั้งหลายในซากโบราณสถานแรกกำเนิดล้วนตื่นตระหนก

กรรร! กรรร! กรรร!

อสูรทั้งหลายคำรามพร้อมบินหนีด้วยความตกใจ เกิดเป็นความโกลาหลครั้งใหญ่เมื่อพวกมันพากันมุ่งหน้าไปยังปราการกั้นภพที่อยู่ไกลออกไป ผืนดินสั่นสะเทือนและแยกออกจากกัน ท้องฟ้าเต็มไปด้วยอสูรบินว่อน พากันบินอย่างบ้าคลั่งรวมตัวกันเหมือนเมฆดำ

ตอนนี้ทั่วทั้งซากโบราณสถานแรกกำเนิดเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ความโกรธ ความคับข้องใจ ความไม่เต็มใจอย่างไร้ที่สิ้นสุด

เมื่อเจอกับเหตุการณ์สะเทือนเลือนลั่นเช่นนี้ กระทั่งตัวตนอย่างราชันเซียนยังสัมผัสได้ถึงภัย พากันหลบหนีเอาชีวิตรอดกันอลหม่าน

ครืน! ครืน!

ฟ้าลั่นดังสนั่น สายฟ้าฟาดลงมา ซากโบราณสถานแรกกำเนิดถูกปกคลุมไปด้วยบรรยากาศน่าหวาดกลัวดั่งวันโลกาวินาศ

นับแต่อดีตนานมาแล้ว ซากโบราณสถานแรกกำเนิดได้กลายเป็นสถานที่เริ่มต้นความวิบัติแห่งสามภพ ด้วยเหตุนี้นิกายยุคแรกกำเนิดจำนวนมากจึงหมายตาภพเซียนไว้ คิดจะย้ายนิกายจากซากโบราณสถานแรกกำเนิดของตนไปยังภพเซียน

แต่พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าความวิบัตินี่จะปะทุขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นนี้ พลันเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาทั้งที่ยังไม่ทันเตรียมความพร้อมเลยด้วยซ้ำ!

ตอนนี้จึงไม่มีใครกล้าลังเลหรือเปลี่ยนใจ พากันหนีสุดกำลัง

เวลาผ่านไปหนึ่งก้านธูป ก็เกิดแรงระเบิดสะท้านฟ้าดินขึ้นทั่วซากโบราณสถานแรกกำเนิด พลังเต๋าแห่งสวรรค์ที่คอยค้ำจุนซากโบราณสถานแรกกำเนิดก็เริ่มพังทลายลง!

ซึ่งหมายความว่าแก่นพลังของซากโบราณสถานแรกกำเนิดกำลังจะหายไป!

“แก่นพลังกำลังพังแล้ว หากไม่รีบออกไปเราต้องตายแน่!”

เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่อาจรู้ได้ เฉินซีจึงได้สติ เขาถูกพาเดินทางข้ามมิติมาโดยสืออวี๋ ได้ยินแต่เสียงระเบิดดังสะเทือนเลือนลั่นมาตลอดทาง ดังมากจนรู้สึกปวดแก้วหูตุบ ๆ

ตอนนี้เขาอยู่เหนือทะเลคลั่งที่มีแต่สายฟ้าและลมพายุฟาดลงมา สวนคลื่นลมก็ซัดสาดขึ้นฟ้าสูง

ด้านข้างเขาคือสืออวี๋ เซียงหลิวหลี มหาปราชญ์ย่ำสวรรค์ ซุนอู๋เหิ่น ต้าวเหยา และผางตู่ยังคงมีสีหน้าเคร่งขรึมแล้วเหินร่างต่อเต็มกำลัง

ไม่มีใครพูดอะไร บรรยากาศกดดันยิ่ง

ผ่านไปไม่นาน เฉินซีถึงมั่นใจว่าออกจากซากโบราณสถานแรกกำเนิดมาได้แล้ว ตอนนี้กำลังอยู่เหนือทะเลอนันตรา

“ก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่?” หลังจากคิดอยู่ชั่วครู่ สุดท้ายเฉินซีก็ถามขึ้นจนได้

“ซากโบราณสถานแรกกำเนิดถูกทำลายไม่เหลือซากแล้ว…” สืออวี๋ถอนหายใจมุ่นคิ้ว

ว่าอย่างไรนะ!?

เฉินซีได้ยินแล้วก็อึ้งไป ไม่อยากเชื่อสองหูตนเอง เขาหันกลับไปมองก็เห็นแต่ภาพฟ้าผ่าฟ้าลั่นราง ๆ และไม่เห็นสิ่งอื่นใดอีก

ซากโบราณสถานแรกกำเนิดถูกทำลายแล้วจริง ๆ!

หมายความว่าความวิบัติแห่งสามภพเริ่มต้นขึ้นแล้วหรือ?

ข่าวกะทันหันเช่นนี้น่าตกใจเกินไปมาก ส่งผลให้เฉินซีตกตะลึงจนไม่อาจดึงสติได้

จากนั้นเฉินซีก็นึกบางเรื่องได้ รีบถามมหาปราชญ์ย่ำสวรรค์ขึ้นว่า “แม่นางเจิ้นและคนอื่น ๆ เล่า? พวกเขาออกจากหุบเหวศักดิ์สิทธิ์แห่งความมืดหรือยัง?”

เขารู้ดีว่ามหาปราชญ์ย่ำสวรรค์เคยสัญญาว่าจะพาเขาไปหุบเหวศักดิ์สิทธิ์แห่งความมืดหลังออกจากภูมิภาคบรรลุเทพ เขาจะได้ไปพบเจิ้นหลิวชิงและคนอื่น ๆ แต่ตอนนี้กลับเกิดเหตุไม่คาดฝัน ทำให้ใจเขาเป็นกังวลขึ้นมาไม่น้อย

“ไม่ต้องห่วง มีอาจารย์ข้าอยู่ พวกเขาคงออกไปนานแล้ว” มหาปราชญ์ย่ำสวรรค์ตบไหล่ปลอบเฉินซี

อาจารย์ของเขา นักพรตเต๋าเซวี่ย เป็นยอดฝีมือเร้นกาย มีเขาคุ้มครองอยู่ เจิ้นหลิวชิงกับคนอื่น ๆ คงเดินทางออกซากโบราณสถานแรกกำเนิดไปนานแล้ว

เฉินซีได้ยินก็เบาใจลงเล็กน้อย ถึงจะพลาดโอกาสพบเจิ้นหลิวชิงและคนอื่น ๆ ไป แต่หากไม่มีใครเป็นอะไรย่อมดีที่สุด

“ศิษย์น้องหญิงหลีพอจะคาดเดาสิ่งใดได้บ้างหรือไม่?” ทันใดนั้น คำถามของสืออวี๋ก็เรียกความสนใจจากเฉินซีได้

“ข้าคิดว่าการล่มสลายของซากโบราณสถานแรกกำเนิดครั้งนี้เป็นลางบอกเหตุความวิบัติแห่งสามภพเท่านั้น และมันคงไม่เกิดขึ้นในสามภพอีก อย่างน้อยก็พันปี” เซียงหลิวหลีเหมือนตกอยู่ในภวังค์ความคิด หน้าผากงามเรืองแสงแห่งปัญญา

พอทุกคนได้ยินก็ถอนหายใจโล่งอก

เห็นได้ชัดว่าราชันเซียนทั้งหลายเองก็เป็นกังวลว่าเหตุไม่คาดฝันในซากโบราณสถานแรกกำเนิดครั้งนี้ จะทำให้เกิดความวิบัติแห่งสามภพเช่นกัน แต่พอได้ยินคำเซียงหลิวหลีก็ทำให้คลายใจลงบ้าง

อีกพันปีอย่างนั้นหรือ?

เป็นเวลาพร้อมรับภัยพิบัติที่มากพอดีเชียว!

ตอนนี้เฉินซียังไม่เข้าใจความลึกล้ำของพลังแห่งอนุมานเช่นนี้ แต่พอได้ยินคำตอบของเซียงหลิวหลีก็โล่งใจขึ้นมาก ได้แต่คิดว่า คงต้องกลับไปยังราชวงศ์ซ่งก่อนความวิบัติแห่งสามภพจะเกิดเพื่อเตรียมความพร้อมให้เฉินฮ่าวและคนอื่น ๆ เสียแล้ว!

ภายใต้การนำของสืออวี๋และราชันเซียนคนอื่น ๆ ที่เคลื่อนมิติผ่านห้วงอากาศ เฉินซีและพวกจึงมาถึงที่ริมฝั่งทะเลอนันตราภายในเวลาไม่ถึงชั่วยาม

เมื่อได้มองเมืองคนบาปที่คุ้นตา เฉินซีก็รู้สึกเหมือนเวลาผ่านไปนานหลายปี

การเดินทางสู่ซากโบราณสถานแรกกำเนิดครั้งนี้ทำให้หูตาเขากว้างไกล ได้รับประสบการณ์กว้างขวางขึ้น ไม่เพียงแต่จะสามารถทะลวงสู่ขอบเขตเซียนปราชญ์ได้ แต่ยังได้รับประโยชน์อื่น ๆ อีกมากมาย

เช่น ผลวิญญาณเต๋าสิบเอ็ดผลที่เขามีอยู่ตอนนี้ก็เป็นสมบัติล้ำค่าที่หากราชันเซียนคนไหนได้เห็นเป็นต้องเกิดความโลภขึ้นมาทุกคน

นอกจากนั้นประสบการณ์ที่ได้รับมาตลอดทางยังทำให้เฉินซีเกิดความเข้าใจขอบเขตราชันเซียน ขอบเขตเทวา และเรื่องเกี่ยวกับสามภพมากขึ้นอย่างลึกซึ้ง

เช่น ขอบเขตราชันเซียนก็มีกฎแห่งราชันเซียน เป็นผู้อยู่เหนือสามภพผู้ใฝ่หามหาเต๋าแห่งทวยเทพ

ส่วนขอบเขตเทวานั้น จะต้องใช้ผลวิญญาณเต๋าเป็นรากฐานเพื่อก้าวขึ้นสู่การเป็นเทพ

และยังมีความรู้อื่น ๆ อีกมากมายที่เป็นประโยชน์ต่อการบ่มเพาะพลังในอนาคต

พร้อมกันนั้น เฉินซีก็รู้ดีว่าหลังจากการเดินทางครั้งนี้จบลง นิกายอำนาจเทวะคงได้เกลียดเขาเข้ากระดูกดำ ไม่ว่าจะเป็นเพราะกระบี่เต๋าวิบัติในมือ หรือการที่ทำลายแผนอีกฝ่ายซ้ำแล้วซ้ำเล่า เท่านั้นก็มากพอที่จะทำให้นิกายอำนาจเทวะหมายมั่นปั้นมือจะสังหารเขาให้ได้แล้ว

ทว่าเฉินซีหาได้กลัวไม่

ตอนนี้เขาสานสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับพวกสืออวี๋ ทั้งยังเป็นคนของเขาเทพพยากรณ์ จึงไม่จำเป็นต้องกลัวนิกายอำนาจเทวะแม้แต่น้อย

สิ่งเดียวที่ยังทำให้เฉินซีรู้สึกสับสนคือเนตรทัณฑ์สวรรค์เป็นตัวตนอะไรกันแน่ แล้วเงาร่างเลือนรางที่ปรากฏขึ้นภายในม่านตาเนตรทัณฑ์สวรรค์นั่นคืออะไร?

เฉินซีสงสัยเกี่ยวกับเทียบอันดับเทวา สงสัยว่าใครเป็นคนควบคุมมัน

เขาไม่รู้ว่าเหตุใดชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากถึงได้ตื่นขึ้นหลายครั้งหลายครา ทั้งยังเผยความโกรธและความเกลียดชังต่อเนตรทัณฑ์สวรรค์และเทียบอันดับเทวาถึงเพียงนั้น

ไม่แน่ว่าข้าอาจจะได้คำตอบยามที่รวบรวมชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากจนครบก็ได้กระมัง? เฉินซีคิดในใจ

“ไปเถอะ เข้าเมืองไปพักกันสักหน่อย” พร้อมกันนั้น สืออวี๋ก็ทอดสายตามองเมืองคนบาปที่ตั้งอยู่ไกล ๆ พลางเผยรอยยิ้ม

คนอื่น ๆ พยักหน้าเห็นด้วย

จังหวะที่สืออวี๋และคนอื่น ๆ กำลังจะเข้าไปในเมืองคนบาป เหล่าตัวตนผู้ยิ่งใหญ่แห่งสามภพ เหมือนจะสังเกตเห็นบางอย่าง พากันมองไปยังทิศทางเดียวพร้อมกัน

“ซากโบราณสถานแรกกำเนิดถูกทำลายแล้ว…”

“ความวิบัติแห่งสามภพใกล้เข้ามาแล้ว เฮ้อ!”

ได้ยินเสียงถอนหายใจด้วยแรงอารมณ์ดังขึ้นเป็นครั้งคราว ไม่นานนิกายโบราณทรงอำนาจทั้งหลายในภพเซียนก็ได้ยินข่าว ล้วนพากันตกตะลึงไม่อยากเชื่อ

ทว่าข้อมูลลับเช่นนี้ทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในหมู่ยอดฝีมือชั้นสูงของภพเซียนเท่านั้น

ส่วนสิ่งมีชีวิตอีกมากมายที่อาศัยอยู่ในทวีปทั้ง 4,900 แห่งของภพเซียนนั้น พวกเขาไม่รู้ถึงการมีอยู่ของซากโบราณสถานแรกกำเนิดด้วยซ้ำ ดังนั้นจึงไม่รู้ว่าดินแดนโบราณที่ตั้งอยู่มานานเกินนับ ตอนนี้ได้ถูกทำลายสิ้น

“ท่านเจ้าสำนัก ซากโบราณสถานแรกกำเนิดถูกทำลายแล้ว” ภายในแดนซ่อนเร้นขนาดใหญ่ของสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า ฉือฉางเซิงร่างผอมเตี้ย เจ้าของกลิ่นอายน่าเกรงขาม เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงโศกเศร้าแลผิดหวัง

ชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนเสื่อตรงหน้าฉือฉางเซิง ชายหนุ่มมีลักษณะทั่วไป แต่หว่างคิ้วกลับเผยร่องรอยแห่งอายุและประสบการณ์ เหมือนผ่านกาลเวลามายาวนาน

หากมองจากไกล ๆ คนผู้นี้ไม่คล้ายมนุษย์สักนิด แต่เหมือนท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ไพศาลและเต็มไปด้วยดวงดาวเสียมากกว่า

ชายหนุ่มถือคัมภีร์หยกโบราณสีเขียวไว้ในมือ และกำลังไล่สายตาอ่าน ยามได้ยินก็ไม่ได้ละสายตาจากมันเลยสักนิด “ก็เป็นเรื่องที่ถูกกำหนดไว้แล้ว”

ฉือฉางเซิงยิ้มขื่น ดูลังเลเล็กน้อยก่อนเอ่ยว่า “ข้า… ข้าเพียงแต่…”

“เจ้าเสียใจที่ไม่ได้ไปต่อสู้เพื่อชิงวิธีขึ้นเป็นเทพหรือ?” ชายหนุ่มพลันเงยหน้าขึ้นมองฉือฉางเซิงด้วยความขบขัน “ในใต้หล้านี้ ไม่ได้มีแต่ภูมิภาคบรรลุเทพเท่านั้นที่จะมีความลับการขึ้นเป็นเทพ เหตุใดเจ้าถึงยึดติดกับมันเช่นนี้?”

“ไอ้หยา!” ฉือฉางเซิงที่ปกติมีอารมณ์ร้ายและไร้เหตุผลกลับเผยท่าทีโศกเศร้าไม่สบายใจ สุดท้ายก็ถอนหายใจยาวออกมา “เพราะข้ารอมาหลายหมื่นปีแล้ว ตอนนี้ความวิบัติแห่งสามภพกำลังจะปะทุ หากยังไม่สามารถขึ้นขอบเขตเทวา เช่นนั้น… เช่นนั้น…”

“เอาละ” ชายหนุ่มวังคัมภีร์ลง จากนั้นครุ่นคิดอยู่ในภวังค์ตนก่อนเอ่ย “ไปเตรียมการเดินทางสู่แดนโบราณจักรพรรดิเต๋าก่อนเถอะ เตรียมพร้อมเมื่อไหร่ ข้าจะเป็นคนชี้แนะเจ้าสู่หนทางการขึ้นเป็นเทพเอง”

ฉือฉางเซิงชะงัก จากนั้นพลันรู้สึกสดใสขึ้นมา รีบคลี่ยิ้มป้องมือตอบ “ขอบพระคุณท่านเจ้าสำนัก!”

จากนั้นเขาก็เกาศีรษะแล้วเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้างุนงง “แดนโบราณจักรพรรดิเต๋าหรือ? เราจะไม่รอเด็กคนนั้น เด็กเฉินซีนั่น ให้กลับมาก่อนหรือ?”

“เขาใกล้จะกลับมาแล้ว” ชายหนุ่มคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วโบกมือ “ไปเถอะ แดนโบราณจักรพรรดิเต๋าเปิดเมื่อไหร่ ก็ให้หลิงชิงอู๋และเยี่ยถังเข้าไปกับคนอื่น ๆ ได้เลย”

 

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

Status: Ongoing
เกิดมาถูกตราหน้าเป็นตัวซวยประจำเมือง แต่พวกเจ้าทั้งหมดจงเตรียมตัวไว้ ข้าเฉินซีผู้นี้จะทำให้พวกเจ้าก้มหัวศิโรราบภายใต้มหาเต๋ายันต์อักขระที่ข้าสร้าง!รายละเอียด เรื่องย่อ เฉินซี เด็กหนุ่มผู้ได้รับฉายา ‘ตัวซวยสุดขีด’ ประจำเมืองสนหมอก เขาคือผู่ที่ไม่ว่าเดินไปทางใดก็มีแต่ชาวบ้านหลีกทางให้เนื่องจากกลัวติดความโชคร้าย ยามเมื่อกำเนิดลืมตาดูโลกตระกูลเฉินของเขาที่เคยยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองสนหมอกถูกสังหารหมู่ตายไปนับพันจนเหลือคนแค่เพียงหยิบมือ จากนั้นไม่นานต่อมาบิดาและมารดาหายสาปสูญ ถัดมาเมื่อเติบโตจนรู้ความ สัญญามั่นหมายถูกฉีกต่อหน้าผู้คนทั้งนคร เหตุใดชีวิตข้าจึงเป็นเช่นนี้? หรือสวรรค์เกลียดชังเคียดข้า? ทว่าใยไม่ลงโทษข้าเพียงผู้เดียวแต่กลับดลบรรดาลให้เกิดหายนะแก่ผู้คนรอบข้างข้าด้วย ไม่ยุติธรรม! ข้าไม่ยินยอม! คอยดูเถิดสวรรค์ ข้าจะบรรลุเต๋ายันต์สาปส่งเจ้า ข้าจะทำลายผู้คนที่ย่ำยีตระกูลข้าให้สิ้น ข้าจะทำให้สรรพสิ่งทั้งสามโลกก้มกราบกรานข้า ประสานเสียงแซ่ซ้องเทิดทูนข้า ‘มหาจักรพรรดิอักขระยันต์’ นี่คือเรื่องราวของเด็กหนุ่มนามเฉินซี ผู้ถูกชะตาชีวิตบังคับให้ไม่อาจบ่มเพราะได้เฉกเช่นผู้คนทั่วไปแต่ต้องศึกษาวิชาเขียนยันต์อักขระ เพื่อขายประทังชีพให้แก่ครอบครัว ทว่าในยามดิ้นรนนั้นมันกลัยทำให้เขารู้แจ้งพื้นฐานในแขนงยันต์ยิ่งกว่าผู้ใดในเมืองซึ่งท้ายที่สุดมันทำให้เขากลับกลายเป็นมหาจักรพรรดิยันต์ผู้อยู่เหนือสามโลกเก้าสวรรค์!

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท