สืบแค้นคุณหนูสวมรอย – ตอนที่ 219 คลื่นลมพัดโหม

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

ตอนที่ 219 คลื่นลมพัดโหม

“คุณหนูโค่ว?” พอเห็นซินโย่ว ซิ่วอ๋องก็นึกคาดไม่ถึงอยู่บ้าง

ซินโย่วกลับไม่รู้สึกแปลกใจ

จวนซิ่วอ๋องกับจวนชิ่งอ๋องติดกัน ร้านน้ำชานี้ใกล้กับจวนชิ่งอ๋อง ก็ย่อมใกล้กับจวนซิ่วอ๋อง ได้พบซิ่วอ๋องเป็นเรื่องปกติ

“ถวายบังคมซิ่วอ๋อง”

“คุณหนูโค่วไม่ต้องมากพิธี เจ้ามาดื่มน้ำชาหรือ” ซิ่วอ๋องน้ำเสียงแสดงความสนิทสนมอยู่มาก

ซินโย่วนึกถึงไมตรีของซิ่วอ๋องในงานเลี้ยงเหอหยวน ก็ตอบรับอย่างสุภาพ “เพคะ มาดื่มน้ำชา ซิ่วอ๋องเองก็มาดื่มน้ำชาหรือเพคะ”

ซิ่วอ๋องยิ้มเอ่ยขึ้นว่า “ร้านอาหารนี้นับว่าสงบและสะอาด ใกล้กับจวนอ๋อง ก็จะมาบ้าง”

“เช่นนั้นก็ไม่รบกวนซิ่วอ๋องดื่มน้ำชาแล้วเพคะ” ซินโย่วย่อกายขอตัวเดินไปที่รถม้า

ซิ่วอ๋องมองตามซินโย่วขึ้นรถม้าก่อนหันเงยหน้าไปมอง

หน้าต่างชั้นสองเผยให้เห็นใบหน้าครึ่งหนึ่ง ซิ่วอ๋องจำได้ว่านั่นคือชิ่งอ๋อง

ชิ่งอ๋องเองก็เห็นเขา

สองพี่น้องคนหนึ่งนั่งชั้นบน คนหนึ่งยืนอยู่บนถนน สบตากันไกลๆ

ชิ่งอ๋องแค่นเยาะก่อนจะถอนสายตากลับ

ซิ่วอ๋องหลุบตาลงนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะหันกลับจวน

หลายวันต่อจากนั้น ซินโย่วก็รอคอยข่าวจากเฮ่อชิงเซียวเงียบๆ พลันมีข่าวลือสะพัดขึ้น หลายวันนี้กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินกำลังหาตัวท่านซงหลิง และท่านซงหลิงก็คือคนของฮองเฮาซินที่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย!

ผ่านไปสิบกว่าปี ราชสำนักและชาวบ้านแทบจะลืมฮองเฮาพระองค์นี้ไปแล้ว แต่พอกระแสลมนี้พัดกระพือขึ้น ก็พลันก่อเกิดคลื่นใหญ่

ในราชสำนัก การกลับมาของฮองเฮาซินหรือไม่ย่อมส่งผลต่อสถานการณ์ในตอนนี้อย่างไม่ต้องสงสัย ส่วนในหมู่ชาวบ้าน มีคนยังจดจำพระเมตตาของฮองเฮาได้ สำหรับคนมากมายเหล่านั้นแล้วไม่มีเรื่องใดอยากรู้อยากเห็นมากไปกว่าเรื่องนี้อีกแล้ว

จวนกู้ชางป๋อยังคงจมจ่อมอยู่กับความโศกเศร้า ไม่มีเวลามาสนใจเรื่องพวกนี้ แต่บรรดาจวนต่างๆ ที่ความรู้สึกไวต่างเริ่มคาดเดาว่าการตายของกู้ชางป๋อจะเกี่ยวข้องกับฮองเฮาหรือไม่

ไม่เช่นนั้นเหตุใดฮองเฮาหายตัวไปไร้ร่องรอยนานปีไม่มีข่าวคราวเสียที แต่พอกู้ชางป๋อที่ได้รับพระเมตตามาตลอดตายไป เหตุใดจึงมีข่าวได้

หลังจากชิ่งอ๋องได้ยิน ในใจก็ตกต่ำสุดขีด

หลายปีมานี้ยังดี ตอนเด็กเขามักได้ยินเสด็จแม่เอ่ยถึงฮองเฮาพระองค์นั้นอยู่ตลอด

ว่ากันว่าฮองเฮาพระองค์นั้นพระทัยแคบ อิจฉาริษยา ถึงกับไม่ยอมให้เสด็จพ่อมีวังหลัง ส่วนเสด็จพ่อก็ถึงกับตามใจนาง ได้แต่แอบรับพระสนม

ใต้หล้านี้มีเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ที่ไหนกัน หากฮองเฮาพระองค์นั้นกลับมา พวกเสด็จแม่ยังจะมีชีวิตที่ดี กันอีกหรือ

ปฏิกิริยาแรกของชิ่งอ๋องก็คือเข้าวังไปเข้าเฝ้าพระสนมซูเฟย แต่ก็พลันคิดถึงคำพูดซินโย่วขึ้นมา

คุณหนูโค่วบอกว่าจากนี้ไปดวงชะตาจะไม่ค่อยดี ถึงกับแม่นยำอีกแล้ว!

ที่ปรึกษาชิ่งอ๋องเอ่ยกล่อมว่า “ฝ่าบาทไม่ให้ท่านอ๋องเข้าเฝ้า ท่านอ๋องเข้าวังให้น้อยจะดีกว่า เคลื่อนไหวมิสู้นิ่งสงบตั้งรับ”

“นิ่งสงบ…” ชิ่งอ๋องพึมพำ

“ท่านอ๋องกล่าวอันใดขอรับ”

ชิ่งอ๋องตั้งสติได้ “ไม่มีอันใด ข้าออกไปข้างนอกหน่อย”

ที่ปรึกษามีสีหน้าแปรเปลี่ยน “ท่านอ๋องจะไปหาคุณหนูโค่ว?”

ชิ่งอ๋องนิ่งอึ้งไปทันที “ท่านรู้ได้อย่างไร”

เขาไปร้านหนังสือชิงซงสองสามครั้ง แต่ก็ไม่ควรคาดเดาได้ทันทีกระมัง

ที่ปรึกษากลับคาดเดาไปอีกทางหนึ่ง “ด้านนอกมีข่าวลือว่าท่านซงหลิงเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของฮองเฮาซิน และหาร่องรอยท่านซงหลิงไม่พบ ข้าน้อยรู้ว่าท่านอ๋องคิดไปสอบถามข่าวท่านซงหลิงจากคุณหนูโค่ว แต่ตอนนี้เกรงว่ามีคนคนจับตาดูคุณหนูโค่วอยู่ไม่น้อย ท่านอ๋อง สถานการณ์กำลังอ่อนไหว หลบเลี่ยงคำครหาเสียหน่อยน่าจะดีกว่า…”

ชิ่งอ๋องพยักหน้าเบาๆ “ท่านพูดมามีเหตุผล”

ดังคาด คุณหนูโค่วพูดไม่ผิด ระยะนี้เขาควรนิ่งสงบไว้จะดีที่สุด

ชิ่งอ๋องล้มเลิกความคิดที่จะไปหาคุณหนูโค่ว ซินโย่วส่งคนไปหาเฮ่อชิงเซียว

ข่าวนี้เห็นชัดว่าไม่ได้ปล่อยมาจากกองกำลังองครักษ์จิ่นหลิน

สือโถวกลับมาพร้อมข่าวว่า “ใต้เท้าเฮ่อเข้าวังไปแล้วขอรับ”

“ไปทำงานได้แล้ว” ซินโย่วสีหน้านิ่งสงบ ในใจรู้สึกเป็นห่วงเฮ่อชิงเซียวขึ้นมา

ใต้เท้าเฮ่อเข้าวังยามนี้ เกรงว่าคงโดนตำหนิ

ยามนี้เฮ่อชิงเซียวกำลังอยู่ในวัง เผชิญหน้ากับฮ่องเต้ซิงหยวนตี้สีพระพักตร์เคร่งเครียด

“เหตุใดเรื่องกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินตามหาตัวท่านซงหลิงจึงแพร่ออกไปได้”

ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ย่อมมิใช่ได้ข่าวมาจากกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินเพียงแหล่งเดียว

“กระหม่อมควบคุมไม่เข้มงวด ขอฝ่าบาทโปรดอภัยโทษกระหม่อมด้วย”

“แล้วร่องรอยท่านซงหลิงมีความคืบหน้าหรือไม่” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ตรัสถามอีก

เฮ่อชิงเซียวก้มหน้าลง “ตอนนี้ยังพ่ะย่ะค่ะ”

“คนที่ต้องการหา หาไม่พบ เรื่องกลับแพร่ออกไปเป็นกระแส ชิงเซียว เจ้าทำให้เราผิดหวังแล้ว”

เฮ่อชิงเซียวคุกเข่า “กระหม่อมขอน้อมรับผิดพ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ประทับนั่งบนเก้าอี้มังกร ทอดพระเนตรลงมายังชายหนุ่มที่คุกเข่าขอรับผิดด้วยสีหน้าที่ยิ่งเคร่งเครียด

ความเงียบที่ทำให้คนหายใจไม่ออก เสียงฮ่องเต้ที่ฟังไม่ออกว่าอยู่ในอารมณ์ใด “เราไม่เชื่อ ท่านซงหลิงคนเป็นๆ ทั้งคนจะหาตัวไม่พบได้อย่างไร ปลายเดือนเราต้องได้คำตอบ ชิงเซียว เจ้าอย่าได้ทำให้เราผิดหวังอีก”

“พ่ะย่ะค่ะ”

ตอนออกจากวังหลวง แสงแดดเจิดจ้าก็ส่องมากระทบ

ถึงปลายฤดูใบไม้ผลิแล้ว อีกไม่นานก็คงเข้าสู่เดือนสี่แล้ว

ปลายเดือนก็คือเวลาที่ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ทรงขีดไว้

เฮ่อชิงเซียวกลับถึงที่ทำการ ลูกน้องก็รายงานเรื่องที่คุณหนูโค่วส่งคนมาหา

อ่านรายงานลับจบไปหนึ่งรอบ เขาจึงได้ออกไป

ร้านหนังสือชิงซง ผู้ดูแลร้านหูดีดลูกคิดบ้างหยุดบ้าง ในใจกลัดกลุ้ม

ท่านซงหลิงก่อเรื่องใหญ่แล้ว!

เดิมเรื่องของบรรดาเชื้อพระวงศ์ชนชั้นสูงก็ห่างไกลจากชาวบ้านอย่างพวกเขามาก หลายเดือนนนี้กลับกลายเป็นความปกติ หากท่านซงหลิงมีอันใด คงส่งผลกระทบต่อร้านหนังสือเราอย่างมาก

“ใต้เท้ามาแล้ว” หลิวโจวเห็นชายชราหนวดเคราขาวเดินเข้ามาก็รีบเข้าไปต้อนรับ

ผู้ที่มาก็คือเมิ่งจี้จิ่ว

ตั้งแต่เมิ่งจี้จิ่วได้อ่าน ‘วาดหนัง’ แม้ไม่อาจกล่าวว่าเป็นแขกประจำร้านหนังสือแต่ก็มักจะมาเดินดูหนังสือบ้างเป็นบางครั้ง

ผู้ดูแลร้านหูเองก็ตั้งสติได้ รีบทักทายเมิ่งจี้จิ่วอย่างกระตือรือร้น

“พวกเจ้าทำงานไปเถอะ” เมิ่งจี้จิ่วโบกมือก่อนเดินไปที่ชั้นหนังสือ สายตาเหลือบมองไปยังประตูห้องรับรอง

พอม่านสีเขียวเลิกขึ้น ซินโย่วก็เดินออกมา

“ใต้เท้าเมิ่ง”

เมิ่งจี้จิ่วหัวเราะเบาๆ พลางถามขึ้นว่า “คุณหนูโค่วมีนิยายใหม่ไหม”

“เรามีพิมพ์คัมภีร์และรวมบทความเพิ่มอีกหลายเล่ม ใต้เท้าเมิ่งต้องการอ่านหรือเจ้าคะ”

“‘บันทึกตะวันตก’ เล่มสามยังไม่ออกอีกหรือ” เมิ่งจี้จิ่วถามพลางเดินลึกเข้าไปในชั้นหนังสือ

ซินโย่วย่อมตามเข้าไป “เดิมจะออกแล้ว คิดไม่ถึงระยะนี้มีข่าวลือเกี่ยวกับท่านซงหลิงกระพือขึ้น ข้ารู้สึกว่าช้าอีกหน่อยจะเหมาะสมกว่า”

เมิ่งจี้จิ่วมองสาวน้อยสีหน้าผ่าเผยตรงหน้าทีหนึ่ง

ชั้นหนังสือตั้งเรียงราย กลิ่นหมึกตลบอบอวล

“คุณหนูโค่วรู้สึกว่าเป็นเพียงข่าวลือหรือ” เมิ่งจี้จิ่วพลันถามขึ้น

สีหน้าซินโย่วแสดงความตกใจได้อย่างพอเหมาะ แล้วก็ส่ายหน้าเอ่ยว่า “ไม่กระจ่างชัดนัก ข้าติดต่อกับท่านซงหลิงเรื่องการค้าเท่านั้น ไม่ได้ถามเรื่องส่วนตัวของเขา”

“เช่นนี้หรือ” เมิ่งจี้จิ่วทอดเสียงยาว ฟังแล้วเหมือนแฝงความนัย

ซินโย่วสีหน้าจริงใจเปิดเผย

ร้านหนังสือชิงซงมีความสัมพันธ์กับท่านซงหลิงมากที่สุด ตอนนี้มีคนไม่รู้เท่าไรจับตามองนาง หากนางเผยความหวาดกลัวออกมา ความยุ่งยากก็คงไม่จบไม่สิ้น

เมิ่งจี้จิ่วกวาดตามองไปยังประตูห้องโถงทีหนึ่ง ควักม้วนภาพหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อแล้วก็คลี่ออก

“คุณหนูโค่ว นี่คือท่านซงหลิงหรือ”

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

Status: Ongoing
เมื่อมารดาถูกสังหาร ซินโย่วจึงมายังเมืองหลวงเพื่อสืบหาตัวฆาตกร แต่เมื่อสืบลึกลงไปก็กลับต้องพบกับความจริงอันน่าตกใจภายในนั้น…รายละเอียด นิยายรัก-สืบสวน ครบรสจากนักเขียนมากฝีมือ ‘ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ย’ขณะที่ ซินโย่ว กำลังเดินทางเข้าสู่เมืองหลวงเพื่อสืบหาเบาะแสสำคัญของฆาตกรสังหารมารดาก็ได้บังเอิญจับพลัดจับผลูตกหน้าผาแล้วเข้าสวมรอยฐานะของ โค่วชิงชิง คุณหนูหลานนอกของจวนรองเจ้ากรมพระราชยานหลวงเข้าเพราะทรัพย์สินมากมายโค่วชิงชิงจึงถูกญาติที่มาหวังพึ่งพิงผลักตกหน้าผาจนถึงแก่ความตาย นั่นทำให้นางได้เข้ามาสวมฐานะของอีกฝ่ายซินโย่วนั้นมีดวงตาที่พิเศษกว่าคนทั่วๆ ไป นางสามารถมองเห็น ‘เรื่องร้าย’ ที่จะเกิดขึ้นกับคนผู้หนึ่งได้โดยไม่เลือกว่าจะเป็นผู้ใด เวลาไหนประกอบกับไหวพริบอันชาญฉลาดทำให้นางสามารถอยู่ในสถานะนี้ได้อย่างไม่ยากเย็นนักเพื่อสืบเรื่องฆาตกรสังหารมารดาซินโย่วจำต้องใช้ฐานะใหม่ที่มีสืบหาเบาะแสจาก ‘บันทึกโบตั๋น’ เปื้อนเลือดที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุยิ่งสืบลงลึกเรื่องราวก็เหมือนจะซับซ้อนยิ่งกว่านั้นเรื่องราวในอดีตเบาะแสที่โยงใยสืบเนื่องกันมา ได้เวลาเผยโฉมแล้ว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท