คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 689 นับว่าเจ้าอยู่เป็น

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 689 นับว่าเจ้าอยู่เป็น

ด้วยความฉลาดที่มีอย่างจำกัด ปีศาจเฒ่าเฮยซาเชื่อความร้ายกาจของฉินหลิวซีจริงๆ คนผู้นี้มาจากโลกอื่น มีไฟนรกติดตัว หากไม่ได้ไปขโมยยมโลกมาแล้วจะเป็นอะไรไปได้อีก หรือว่ามีมาตั้งแต่กำเนิด

เพราะว่าเชื่อแล้ว ดังนั้นสายตาที่มันมองฉินหลิวซีจึงมีความยำเกรงและระมัดระวังมากขึ้นอีกเล็กน้อย

มันกลัวว่าหากคนบ้าคลั่งผู้นี้ไม่สบอารมณ์ แล้วปลุกไฟขึ้นมาอีก เช่นนั้นตัวเองก็จะกลายเป็นหมีย่างแล้ว

ปีศาจเฒ่าเฮยซาสัมผัสบริเวณขนที่เปลือยเปล่าของตัวเองด้วยความผวา มองดูท้องฟ้ายามค่ำคืนอันมืดมิด จิตใจเหมอลอยเล็กน้อย

มันเป็นผู้มีอำนาจแห่งทะเลทรายดำนี้ เหตุใดไม่ถึงหนึ่งวันก็ถูกเปลี่ยนผู้มีอำนาจแล้ว

เป็นเพราะฝึกบำเพ็ญไม่พอ มิเช่นนั้นจะสู้คนผู้นี้ไม่ได้ได้อย่างไร แต่ที่น่าโมโหก็คือมันเฝ้าผลเต้ากั่วสีม่วงมาเป็นเวลาหลายร้อยปี อยากจะอาศัยมันในการพัฒนาไปอีกขึ้น แต่กลับคิดไม่ถึงว่าไม่เหลือให้มันเลยแม้แต่ผลเดียว

ความเสียใจปะทุออกมาจากข้างใน

“แงงง…”

“ร้องไห้ทำไมอีก เจ้าเป็นถึงปีศาจเฒ่าเฮยซาผู้สง่างามราวกับหมี ร้องไห้งอแงอย่างกับเด็กผู้หญิง มันใช่เรื่องหรือ” ฉินหลิวซีจ้องมัน

ปีศาจเฒ่าเฮยซากัดมือ จ้องกลับไปอย่างไม่พอใจ แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายหรี่ตาลง ก็รีบเบือนหน้าหนีไปทางอื่น

ผีสามตนที่กำลังกินกลิ่นธูปมองหน้ากัน จากนั้นก็ลอยถอยหลังไกลออกไปอีกเล็กน้อย อารมณ์ของพวกเขาซับซ้อนพอๆ กันกับปีศาจเฒ่าเฮยซา

นี่เป็นถึงปีศาจเฒ่าเฮยซาเชียวนะ หากผีร้ายตนใดในทะเลทรายแห่งนี้มาท้าทายเขาก็จะถูกเขาฉีกดวงวิญญาณออกเป็นชิ้นๆ แล้วขยำกลืนลงไปในท้อง และในบรรดาสิ่งมีชีวิตที่มีการฝึกบำเพ็ญเหล่านั้น มีสักกี่คนที่ไม่อยากเป็นผู้มีอำนาจ

เคยมีราชาหมาป่าตัวหนึ่งที่อยากจะแย่งชิงตำแหน่งผู้มีอำนาจนี้ แต่ก็ถูกเฮยซาฉีกเป็นชิ้นๆ ไม่ใช่หรือ

ซ้ำยังมีงูชื่อซา ซึ่งยังคงเฝ้าดูอย่างใจจดใจจ่อ มาท้าทายปีศาจเฒ่าอยู่เรื่อยๆ มีครั้งไหนบ้างที่ไม่ได้จากไปด้วยความล้มเหลว

ปีศาจเฒ่าเฮยซาต่อสู้เป็น อาคมก็เก่งกาจ ซ้ำยังสามารถสร้างภาพลวงตาได้ ใครบ้างไม่กลัว แต่ผู้มีอำนาจเช่นนี้ ตอนนี้ราวกับแมลงน่าสมเพชคอยมองดูสีหน้าของปรมาจารย์น้อยผู้นั้นอยู่ด้านข้าง

มันน่าเศร้ามาก!

ฉินหลิวซีแทะปลาย่าง มองไปยังทะเลสาปที่อยู่ตรงหน้า กล่าวว่า “ข้าถามเจ้าหน่อยสิ เจ้าบอกว่าก่อนหน้านี้ที่นี่มีภูเขา อยู่ที่ไหนหรือ นี่มันเรื่องกี่ปีที่แล้ว”

ปีศาจเฒ่าเฮยซาคิดในใจ ‘เรื่องอะไรข้าต้องบอกเจ้าด้วย เจ้าถามข้าก็ต้องตอบหรือ เช่นนั้นปีศาจเฒ่าอย่างข้าจะไม่มีศักดิ์ศรีเกินไปแล้วกระมัง!’

ฉินหลิวซีหันไปมองอีกครั้ง

สายตาขู่จะฆ่า

เขาตัวสะดุ้งโหยง พลันรีบเอ่ย “นั่นมันนานกว่าพันปีมาแล้ว ก็คือทะเลสาบแห่งนี้”

“เจ้าล้อข้าเล่นหรือ ภูเขากลายเป็นน้ำหรือ” น้ำเสียงของฉินหลิวซีเต็มไปด้วยความอันตราย

ปีศาจเฒ่าเฮยซา “ข้าไหนเลยจะกล้า ก็ไม่ได้มีเพียงทะเลสาปแห่งนี้ ซ้ำยังมีพื้นที่ฝั่งตรงข้ามนั้นอีกด้วย ภูเขาจมลง ถูกลมพัดทรายมาปกคลุม ทะเลสาบแห่งนี้เป็นลำธารบนภูเขาก่อนจะกลายเป็นทะเลสาบ พันปีมานี้ได้ค่อยๆ เพิ่มขึ้น จึงได้มีขนาดใหญ่เช่นนี้”

ฉินหลิวซีลุกขึ้นยืน มองดูทะเลสาบอันเงียบสงบแห่งนี้ กล่าวว่า “ภูเขาดีๆ จะจมหายไปได้อย่างไร ภูตภูเขาอย่างเจ้าทำอะไรลงไป”

“ข้าไม่ได้ทำอะไรเลย ข้าเป็นภูตภูเขา ย่อมรู้ว่าการฝึกบำเพ็ญบนภูเขามีประโยชน์ต่อข้ามากกว่า ก็คงเป็นในคืนนั้นที่ฟ้าร้องและแผ่นดินสั่นสะเทือน ฟ้าผ่าลงมาขนาดใหญ่เท่าลำแขนยักษ์ ผ่าลงมานับครั้งไม่ถ้วน ตอนนั้นข้าก็ไม่กล้าออกไปดู เพียงแต่คิดว่าคงจะมีสหายเต๋าบางคนมาเผชิญเคราะห์กรรมที่ภูเขาแห่งนี้ แต่คิดไม่ถึงว่าภูเขานี้จะจมลง ข้าก็แทบจะหนีไม่รอด”

ปีศาจเฒ่าเฮยซายังคงหวาดกลัวเล็กน้อยเมื่อนึกถึงอดีตที่เกิดขึ้น พลางเอ่ย “ภูเขาใหญ่จมลง ก็ไม่รู้ว่ามีสิ่งมีชีวิตที่มีจิตวิญญาณตายไปมากน้อยเท่าใด แต่ก็มีอยู่ไม่น้อยที่หนีเอาตัวรอดออกมาก่อนที่จะจมลง มิเช่นนั้นทะเลทรายแห่งนี้ก็ไม่มีทางที่จะยังมีหญ้าวิญญาณที่หาได้ยากหลงเหลืออยู่ และไม่ใช่ทั้งหมดที่มีชีวิตรอดมาได้ แต่เป็นการเติบโตขึ้นทีละน้อยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา”

ยิ่งฉินหลิวซีฟังเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้สึกว่าเป็นเรื่องเพ้อฝัน นี่คงไม่ได้กำลังเล่านิทานอยู่กระมัง

“ต่อมาข้าคิดว่าไม่ใช่ว่ามีคนมีเผชิญเคราะห์กรรม แต่ภูเขาลูกนี้เดิมทีเป็นถ้ำของผู้มีอำนาจท่านหนึ่ง เมื่อพังทลายลงมาจึงได้จมลง เนื่องจากภูเขาพังทลาย พวกเราก็ออกไปไหนไม่ได้ ไม่มีใครออกไปจากทะเลทรายแห่งนี้ได้” ปีศาจเฒ่าเฮยซาเอ่ย “พันปีมานี้ ทะเลสาบแห่งนี้เข้าได้แต่ออกไม่ได้ ต้องแข่งขันกันเพื่อความอยู่รอด สิ่งที่มีชีวิตเหลืออยู่ล้วนเป็นสิ่งที่เกิดมาแข็งแกร่ง พื้นที่แห่งนี้จึงกลายเป็นพื้นที่ที่ถูกละเลย อยู่ที่นี่ก็ไม่มีกฎเกณฑ์ของสวรรค์และโลกมนุษย์มาควบคุม ดังนั้นเจ้ามาทำอะไร”

ขโมยผลเต้ากั่วของเขาไปแล้ว ซ้ำยังเกือบย่างเขาด้วย

“แน่นอนว่าข้ามาที่นี่เพื่อแมงป่องทอง”

“เจ้าได้แล้วทำไมยังไม่ไป ซ้ำยังมาขโมยผลเต้ากั่วของข้า!”

“นั่นคือสมบัติจากสวรรค์ ผู้ที่มีวาสนาจึงจะได้รับ” ฉินหลิวซีฉีกยิ้ม เอ่ยอย่างชั่วร้ายว่า “ขอโทษด้วย สิ่งนี้มีวาสนากับข้า ควรเป็นของข้า”

ปีศาจเฒ่าเฮยซา ‘หากข้ายังฟังคำพูดของเจ้าอีก ถือว่าข้าเป็นหมีโง่!’

ฉินหลิวซีกินปลาย่างเสร็จภายในระยะเวลาสั้นๆ ลุกขึ้นยืนพลางเอ่ย “ไป ไปดูทางด้านนั้น”

“ข้าไม่ไป”

“หืม?”

ปีศาจเฒ่าเฮยซาลุกขึ้นยืนในทันที “ให้ข้าแบกเจ้าข้ามทะเลสาบหรือไม่ ในยามราตรีน้ำในทะเลสาบเย็นราวกับน้ำแข็ง หากหนาวขึ้นมาจะแย่”

นับว่าเจ้าอยู่เป็น

ผีทั้งสามเคี้ยวธูปเทียน ถอนหายใจด้วยความเวทนา ‘รู้สึกว่าไหวพริบของปีศาจเฒ่าจะกลับมาแล้ว หรือว่าม่านอาคมของทะเลทรายแห่งนี้จะพังทลายลงในที่สุด?’

ฉินหลิวซีนั่งบนไหล่ของปีศาจเฒ่าเฮยซาข้ามทะเลสาบไป เมื่อมาถึงอีกฝั่งหนึ่งของทะเลสาบ ทันทีที่ยืนอยู่บนพื้น นางรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าพลังงานที่นี่ผันผวนเล็กน้อย อดไม่ได้ที่จะย่อกายลงแล้ววางฝ่ามือลงบนพื้น

พลังวิญญาณ ใจกลางพื้นที่แห่งนี้มีพลังวิญญาณปะทุขึ้นมา

ฉินหลิวซีรู้สึกประหลาดใจ มองไปยังปีศาจเฒ่าเฮยซาที่หลบสายตา เอ่ย “ไม่อยากให้ข้ามาขนาดนี้ กลัวว่าข้าจะพบว่าที่นี่มีพลังวิญญาณมากมายหรือ”

ปีศาจเฒ่าเฮยซาแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง “พลังวิญญาณอะไรกัน”

แต่ในใจ จบแล้ว คราวนี้เกรงว่านางจะไม่ไปจริงๆ แล้ว

ฉินหลิวซีหัวเราะพลางลุกขึ้นยืน มองไปยังผืนทรายอันราบเรียบ เพียงแค่เหยียบลงบนพื้นก็รู้สึกถึงพลังวิญญาณที่พุ่งเข้ามาในร่างกาย

หรือว่าภูเขาที่จมลงคือภูเขาวิญญาณ

แต่เหตุใดจึงได้จมลง

สิ่งที่คิดไม่ออกก็หยุดคิดก่อนชั่วคราว ฉินหลิวซีนึกบางอย่างขึ้นมาได้ มองไปยังปีศาจเฒ่าเฮยซา “ถ้ำของเจ้าอยู่ที่ไหน จะไม่เชิญข้าไปนั่งสักหน่อยหรือ ข้าจะบอกอะไรให้ เป็นเจ้าบ้านก็ต้องกระตือรือร้นหน่อย”

ปีศาจเฒ่าเฮยซาเป็นกังวลขึ้นมาอย่างไร้เหตุผล “ข้าเป็นภูตภูเขา เติบโตตามธรรมชาติ ท้องฟ้าคือผ้าห่ม พื้นดินคือเตียงนอน ไหนเลยจะมีถ้ำ”

“ที่นี่พลังวิญญาณไม่น้อยเลย เจ้าไม่มีทางพลาดอย่างแน่นอน หากเป็นข้าก็จะสร้างถ้ำไว้ที่นี่” ฉินหลิวซีหัวเราะในลำคอ ทันใดนั้นก็ใช้มือทั้งสองข้างร่ายอาคม ปากท่องคาถา “ท้องฟ้าสดใส พื้นดินมีชีวิตชีวา หยินหยางไม่ลงรอยกัน วิญญาณน้ำจงปรากฏ…เพี้ยง!”

คาถาส่องประกายราวกับแสงสีทอง ถ้ำหินขนาดใหญ่ปรากฏอยู่ตรงหน้า ฉินหลิวซีวิ่งเข้าไปอย่างร่าเริง

ปีศาจเฒ่าเฮยซาตกใจ รีบตามเข้าไป

ฉินหลิวซีเข้าไปในถ้ำ ดวงตาทั้งสองข้างเป็นประกาย สบถขึ้นมา เจ้าหมีตาบอดตัวนี้รู้จักซ่อนของดี ในถ้ำหินแห่งนี้มีอัญมณีที่ดีพอๆ กับหยก เต็มไปด้วยพลังวิญญาณ

แน่นอนว่าต้องเก็บสะสมอยู่แล้ว

ปีศาจเฒ่าเฮยซาเข้ามาด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความโกรธ ตะโกนเสียงดังว่า “นี่ล้วนเป็นของที่ข้าสะสมไว้ ไม่ใช่ของที่ไม่มีชื่อไม่มีเจ้าของ”

ฉินหลิวซีชะงักฝีเท้า ดึงมือกลับมา กระแอมพลางเอ่ย “ไปกับข้า เจ้าก็ต้องออกค่ารถม้าด้วยสักหน่อยกระมัง ข้าก็ไม่ต้องการอะไรมากมาย แค่ให้ของเหล่านี้สักเล็กน้อยก็พอแล้ว”

ปีศาจเฒ่าเฮยซา “?”

เดี๋ยวนะ เขาจะไปกับนางตั้งแต่เมื่อไหร่กัน

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท