ตอนที่ 401 เหยื่อล่อ
ในฐานะที่เป็นหัวหน้าองครักษ์จูเชวี่ย พลังเสียงย่อมน่าทึ่งอย่างมิต้องสงสัย
ลั่วเซิงยังคงมีสีหน้าดังเดิม รอยยิ้มปรากฏบนมุมปาก “ข้ารู้ว่าป้ายอาญาสิทธิ์จูเชวี่ยมีหน้าตาเป็นอย่างไร”
“คุณหนูลั่ว แม้เจ้าอายุยังน้อย แต่เรื่องบางเรื่องก็พูดล้อเล่นไม่ได้นะ” ลุงซิ่งจ้องลั่วเซิงเขม็ง น้ำเสียงหนักแน่นขึ้น
ลั่วเซิงโค้งริมฝีปากยิ้ม “ข้าล้อเล่นหรือไม่ ลุงซิ่งลองฟังลักษณะของป้ายอาญาสิทธิ์จูเชวี่ยที่ข้าพูดดูว่าถูกต้องหรือไม่ ก็ย่อมรู้ได้แล้ว”
แววตาลุงซิ่งฉายประกายเยือกเย็น “เจ้าพูดสิ”
ลั่วเซิงเหลือบมองจูอู่ “เมื่อครู่นี้เหมือนกับว่าได้ยินว่าลุงซิ่งบอกว่ามีเพียงหัวหน้าองครักษ์จูเชวี่ยเท่านั้นที่รู้ได้ ให้ข้าพูดต่อหน้าท่านจูจะไม่เป็นอะไรหรือ”
จูอู่ชะงักไป
ทำไมรึ หรือว่าเขาต้องเป็นคนที่ถูกไล่ออกไป
ลุงซิ่งต้องการให้เขารับช่วงต่อจากตำแหน่งหัวหน้าองครักษ์จูเชวี่ยมาโดยตลอด นังหนูน้อยคนหนึ่งช่างเรื่องมากเสียจริง
ลุงซิ่งเหลือบมองจูอู่ พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “เจ้าออกไปรอข้างนอกเถอะ”
จูอู่ “…”
เขาเดินออกไปด้วยใบหน้านิ่งขรึม เห็นสองพี่น้องสือเยี่ยนที่เฝ้าอยู่ข้างนอกมองมาด้วยความประหลาดใจ
จูอู่เมินสองพี่น้องแล้วหันกลับไป
ในห้อง ลั่วเซิงพูดเสียงเบาสองสามประโยค
ลุงซิ่งมองนางอย่างตกตะลึง
เขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าแม่นางน้อยคนนี้จะรู้ว่าป้ายอาญาสิทธิ์จูเชวี่ยหน้าตาเป็นอย่างไร
หรือพูดอีกอย่างคือรู้ว่าหน้าตาของป้ายอาญาสิทธิ์จูเชวี่ยหลังจากปลอมแปลงแล้วเป็นอย่างไร
เรื่องนี้เพียงพอที่จะทำให้เขาตกตะลึง
“เจ้ารู้ได้อย่างไร”
ลั่วเซิงพูดโกหกโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า “ข้าเคยเจอคนที่กำลังจะตาย ข้าเห็นแล้วสงสาร คนคนนั้นดึงของบางอย่างมาให้ข้า บอกว่าของสิ่งนี้เรียกว่าป้ายอาญาสิทธิ์จูเชวี่ย และขอร้องให้ข้าเก็บรักษามันไว้…”
“ป้ายอาญาสิทธิ์จูเชวี่ยอยู่กับเจ้าหรือ” ลุงซิ่งถามด้วยน้ำเสียงร้อนรน
ลั่วเซิงกะพริบตาปริบ ส่ายศีรษะ “ไม่อยู่”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ ใบหน้านางก็เจือความโมโหเล็กน้อย “คนผู้นั้นพูดจบก็สลบไป ข้าเห็นว่าเขายังมีลมหายใจจึงส่งไปรักษาตัวที่เรือนอื่น ใครจะไปรู้ว่าคนคนนั้นหายดีแล้วจะมาหาข้าเพื่อขอป้ายอาญาสิทธิ์จูเชวี่ยคืน!”
“แล้วคนผู้นั้นเล่า”
“ไปแล้วน่ะสิ ไม่ไปให้ข้าเก็บเขาไว้เลี้ยงเสียข้าวสุกหรือ”
ลุงซิ่งมองลั่วเซิง แววตาลุ่มลึก
เขามิอาจยืนยันได้ว่าคำพูดของเด็กสาวคนนี้เป็นความจริงหรือเท็จ แต่สิ่งที่นางเพิ่งอธิบายไปคือลักษณะของป้ายอาญาสิทธิ์หลังจากปลอมแปลงแล้วจริงๆ
“คุณหนูลั่วบอกได้หรือไม่ว่าคนคนนั้นอายุเท่าไรและมีหน้าตาอย่างไร”
“อายุหรือ” ลั่วเซิงขมวดคิ้ว “ก็ค่อนข้างแก่แล้ว ประมาณสามสิบต้นๆ”
จู่ๆ ลุงซิ่งก็รู้สึกหายใจลำบากขึ้นมา
สามสิบต้น ค่อนข้างแก่?
ช่างเถอะ บางทีในสายตาของเด็กสาวอายุสิบกว่าปี สามสิบต้นๆ ก็คือแก่แล้วจริงๆ ส่วนอายุเช่นเขาคงเป็นตาแก่ใกล้ลงโลงแล้ว
ราวกับว่าลั่วเซิงจะไม่รู้สึกเลยว่าคำพูดเมื่อครู่นี้สร้างความเจ็บปวดให้อีกฝ่าย นางขมวดคิ้วย้อนคิด “หน้าตาก็ธรรมดา คิ้วถือว่าดกดำ จมูกก็โด่ง…”
ลุงซิ่งพูดแทรกขึ้น “คุณหนูลั่ว ข้าอยากถามคำถามหนึ่ง”
“พูดมาสิ”
“คุณหนูลั่วคิดว่าจูอู่หน้าตาเป็นอย่างไร”
ลุงซิ่งพูดด้วยน้ำเสียงปกติ จูอู่ที่เฝ้าอยู่ข้างนอกได้ยินเข้าก็เดินเข้าไปใกล้หนึ่งก้าวเงียบๆ
จู่ๆ ก็พูดถึงหน้าตาของเขา เห็นทีส่วนที่ห้ามฟังจะผ่านไปแล้ว
ขณะที่กำลังจะถามว่าเข้าไปได้หรือไม่ก็ได้ยินเสียงเจือความลังเลของเด็กสาวดังขึ้น “ทั้งสองอายุใกล้เคียงกัน จูอู่น่ะ… ขี้เหร่กว่าคนผู้นั้นเล็กน้อย”
จูอู่ “?”
ลุงซิ่งเงียบ
เขาพอจะรู้มาตรฐานของคุณหนูลั่วแล้ว
สมัยอู่หลังยังหนุ่มก็เป็นชายงามในสายตาของคนทั่วไป แม้แต่ตอนนี้ก็เป็นชายหน้าตาดีไม่น้อย จะเรียกว่าขี้เหร่ได้อย่างไร
เห็นทีคงจะไม่ได้อะไรจากการถามเรื่องหน้าตาแล้ว
“ชายคนนั้นมีลักษณะพิเศษอะไรหรือไม่”
ลั่วเซิงคิดครู่หนึ่ง “หน้าตาไม่ได้มีลักษณะพิเศษอะไร เป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง… ใช่แล้ว ไหล่ซ้ายของเขามีปานรูปดอกเหมย ข้าได้ยินมาจากบ่าวเฒ่าที่เปลี่ยนยาให้เขาน่ะ”
“เขาแซ่หยางหรือไม่” จูอู่เปิดม่านเดินเข้าไป ถามด้วยความร้อนรน
ลั่วเซิงพูดเสียงราบเรียบว่า “เขาบอกว่าเขาแซ่เย่ว์”
แซ่เย่ว์?
ปฏิกิริยาแรกของจูอู่คือเป็นไปไม่ได้
อายุใกล้เคียงกับเขา ไหล่ซ้ายมีปานรูปดอกเหมย นี่มันพี่หยางชัดๆ!
“คุณหนูลั่ว ข้าขอคุยกับลุงซิ่งสักสองสามคำได้หรือไม่”
ลั่วเซิงลุกขึ้น เดินออกไปข้างนอกอย่างเนิบช้า
เมื่อเห็นนางออกไปแล้ว จูอู่ก็พูดเสียงเบาว่า “ลุงซิ่ง คนที่คุณหนูลั่วพูดถึงก็คือหยางจุ่น!”
องครักษ์จูเชวี่ยและทหารจวนอ๋องไม่ได้คลุกคลีกันมากนัก แต่ลุงซิ่งเคยได้ยินจูอู่พูดถึงหยางจุ่นหลายครา
หยางจุ่นคือชายหนุ่มที่โดดเด่นที่สุดในหมู่กองกำลังทหาร ได้รับความโปรดปรานจากท่านอ๋องอย่างยิ่ง และยังเป็นว่าที่สามีของซิ่วเย่ว์ ผู้เป็นหนึ่งในสี่สาวใช้ใหญ่ของท่านหญิงชิงหยาง
จูอู่ติดต่อกับองครักษ์จูเชวี่ยได้หลังจากที่จวนเจิ้นหนานอ๋องถูกกวาดล้างด้วยเหตุผลง่ายๆ ว่า ลุงซิ่งคือลุงแท้ๆ ของเขา
สมัยเด็กจูอู่อยากเป็นองครักษ์จูเชวี่ย แต่ลุงซิ่งทำใจเห็นหลานชายต้องเปลี่ยนชื่อแซ่เพื่อปกปิดตัวตนไม่ได้จึงให้เขาเป็นทหารธรรมดาในจวนอ๋อง
คิดไม่ถึงว่าจวนอ๋องประสบโศกนาฏกรรม สุดท้ายหลานชายก็ต้องกลับมาเป็นองครักษ์จูเชวี่ยอยู่ดี
“เจ้าแน่ใจรึ”
“ข้าแน่ใจแน่นอน อายุใกล้เคียงกับข้า ไหล่ซ้ายมีปานรูปดอกเหมย และยังมีป้ายอาญาสิทธิ์จูเชวี่ยอยู่กับตัว หากไม่ใช่หยางจุ่น แล้วจะมีความบังเอิญแบบนี้ที่ไหนกัน”
“เจ้าหมายความว่าท่านอ๋องมอบป้ายอาญาสิทธิ์จูเชวี่ยให้หยางจุ่นหรือ”
“คืนนั้นวุ่นวายมาก ข้าไม่ได้อยู่กับพี่หยาง…” จูอู่หวนนึกถึงโศกนาฏกรรมในคืนนั้น สีหน้าเคร่งขรึม “เดิมพี่หยางเป็นคนที่โดดเด่นที่สุดในหมู่พวกเราอยู่แล้ว ในช่วงเวลาอันตราย คงไม่แปลกที่ท่านอ๋องจะมอบป้ายอาญาสิทธิ์ให้เขา”
ลุงซิ่งพยักหน้าเบาๆ
หากไม่ใช่เช่นนี้ก็ไม่สามารถอธิบายได้ว่าคุณหนูลั่วรู้จักป้ายอาญาสิทธิ์จูเชวี่ยอีกครึ่งหนึ่งได้อย่างไร
ต้องรู้ว่าป้ายอาญาสิทธิ์จูเชวี่ยอีกครึ่งหนึ่งแตกต่างจากป้ายอาญาสิทธิ์จูเชวี่ยอีกครึ่งหนึ่งที่อยู่กับเขาอย่างสิ้นเชิง คนที่ไม่รู้แม้จะเห็นก็ไม่รู้ว่านั่นคือป้ายอาญาสิทธิ์อีกครึ่งหนึ่ง
“คุณหนูลั่วบอกว่าเขาแซ่เย่ว์…”
“ซิ่วเย่ว์อย่างไรเล่าขอรับ! ว่าที่ภรรยาของพี่หยางคือซิ่วเย่ว์ สาวใช้ของท่านหญิงชิงหยาง พี่หยางและซิ่วเย่ว์รักกัน เป็นเรื่องสมเหตุสมผลอย่างยิ่งที่เขาจะใช้ตัวอักษรตัวหนึ่งในชื่อของนางเป็นนามแฝง” จูอู่เผยสีหน้าตื่นเต้นดีใจอย่างมิอาจปิดบังได้ เขายิ้ม “ดีจังเลย พี่หยางยังมีชีวิตอยู่!”
แม้ลุงซิ่งจะไม่ถนัดแสดงออกเหมือนจูอู่ แต่ดวงตาของเขาก็ปรากฏรอยยิ้ม
หยางจุ่นที่ได้ยินจากปากของอู่หลังเป็นชายหนุ่มที่มีความสามารถ ย่อมเป็นเรื่องดีที่เขามีชีวิตรอดจากโศกนาฏกรรมในครานั้นได้
“ลุงซิ่ง คุณหนูลั่วได้บอกหรือไม่ว่าตอนนี้พี่หยางอยู่ที่ใด”
ลุงซิ่งกลับมาสงบนิ่งอีกครั้ง “เชิญคุณหนูลั่วเข้ามาเถอะ”
จูอู่ออกไปเรียกนางอย่างรวดเร็ว
ลั่วเซิงเดินเข้ามาไม่ช้าไม่เร็ว ยิ้มพูดว่า “ทั้งสองคุยกันเสร็จแล้วหรือ”
จูอู่จ้องนางนิ่ง
“คุณหนูลั่ว หลังจากที่ชายคนนั้นจากไป เจ้าเคยเจอเขาอีกหรือไม่” ลุงซิ่งถาม
“ไม่เคยเจออีกเลย แต่ว่าก่อนเขาจากไปเขารู้แล้วว่าข้าคือคุณหนูลั่ว บอกว่าจะหาโอกาสตอบแทนข้า” ลั่วเซิงยิ้มอย่างไม่แยแส “ให้ของผู้อื่นแล้วขอคืน ข้าเชื่อก็โง่แล้ว แต่ว่าข้าก็ไม่สนใจเงินเล็กน้อยนั่นหรอก เห็นเขาอายุอานามเท่านี้แล้วยังมีชีวิตน่าเวทนาเช่นนั้น ก่อนไปข้าเลยให้ทองใบไปหนึ่งถุง คิดว่าคงไม่หิวตายหรอก”
อายุอานามเช่นนี้?
จูอู่ข่มความอึดอัดไว้ถามเรื่องสำคัญว่า “หมายความว่าเขาอาจจะกลับมาหาคุณหนูลั่วในอนาคตหรือ”
ลั่วเซิงมองจูอู่แล้วยิ้ม “ไม่รู้สิ ข้าเองก็ไม่ได้ตั้งใจช่วยชีวิตเขาไว้ จะกลับหรือไม่กลับมาหาข้าจะเป็นไรอะไรไปเล่า ไม่แน่ว่าที่กลับมาอาจไม่ใช่เพราะมาตอบแทนข้า แต่เพราะใช้ทองใบไปหมดแล้วก็ได้”