บทที่ 236 ดี ดียิ่งนัก!
บทที่ 236 ดี ดียิ่งนัก!
ทั้งเมืองฝู่ซางถูกปกคลุมด้วยกลุ่มหมอกขาวภายใต้โล่ป้องกันระดับเทพ ในขณะที่บริเวณหอจี้ซื่อนั้นถูกปกคลุมด้วยหมอกดำเป็นเวลานาน
ผู้คนที่อยู่ข้างในออกไปไม่ได้ คนที่อยู่ข้างนอกก็เข้าไปไม่ได้เช่นกัน
ผู้คนนอกเมืองมารวมตัวกันมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อผ่านไปสองวันในเมืองฝู่ซางก็เงียบราวกับเมืองร้าง
“เกิดอะไรขึ้นกับเมืองฝู่ซาง?”
“หรือว่าจะถูกสังหารหมู่โดยกองกำลังของศัตรู?”
“เป็นไปไม่ได้ เมืองฝู่ซางมียอดฝีมือขอบเขตฝ่าทัณฑ์สวรรค์ถึงสองคน จะถูกสังหารหมู่โดยไร้ร่องรอยได้อย่างไร!?”
…
มีข่าวลือเกี่ยวกับเมืองฝู่ซางมากขึ้นเรื่อย ๆ ผู้บำเพ็ญบางคนพยายามใช้จิตวิญญาณเพื่อสอดแนม แต่น่าเสียดายที่มันถูกหมอกสีขาวกลืนกินเข้าไปในพริบตา
ผู้ใดก็ตามที่คิดจะบุกเข้าไป ไม่ว่าจะมีพลังฝีมือเพียงใด ไม่พ้นต้องถูกดีดออกมาอยู่ดี
ผู้คนในเมืองเริ่มหวาดกลัว ความโกลาหลจบลงในทันทีที่เกิดเสียงระเบิดดังสนั่น จากนั้นมีหมอกสีขาวเกิดขึ้น พวกเขาคิดว่ามันเป็นพิษ จึงพยายามกลั้นหายใจ แล้วกินโอสถถอนพิษหลายเม็ดอย่างบ้าคลั่ง ก่อนที่พวกเขาจะกล้าหายใจ พวกเขาต้องหลบหนีจากเมืองแห่งนี้เสียก่อน แต่กลายเป็นว่าไม่สามารถออกไปได้แล้ว
พวกเขาหนีออกไปไม่ได้จริง ๆ!
“นี่เป็นฝีมือของท่านใช่หรือไม่!” หญิงสาวถือดาบเล่มใหญ่เหยียบย่ำร่างของเจ้าเมืองฝู่ซางที่นอนเลือดอาบจนแทบจำไม่ได้ ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความดุร้ายราวกับว่าหากชายคนนี้พยักหน้า นางคงจะเหยียบเขาที่เหลือเพียงลมหายใจเดียวนี้ให้ตายในทันที
เจ้าเมืองฝู่ซางส่ายหัวอย่างยากลำบาก หากเขาหรือหอจี้ซื่อเป็นคนจัดการ เรื่องคงไม่บานปลายมาจนถึงขั้นนี้แน่
ให้ตายเถิด! ถ้าไม่ใช่เพราะหลิงเยว่ เขาคงไม่ต้อง…
“ท่านทั้งหลาย มีข่าวดี!” ผู้บำเพ็ญวิ่งมาที่ถนนชิงเฟิงด้วยสภาพทรุดโทรม แล้วตะโกนเสียงดัง พร้อมกับรอยยิ้มกว้างราวกับว่าเขาได้สุราปราบมารมาครอบครองแล้ว
“เรื่องดีอะไรหรือ? เจ้าของร้านหลิงมาพร้อมกับสุราปราบมารแล้วหรือ!?”
เหล่าผู้บำเพ็ญที่บาดเจ็บนอนราบอยู่กับพื้นราวกับฟื้นคืนชีพขึ้นมาทันที และจัดเสื้อผ้าขาดวิ่นของตนเอง เช็ดคราบเลือดบนใบหน้า เพราะพวกเขาไม่สามารถทำให้เจ้าของร้านหลิงผู้นั้นตกใจได้
หลังจากนั้นผู้บำเพ็ญจำนวนมากที่ลุกขึ้นจากพื้นมีไม่น้อย พวกเขาเบิกตากว้าง มองไปที่ถนน คาดหวังให้หลิงเยว่ปรากฏตัวขึ้น
แต่น่าเสียดายที่… แม้จะเพ่งสายตาจนเมื่อยล้า พร้อมกับบาดแผลที่เลือดไหล แต่ก็ยังไม่มีผู้ใดปรากฏตัวขึ้นเลย
ทุกคนต่างจ้องมองผู้บำเพ็ญคนนั้นด้วยความโกรธเกรี้ยว หากร่างกายไม่อ่อนแออยู่ในตอนนี้ พวกเขาคงรุมกระทืบคนผู้นั้นไปแล้ว!
“ไม่ใช่เช่นนั้น พวกเจ้าดูตรงโน้นก่อนเถิด!”
ผู้บำเพ็ญที่ถูกจ้องมองชี้ไปทางหอจี้ซื่อ ขณะนั้นในเมืองปกคลุมไปด้วยหมอกสีขาว แต่กลับมีเพียงหอจี้ซื่อเท่านั้นที่ถูกปกคลุมด้วยหมอกสีดำ
“หอใหญ่ขนาดนั้น ดูเหมือนจะถูกระเบิดจนไม่เหลือซากแล้ว!”
เหล่าผู้บำเพ็ญตกใจ รีบลุกขึ้นหาที่สูงเพื่อมองไปยังใจกลางเมือง หมอกสีดำที่ลอยอยู่นั้น ช่างสะดุดตายิ่งนัก!
เหตุการณ์ประหลาดนี้ดึงดูดผู้คนในเมืองจำนวนมากให้มาชุมนุมกัน พวกเขาหมอบคลานอยู่หน้าโล่ป้องกัน หวังจะได้สำรวจหอจี้ซื่อในหมอกสีดำให้ชัดเจน แต่ก็มีเพียงความมืดมิดเท่านั้น
สถานการณ์เช่นนี้คงอยู่เป็นเวลาเจ็ดวันเจ็ดคืน
จนกระทั่งเช้าวันที่แปดหมอกสีดำและสีขาวจึงค่อย ๆ สลายไป พร้อมกับม่านพลังที่ขวางกั้นพวกเขาไว้
แสงแดดอันอบอุ่นสาดส่องผ่านกลุ่มเมฆลงมายังเมืองฝู่ซางที่ถูกปกคลุมด้วยความมืดมัวมาถึงเจ็ดวัน
เศษซากปรักหักพังในเมืองราวกับเพิ่งประสบกับการโจมตีของศัตรู โดยเฉพาะหอจี้ซื่อที่ครอบครองพื้นที่หนึ่งในสามของเมือง หอคอยสูงได้หายไปแล้ว บัดนี้กลับถูกแทนที่ด้วยหลุมสีดำขนาดใหญ่
ภายในหลุมมืดสนิท จนมองไม่เห็นก้นหลุม
เมื่อทราบข่าว นักกลั่นโอสถอาวุโสรีบรุดมายังหลุมแห่งนั้น หมอบกายลงสู่พื้นและปล่อยพลังหยั่งรู้สรรพสิ่ง หวังจะค้นหาซากกระดูกของเซี่ยงหยาง ทว่าพลังหยั่งรู้นั้นกลับสูญหายดุจหินจมหายลงสู่มหาสมุทร
เหล่าสมาชิกหอจี้ซื่อไม่กล้าเชื่อว่าหอขนาดใหญ่ของพวกเขาที่มั่นคงมานานนับสองพันปี กลับพังทลายไปต่อหน้าต่อตา พร้อมกับหัวหน้าหอจี้ซื่อของพวกเขา… ที่อาจจะต้องจบชีวิตลงในหลุมแห่งนี้!
เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!
ท่านผู้อาวุโสหลิวพร้อมด้วยผู้คนกลุ่มหนึ่งปีนลงไปในหลุมลึก บางทีท่านอาจจะยังช่วยหัวหน้าได้!
พวกเขาเพิ่งจะไต่ลงไปได้ไม่ถึงครึ่งทาง เสียงเคลื่อนไหวบางอย่างก็ดังขึ้นมาจากก้นหลุม
แววตาของอาจารย์ใหญ่ที่ซ่อนตัวอยู่ในฝูงชนสั่นไหวไปชั่วขณะ เซี่ยงหยางยังไม่ตายหรือ?
ท่านอาจารย์ใหญ่ตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวว่า เมื่อตาเฒ่าผู้นั้นออกมา เขาจะโจมตีร่างนั้นให้ตายไปเสีย!
นักกลั่นโอสถอาวุโสที่ซ่อนตัวอยู่ในฝูงชน และผู้ที่มีความแค้นกับเซี่ยงหยางล้วนคิดเช่นเดียวกัน ฉวยโอกาสที่เขาอ่อนแอ แล้วกำจัดเขาไปเสียเถิด!
มือสีดำคู่หนึ่งโผล่ขึ้นจับขอบหลุมลึกและไต่ขึ้นมา
แทบจะในเวลาเดียวกัน ผู้คนมากมายต่างลงมือกับร่างนั้นทันที!
พลังหยั่งรู้ที่ท่วมท้น และพลังโจมตีอันแข็งแกร่งทั้งหมดมุ่งหมายไปที่เจ้าของมือสีดำเป็นจุดเดียว
นักกลั่นโอสถอาวุโสซึ่งเป็นคนแรกที่โจมตีถูกส่งตัวไปที่ดินแดนแห่งความว่างเปล่า ต่อมาคืออาจารย์ใหญ่ และจากนั้นก็คือบรรพบุรุษของตระกูลหมิง…
หอจี้ซื่อมีผู้เก่งกาจมากมาย พวกเขารวมพลังปกป้องเจ้าของมือดำคู่หนึ่งได้อย่างยากลำบาก ผู้อาวุโสหลิวแทบไม่ต้องคิด เขาตัดสินใจนำคนกลุ่มหนึ่งไล่ตามไปยังดินแดนแห่งความว่างเปล่านั้นทันที
เซี่ยงหยางปีนขึ้นมาจากหลุมลึกได้สำเร็จ แต่ตอนนี้เขาอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่มาก หมอกดำแห่งโชคร้ายได้บุกรุกเข้าไปในอวัยวะภายในของเขาแล้ว แม้กระทั่งกระดูกก็กลายเป็นสีดำ เขาคงจะอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว
เซี่ยงหยางโกรธจนหัวเราะออกมา เขาอ้าปากหัวเราะดังสนั่น ผู้คนรอบข้างที่มองเข้าไปในปากของเขาอย่างไม่ได้ตั้งใจ ต่างต้องตกใจไปตาม ๆ กัน ทั้งฟัน ลิ้นและลำคอล้วนกลับกลายเป็นสีดำเสียหมดสิ้น!
เมื่อร่างของเซี่ยงหยางหันไปมองสำนักกลั่นโอสถ แววตาของของเขาพลันปรากฏความเย็นชาและน่ากลัวยิ่งนัก เยี่ยมยอด ช่างยอดเยี่ยมนัก!
ในเมื่อเขาไม่ตาย เช่นนั้นผู้ที่จะตายก็คือนาง
เงาร่างของเซี่ยงหยางพลันหายไปจากตรงนั้นทันที
ในบรรดาผู้พิทักษ์ทั้งห้าของหลิงเยว่ สี่คนหายสาบสูญไป เหลือเพียงหัวหน้าตะขาบมรกตคนเดียวที่คอยปกป้องนางอย่างแข็งขัน และยังมีเจ้าตะขาบมรกตตัวน้อยจอมตะกละอีกด้วย
“ท่านอาจารย์หลิง ไม่ดีแล้ว!”
หลังจากที่ผ่านวันอันโกลาหล หลิงเยว่รู้สึกชาชินกับคำพูดเหล่านี้ไปเสียแล้ว จะมีสิ่งใดเลวร้ายไปกว่านี้อีกหรือ?
“เซี่ยงหยางยังมีชีวิตอยู่!”
“!!!”
ยังมีสิ่งเลวร้ายยิ่งกว่านี้อีก? ข่าวนี้ช่างน่าปวดใจยิ่งนัก!
[ไม่ ท่านผู้นั้นไม่อาจมีชีวิตอยู่ได้อีกนาน เว้นแต่ว่า…]
“เว้นแต่ว่าอะไร?” หลิงเยว่ถามอย่างรวดเร็ว
[เว้นแต่ว่าท่านผู้นั้นจะเปลี่ยนร่างกายใหม่ จึงจะสามารถยื้อชีวิตต่อไปได้]
“…”
ช่วงเวลาหนึ่งก็เพียงพอที่จะกำจัดนางให้สิ้นซากได้แล้ว!
[อยากกำจัดศัตรูผู้นี้หรือไม่? ข้าสามารถช่วยเจ้าได้นะ!]
แน่นอนว่านางต้องอยากกำจัดเขาอยู่แล้ว หลิงเยว่รู้ดีว่ายิ่งปล่อยให้คนพวกชั่วช้าพวกนั้นมีชีวิตอยู่ต่อไปเพียงแค่ครู่เดียว ชีวิตของนางรวมถึงคนที่นางรู้จักจะยิ่งประสบเคราะห์กรรมตามไปด้วย!
พวกนั้นอาจจะไม่เว้นแม้แต่พวกศิษย์พี่ร่วมสำนัก รวมถึงผู้คนในดินแดนทางเหนือ เพราะหอจี้ซื่อนั้นแผ่ขยายไปทั่วทั้งโลกผู้บำเพ็ญเซียน ทรัพย์สมบัติมหาศาลเช่นนั้นเป็นสิ่งที่นางไม่อาจต่อกรได้
[อายุขัยหนึ่งหมื่นวัน]
“อะไรนะ! เจ้าช่างใจดำนัก!” หลังจากบ่นไปหนึ่งยกหลิงเยว่ก็ขบฟัน “ได้! หมื่นก็หมื่น ตราบใดที่เจ้าจัดการและรับรองว่าเขาจะไม่มีทางฟื้นคืนชีพได้อีก ข้าจะยอมตกลงด้วย!”
[เมื่อระบบนี้ลงมือแล้ว ย่อมไม่มีทางผิดพลาด!]
หลังถูกหักอายุขัยลงไปหนึ่งหมื่นปี หลิงเยว่พลันรู้สึกราวกับว่าชีวิตของนางช่างมืดมนยิ่งนัก!
ในเวลานี้ เซี่ยงหยางได้พาเหล่าผู้บำเพ็ญระดับสูงกว่าครึ่งของหอจี้ซื่อออกจากเมืองฝู่ซางอย่างยิ่งใหญ่ มุ่งหน้าสู่เมืองวั่งเต๋อเพื่อตามหาร่างที่เหมาะสม
นับตั้งแต่มีชื่อเสียงโด่งดัง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาต้องเผชิญกับความอัปยศเช่นนี้ เซี่ยงหยางรู้สึกแค้นใจเป็นอย่างมาก ที่เขาพลาดท่าให้กับผู้บำเพ็ญขอบเขตสร้างรากฐานอายุน้อยเช่นนี้!
เมื่อเปลี่ยนร่างใหม่แล้ว เขาจะต้องสังหารผู้ที่หลิงเยว่รู้จักให้หมดสิ้นด้วยน้ำมือของเขาเอง!
ไม่สิ! หากสังหารด้วยมือตัวเองมันช้าเกินไป…