สืบแค้นคุณหนูสวมรอย – ตอนที่ 220 การคาดเดาของเมิ่งจี้จิ่ว

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

ตอนที่ 220 การคาดเดาของเมิ่งจี้จิ่ว

ในม้วนภาพ ใบหน้าชายหนุ่มกระจ่างใส แววตาลุ่มลึก ก็คือภาพตอนซินโย่วแปลงโฉม

ซินโย่วตกใจ “ใต้เท้าเมิ่ง ไปเอาภาพวาดมาจากที่ใด”

ท่าทางตกใจนี้คือการแสดง แต่ก็มีความจริงอยู่เช่นกัน

“ดูท่าคุณหนูโค่วเคยเห็นแล้ว”

ซินโย่วไม่อาจคาดเดาความคิดของเมิ่งจี้จิ่วจากสีหน้า ได้แต่เอ่ยว่า “เคยเห็นภาพนี้แล้วจริง ๆ แต่ไม่รู้ใช่ท่านซงหลิงหรือไม่”

คำตอบนี้เหนือความคาดหมายของเมิ่งจี้จิ่ว “หมายความว่าอย่างไร”

“ตอนข้าพบกับท่านซงหลิง ท่านซงหลิงปิดบังใบหน้าอยู่ตลอด ก็ไม่รู้หน้าตาเขาเป็นอย่างไร ใต้เท้าเฮ่อเองก็เคยนำม้วนภาพนี้มาถามข้า คนในภาพก็น่าจะเป็นท่านซงหลิง” ซินโย่วเข้าใจดีว่า วาจทั้งแท้จริงและผสมเท็จจึงจะไม่ทำให้ความจริงเปิดเผย

เมิ่งจี้จิ่วดูท่าจะเชื่อแล้ว เอ่ยด้วยน้ำเสียงเสียใจเล็กน้อย “ที่แท้คุณหนูโค่วไม่เคยเห็นใบหน้าแท้จริงท่านซงหลิง”

ซินโย่วมองเมิ่งจี้จิ่วด้วยแววตาสนิทใจ ก่อนจะถามถึงคล้ายว่าไม่สนใจอันใดนัก “ใต้เท้าเมิ่งอยากรู้หน้าตาท่านซงหลิงหรือ”

เมิ่งจี้จิ่วจ้องมองภาพวาด แววตาลุ่มลึก “คิดไม่ถึงท่านซงหลิงอายุน้อยเพียงนี้ ดูแล้วเพียงแค่สิบหกสิบเจ็ดเท่านั้น”

ในใจซินโย่วกระตุกทีหนึ่ง

เมิ่งจี้จิ่วคล้ายว่าใส่ใจอายุท่านซงหลิงมาก…

การคาดเดานี้ทำให้ซินโย่วเกิดความคิดคาดเดาที่บังอาจขึ้น หรือว่าเมิ่งจี้จิ่วสงสัยว่าท่านซงหลิงคือบุตรชายท่านแม่?

ดังนั้นก็มิอาจโทษเมิ่งจี้จิ่วที่ตั้งใจมาสอบถาม

“ใต้เท้าเมิ่งได้เห็นภาพนี้จากที่ใด หรือว่ากองกำลังองครักษ์จิ่นหลินประกาศตามหา” ซินโย่วถามขึ้น

นางเพียงแค่คิดให้คนผู้นั้นรู้ว่าท่านซงหลิงเกี่ยวข้องกับท่านแม่ จากนั้นก็จะได้ส่งใต้เท้าเฮ่อลงใต้ไปสอบความจริงราบรื่น มิใช่ต้องการให้ทุกคนได้รู้ แต่โลกเรานี้มักมีเรื่องที่ไม่อาจควบคุมได้ ในเมื่อเกิดขึ้นแล้ว ก็คิดวิธีรับมือไปก็แล้วกัน

ไม่รู้ว่าจะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของคุณหนูโค่วอย่างไร เมิ่งจี้จิ่วเอ่ยอย่างไม่อ้อมค้อมทันที “มีองครักษ์กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินนายหนึ่งนำภาพวาดนี้ไปเทียบกับคนเดินผ่านไปมา พอดีข้าผ่านไปเห็น จากนั้นได้ยินว่ากองกำลังองครักษ์จิ่นหลินกำลังตามหาท่านซงหลิง จึงเดาว่าคนในภาพก็อาจเป็นเขา ข้าจึงได้วาดออกมา”

ซินโย่วนิ่งเงียบลง ถอนหายใจ “ใต้เท้าเมิ่งฝีมือยอดเยี่ยม ข้าเลื่อมใส”

“หลักๆ ก็เพราะสายตาดี” เมิ่งจี้จิ่วหัวเราะเอ่ยขึ้น ก่อนม้วนภาพวาดเก็บ ยกมือไพล่หลังเดินออกไปแล้วก็หยุดหันกลับมาเอ่ยว่า “ท่านซงหลิงรูปงามน่าตะลึง คนสนใจท่านซงหลิงเหมือนข้าก็มีไม่น้อย เกรงว่าคุณหนูโค่วคงยุ่งยากแล้ว”

ซินโย่วยิ้มจนใจ “หากข้ารู้ว่าจะมีข่าวลือพวกนี้ ท่านซงหลิงจะยอดเยี่ยมเพียงใดก็คงไม่กล้าร่วมมือกับเขา”

“คุณหนูโค่วยุ่งกับกิจการร้านหนังสือมาตลอด ไยไม่กลับไปพักผ่อนที่จวนรองเจ้ากรมสักระยะ” เมิ่งจี้จิ่ว เตือนทางอ้อม ตอนเดินออกจากร้านหนังสือก็พบกับเฮ่อชิงเซียว

“เมิ่งจี้จิ่ว” เฮ่อชิงเซียวหยุดทักทายอย่างสุภาพ

เมิ่งจี้จิ่วท่าทีนิ่งเรียบ “ใต้เท้าเฮ่อมาซื้อหนังสือ?”

เฮ่อชิงเซียวมองซินโย่วทีหนึ่ง ไม่ได้เอ่ยตอบคล้อยตาม “มาถามบางเรื่องกับคุณหนูโค่ว”

เมิ่งจี้จิ่วมองซินโย่วอีกทีหนึ่งก่อนจะค่อยๆ เดินจากไป

สำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยนอยู่ไม่ไกล เมิ่งจี้จิ่วกลับถึงห้องก็คลี่ม้วนภาพออกมาจ้องมองอยู่เป็นนาน หยิบที่ครอบแท่นเทียนออก ยกภาพวาดเผาจ่อเปลวเทียน

เปลวเทียนเผาภาพวาดม้วนรวดเร็ว เถ้าในกะละมังค่อยๆ ปลิวกระจายออก

เมิ่งเฝ่ยเดินเข้ามา สูดจมูกดม “ท่านปู่ ท่านกำลังเผาอันใด”

เขาถามแล้วก็มองไปรอบๆ สีหน้าไม่อยากเชื่อ “เชงเม้งผ่านไปตั้งนานแล้ว ท่านยังเผากระดาษเงินกระดาษทองให้ท่านย่าอีกหรือ!”

และยังเผาในห้องอีกด้วย!

เมิ่งจี้จิ่วคว้าไม้เกาหลังได้ก็ฟาดไปทันที “เจ้าตัวบัดซบพูดจาเหลวไหล!”

เมิ่งเฝ่ยหลบว่องไว รุกถามอย่างอยากรู้ต่อว่า “ไม่ได้เผากระดาษเงินกระดาษทองให้ท่านย่า แล้วเผาอะไร”

เมิ่งจี้จิ่ววางไม้เกาหลังลง เอ่ยอย่างอัดอั้นว่า “ใช่ เผากระดาษเงินกระดาษทองให้ย่าเจ้า”

เขาไม่เคยสนใจข่าวลือใด แต่ครั้งนี้กลับรู้สึกว่าเป็นเรื่องจริง

ตอนแรกท่านซงหลิงบอกว่า “ไข่ไก่อร่อย ไม่จำเป็นต้องรู้ว่ามาจากแม่ไก่ตัวใด” คำพูดนี้ทำให้เขานึกถึงฮองเฮาซิน ถึงกับคิดไปว่าท่านซงหลิงก็คือฮองเฮาซิน ตอนข่าวลือนี้คล้ายจริงคล้ายเท็จ เขาก็ทนอดคาดเดาไม่ได้ว่าท่านซงหลิงก็คือบุตรชายของฮองเฮาซิน

น่าเสียงดายเขามองไปมองมา บนภาพวาดมองไม่ออกว่าท่านซงหลิงคล้ายกับฮองเฮา ทำให้เขาไปหาคุณหนูโค่วเพื่อให้แน่ใจ

เขาคาดเดาผิดไปหรือ หรือว่า…โอรสฮองเฮาจะหน้าตาเหมือนพระอัยกาที่จากไปนานแล้ว

อย่างไรตอนฝ่าบาทยังเล็ก บิดาก็ไม่อยู่แล้ว พวกเขาเองก็ล้วนไม่เคยพบเห็น

เมิ่งจี้จิ่วคิดถึงเรื่องเหล่านี้แล้วก็รู้สึกดีใจและวิตกปะปนกัน

ดีใจที่ในที่สุดก็มีข่าวของฮองเฮา อาจเป็นไปได้ว่าอาจมีโอรสฮองเฮา วิตกที่หากท่านซงหลิงเป็นคนของฮองเฮาซิน เกรงว่าคงมีคนบางกลุ่มจะเริ่มเคลื่อนไหว

“เช่นนั้นที่ท่านปู่เพิ่งตีข้าล่ะ” เมิ่งเฝ่ยกวาดตามองกะละมังทีหนึ่ง พลันเกิดความรู้สึกสงสัย

เมิ่งจี้จิ่วหน้าตึงเอ่ยว่า “หลายวันก่อนให้รวมบทกวีเจ้าไป ท่องได้หมดแล้วหรือ”

เมิ่งเฝ่ยตบหน้าผาก “อยู่ๆ ก็นึกได้ว่ามีธุระ ท่านปู่ ข้าไปก่อนละ!”

เมิ่งจี้จิ่วด่าไปประโยคหนึ่ง พอเมิ่งเฝ่ยไปแล้วก็ถอนหายใจเบาๆ

ที่ร้านหนังสือชิงซง มองตามสายตาผู้ดูแลร้านหูไป ซินโย่วเชิญเฮ่อชิงเซียวเข้าไปในห้องรับรอง

พอลงนั่งแล้ว เฮ่อชิงเซียวถามขึ้นว่า “ผู้ดูแลร้านหู เหตุใดเอาแต่มองข้า มีอันใดอยากพูดหรือ”

“ผู้ดูแลร้านหูกำลังกลุ้มกับข่าวลือ”

เฮ่อชิงเซียวนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง “ขออภัย ตอนนี้ยังหาต้นตอข่าวลือไม่พบ”

ซินโย่วไม่คิดอันใดมาก “ใต้เท้าเฮ่อไม่จำเป็นต้องไล่ไปตามกระแส หนึ่งต่อสิบ สิบต่อร้อย จะหาที่มาได้อย่างไรกัน บางทีเพราะการที่ครั้งนั้นข้าถูกกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินนำตัวไป มีคนเห็นเข้าจึงได้คาดเดากันไป”

บรรดาขุนนางและชนชั้นสูงเองก็กำลังคิดคาดเดาความผิดแท้จริงของกู้ชางป๋อกันไปต่างๆ นานา พอมีลมพัดยอดหญ้าเพียงเล็กน้อยก็จะกลายเป็นจุดสนใจได้ง่าย

“ใต้เท้าเฮ่อ ทางเหนือมีข่าวมาแล้วหรือ” ซินโย่วถามเรื่องที่นางสนใจที่สุด

“มีมาแล้ว” เฮ่อชิงเซียวหรี่เสียงลง เล่าเนื้อหาในรายงานลับ

ซินโย่วนิ่งฟังเงียบๆ แต่โทสะในใจยากระงับ

ดังคาด ตอนได้ยินว่าน่ารันทดมาก ความจริงมักจะรันทดยิ่งกว่า

ชิ่งอ๋อง รองเจ้ากรมคลังเผยจั่ว ผู้บัญชาการกองกำลังเมืองหลวงอู่เหยียนถิง สามคนนี้ได้รับพระบัญชาให้ไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ เดิมควรช่วยเหลือชาวบ้านที่ประสบภัยให้พ้นภัย แต่กลับกลายเป็นภัยหายนะของชาวบ้านแทน

“ตอนนี้ต้องการให้คุณหนูจูออกหน้าแล้ว”

ซินโย่วสีหน้าอึ้งไป “ใต้เท้าเฮ่อกล่าวรายละเอียดมาได้เลย”

“มีเจ้ากรมตรวจสอบเหอท่านหนึ่ง เป็นคนตรงแข็งกร้าว…”

ซินโย่วตั้งใจฟังจนจบแล้วก็เอ่ยแผนการออกมาว่า “ข้าจะกลับไปอยู่จวนรองเจ้ากรมสักระยะ จากนี้ไปหากใต้เท้าเฮ่อมีธุระ หากเร่งด่วนก็ส่งจดหมายไปที่จวนรองเจ้ากรม หากไม่เร่งด่วนก็ติดต่อผ่านหลิวโจว”

เฮ่อชิงเซียวพยักหน้าเห็นด้วย “คุณหนูโค่วกลับไปพักที่จวนรองเจ้ากรมก็ดี”

ร้านหนังสือชิงซงผู้ใดก็มาได้ สถานะสูงส่งมาถามหา คุณหนูโค่วก็ย่อมต้องออกมารับ แต่กลับไปจวนรองเจ้ากรมนั้นไม่เหมือนกัน ไม่ใช่ช่วงเวลาพิเศษ ผู้ใดไปจวนผู้อื่นหาหญิงสาวยังไม่ออกเรือนกัน

“เพราะเมิ่งจี้จิ่วเอ่ยเตือนข้า”

เฮ่อชิงเซียวคิดถึงชายชราที่เย็นชาใส่เขาเมื่อครู่ ก็อดกระดกมุมปากไม่ได้

นอกจากเขา หวังว่ายังมีคนมากมายปรารถนาดีต่อคุณหนูโค่ว

หลังจากเฮ่อชิงเซียวกลับที่ทำการ ซินโย่วก็ไปพบคุณหนูจู

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

Status: Ongoing
เมื่อมารดาถูกสังหาร ซินโย่วจึงมายังเมืองหลวงเพื่อสืบหาตัวฆาตกร แต่เมื่อสืบลึกลงไปก็กลับต้องพบกับความจริงอันน่าตกใจภายในนั้น…รายละเอียด นิยายรัก-สืบสวน ครบรสจากนักเขียนมากฝีมือ ‘ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ย’ขณะที่ ซินโย่ว กำลังเดินทางเข้าสู่เมืองหลวงเพื่อสืบหาเบาะแสสำคัญของฆาตกรสังหารมารดาก็ได้บังเอิญจับพลัดจับผลูตกหน้าผาแล้วเข้าสวมรอยฐานะของ โค่วชิงชิง คุณหนูหลานนอกของจวนรองเจ้ากรมพระราชยานหลวงเข้าเพราะทรัพย์สินมากมายโค่วชิงชิงจึงถูกญาติที่มาหวังพึ่งพิงผลักตกหน้าผาจนถึงแก่ความตาย นั่นทำให้นางได้เข้ามาสวมฐานะของอีกฝ่ายซินโย่วนั้นมีดวงตาที่พิเศษกว่าคนทั่วๆ ไป นางสามารถมองเห็น ‘เรื่องร้าย’ ที่จะเกิดขึ้นกับคนผู้หนึ่งได้โดยไม่เลือกว่าจะเป็นผู้ใด เวลาไหนประกอบกับไหวพริบอันชาญฉลาดทำให้นางสามารถอยู่ในสถานะนี้ได้อย่างไม่ยากเย็นนักเพื่อสืบเรื่องฆาตกรสังหารมารดาซินโย่วจำต้องใช้ฐานะใหม่ที่มีสืบหาเบาะแสจาก ‘บันทึกโบตั๋น’ เปื้อนเลือดที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุยิ่งสืบลงลึกเรื่องราวก็เหมือนจะซับซ้อนยิ่งกว่านั้นเรื่องราวในอดีตเบาะแสที่โยงใยสืบเนื่องกันมา ได้เวลาเผยโฉมแล้ว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท