ตอนที่ 438 ต้านฟ้ากดดิน ปีศาจตกลงมาดุจสายฝน
แม้ยอดเขาที่จี้หยวนอยู่ไม่ได้อยู่ตรงใจกลางชีพจรดินปะทุ ทว่าก็ไม่ได้อยู่ห่างจากตรงนั้นจนถึงขั้นอยู่รอบนอกการระเบิดออกของชั้นหิน เขาจึงถูกปราณพิษชั่วร้ายพุ่งเข้าใส่เช่นเดียวกัน
“ท่านจี้ หนีเร็ว!”
“ท่านจี้รีบหนีไป!”
“ระวังพิษชั่วร้าย!”
จี้หยวนโบกกระบี่ทำลายหมอกลวงเป็นอันดับแรก ก่อนหน้านี้ลงมือเพียงเล็กน้อย และยืนอยู่ตรงยอดเขาตลอดเวลา ทำให้ปราณปีศาจและมารลดน้อยลง ผู้ฝึกปราณทั้งหมดจากเกาะหมอกเซียนล้วนรับน้ำใจนั้น
ตอนนี้เห็นจี้หยวนถูกพิษชั่วร้ายชีพจรดินพุ่งใส่ร่าง แม้รู้ว่ามรรควิถีของผู้ฝึกเซียนลึกลับผู้นี้ต้องสูงล้ำอย่างแน่นอน แต่ก็ยังส่งเสียงบอกให้หนีอย่างอดไม่ได้
ทว่าจี้หยวนไม่คิดหลบโดยสิ้นเชิง ปราณพิษชั่วร้ายก่อนหน้านี้ยังคงมีอยู่ ทว่าไม่ได้ปะทุรุนแรงเช่นนั้นอีก ตอนนั้นเขาได้เรียนรู้จากการปฏิบัติจริงแล้ว ปราณพิษชั่วร้ายนี้กล้ำกรายร่างกายไร้มลทินของเขาไม่ได้
ดังนั้นตอนนี้จี้หยวนไม่สนใจพิษชั่วร้ายชีพจรดินที่พุ่งมาถึงโดยสิ้นเชิง ตรงกันข้ามเขาสนใจสองสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่านี้
หนึ่งคือค่ายกลสีดอกเหมยบนพื้นดินที่ถูกจู่โจมเป็นอันดับแรก ทว่าเห็นว่ามีผู้ฝึกปราณเกาะหมอกเซียนหลายคนกลายเป็นประกายแสง พุ่งเข้าไปข้างใต้ น่าจะพยายามไปช่วยคน อย่างไรเสียการปะทุของชีพจรดินระดับนี้หากไม่รอมันสงบลงก่อน ก็ยากยิ่งนักที่จะผนึกไว้ได้
ทว่าสองกลับเป็นแสงปีศาจและแสงมารที่พากันเลียบๆ เคียงๆ ปราณชั่วร้ายพุ่งขึ้นสู่ด้านบน
เดิมทีจี้หยวนคิดว่าจะตามผู้ฝึกเซียนเกาะหมอกเซียนไป เพื่อดูพวกเขาสับแตง ผัก และสังหารปีศาจมาร อย่างไรเสียมังกรดินพลิกตัวชีพจรดินปริแตก ก่อเกิดปราณชั่วร้าย ปีศาจมารผีที่ถูกดึงดูดมาน่าจะอยู่ใกล้ๆ นี้กระมัง ดังนั้นไม่ถึงกับเกินจริงเกินไป
‘ในเมฆลึกไม่รู้จักเกาะหมอกเซียน เขากระบี่คมปลาบไม่เป็นรองใคร’ ที่เคยได้ยินจากเทพหลักเมืองอำเภอหนิงอันในปีนั้น หลังจากนั้นมีช่วงเวลาหนึ่งที่ปีศาจมารค่อนข้างครองความได้เปรียบ ผู้ฝึกปราณเกาะหมอกเซียนเพียงอาศัยพลังฝึกปราณสูงและร่วมมือกันเป็นอย่างดี ไปจนถึงวิชาอัศจรรย์อย่างค่ายกลถึงจะเป็นฝ่ายกุมชัยชนะท้ายที่สุด
ทว่าปราณชั่วร้ายชีพจรดินปะทุขึ้นอีกครั้ง ทำให้ภาพรวมค่ายกลชั้นในนอกทั้งสองของเกาะหมอกเซียนพังทลาย ค่ายกลชั้นในถูกจู่โจมจนเละตุ้มเป๊ะไปหมด
คนล้วนมีปราณไฟ จี้หยวนก็เช่นเดียวกัน เขายินดีเชื่อว่าความชั่วร้ายไม่มีทางเอาชนะความดีได้มาโดยตลอด ในขณะที่เขาคนแซ่จี้ยังคงมีวิชาอยู่ในมือ เขาจะทนปล่อยให้ปีศาจมารที่มีความสามารถส่วนใหญ่หนีไปเช่นนี้ได้อย่างไร
เดิมทีค่ายกลใหญ่ของเกาะหมอกเซียนสำเร็จแล้ว ทว่าขอบฟ้าถูกความชั่วร้ายเจาะเป็นรู จึงปิดกั้นมันเอาไว้!
แสงธรรมทั่วร่างกายจี้หยวนอบอวล ตั้งแต่ถึงยอดเขาจนถึงตอนนี้ แสงเทพที่มองเห็นได้ปรากฏบนตัวเป็นครั้งแรก ราวกับลมบริสุทธิ์โอบล้อมดวงจันทร์ลอยขึ้น มือซ้ายที่กำลังไพล่หลังอยู่วาดกระบี่เซียนมาตรงหน้าในแนวขวาง
ทีแรกผู้ฝึกเซียนจำนวนหนึ่งของเกาะหมอกเซียนยังคิดเตือนจี้หยวนให้ออกจากตำแหน่งดินชั่วร้ายจู่โจม แต่ตอนนี้เห็นจี้หยวนยืนอยู่บนยอดเขา ชีพจรดินพุ่งใส่แล้วกระจายออกไปสี่ทิศทางด้วยตนเอง อีกทั้งท่วงทำนองมรรคดุจจันทราลอยขึ้น จึงปิดปากเงียบไปด้วยความประหลาดใจ
จ้าวปีศาจมีปีกค้างคาวตนนั้นเองบินเร็วและสูงที่สุด ข้างกายมีหัวหน้ามารกลุ่มหนึ่ง และที่บินอยู่ไม่ไกลก็คือจอมมารหลายตน
เหมือนกับรู้สึกถึงบางอย่างในทันใด ก้มหน้าลงมองขณะบินอย่างเร่งรีบ เห็นกลางวังวนปราณชั่วร้ายชีพจรดินไร้สิ้นสุดซึ่งพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า มีท่วงทำนองมรรคทอประกายดุจดวงจันทร์อยู่มุมหนึ่ง
“แย่แล้ว เทพเกาะหมอกเซียนผู้นั้นจะลงมือผ่านกระบี่แล้ว! หนีเร็ว!”
นี่เป็นความหวาดกลัวที่มาจากการมองเห็นและจิตใต้สำนึก เป็นช่วงเวลาวิกฤติอีกครั้ง
ภายใต้สถานการณ์นี้ ไม่ว่าจะลดระดับพลังของผู้ฝึกเซียนที่อยู่ข้างล่างเพียงใด ก็เห็นได้ชัดว่าการระเบิดของชีพจรดินทำให้เหล่าเซียนกลุ่มนี้ทำอะไรไม่ถูก อีกทั้งยั่วโมโหคนผู้นั้นบนยอดเขาด้วย
“ฮ่าๆๆๆ…ต่อให้เซียนผู้นั้นเก่งกาจขนาดไหน ก็ไม่อาจรั้งพวกเราไว้ได้ทั้งหมด ดูเถอะว่าใครจะซวย!”
มีหัวหน้ามารตนหนึ่งยังคงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งอยู่ได้ มันเร่งความเร็วอีกครั้ง จากนั้นกลายเป็นแสงสีเขียวเข้มพุ่งไปทางขอบฟ้า ตอนนี้ไม่อาจมีใครยินดีไปขวางทาง พยายามใช้วิชาอภินิหารหลบหนีเอาชีวิตรอด
ไม่จำเป็นต้องเร็วกว่ากระบี่เซียน ขอเพียงต้องเร็วว่าคนอื่นๆ เท่านั้น
จี้หยวนออกแรงที่มือซึ่งกำลังกำฝักกระบี่อยู่ สถานการณ์ปีศาจมารเต็มท้องฟ้านี้เขาเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก ความจริงแล้วเป็นกังวลอยู่บ้าง ไม่แน่ว่าอาจเกิดความผิดพลาด แต่ทุกเรื่องก็มีสิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำทั้งนั้น
“สงสัยจริงๆ ว่ามรรคสูงส่งกว่าหรือว่ามารสูงส่งกว่า”
หลังจากแค่นหัวเราะเสียงหนึ่งแล้ว มือขวาจี้หยวนใช้นิ้วชี้ลูบฝักกระบี่และด้ามกระบี่ ทีแรกลดความเร็วแล้วค่อยวาดขึ้นไป จากนั้นนิ้วชี้วาดออกจากด้ามกระบี่ชี้ขึ้นท้องฟ้า กระบี่เครือเขียวพลันทอประกายกระบี่ ไม่ใช่ปราณกระบี่สีขาวเจิดจ้าแบบนั้นอีก แต่เป็นความรู้สึกเยือกเย็นที่ชัดแจ้งแทน
ชิ้ง…
กระบี่ส่งเสียงดังยาว ประกายกระบี่พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าโดยพลัน ทะลุวังวนพิษชั่วร้ายตรงขอบฟ้าในพริบตาเดียว พาอานุภาพยิ่งใหญ่ไปไกลยิ่งกว่าสวรรค์เก้าชั้นฟ้า
ตอนเสียงกระบี่ดังขึ้น ปีศาจมารมากมายล้วนปลุกพลังทั่วทั้งร่างกาย ต้องการหลบหนีหรือลองต่อต้านกระบี่เซียน แต่กลับพบว่าประกายกระบี่แทบวาบผ่านหน้าแล้วบินขึ้นสู่ท้องฟ้าไปเท่านั้น
‘ไม่ได้มาสังหารพวกข้าหรือ’
ในใจของปีศาจมารมากกว่าหนึ่งตนต่างคิดเช่นนี้ แต่พวกมันบางตนตระหนักได้ถึงบางอย่างอย่างรวดเร็ว จึงเงยหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้า
พร้อมกันนี้ นิ้วชี้จี้หยวนวาดลง กระบี่เครือเขียวที่เชื่อมถึงใจเขาได้นานแล้วเกิดความมั่นใจตามวิวัฒน์ฟ้าดินของเจ้าของ อีกทั้งรวบรวมพลังแห่งสวรรค์อันไม่มีที่สิ้นสุด ภายใต้เจตแดนนั้นเอง ทั่วท้องฟ้าดูเหมือนถูกชักนำเข้าหากระบี่เซียน
หึ่ง…
เสียงเบาหวิวดังไปทั่วสี่ทิศ คนที่ได้ยินรวมถึงผู้ฝึกปราณเกาะหมอกเซียนล้วนเกิดความรู้สึกชาหนึบไปถึงกระดูก
เจตกระบี่หนาหนักบริสุทธิ์เต็มไปด้วยไอสังหาร แสงสีขาวเจิดจ้าบนกระบี่เซียนชักจูงและหมดลง นั่นเป็นการซ้อนทับกันของท้องฟ้าในเขตแดนและสวรรค์เก้าชั้นฟ้า
ตอนนี้เจตจำนงและพลังเกิดการทับซ้อนมั่นคงระหว่างมายาและความจริง กระบี่เซียนลอยอยู่กลางอากาศราวคุมอำนาจฟ้า ขอเพียงใครสักคนเงยหน้าขึ้นล้วนต้องเกิดความหนักอึ้งไร้สิ้นสุดในจิตใจ
กระบี่เครือเขียวประสานเจตจำนงกับพลัง ไม่แผ่ขยายปราณกระบี่อีก ทว่าเจตกระบี่ไร้ขอบเขตสอดคล้องกับ ‘สวรรค์’ แล้ว พาพลังไร้เทียมทานตกลงมาจากท้องฟ้า
ครืน…
กลางเขตแดน ขอบฟ้าสั่นคลอนอย่างต่อเนื่อง ความรู้สึกกดดันอย่างรุนแรงในขณะที่โลกพังทลายลงทับถมลงมา
‘ฟ้าถล่มแล้ว…’
จอมมารจ้าวปีศาจมากมายกลัวจนหยุดหายใจ ทว่าตอนที่กำลังมองท้องฟ้า พวกมันต่างก็เกิดความรู้สึกหวาดกลัวท้องฟ้าถล่มลงมา
กระบี่น่าครั่นคร้ามกำลังตกลงมา ทว่าที่ตกลงมาไม่ได้มีแค่กระบี่ ทว่าท้องฟ้าถล่มลงตามพลังของกระบี่เล่มนี้ด้วย
ความหนักอึ้งในจิตใจรุนแรงเช่นนี้ อีกทั้งรุนแรงขึ้นเป็นเท่าทวีทุกวินาทีด้วย
เหล่ามารปีศาจตัวสั่นงันงก แม้แต่พลังและปราณมารทั่วร่างเหมือนกับไม่ฟังคำสั่ง ปีศาจมารมากมายยืนหยัดได้อีกไม่นานโดยสิ้นเชิง ด้วยราวกับถูกสิ่งของหนักอึ้งกดทับลงมา พากันตกลงจากท้องฟ้าแล้ว
ต่อให้ร้ายกาจยิ่งกว่านี้ก็ทนความกดดันระดับนี้ไม่ไหว ไม่กล้าบินขึ้นสู่ท้องฟ้าอีก ทว่าตกลงมาอย่างต่อเนื่อง พร้อมกันนั้นฝืนความรู้สึกแตกสลาย โคจรพลังคิดหนีออกจากช่องว่างของ ‘ฟ้าดินประสาน’
ทว่าท้องฟ้ากว้างไกลไร้ขอบเขต พื้นดินกว้างใหญ่ไร้ขีดจำกัด หนทางยืดยาวไม่มีที่สิ้นสุด
ปีศาจมารบางตนเพียงบินออกไปไกลหลายลี้ก็คิดไปเองว่าตนเองบินมาไกลมากแล้ว บินไปได้ไกลมากๆ แต่กลับมองไม่เห็นจุดสิ้นสุดของท้องฟ้าที่ถล่มลง อีกทั้งท้องฟ้ายังคงถล่มลงมาด้วยความเร็วอันน่าพรั่นพรึง ยิ่งบินยิ่งต้องลดระดับความสูงลง จากนั้นทนความกดดันนี้ไม่ไหวอีก ชนเข้ากับภูเขาละแวกนั้นดังโครม
ปีศาจมารที่พลังไม่แก่กล้ายังไม่ได้เจอกับท้องฟ้าถล่มซึ่ง ส่วนใหญ่ถูกเจตกระบี่สังหารทั้งเป็น กลายเป็นศพก่อนล้มลงกับพื้น แม้แต่วิญญาณก็แตกสลายอยู่ในเจตกระบี่เช่นเดียวกัน เพราะมันรู้อยู่แก่ใจว่าถูกสังหารแล้ว
เมื่อฟันกระบี่ฟ้าทลาย ปีศาจมารตกลงมาดุจสายฝน…
นี่เป็นอีกครั้งที่จี้หยวนสำแดงอานุภาพกระบี่ทลายฟ้าหลังจากชักกระบี่ออกจากฝักครั้งแรก กระบี่ของมือกระบี่น่ากลัวที่สุดเสมอเมื่อถูกดึงออกจากฝัก อานุภาพกระบี่ฟ้าทลายมีความอัศจรรย์ที่แตกต่างทว่าให้ผลเช่นเดียวกัน หรือพูดได้ว่ากระบี่นี่ตกลงมาแล้วเหมือนกับตกลงสู่หัวใจของทุกๆ คน
กระบี่นี้ไม่ได้พุ่งเป้าไปที่ผู้ฝึกปราณเกาะหมอกเซียน กลางเขตแดนเขาแยกแยะมิตรศัตรูได้ แต่ในเมื่อเป็นเช่นนี้ อานุภาพกระบี่และความกดดันที่เกิดขึ้นยังคงทำให้ผู้ฝึกปราณเกาะหมอกเซียนล้วนควบคุมประกายหมอกไม่ได้ พากันตกลงบนยอดเขาใกล้ๆ
ผู้อาวุโสเกาะหมอกเซียนหกคนรอบนอกเดิมทีรีบร้อนมาช่วยเหลือ ตอนนี้ตกลงบนยอดเขาใกล้เคียงอย่างอดไม่ได้เช่นกัน ก่อนจะมองท้องฟ้าด้วยสีหน้าตื่นตกใจ
‘ท้องฟ้าถล่มแล้วใช่หรือไม่…’
บนยอดเขาตรงใจกลาง จี้หยวนแทบใช้พลังทั่วร่างจนหมดเกลี้ยง กลางเตาโอสถเขตแดน ตอนนี้เพลิงสมาธิเจิดจ้าถึงขีดสุด กำลังหลอมปราณโอสถใหม่อย่างบ้าคลั่ง มันถูกเติมเต็มให้กับร่างกายอย่างต่อเนื่องผ่านสะพานทองของเขตแดนและเปลี่ยนเป็นพลังใหม่
ยึดกุมเขตแดนแล้วแข็งแกร่งเพียงใด เจตกระบี่ของกระบี่นี้แข็งแกร่งเพียงใด ครั้งนี้จี้หยวนใช้แรงกายทั้งหมดแล้วอย่างแท้จริง และเขาเชื่อเช่นกันว่าเขาที่เข้าใจวิชาอัศจรรย์ฟ้าดินอย่างถ่องแท้ในตอนนี้ หากใช้กระบี่นี้อีกครั้งจะต้องไม่เหมือนเดิมอย่างแน่นอน
ทีแรกเผชิญหน้ากับหนึ่งเทพ วันนี้เผชิญหน้ากับปีศาจมารนับพันหมื่น ข้าคนแซ่จี้ภูมิใจมากเช่นกัน!
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ยิ่งเห็นปีศาจมารตกลงมาจากท้องฟ้า ในใจจี้หยวนเกิดความลำพอง ตอนนี้แม้เป็นผู้ฝึกเซียน แต่กลับมีจิตวิญญาณในสนามรบและความเจ้าเล่ห์ของยุทธภพ บนใบหน้าที่สำรวมกิริยามาเป็นเวลานานเผยให้เห็นความเย่อหยิ่งและรอยยิ้มอันเย็นชาแล้ว
ทุกครั้งที่นิ้วชี้ค่อยๆ ขยับ ทุกสิ่งที่อย่างที่กำลังเผชิญหน้ากับอานุภาพกระบี่มีความกดดันเพิ่มขึ้นอีกสิบส่วน นั่นเป็นความสิ้นหวังจากการเผชิญหน้ากับความตาย ไม่สามารถสู้กับใครได้ นอกเสียจากมั่นใจว่าจะทะลุท้องฟ้าไปได้
ตอนปีศาจมารทั้งหลายตกลง แม้ร่างกายสมบูรณ์พร้อมไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่สีหน้าและแววตากลับหมองคล้ำอย่างชัดเจน หัวใจแตกสลายแล้ว
สิ่งที่ทำให้จี้หยวนคิดไม่ถึงคือหนึ่งกระบี่มีเขตแดนไม่สิ้นสุดและพลังทลายฟ้า ดูเหมือนเกิดเสียงสะท้อนบางอย่างกับปราณชั่วร้ายชีพจรดินเสียอย่างนั้น คล้ายกับว่าชีพจรดินได้รับแรงกดดันจากท้องฟ้า พิษชั่วร้ายที่พ่นออกมาค่อยๆ หยุดลงแล้ว
ปราณพิษชั่วร้ายที่อบอวลไปทั่วเทือกเขาถูกกดอัดไว้ที่พื้นดิน ระหว่างฟ้าดินเกิดแสงสว่างอีกครั้ง
ตอนนี้จี้หยวนที่หมดพลังก้นจ้ำเบ้ากับพื้นดินบนยอดเขา ทว่าเขาไม่ได้แน่นิ่ง กระบี่นี้นอกจากยืมแรงทำลายแรงได้แล้ว หลักๆ เพื่อทำลายหัวใจ
เพื่อให้การข่มขู่ยังคงอยู่ จี้หยวนไม่ได้ให้กระบี่นี้บุกถึงพื้นดินอย่างแท้จริง ไม่เช่นนั้นยืมอานุภาพสังหารปีศาจมารจำนวนหนึ่งเป็นเรื่องง่าย ทว่าตกเป็นรองง่ายดายเช่นเดียวกัน และเขาไม่มีแรงเหลือแล้วจริงๆ หากให้กระบี่เครือเขียวสังหารเอง แม้แต่จิตวิญญาณเขาก็จะไม่เหลือสักเสี้ยวเดี้ยว
ท่ามกลางกลุ่มมารที่ตกลงสู้พื้นดิน ตนที่เก่งกาจเพียงหวาดกลัวจนขยับไม่ได้ ทว่ายังไม่ตาย ดังนั้นแม้จี้หยวนล้มลงเพราะเหนื่อยล้า ก็ไม่ใช่ว่าหงายหลังล้มลงไปทันที ทว่านั่งลงบนพื้น ขาซ้ายยื่นเหยียด ขาขวางอขึ้น มือขวายันหัวเข่ารองศีรษะเอาไว้
จากนั้นจี้หยวนเค้นพลังเฮือกสุดท้าย กาหยกสีเขียวมรกตลอยออกจากแขนเสื้อก่อนเขาจับไว้ในมือซ้าย เขาอ้าปากเล็กน้อยแล้วเทสุราดื่ม นั่นคืออำพันมังกรในกาเชียนโต่ว
ตอนนี้เองกระบี่เครือเขียวบินกลับมา กระบี่กลับเข้าฝักเสียงดังชิ้ง สุดท้ายตั้งอยู่ข้างหน้าจี้หยวนที่กำลังนั่งพื้นดื่มสุรา
กระบี่ออกฟ้าทลาย กระบี่กลับคืนบนยอดเขา ร่ำสุราอย่างสบายใจ ถือกานั่งดื่มด่ำ มองทุกสิ่งทุกอย่างราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น