บทที่ 393 โอเค คุณเก่ง ผมฟังคุณก็ได้
ไป๋เยี่ยกลับมาบ้านด้วยอาการมึนเมา เขาล้มตัวลงบนโซฟาแล้วผล็อยหลับไปทั้งที่ยังไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้า
เช้าวันรุ่งขึ้น ไป๋เยี่ยก็ยังคงมีอาการงุนงงจนแทบไม่อยากตื่นนอน เขาจึงนอนลงบนเตียงพลางหรี่ตาลงเล็กน้อย ทว่าจู่ๆ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
ไป๋เยี่ยคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาดู จื่อเหยียนนี่เอง ช่วงนี้ไป๋เยี่ยยุ่งมากจนไม่เวลาคุยกับเธอ เขาจึงอาศัยโอกาสนี้พูดคุยกับเธอสักหน่อย
ช่วงนี้จื่อเหยียนก็กำลังยุ่งอยู่กับการทดลองของอาจารย์ที่ปรึกษา ทั้งคู่ต่างยุ่งอยู่กับงาน แต่ก็ยังได้คุยกันบ้าง ก่อนจะนอนก็บอกฝันดีกันทุกคืนจนมันได้กลายเป็นกิจวัตรประจำวันของทั้งคู่ไปแล้ว
ระหว่างที่ไป๋เยี่ยกำลังเล่นโทรศัพท์อยู่นั้น หยางผิงเหว่ย รูมเมทของเขาก็โทรมาหา
“ไงพี่เยี่ย เสาร์อาทิตย์นี้ก็ต้องสอบใบอนุญาตแล้วนะ ตารางออกมาแล้ว นายกับฉันต้องไปสอบวันอาทิตย์ อย่าลืมเด็ดขาดล่ะ ฉันส่งเวลากับสถานที่สอบไปให้นายแล้ว”
ไป๋เยี่ยได้ยินดังนั้นก็ถึงกับหายง่วง เกือบลืมเลย!
สอบใบอนุญาต!
นี่ถือเป็นหลักฐานที่แพทย์ทุกคนต้องมี มีแค่ใบอนุญาตใบเดียวก็ประกอบอาชีพได้อย่างอิสระแล้ว
ปกติแล้วก็จะเริ่มสมัครได้ตั้งแต่หลังเรียนจบปริญญาตรีและจะได้สอบในปีถัดไป การสอบนี้จะจัดขึ้นปีละหนึ่งครั้งเท่านั้น โดยคะแนนผ่านเกณฑ์คือสามร้อยหกสิบคะแนน ซึ่งคนส่วนใหญ่ก็น่าจะสอบผ่านกันอยู่แล้ว
ไป๋เยี่ยไม่ได้สนใจมันมากนัก เพราะเขาคิดว่าอย่างไรตนเองก็สอบผ่าน
แต่ถึงกระนั้น เรื่องสอบผ่านกับเรื่องลืมไปสอบก็เป็นคนละเรื่องกัน…
มันเป็นไปไม่ได้ที่คุณจะสอบผ่านโดยไม่ทำข้อสอบ เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!
การสอบใบอนุญาตประกอบวิชาชีพแบ่งออกเป็นสองส่วน ได้แก่ การสอบปฏิบัติและการสอบข้อเขียน
หลังจากที่สอบปฏิบัติผ่านแล้ว จะต้องไปสอบข้อเขียน เมื่อสอบข้อเขียนผ่านแล้วจึงจะออกใบรับรองให้ได้ แต่ก็มีหลายคนที่ติดอยู่ที่ด่านแรก ด่านสอบภาคปฏิบัตินั่นเอง
ปกติแล้วการสอบปฏิบัติจะเป็นการสอบวินิจฉัยและจ่ายยาให้ผู้ป่วยสองเคส จากนั้นก็จะมีแบบฟอร์มมาให้คุณวิเคราะห์อาการของผู้ป่วย โดยจะมีฟิล์มเอ็กซเรย์ปอดและแผนภาพแสดงคลื่นไฟฟ้าหัวใจของผู้ป่วยมาให้ด้วย ขั้นตอนสุดท้ายก็จะเป็นการทำหัตถการ ซึ่งจะต้องดำเนินการแบบปลอดเชื้อตามปกติ
ไป๋เยี่ยมองหน้าจอโทรศัพท์ วันนี้เป็นวันศุกร์
โชคดีที่ยังไม่พลาดไป แค่นี้ก็ดีพอแล้ว!
พูดตามตรง มันเป็นเพราะไป๋เยี่ยไม่ค่อยได้ไปที่โรงพยาบาลจึงลืมเรื่องนี้ไปเลย ท้ายที่สุดแล้ว ถ้าเราไม่ได้พาตนเองไปอยู่ในสภาพแวดล้อมใดนานๆ ก็อาจจะมองข้ามบางสิ่งบางอย่างไปได้…
แต่มะรืนนี้ก็เป็นวันสอบแล้ว…ไป๋เยี่ยคิดว่าตนเองควรจะทำตัวให้สมกับคนจะสอบหน่อย เช่น ไปหาหนังสือมาอ่าน หรือทำอะไรสักอย่าง เพราะว่าการสอบภาคปฏิบัติจะให้คะแนนจากขั้นตอนการปฏิบัติ
ก็เหมือนกับเวลาที่คนไปสอบใบขับขี่ ถึงจะมีประสบการณ์ด้านการขับขี่มามากก็ตาม แต่เมื่อไปสอบกลับสอบไม่ผ่านเพราะความเคยชินของตนเอง
ไป๋เยี่ยจึงลองค้นดูเนื้อหาที่จะนำมาสอบเพื่อดูว่าจะมีการทดสอบเรื่องอะไรบ้าง จะเป็นอย่างไรกัน…ถ้าเกิดเขาสอบไม่ผ่าน เขาจะเอาหน้า ไปไว้ที่ไหน!
จะยอมไม่ได้เด็ดขาด!
ทว่าระหว่างที่ไป๋เยี่ยกำลังเตรียมตัวออกไปที่โรงพยาบาลก็มีคนโทรมาอีกแล้ว
คราวนี้เป็นผู้อำนวยการวิทยาลัยแพทย์ยูเนียน เกาเย่ว์หยางนั่นเอง
“เสี่ยวเยี่ย พรุ่งนี้อย่าลืมมางานมอบรางวัลเกียรติยศแก่นักวิชาการฉางเจียงล่ะ ฝ่ายวิชาการของชิงหวาจัดงานนี้ขึ้นที่ศูนย์กิจกรรมนักศึกษาของมหาวิทยาลัย…คุณรู้ใช่ไหมว่าที่ไหน อย่าลืมมาให้ทันเวลานะ”
ไป๋เยี่ยมีท่าทีสับสนเล็กน้อย “ผมไม่เคยไปเลยครับ…”
เกาเย่ว์หยางชะงักไปเล็กน้อย “พรุ่งนี้เช้าผมจะส่งคนไปรับ ถ้างั้นเราก็ไปด้วยกันเลย ให้ตายเถอะ ใครกันแน่ที่เป็นผอ.”
ไป๋เยี่ยยกยิ้ม “อาจารย์เกาครับ มะรืนนี้ผมต้องสอบใบอนุญาต ผมไม่ไปได้ไหมครับ”
คำพูดของไป๋เยี่ยทำให้เกาเย่ว์หยางตั้งตัวไม่ทันจนแทบจะตอบตกลงไป
เกาเย่ว์หยางได้ยินไป๋เยี่ยพูดแบบนั้นแล้วก็นิ่งไป มีสอบเหรอ ไป๋เยี่ยถึงกับพูดออกมาแบบนี้แสดงว่ามันต้องเป็นการสอบที่สำคัญ เข้มงวดและยากสำหรับไป๋เยี่ยแน่ๆ
ไม่งั้นไป๋เยี่ยจะลางานเพื่อไปทบทวนเหรอ
ทว่า!
เมื่อเกาเย่ว์หยางได้สติคืนมา เขาก็เกือบจะกัดลิ้นตนเอง!
สอบใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเนี่ยนะ!
เกาเย่ว์หยางเอาแต่ครุ่นคิดจนไม่รู้จะพูดอะไรต่อ “อ..อ…ไอ้เด็กนี่!”
อย่าว่าแต่ไป๋เยี่ยเลย ปกติแล้วนักศึกษาปริญญาตรีทั่วๆ ไปก็สอบใบอนุญาตผ่านกันทั้งนั้น การที่ไป๋เยี่ยพูดแบบนี้แสดงให้เห็นว่าเขาไม่เชื่อมั่นในตนเองเลย
แถมเกาเย่ว์หยางยังอยากจะใช้ชื่อเสียงของเด็กคนนี้เป็นหน้าเป็นตาให้กับตนเอง ครั้งก่อนที่เขาเป็นคนเอ่ยปากชวนไป๋เยี่ยมาเป็นอาจารย์ อาจารย์หลายๆ คนในมหาวิทยาลัยก็ดูจะไม่ค่อยพอใจนัก
แต่แล้วตอนนี้ล่ะ
ตอนนี้คนที่เกาเย่ว์หยางเลือกกลับกลายเป็นนักวิชาการฉางเจียงคนหนึ่งไปแล้ว!
เป็นถึงนักวิชาการฉางเจียงในโครงการเชียนเหริน แต่กลับบอกว่าจะไปเตรียมตัวสอบใบประกอบวิชาชีพ ล้อกันเล่นงั้นเหรอ
เกาเย่ว์หยางคิดแล้วก็กล่าวด้วยน้ำเสียงโมโหร้าย “พรุ่งนี้เช้ารถจะมาถึงผู่เจ๋อตอนแปดโมง คุณต้องไปให้ตรงเวลา!”
สิ้นเสียงของเกาเย่ว์หยาง สายถูกตัดไปในทันที!
ไป๋เยี่ยถอนหายใจอย่างหมดหนทาง เฮ้อ…เอาเถอะ อย่างน้อยเขาก็เป็นผอ. อย่าไปมีเรื่องด้วยเลย
อย่างแย่ที่สุดก็แค่ได้เริ่มอ่านหนังสือตอนบ่ายวันพรุ่งนี้
ไม่ทันไร เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
ไป๋เยี่ยคว้ามันขึ้นมาดูแล้วก็ต้องตกตะลึงเมื่อเห็นว่าเป็นคนใหญ่คนโตอีกแล้ว!
หวังชิ่งหยวน นักวิชาการจากสมาคมแพทย์สาขาเวชศาสตร์ฉุกเฉินนั่นเอง
ไป๋เยี่ยขาน “สวัสดีครับคุณหวัง”
หวังชิ่งหยวนหัวเราะเบาๆ “สวัสดีๆ เสี่ยวเยี่ย ผมโทรมาหาคุณเพราะมีเรื่องอยากจะบอกนิดหน่อย บ่ายวันพรุ่งนี้ผมว่าจะเรียกทุกคนมาร่วมกันพิจารณาจัดตั้งสาขาใหม่น่ะ ผมวางแผนจะจัดตั้งมันในเดือนหน้านี่เอง ไหนๆ บ่ายวันพรุ่งนี้ก็ว่างแล้ว ผมเลยอยากให้ทุกคนเข้ามาพูดคุยกันถึงเรื่องนี้หน่อยน่ะ”
ไป๋เยี่ยนิ่งไป บ่ายวันพรุ่งนี้…
ว่าจะอ่านหนังสือซักหน่อย…
หวังชิ่งหยวนได้ยินไป๋เยี่ยเงียบไปก็ถามอย่างสงสัย “เสี่ยวเยี่ย คุณไม่สะดวกเหรอ มีธุระอะไรหรือเปล่า ถ้าไม่ว่างจะมาสายหน่อยก็ได้นะ…”
ไป๋เยี่ยกระแอม ดีที่เหล่าหวังยังเป็นคนใจกว้าง เป็นนักวิชาการเหมือนกันแท้ๆ ไหงถึงต่างกันขนาดนี้ล่ะ “ใช่ครับ มะรืนนี้ผมมีสอบใบอนุญาต พรุ่งนี้ผมเลยอยากจะ…”
ทันใดนั้นหวังชิ่งหยวนก็พูดแทรกขึ้นมาโดยไม่รอให้ไป๋เยี่ยพูดจบเลย “อ้อ พรุ่งนี้ก็ว่างน่ะสิ ถ้างั้นก็ตามนี้แหละนะ ไว้ผมจะส่งสถานที่และเวลาให้คุณเอง อย่าลืมมาให้ทันนะ!”
ไป๋เย่ดูโทรศัพท์และอดไม่ได้ที่จะตะลึงไปครู่หนึ่ง…
หรือว่าการสอบใบอนุญาตจะไม่นับว่าเป็นการสอบ
พวกคุณนี่มัน…ดูถูกกันเกินไปแล้ว
สอบใบอนุญาตแล้วมันทำไม
พวกเขาก็เคยสอบนี่นา ก็ควรจะให้ความสำคัญหน่อยหรือเปล่า…
ไป๋เยี่ยถอนหายใจ ช่างเถอะ งั้นก็อ่านมันวันนี้เลยแล้วกัน ไม่ต้องรอพรุ่งนี้แล้ว ไป๋เยี่ยคิดได้ดังนั้นก็ลุกไปอาบน้ำและเตรียมตัวไปอ่านหนังสือที่หอพัก
ทันใดนั้น เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง และไป๋เยี่ยก็สัมผัสได้ถึงลางร้าย…
“ฉันมิเชลเอง สองวันก่อนคุณไม่ได้มาดูอาการฉันเลย…คุณว่างหรือเปล่า พอดีวันนี้ฉันรู้สึกเจ็บหน้าอกน่ะค่ะ…ถ้าคุณว่าง…”
ไป๋เยี่ย “…”
เอาเถอะ!
พวกคุณเก่งที่สุดแล้ว…ผมฟังพวกคุณก็ได้…
นี่ ใบอนุญาต ไม่ใช่ว่าฉันไม่เห็นค่านายนะ…