ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย – บทที่ 1434 ศัตรูของข้า

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 1434 ศัตรูของข้า

บทที่ 1434 ศัตรูของข้า

แม่นางคนนั้นมีท่าทางที่ดูเป็นธรรมชาติสง่างาม เห็นได้ชัดว่าเป็นหญิงสาวที่มาจากครอบครัวที่มั่งคั่ง

คิดไม่ถึงว่านางคือเสี้ยนจู่จริง ๆ

“คิดไม่ถึงจริง ๆ คือนางจริง ๆ” ซูเยว่จือดีใจและเอาแต่เดินไปเดินมาในห้องหนังสือ บนใบหน้ามีทั้งความตื่นเต้นและดีใจ

ครานี้เขาต้องลงโทษหมิงตูจวิ้นจู่ให้ได้ เกรงว่าหมิงตูจวิ้นจู่จะไม่จบเรื่องราวนี้ลงด้วยดีแน่นอน ความใจดีที่เคยมี บัดนี้ได้มลายหายไปแล้ว แทนที่ด้วยความกังวล หมิงตูจวิ้นจู่เป็นคนอย่างไร เขานั้นก็รู้ดี ที่วันนี้นางตั้งแง่กับกู้เสี่ยวหวานก็เป็นเพราะพบว่าตนเองแอบมองกู้เสี่ยวหวาน

หมิงตูจวิ้นจู่มีความคิดบางอย่างต่อตนเอง แต่นางกลับเป็นหญิงสาวที่มีจิตใจอำมหิต คนเช่นนี้ ถ้าเอาชนะกู้เสี้ยวหวานไม่ได้…

ซูจือเยว่ไม่อยากจะเชื่อเลยจริง ๆ คิ้วของเขาขมวดมุ่นเข้าหากัน แต่กลับไม่มีหนทางอื่นอีกแล้ว ทำได้แค่เพียงนั่งลงบนเก้าอี้อย่างหมดแรง คิดจนหัวแทบจะระเบิด แต่คิดอย่างไรก็คิดไม่ออก

คืนนั้นฉินเย่จือกลับมาดึก เมื่อกลับมาถึงก็เห็นกู้เสี้ยวหวานหลับสนิทไปแล้ว เขาทำได้เพียงมองหน้านางยามหลับ กดจูบแผ่วเบาบนหน้าผากอันเกลี้ยงเกลาของนาง

อาจั่วและอาโม่รอเขาอยู่ที่ประตู

ดวงตาเฉียบคมของฉินเย่จือทำให้ทั้งสองรู้สึกถึงความกดดันที่แผ่ปกคลุมในห้องอย่างหนัก

“ตกลงวันนี้เกิดเรื่องอะไรขึ้น” อาโม่ให้คนไปส่งจดหมายฉบับเล็ก ๆ ที่เขียนเพียงสองคำว่า ‘เกิดเรื่องแล้ว’

“นายท่าน วันนี้คุณหนูพบหมิงตูจวิ้นจู่แล้ว หมิงตูจวิ้นจู่คนนั้นก้าวร้าว ต้องการให้คุณหนูไปกับนาง” อาจั่วพูดอย่างกังวลใจ “อีกทั้งยังลงไม้ลงมืออีกต่างหาก”

ฉินเย่จือขมวดคิ้ว พ่นลมหายใจออกมาอย่างเย็นชา ทำให้ผู้คนรู้สึกสั่นไหว

“ทว่าคุณหนูไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด ข้าสั่งสอนคนองครักษ์สองคนนั้นแล้ว” อาโม่รีบอธิบายโดยทันที

เมื่อได้ยินว่ากู้เสี่ยวหวานไม่เป็นไร ฉินเย่จือค่อยวางใจลง ทว่าดวงตากลับฉายแววความเย็นเยือก ริมฝีปากบางเหยียดยิ้มอย่างเย้ยหยัน “หากเป็นหมิงตูจวิ้นจู่ที่ใจโหดเหี้ยมผู้นั้น นางจะไม่มีวันยอมแพ้จนกว่าเป้าหมายของนางจะสำเร็จ จากนี้เป็นต้นไป หากหมิงตูจวิ้นจู่มายั่วยุอีก ไม่ต้องนึกถึงฐานะของนาง หากมาดูหมิ่นอันใดหวานเอ๋อร์อีก ก็ล้วนเป็นศัตรูกับข้า”

ฉินเย่จือหยุดชะงัก มองไปที่อาจั่วและอาโม่ แต่เมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของพวกเขา จึงพูดต่ออย่างเย็นชาน่ากลัวว่า “ใครก็ตามที่กล้าทำร้ายหวานเอ๋อร์แม้แต่น้อย จะอยู่หรือตายก็ไม่สำคัญ”

บรรยากาศชวนอึดอัดเมื่อครู่เพิ่งสงบลง ทว่าเวลานี้กลับแย่ลงไปอีก ภายในห้องเย็นลงราวกับถ้ำน้ำแข็ง อาจั่วและอาโม่ประสานมือทั้งสองข้างไว้ระดับหน้าอก “ข้าจะปกป้องคุณหนูด้วยชีวิต”

ฉินเย่จือยืนขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนที่อาโม่และอาจั่วจะได้ตอบสนอง ในห้องก็ไม่มีวี่แววของฉินเย่จือแล้ว มีเพียงเสียงฝีเท้าแผ่วเบามาจากห้องถัดไป

ดูแล้วนายท่านคงไม่วางใจเรื่องของคุณหนู

อาจั่วและอาโม่มองหน้ากันพร้อมคลี่ยิ้มออกมา แววตามีความแน่วแน่จนไม่อาจบรรยายได้

พวกเขากำดาบในมือแน่นขึ้น ใครก็ตามที่กล้ามารังแกคุณหนูล้วนเป็นศัตรูของเขา

ฉินเย่จือเดินย่องเท้าเข้าไปในห้องอย่างเงียบ ๆ พร้อมกับคิ้วที่ขมวดมุ่นด้วยความกังวล

เมื่อมาถึงเตียงของกู้เสี่ยวหวาน เขาฟังเสียงลมหายใจสม่ำเสมอของนาง แต่คิ้วกลับขมวดเข้าหากันเล็กน้อย คิดดูแล้วในฝันคงฝันถึงเรื่องไม่ดี

เมื่อนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในวัดกว่างหยวนที่อาจั่วเล่าให้ฟัง แมวน้อยตัวนี้เมื่อตอนที่เจอกับคนก้าวร้าวเช่นนั้น ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่จะกลัว

ชายหนุ่มค่อย ๆ เอื้อมมือไปสัมผัสรอยย่นระหว่างคิ้วของนาง ความอ่อนโยนในดวงตาสีดำขลับคู่นั้นมีหมอกหนาบดบังจนหมองมัว

นางคือลูกแมวน้อยของเขา ความรู้สึกเจ็บที่อยู่ในใจของลูกแมวน้อย

ซูหมิ่นผู้นั้นช่างกล้าจริง ๆ นางกล้ามาแตะต้องคนของเขา

หลังจากความอ่อนโยนในแววตาเฉียบคมนั้นหายไป มันก็ถูกแทนที่ด้วยความเย็นยะเยือก คนผู้นั้นกล้าแตะต้องคนของเขา กล้าแตะต้องคนรักของเขา นางคงเบื่อกับชีวิตแล้วสินะ นางคงอยากตาย ข้าไม่รังเกียจที่ส่งนางไปก่อนเวลา

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ มองดูคนที่หลับสนิท ความอ่อนโยนในใจยิ่งมีมากขึ้น และดวงตาของเขาก็จับจ้องไปที่ร่างของนางอย่างไม่อยากละไป สุดท้ายเขาจึงกดไปที่จุดลมปราณของนาง จากนั้นจึงถอดเสื้อคลุมตัวนอกออก พลิกตัวลงนอน และกอดร่างน้อยอันอบอุ่นนั้นไว้ในอ้อมแขน

กลิ่นหอมจากกายของนางทำให้เขารู้สึกผ่อนคลาย ความรู้สึกง่วงที่ไม่เคยมีมาก่อนก็เข้ามาโจมตี เขาหลับตาพริ้ม กอดคนในอ้อมแขนแล้วผล็อยหลับไป

อาจั่วและอาโม่แบ่งงานและผลัดกันเฝ้าอยู่หน้าประตู

นายท่านไม่ออกมาทั้งคืน คาดว่าคงจะพักผ่อนในห้องของคุณหนู แต่กลับไม่ได้ยินเสียง คิดว่านายท่านคงกดจุดลมปราณของคุณหนู

เรื่องนี้ต้องระวังให้ดี คุณหนูกับนายท่านยังไม่ได้แต่งงานกัน ต้องคอยดูให้ดี ไม่ให้คนในบ้านเห็น!

เช้าวันต่อมา กู้เสี้ยวหวานตื่นขึ้นมาอย่างรู้สึกสดชื่นและมองไปที่ผ้าม่านผืนใหญ่ด้วยความสบายใจที่หาได้ยาก

เมื่อคืนนี้นางนอนหลับสนิทและเต็มอิ่ม เดิมทีทุก ๆ เช้านางเคยตื่นขึ้นพร้อมกับเท้าที่เย็นเฉียบ แต่ว่าตอนนี้มันกลับอุ่นสบาย เมื่อวานตอนเย็น เท้าของนางอุ่นราวกับวางอยู่ในเตา อุ่นจนถึงตอนรุ่งสาง แม้แต่การนอนหลับก็ดีขึ้น

หลังจากยืดเส้นยืดสายสักพักจึงตะโกนเรียกอาจั่ว และเห็นอาจั่วเดินเข้ามาพร้อมกับอ่างใส่น้ำ “คุณหนูตื่นแล้ว”

เมื่อเปิดม่านออกแล้วรอให้กู้เสี่ยวหวานลุกขึ้นแต่งตัว ครั้นเห็นท่าทางที่ดูร่าเริงสดชื่นของกู้เสี่ยวหวาน ใจของอาจั่วก็มีความสุข “คุณหนู เมื่อคืนนอนหลับสบายดีหรือไม่เจ้าคะ”

“สบายมาก” ริมฝีปากของกู้เสี่ยวหวานยกยิ้มอย่างพึงพอใจ “เพียงแต่ปวดที่คอนิดหน่อย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะหมอนสูงเกินไปหรือย่างไร ปกติไม่เป็นเช่นนี้ อาจเป็นเพราะเมื่อคือนอนหลับสบายเกินไป ไม่ได้เปลี่ยนท่านอน นอนท่าเดิมตลอดจนเช้าจึงทำให้ข้ารู้สึกปวดคอ”

อาจั่วได้ฟังเช่นนั้นยิ้มออกมาในทันที ทว่ากู้เสี้ยวหวานมองไม่เห็น พร้อมพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ถ้าอย่างนั้นอาจั่วจะนวดให้ท่านเอง เช่นนี้ท่านคงรู้สึกสบายมากขึ้น”

เรื่องนี้ยังต้องรายงานกับนายท่าน ดูแล้วเมื่อคืนนายท่านคงกอดแม่นางไว้ในอ้อมแขนทั้งคืนจึงทำให้นางปวดคอเช่นนี้

ครั้นคิดถึงเรื่องตอนเช้า แขนซ้ายของนายท่านจึงชาจนขยับไม่ได้ เมื่อเชื่อมโยงกับอาการปวดคอของคุณหนูแล้ว เมื่อคืนพวกเขาสองคนนอนหลับได้อย่างไร คิดไปคิดมาก็ไม่เข้าใจอะไรเลย

แสงแดดวันนี้ดียิ่งนัก แต่เมื่อนึกถึงเรื่องของจวิ้นจู่ที่ไม่มีเหตุผลคนนั้นที่พบในวัดกว่างหยวนเมื่อวานนี้ กู้เสี่ยวหวานจึงตัดสินใจที่จะอยู่บ้านไม่ออกไปไหน เพื่อไม่ให้พบเจอจวิ้นจู่ผู้นั้นอีก และไม่ให้เกิดเรื่องรบกวนอะไรขึ้นมาอีก

สองสามวันมานี้กู้เสี่ยวหวานอยู่บ้านและอ่านเขียนหนังสือตลอด หรือไปเย็บปักเสื้อผ้ากับกู้เสี่ยวอี้และท่านอาเป็นบางครั้งบางคราว ก็นับว่าเป็นการบ่มเพาะนิสัย

สำหรับผ้าสีเทาที่เพิ่งซื้อมาจากร้านขายผ้าเมื่อวันก่อน กู้เสี้ยวอี้ได้ตัดผ้าและจับคู่เส้นไหมแล้ว รอเพียงแค่ปักลวดลายลงไปก่อนเริ่มทำเสื้อผ้า

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

Status: Ongoing
กู้เสี่ยวหวานเป็นสาวนักวิจัยด้านการเกษตรวัยเฉียดสามสิบผู้เพียบพร้อม​ในทุกด้าน​ เว้นแต่ด้านความรักที่ยังไม่มาทักทาย​ จนพ่อแม่กลุ้มใจและจัดนัดบอดให้หลายหน และความซวยก็มาเยือนในนัดบอดครั้งนี้​ หลังได้รับโทรศัพท์​จากหัวหน้าทีมวิจัยว่าการทดลองล้มเหลว​ ทำให้เธอต้องรีบทำการทดลองก่อนเวลานัดบอด​ จนประสบอุบัติเหตุ​โทรศัพท์​มือถือระเบิดกลางห้องแลบและพาตัวเธอทะลุมิติ​มาเกิดใหม่ในร่างสาวน้อยสมัยราชวงศ์ชิงผู้แบกภาระเลี้ยงดูน้องๆ​ ท่ามกลางครอบครัวที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น​

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท