บทที่ 977 ดินแดนใหม่และดินแดนเก่า ระเบียบใหม่และระเบียบเก่า!
บทที่ 977 ดินแดนใหม่และดินแดนเก่า ระเบียบใหม่และระเบียบเก่า!
เพียะ! เพียะ! เพียะ!
แส้แดงหวดฟาด พลังกล้าแกร่งขึ้นกว่าเก่าและดุดันขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
หลังจื่อเฉียวรู้ว่าซีไม่อาจจัดการได้ง่าย ๆ ก็โจมตีอย่างโหดเหี้ยมโดยไม่ยั้งมืออีก นางบดขยี้แสงกระบี่จนแหลกลาญ พร้อมฟาดใส่ใบหน้าของซี
“ความริษยารุนแรงเหลือเกิน…”
ซีขมวดคิ้ว สัมผัสถึงความอิจฉาริษยาอันรุนแรงจากจื่อเฉียว คนผู้นี้ขี้ริษยายิ่งนัก
นางสำแดงเคล็ดกระบี่อีกครั้ง คราวนี้เป็นปรมัตถ์แก่นสำคัญของเคล็ดกระบี่ แสงกระบี่เจิดจ้ายิ่งกว่าเดิมพวยพุ่งออกมา ปะทะกับแส้แดงไม่หยุด
ยังดีที่จื่อเฉียวมิได้มีฝีมือเท่าไหร่ เพิ่งอยู่แค่ขอบเขตอิสระขั้นเจ็ดเท่านั้น นางยังสู้กับจื่อเฉียวไหว
หากเป็นเด็กหนุ่มผมเงินนามลู่สวิ้น นางไม่มีทางสู้ได้เลย
อีกด้าน หลังได้เห็นร่างของซีที่กำลังต่อสู้อยู่และเพลงกระบี่ที่ตวัดแกว่งไกว สายตาลู่สวิ้นทอประกายพิศวงอยู่เนือง ๆ นึกสะท้านใจ
ช่างเป็นเพลงกระบี่ที่ไร้ที่ติจริง ๆ เขาไม่เห็นจุดบอดสักนิด!
หากมิใช่ว่าขอบเขตของซีต่ำกว่าจื่อเฉียว หากนางอยู่ขอบเขตระดับเดียวกับจื่อเฉียว ลำพังเพลงกระบี่นี้พอให้ซีกำราบจื่อเฉียวได้ง่ายดาย!
“มิน่า ปรมาจารย์มากมายถึงฝากความหวังไว้กับโลกของสิ่งมีชีวิตมายา…”
เขาพึมพำกับตนเอง
โลกของสิ่งมีชีวิตมายา หรือก็คือดินแดนเก่าที่พวกเขาเรียกขาน
พลังวิถีที่ดำรงอยู่ในนั้นถูกพวกเขาเรียกขานว่าระเบียบเก่า
พวกเขาละทิ้งระเบียบเก่าไปนานแล้ว ด้วยมองว่ามีขีดจำกัด ไม่อาจไปให้สูงกว่านี้
เวลานั้นเองที่พวกเขาก่อตั้งดินแดนใหม่ เหล่าบรรพชนของดินแดนใหม่เปลี่ยนแปลงปฏิวัติระเบียบเก่าอย่างยิ่งใหญ่ บุกเบิกเส้นทางใหม่ขึ้นมา ค้นคว้าจนพบระเบียบใหม่
ระเบียบใหม่อยู่เหนือระเบียบเก่าในทุกด้าน รวมถึงมหาวิชาอภินิหารทั้งหลายที่ถือกำเนิดขึ้นจากระเบียบใหม่ก็อยู่เหนือมหาวิชาอภินิหารในยุคระเบียบเก่าอย่างสิ้นเชิง
ในสายตาพวกเขา ระเบียบเก่านั้นย่ำแย่เต็มไปด้วยจุดบอด อภินิหารทั้งหลายในสมัยระเบียบเก่าก็เป็นวิชาย่ำแย่ มีจุดด่างพร้อยอยู่มากเกินไป
ก่อนหน้านี้ ลู่สวิ้นปักใจเชื่อแนวคิดนี้อย่างไม่นึกกังขา
ทว่าหลังเห็นเคล็ดกระบี่ที่ซีสำแดงออกมา เขาเริ่มสั่นคลอน
ระเบียบเก่านั้นย่ำแย่เต็มไปด้วยจุดบอดจนถือเป็นระเบียบอันด่างพร้อยจริงหรือ
ไม่เสมอไป!
เพลงกระบี่ที่ซีสำแดงนี้มิใช่เช่นนั้นเลย มันสมบูรณ์แบบไร้ที่ติปราศจากจุดบอด!
แม้แต่ตัวเขาผู้บำเพ็ญใต้ระเบียบใหม่ยังถอนใจว่าสู้ไม่ได้ เคล็ดกระบี่ใต้ระเบียบใหม่ที่ตนฝึกมิอาจสู้เพลงกระบี่ใต้ระเบียบเก่าของซี
“เพราะอย่างนั้น นางถึงสามารถผสานวิถีระเบียบใหม่เข้าไปในเคล็ดกระบี่อย่างสมบูรณ์หรือ”
เขาพึมพำเสียงเบาอีกครั้ง
ในเคล็ดกระบี่ของซีแฝงไว้ด้วยวิถีระเบียบใหม่ ประสานกันได้อย่างไร้ที่ติ ก่อนหน้านี้เขาคิดหาเหตุผลไม่ออก บัดนี้พอเข้าใจแล้ว
เคล็ดกระบี่นี้สมบูรณ์แบบเกินไป ไม่ได้ด้อยกว่าเคล็ดกระบี่ระเบียบใหม่ใด ๆ เลย มิหนำซ้ำยังทรงพลังกว่าด้วย และพื้นฐานของระเบียบใหม่คือระเบียบเก่า มีรกรากเดียวกัน
เพราะอย่างนี้ เคล็ดกระบี่นี้ถึงผสานกับวิถีระเบียบใหม่ได้อย่างสมบูรณ์
“คนผู้นั้นกล้าแกร่งปานนี้เชียวหรือ ถึงกับพัฒนาถึงขั้นนี้ได้! หากเป็นเขาที่มายังดินแดนใหม่ สัมผัสกับระเบียบใหม่อย่างเต็มที่ ระดับที่เขาไต่ขึ้นไปถึงต้องเกินจินตนาการเป็นแน่!”
เขาเอ่ยจากใจจริง ยิ่งนับถือคนผู้นั้นเข้าไปใหญ่
ขณะเดียวกัน เขายังทึกทักว่ามีผู้อื่นถ่ายทอดเคล็ดกระบี่นั้นให้ซี
“หรือว่านี่ต่างหากคือความลับของดินแดนเก่า?!”
ดวงตาของเขาเป็นประกาย
เขารู้เรื่องของดินแดนเก่าแค่พอสังเขป
เหตุใดปรมาจารย์จำนวนหนึ่งถึงต้องทำทุกวิถีทางให้ดินแดนเก่าปรากฏออกมาอีกครั้ง ทั้งยังฝากความหวังไว้กับดินแดนเก่า ขณะเดียวกันยังคิดใช้ดินแดนเก่าเพื่อวางแผนบางอย่างอีก
เขามิสู้จะรู้เท่าไหร่
นี่คือความลับสำคัญในดินแดนใหม่ ด้วยสถานะของเขาในตอนนี้ยังไม่อาจเข้าถึงได้
ส่วนเหตุผลที่พวกเขามาอยู่ที่นี่ก็เพราะยามนี้เวลาบีบคั้น ปรมาจารย์เบื้องหลังพวกเขาอยากให้พวกเขามาเสี่ยงดวงที่นี่ ดูว่าพอกอบโกยบางอย่างจากดินแดนเก่ากลับไปได้หรือไม่
ก่อนมาที่นี่ เขาเคยสนทนากับปรมาจารย์เบื้องหลัง
ระหว่างบทสนทนา เขารับรู้ได้ว่าปรมาจารย์นั้นไม่เห็นความหวังกับการเดินทางนี้เท่าใด
เขาก็พอเข้าใจเหตุผล
จะบอกว่าก่อนหน้าพวกเขาไม่มีปรมาจารย์ตนใดเข้าสืบค้นความลับของดินแดนเก่าหรือไร
เป็นไปได้ที่ไหน!
ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าต้องมีปรมาจารย์เข้าสืบค้นความลับของดินแดนเก่ามาแล้วแน่นอน
ผลลัพธ์นั้นก็กระจ่างแจ้ง ปรมาจารย์เหล่านั้นคงไม่ได้สิ่งใดกลับไป
หากได้ไปแล้ว พวกเขาคงไม่ถูกส่งมาที่นี่
“มีเวลาไม่มาก เหล่าปรมาจารย์ก็เริ่มอับจนหนทาง ได้แต่ส่งพวกเรามาเสี่ยงดวง” เขาเอ่ย
และเท่าที่เขาทราบ หาใช่เพียงปรมาจารย์เบื้องหลังเขาที่มีความคิดเช่นนี้ ยังมีปรมาจารย์อีกไม่น้อยที่มีความคิดเช่นนี้
อีกไม่นานคงมีผู้อื่นถูกส่งมามากขึ้น
“ดินแดนเก่าเอ๋ย เจ้ามีความลับเช่นไรกันแน่?!”
เขาจ้องมองเรือนร่างของซีด้วยสายตาลุ่มลึก พิจารณาต่อไป
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
ขณะเดียวกัน การต่อสู้ระหว่างซีกับจื่อเฉียวอยู่ในจุดเดือด
จื่อเฉียวรุกล้ำอยู่นานยังมิอาจพิชิต กำราบซีไม่ลง ยิ่งเป็นผลให้นางขุ่นเคือง ดวงตาลุกโชนด้วยเปลวเพลิง
ซีเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตมายาเท่านั้น คนจากดินแดนเก่า ต่ำต้อยสิ้นดี แต่นางกลับปราบอีกฝ่ายไม่สำเร็จเสียที ให้นางทำใจอย่างไรไหว!
จื่อเฉียวลงมือด้วยโทสะ จู่โจมอย่างบ้าคลั่ง ด้วยคิดจะกำราบซีให้ได้โดยไว
ทว่ายิ่งนางทำเช่นนี้ก็ยิ่งมีจุดบอด ถูกซีฉวยโอกาสได้หลายครา นางไม่เพียงแต่กำราบซีไม่ลง แต่ยังบาดเจ็บตามร่างกายหลายที่ โลหิตไหลอาบเต็มตัว!
ฟึ่บ!
แสงกระบี่ลำหนึ่งตวัดเข้ามา จื่อเฉียวยับยั้งไม่ไหว ถูกฟันขาดเป็นสองท่อน!
“น้องจื่อเฉียว!”
เด็กหนุ่มสามสี่คนรีบปรี่เข้าไปประคองร่างจื่อเฉียว
‘อย่างกับมิเคยเห็นสตรีเพศ…’
เยวี่ยหัวไม่ได้เข้าไป พร้อมเอ่ยในใจด้วยความรังเกียจ ดูแคลนพฤติกรรมของเด็กหนุ่มเหล่านี้มาก
“ข้าจะฆ่านาง!”
จื่อเฉียวแผดเสียงด้วยความพิโรธ หมายจะพุ่งเข้าไปต่อสู้กับซีอีกครั้ง
“อย่าได้วู่วาม!”
“ให้พวกเราลุยเอง!”
เด็กหนุ่มทั้งหลายรั้งจื่อเฉียวไว้มิให้เข้าไป
พวกเขาดูออกแล้วว่าจื่อเฉียวมิใช่คู่มือของซี หากปล่อยให้จื่อเฉียวออกศึกอีกครั้ง รังแต่จะนำความอัปยศสู่ตนเอง
“อย่าห้ามข้า ข้าจะให้นางได้ชดใช้!”
ดวงตาของเยวี่ยหัวมีเปลวเพลิงลุกโชนคล้ายว่าคลุ้มคลั่ง ไม่ว่าอย่างไรก็ขอเข้าไปต่อสู้กับซีอีกสักคราให้ได้
“อย่า!”
“พวกเราจะจับตัวนางไว้ ถึงคราวนั้นค่อยให้น้องจื่อเฉียวระบายความแค้น!”
เด็กหนุ่มทั้งหลายเอ่ยปราม
อีกด้าน เยวี่ยหัวยิ่งดูแคลนเข้าไปใหญ่
เขาดูแคลนในพฤติกรรมของเหล่าเด็กหนุ่ม และยิ่งดูแคลนในพฤติกรรมของจื่อเฉียว
จื่อเฉียวผู้นี้มัวเสแสร้งอะไรอยู่!
สู้ถึงตอนนี้ยังไม่รู้อีกหรือว่ามิใช่คู่มือของซี
‘เป็นเพราะเห็นว่ามีคนห้าม ถึงจงใจตะโกนว่าจะเข้าไปสู้ต่อสิท่า หากไม่มีผู้ใดห้าม น่ากลัวว่าคงไม่กล้าแม้แต่จะผายลม!’
เขาเอ่ยอย่างรังเกียจในใจ
กับจื่อเฉียว เขาไม่ชอบมาตลอด นางเป็นเด็กสาวสะดีดสะดิ้งดัดจริตเป็นที่สุด!
“พวกเจ้าห้ามจื่อเฉียวไว้ ข้าจะไปปราบนาง!”
เด็กหนุ่มผู้หนึ่งเอ่ย ก่อนจะพุ่งไปหาซีทันที
‘เจ้าโง่ คนสะดีดสะดิ้งดัดจริตเช่นนั้นไยต้องตามจีบตามปกป้องด้วย’
เยวี่ยหัวดูถูกอยู่ในใจ ‘ลืมเมื่อคราวนางตำหนิเจ้าว่าสมองไม่ดีแล้วหรือ ยังจะตามจีบต่ออีก!’
เด็กหนุ่มที่พุ่งไปหาซีก็คือเฉียวสือ ก่อนนี้ถูกจื่อเฉียวเย้ยหยันว่าสมองไม่ดี
ทว่าเรื่องนี้พิสูจน์แล้วว่าจื่อเฉียวนั้นมีนิสัยไม่ดีเท่าใด
เฉียวสือมิได้อ่อนพลัง แข็งแกร่งกว่าจื่อเฉียว อยู่ในขอบเขตอิสระขั้นแปดและเป็นศิษย์พี่ของจื่อเฉียว
ทว่ากับศิษย์อย่างเฉียวสือ จื่อเฉียวกลับไม่มีความเคารพนบนอบสักนิด เย้ยหยันเขาตามอำเภอใจ
อันที่จริงมิใช่แค่เฉียวสือ เด็กหนุ่มคนอื่น ๆ ล้วนเก่งกาจกว่าจื่อเฉียวและเป็นศิษย์พี่ของจื่อเฉียว ทว่าจื่อเฉียวไม่นึกเคารพต่อเหล่าเด็กหนุ่มผู้เป็นศิษย์พี่เช่นกัน
‘สมน้ำหน้า ผู้ใดใช้ให้พวกเจ้าด้อยค่าตนเองปานนั้น ไม่มีศักดิ์ศรีสักนิด ผู้อื่นด่าว่าเหยียบย่ำพวกเจ้าแล้วยังปั้นหน้ายิ้มสู้อีก!’
เยวี่ยหัวไม่รู้สึกเห็นใจพวกเฉียวสือสักนิด
พวกเขาทำตนเองโดยแท้ ไม่ควรค่าแก่การเห็นใจ
เฉียวสือบุกโจมตีอย่างดุดัน เห็นได้ชัดว่าเคียดแค้นที่ซีทำร้ายจื่อเฉียวจนบาดเจ็บหนัก เปิดฉากด้วยสุดยอดวิชาพิฆาต ไม่ให้โอกาสกันสักนิด!
ขอบเขตอิสระขั้นแปดสูงกว่าซีสองขั้น
ซีรู้ดีว่าการโจมตีของเฉียวสือมิอาจหยุดยั้งโดยง่าย นางเรียกแผนผังแปดทิศออกมาทันที ทั้งยังสำแดงวิชาสวรรค์เก้าโคจรอย่างรวดเร็ว เพิ่มพูนกำลังรบเป็นเก้าเท่า!
ของวิเศษอันสมบูรณ์แบบ!
ทั้งยังมีอภินิหารสมบูรณ์แบบอยู่อีกหนึ่ง!
ตาของลู่สวิ้นกระตุกรัว รู้สึกสะท้านใจอีกครั้ง
ศาสตราในดินแดนใหม่ก็เหนือกว่าศาสตราดินแดนเก่า ทว่าแผนผังแปดทิศที่ซีนำออกมากลับทำให้เขาต้องตะลึง
นี่คือศาสตราอันสมบูรณ์แบบ ไม่มีที่ติแม้แต่น้อย อย่างน้อยเขาก็ดูไม่ออก
ตัวเขามีศาสตราดินแดนใหม่ ทั้งยังระดับไม่ต่ำ ทว่าเมื่อเทียบกับแผนผังแปดทิศภาพนี้ไม่รู้ว่าห่างชั้นตั้งเท่าไหร่!
เอ่ยอย่างไม่เกินจริงเลยว่าไม่มีอันใดน่าเทียบกันสักนิด!
นอกจากนี้ เรื่องที่เขาตะลึงยิ่งกว่าคือวิชาสวรรค์เก้าโคจรที่ซีสำแดงออกมา ช่วยยกระดับกำลังรบขึ้นเก้าเท่าในเสี้ยวลมหายใจ
วิชาที่ช่วยเพิ่มพูนกำลังรบล้ำค่ามาแต่ไหนแต่ไร แม้แต่ในดินแดนใหม่ก็ถือเป็นวิชาสูงส่ง ราคาสูงเกินหยั่ง
ที่สำคัญการจะยกระดับกำลังรบนั้นยากเย็นยิ่งนัก
โดยเฉพาะยิ่งขอบเขตสูงก็ยิ่งยาก
คิดจะยกระดับกำลังรบอย่างไร้ที่ติซ้ำยังตั้งเก้าเท่า ย่อมยากเย็นกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย
ภายในดินแดนใหม่มีวิชาที่ยกระดับพลังได้เก้าเท่าอยู่ ทว่าเท่าที่เขารู้มา ผลข้างเคียงของวิชานี้มหาศาลเช่นกัน สร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างที่ไม่อาจนิยาม
แต่เขากลับไม่เห็นผลข้างเคียงหรือผลร้ายจากตัวซี
แล้วจะไม่ให้เขาตะลึงได้อย่างไร
ดินแดนเก่านั้นไม่ธรรมดาจริง หาได้พื้น ๆ เลย!
ซียกระดับกำลังรบเก้าเท่าจนทรงพลังยิ่งขึ้น ทว่าความห่างชั้นตั้งสองขั้นนั้นยังมากเกินไป ใช่ว่าชดเชยได้ง่าย ๆ
ด้วยพลังจากแผนผังแปดทิศ ซีถึงพอรับมือเฉียวสือได้บ้าง
เวลานั้นซีสำแดงมหาวิชาปาดนภา พลังวิถีในที่แห่งนี้หลั่งไหลสู่ร่างกายซีอย่างบ้าคลั่ง!
ร่างของหญิงสาวทอประกายแสงเจิดจ้า กำลังรบพวยพุ่ง!
“!!!”
ลู่สวิ้นตกตะลึง คางแทบหล่นลงไปที่พื้น
พลังวิถีในพื้นที่นี้เป็นของพวกเขา เป็นวิถีแห่งระเบียบใหม่
ซีนั้นสะท้านโลกันตร์อย่างแท้จริง เก่งกาจกว่าพวกเขาเสียอีก สามารถดึงวิถีระเบียบใหม่มาช่วยเหลือตนเอง!
“เหตุใดข้าถึงรู้สึกว่านางต่างหากคือคนจากดินแดนใหม่ และพวกเราคือคนจากดินแดนเก่า?!”
เขาพึมพำกับตนเองด้วยความไม่อยากเชื่อ
พวกเขาซึ่งบำเพ็ญระเบียบใหม่มาตั้งแต่เกิดย่อมใกล้ชิดกับระเบียบใหม่มากกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย วิถีระเบียบใหม่ควรเป็นจุดแข็งของพวกเขามากกว่า
ทว่ากับซีมิใช่เช่นนั้น
ระเบียบใหม่กลายเป็นจุดแข็งของซี!
“ข้าอยากเห็นเหลือเกินว่าเจ้ามีความลับใดในตัวบ้าง!”
นัยน์ตาลู่สวิ้นทอประกายเจิดจ้า
“เฉียวสือ ถอยมา ข้าเอง!”
เขาเอ่ยปาก เตรียมออกโรงด้วยตนเอง
แม้ว่าเฉียวสือในยามนี้จะยังไม่มีทีท่าพ่ายแพ้ ทว่าก็ใกล้แล้ว
กำลังรบของซีที่ยกระดับขึ้นมาหลายครั้งเหนือกว่าเฉียวสือแล้วอย่างเห็นได้ชัด