ตอนที่ 3104 สะเทือนใจผู้คน
ลานประลองเป็นตาย!
เมื่อเข้าร่วมในนั้น ไม่ตายไม่จบ!
เวลานี้ทั่วล้านเงียบกริบไร้เสียง ทุกคนล้วนตระหนักได้ว่าเจ้าหนุ่มขั้นสรรสร้างคนนั้นรนหาที่ตาย… เขาเอาจริง…
ภาพเช่นนี้ทำให้อิงเทียนเซิงที่ประหนึ่งเซียนมีสง่ายังอดขมวดคิ้วไม่ได้ บนโลกนี้ยังมีขั้นสรรสร้างที่เบื่อจะมีชีวิตอยู่จริงหรือ
หรือพูดอีกแบบได้ว่าพวกที่แจ้งมรรคขั้นสรรสร้างไม่ควรโง่เขลาเช่นนี้
“เหล่ากู่ ระวังด้วย”
อิงเทียนเซิงส่งเสียงเอ่ยเตือน
“เอ้อ…”
กู่เชาจืออึ้งไป หรืออิงเทียนซานยังคิดว่าเจ้าหนุ่มขั้นสรรสร้างคนนั้นเป็นอันตราย
น่าขัน!
เขากำลังจะพูดอะไร พลังกฎระเบียบแปลกประหลาดแถบหนึ่งปรากฏขึ้น โอบอุ้มเงาร่างของเขาก่อน
ครู่ต่อมากู่เชาจือก็ปรากฏตัวบนลานประลองเป็นตายแห่งนั้น
พร้อมกันนั้นเงาร่างหลินสวินก็ปรากฏขึ้นเช่นกัน ประจันหน้ากับกู่เชาจืออยู่ไกลๆ
ฟุ่บ!
สายตาทั้งหมดล้วนหันมองทั้งสองคนในลานประลองเป็นตาย
เมื่อเข้าสู่ลานประลองเป็นตาย ก็ต้องตัดสินชี้เป็นชี้ตาย!
ในระหว่างนี้คนอื่นๆ ไม่มีโอกาสแทรกมือสักนิด และไม่อาจไปรบกวนได้
จะเป็นหรือตายล้วนขึ้นอยู่กับว่าพลังต่อสู้ของใครแข็งแกร่งกว่ากัน
“เฮ้อ ข้าเคยเข้าร่วมศึกในโลกบัวชะตามาหลายยุคสมัย แต่ไม่เคยเห็นศึกตัดสินเป็นตายอย่างในวันนี้สักครั้ง ขั้นสรรสร้างคนหนึ่ง… เหตุใดจึงคิดสั้นรนหาที่ตายเสียได้”
แม่เฒ่าผมขาวโพลนคนนั้นทอดถอนใจ ไม่เข้าใจอย่างยิ่ง
สัตว์ประหลาดเฒ่าคนอื่นๆ ก็ไม่เข้าใจเช่นกัน สีหน้าต่างกันออกไป
‘เหล่าสิง สหายน้อยหลินไหวหรือไม่ไหวกันแน่’
จอมมรรคซานเฟิงอดสื่อจิตซักถามไม่ได้
‘ไหวหรือไม่ก็เหยียบลานประลองเป็นตายไปแล้ว อีกเดี๋ยวเจ้ารอดูก็พอ’
สิงเจี้ยนสยากล่าวด้วยสีหน้าราบเรียบ
‘ข้าไม่ได้สบายใจเฉิบเหมือนอย่างเจ้า’
จอมมรรคซานเฟิงกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์
ฟู่หนานหลีสื่อจิตเอ่ยเตือนทุกคน ‘พวกเราต้องเตรียมตัวล่วงหน้า รอศึกตัดสินเป็นตายสิ้นสุด ห้ามให้คนอื่นๆ ถือโอกาสทำร้ายสหายน้อยหลินได้เด็ดขาด’
‘เหล่าฟู่ เจ้ามั่นใจขนาดนี้เชียวหรือว่าสหายน้อยหลินจะชนะ’ จอมมรรคซานเฟิงและเซียวเหอต่างสะท้านไหว
‘แน่นอน’
ฟู่หนานหลีตอบกลับโดยไม่ต้องหยุดคิด
เวลานี้เอง…
ในลานประลองเป็นตายเกิดเสียงอื้ออึงคลุมเครือระลอกหนึ่ง จากนั้นพลังกฎระเบียบที่โอบล้อมบนตัวหลินสวินและกู่เชาจือก็สลายไป
ทั้งคู่ต่างได้รับอิสระอีกครั้ง
และกู่เชาจืออดทนรอไม่ไหวแล้ว ออกโจมตีตั้งแต่จังหวะแรก “เจ้าตัวจ้อย ตายซะ!”
เสียงตะโกนดุจฟ้าร้อง สะเทือนก้องเก้าชั้นฟ้า
เขาผิวดำคล้ำ หน้าตาดุดัน เวลานี้ยามลงมือ เงาร่างสูงตระหง่านราวภูเขานั่นปลดปล่อยแสงมรรคบาดตาไร้ขอบเขตออกมาทันควัน ทองอร่ามดุจหินหนืดพวยพุ่ง
ทันทีที่กลิ่นอายขั้นไร้ขอบเขตระดับนั้นแผ่ออกไป ทำให้สัตว์ประหลาดเฒ่าไม่น้อยนอกลานต่อสู้ล้วนใจสั่น
กู่เชาจือ สัตว์ประหลาดเฒ่าที่เคยข้ามเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพมาห้าครั้ง มาจากยุคมาร นิสัยรุนแรง เข่นฆ่านับไม่ถ้วน เป็นปีศาจเฒ่าตัวเป็นๆ คนหนึ่ง
เวลานี้ทันทีที่เขาเคลื่อนไหวก็ตบฝ่ามือหนึ่งผ่านอากาศไปทางหลินสวินตรงๆ
ตูม!
มือใหญ่สีทองพุ่งทะยานห้วงอากาศออกมาเหมือนหินหนืด พริบตานั้นดุจดั่งภูเขาไฟแสนลูกเหินฟ้า ถูกมือใหญ่สีทองนั่นควบคุมให้กระแทกใส่หลินสวิน
อานุภาพและเพลิงโหมระดับนั้นทำให้ผู้คนยังทนมองไม่ไหว ในหัวล้วนผุดภาพที่หลินสวินถูกเผาตายเป็นจุณ กลายสภาพเป็นเถ้าถ่าน
เพราะพลังระดับนี้อย่าว่าแต่ขั้นสรรสร้าง กระทั่งขั้นไร้ขอบเขตเล็กยังต้านไม่อยู่!
และยามนี้หัวใจของจอมมรรคซานเฟิง เซียวเหอล้วนบีบรัด
บนด่านนภาสี่ลักษณ์ พวกอิงเทียนเซิง มารเฒ่าฉู่ นิ่งปู้ชวีล้วนยิ้มเย็นชา
ภายใต้การจับจ้องของสายตานับไม่ถ้วนนี้…
กลับเห็นหลินสวินส่ายหน้าเบาๆ คล้ายผิดหวังอยู่บ้าง
ตูม!
เขาตบหนึ่งฝ่ามือออกไปส่งๆ
นัยเร้นลับนิพพานคลุมเครือเดือดพล่าน ควบรวมเป็นประทับฝ่ามือ ทะยานพาดขวางอากาศ
ตูม!
ประทับฝ่ามือสองสายชนกันเต็มแรง พลันเห็นแสงเพลิงหินหนืดท่วมฟ้าสาดกระเซ็น เสียงสนั่นก้องหูดังไม่หยุด
ผู้คนล้วนตะลึงงัน
ภาพที่พวกเขาคิดไว้ไม่ได้เกิดขึ้น ตรงข้ามพลังฝ่ามือน่าสะพรึงของกู่เชาจือกลับถูกหลินสวินสลายไปได้โดยง่าย!
“เอ๋!”
แม่เฒ่าผมขาวคนนั้นที่ก่อนหน้านี้ยังถอนใจไม่หยุดอึ้งไป เผยแววไม่อยากเชื่อ
“นี่…”
พวกสัตว์ประหลาดเฒ่าคนอื่นๆ ในที่นี้ต่างก็ปากอ้าตาค้างเช่นกัน
“ต้านไว้ได้! พลังต่อสู้ของสหายน้อยหลินไม่อาจใช้หลักทั่วไปประเมินได้ดังคาด!”
จอมมรรคซานเฟิงที่แต่เดิมยังเคร่งเครียดสุดจะเปรียบตื่นเต้นขึ้นมา นัยน์ตาทอประกาย
เซียวเหอถอนใจยาวเฮือกหนึ่ง
มีเพียงสิงเจี้ยนสยา ฟู่หนานหลีที่สงบนิ่งมาก
หากเคยเห็นเหตุการณ์ยามหลินสวินต่อสู้กับพวกซินหูก็จะรู้ว่าภาพเบื้องหน้านี้… ธรรมดาทสามัญมากจริงๆ
และบนด่านนภาสี่ลักษณ์ รอยยิ้มของสัตว์ประหลาดเฒ่าอย่างพวกอิงเทียนเซิงล้วนชะงักค้าง นัยน์ตาวาบประกายน่ากลัว
เจ้าหมอนี่พลังต่อสู้เย้ยฟ้านัก!
ก่อนหน้านี้พวกเขาล้วนคิดว่าหลินสวินรนหาที่ตาย เป็นคนโง่ที่ไม่กลัวเพราะไม่รู้ แต่ตอนนี้… ความเข้าใจนี้ถูกล้มล้างแล้ว
“หากเจ้ามีปัญญาแค่นี้ ไม่พ้นเค่อเดียวต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย”
หลินสวินเอ่ยปากเรียบๆ
เงาร่างเขาสูงโปร่ง ราบเรียบละโลกีย์ คำพูดนี้หากเอ่ยก่อนหน้าต้องถูกคนหัวเราะเยาะและหมิ่นแคลนเป็นแน่
แต่ตอนนี้สายตาที่ผู้คนมองเขาล้วนเกิดการเปลี่ยนแปลงรางๆ ถึงขั้นที่คนไม่น้อยยังเผยท่าทีรอคอยและใคร่รู้อยู่บ้าง
เจ้าหมอนี่หากไม่ใช่ไม่รู้ดีชั่ว ก็ต้องมีที่พึ่ง…
การต่อสู้ครั้งนี้อาจมีตัวแปรเพิ่มมากมาย!
และตัวแปรก็ดึงดูดใจคนมากที่สุด
“ข้าอยู่มาหลายยุคสมัย ขั้นสรรสร้างที่ฆ่าตายมีไม่รู้ตั้งเท่าไร ในนั้นไม่ขาดพวกปีศาจเย้ยฟ้า จนบัดนี้ยังไม่มีใครรอดชีวิตจากเงื้อมมือของข้าได้!”
ไกลออกไปแววตากู่เชาจือชวนสยอง ทะยานตัวก้าวไปเบื้องหน้าโดยพลัน
พลังที่หลินสวินสำแดงออกมาทำให้ในใจเขาสะท้านเช่นกัน ไม่กล้าดูแคลน เขาไม่อยากเรือล่มในคลองตื้น ต่อให้เรื่องเช่นนี้แทบไม่มีทางเกิดขึ้นก็ตาม
แต่เผื่อเกิดขึ้นเล่า
ในฐานะเฒ่าดึกดำบรรพ์ที่ทรงอิทธิพลในหลายยุคสมัยคนหนึ่ง กู่เชาจือดูเหมือนนิสัยรุนแรง แต่ความจริงรอบคอบและสุขุมกว่าภายนอกมากนัก
ก่อนหน้านี้เมื่อตระหนักได้ว่าการโจมตีนั้นผิดแปลก ก็ทำให้เขาตัดสินใจลงมือเต็มกำลัง รีบสู้รีบจบ
ตูม! ตูม! ตูม! ตูม!
พร้อมกับที่กู่เชาจือสาวเท้าไปข้างหน้า ทุกย่างก้าวราวอสนีแรกกำเนิดแตกปะทุ พลังกฎระเบียบมหามรรคน่าสะพรึงแผ่ออกจากร่างกำยำของเขา
มองจากไกลๆ เสมือนเพลิงที่ฉีกแหวกหมื่นกาลสายหนึ่ง ประกายแสงไร้ขอบเขต
“ฟัน!”
กระบี่มรรคสีชาดประหนึ่งเพลิงโหมสายหนึ่งฟันออกมา เลิกประกายเพลิงขึ้นท่วมฟ้า งดงามพร่างตา
ใครต่างก็ดูออกว่ากู่เชาจือในตอนนี้ใช้พลังทั้งหมดแล้ว!
อานุภาพระดับนั้นล้วนสังหารขั้นไร้ขอบเขตเล็กทั่วไปได้ง่ายๆ!
และเวลานี้นัยน์ตาหลินสวินผุดจิตต่อสู้แรงกล้าขึ้นมาในที่สุด
“ทะยาน!”
หลินสวินเรียกเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งออกมา พลังขับเคลื่อนทั่วร่างพลันโคจรอื้ออึง ไม่ถอยกลับรุกหน้า พุ่งปะทะเข้าใส่
เคร้ง!
กระบี่มรรคสีชาดฟันลงมา ซัดใส่เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งอย่างรุนแรง ที่ตามมาติดๆ คือกระแสเปลวเพลิงน่าสะพรึงแผ่กว้างออกจากกระบี่มรรค รุนแรงอหังการ กลิ่นอายทำลายล้างน่าตกใจ
ตูม โครม!
ภายใต้การโจมตีนี้ เงาร่างหลินสวินถูกเปลวเพลิงน่าสะพรึงนั่นซัดถอยออกไป
แต่ไม่รอให้เขาทรงตัวอยู่ กู่เชาจือก็บุกเข้ามาอีกครั้ง
กลิ่นอายของเขาอหังการดุเดือด กระบี่มรรคประหนึ่งเพลิงโหมฟันออกมานับร้อยพันครั้งในอึดใจนั้น ก็เห็นเงากระบี่เป็นชั้นๆ เพลิงเทพหอบม้วนดุจพลิกแม่น้ำคว่ำทะเล ทำให้ในลานประลองเป็นตายแห่งนั้นมีแต่กลิ่นอายทำลายล้างที่ชวนให้คนใจสั่นสะท้าน
สีหน้าทุกคนในที่นี้ล้วนเปลี่ยนไป
อานุภาพของกู่เชาจือแข็งแกร่งเกินไป ทุกการเคลื่อนไหวล้วนมีอานุภาพเผาผลาญทั่วหล้า และเมื่อเขาออกโจมตีเต็มกำลัง พลังระดับนั้นยิ่งน่าสะพรึงกว่าเดิม
ลองถามใจตนดู หากให้พวกเขาเป็นหลินสวิน เกรงว่าต้องงัดพลังทั้งหมดต้านทานสุดแรงเกิดถึงจะได้
จอมมรรคซานเฟิงและเซียวเหออดเครียดขึ้นมาอีกครั้งไม่ได้
“เหอะๆ ในที่สุดเจ้าหมอนี่ก็เจอไม้แข็งแล้ว”
บนด่านนภาสี่ลักษณ์มีคนหัวเราะเบาๆ
“น่าขันนักหรือ”
อิงเทียนเซิงสีหน้าเรียบเฉย ไอเย็นเยียบไหลเวียนกลางนัยน์ตา “แค่ขั้นสรรสร้างคนหนึ่ง กลับบีบจนกู่เชาจือต้องใช้พลังทั้งหมด ทอดสายตามองในอารยธรรมแต่ละยุคสมัย พวกเจ้ามีใครเคยเห็นขั้นสรรสร้างที่เย้ยฟ้าเช่นนี้บ้าง”
ทุกคนล้วนเงียบกริบ ในใจก็พลิกม้วนไม่หยุด จริงสิ ก่อนหน้านี้ใครเคยเห็นบ้าง
ไม่มี!
สัตว์ประหลาดเฒ่าที่ยิ้มเยาะก่อนหน้านี้สีหน้าแข็งทื่อ ไม่น่ามองอยู่บ้าง
“ยิ่งกว่านั้นกู่เชาจือใช้พลังทั้งหมดแล้ว แต่พวกเจ้าดูสิ เจ้าหนุ่มนั่นถูกสังหารในทันทีหรือ”
อิงเทียนเซิงจ้องลานประลองเป็นตายตลอดเวลา
และทันทีที่เขาเอ่ยประโยคนี้ออกมา เหล่าคนที่อยู่ใกล้ๆ ล้วนตระหนักได้อย่างฉับไว ว่าแม้สถานการณ์ของหลินสวินจะอันตรายสุดขีด ถูกโจมตีต่อเนื่อง ราวกับจะถูกกำจัดทิ้งได้ทุกเมื่อ
แต่จนแล้วจนรอดเขากลับสามารถสลายภัยอันตรายได้อย่างหวุดหวิด!
นี่ทำให้สีหน้าพวกเขาเปลี่ยนเป็นตกใจปนเคลือบแคลง
นี่คือพลังต่อสู้ที่ขั้นสรรสร้างคนหนึ่งจะมีได้หรือ?!
“หากเปลี่ยนเป็นขั้นไร้ขอบเขตเล็กต้านทานพลังของขั้นไร้ขอบเขตใหญ่ได้ ข้าจะไม่แปลกใจเลย แต่หากเป็นขั้นสรรสร้างแล้วยังทำได้ถึงขั้นนี้ นี่… ยังไม่เรียกว่าน่ากลัวอีกหรือ”
เสียงอิงเทียนเซิงต่ำลึก นัยน์ตาทอประกายเดือดพล่าน น่าสะพรึงยิ่ง “ก่อนหน้านี้… พวกเราล้วนดูเบาเจ้าหมอนี่ ไม่ใช่เพราะพวกเราหูตาคับแคบ แต่เพราะอารยธรรมยุคสมัยแต่ละแห่งแทบไม่เคยเจอ ‘ปีศาจ’ อย่างเจ้าหมอนี่ เป็นผลให้การปรากฏตัวของเขาทำให้พวกเราชะล่าใจ”
กล่าวถึงตรงนี้มีหรือสัตว์ประหลาดเฒ่าในที่นั้นจะไม่เข้าใจ เจ้าหนุ่มคนนั้นที่ถูกพวกเขามองเป็นคนตาย อันที่จริงเป็นพวกเย้ยฟ้าที่เป็นเลิศไม่เหมือนใครในหล้า
“ยังดี ต่อให้เจ้าหมอนี่เย้ยฟ้าแค่ไหนตอนนี้ก็ถูกกู่เชาจือกดหัวไว้แน่นหนาแล้ว หากไม่มีไพ่เด็ดอื่นเขาต้องแพ้อย่างไม่ต้องสงสัย”
อิงเทียนเซิงกล่าวถึงตรงนี้สีหน้าผุดแววเสียดายเสี้ยวหนึ่งอย่างหาได้ยาก “คนเย้ยฟ้าเช่นนี้ ครั้งนี้กลับต้องร่วงหล่นที่นี่ ช่างทำให้ผู้คนรู้สึกไม่คุ้มค่าจริงๆ เดิมเขา… ควรมีอนาคตสดใสกว่านี้…”
มีคนกล่าวกลั้วหัวเราะ “หากให้เขารอดชีวิตจึงจะทำให้พวกเรากินไม่อิ่มนอนไม่หลับ เพราะอย่างไรหลังจากยุคสมัยถัดไปมาเยือน มีแนวโน้มสูงว่าเขาจะแจ้งมรรคขั้นไร้ขอบเขต ถึงตอนนั้นเมื่อเขามาทะเลโชคชะตาอีกครั้ง เกรงว่าจะไม่มีใครเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้แล้ว”
ทุกคนต่างพากันยิ้ม เพียงแต่รอยยิ้มนั้นมีแววเย็นเยียบปะปน
ในทะเลโชคชะตาแห่งนี้ ไม่มีทางมีโอกาสให้ขั้นสรรสร้างก้าวสู่ขั้นไร้ขอบเขต
ยิ่งกว่านั้นในการต่อสู้ครั้งนี้เขาต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย แล้วยังจะพูดถึงวันหน้าไปทำไม
เวลาเดียวกันนั้นการต่อสู้ในลานประลองเป็นตายยิ่งดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ แสงมรรคลอยกระเซ็น ดังอึงอลไม่หยุด ปรากฏภาพทำลายล้างมากมาย
เหล่าผู้คนที่กระจายตัวอยู่ในบริเวณใกล้เคียงด่านนภาสี่ลักษณ์ต่างสัใผสได้ถึงความผิดปกติของการต่อสู้ครั้งนี้แล้วเช่นกัน แต่ละคนสีหน้าเปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีก
“เจ้าหมอนี่… ถึงกับสามารถต้านกู่เชาจือที่ลงมือเต็มกำลังได้ถึงตอนนี้เชียวหรือ”
“แม้ถูกกดข่ม แต่พลังต่อสู้ระดับนั้น… ในแต่ละยุคสมัยล้วนแทบจะหาคนเทียบรัศมีไม่ได้…”
ผู้ชมการต่อสู้เหล่านี้ล้วนสะท้านสะเทือนกับพลังต่อสู้ที่หลินสวินสำแดงออกมา ในใจผุดความคิดต่างๆ นานา
ส่วนแม่เฒ่าผมขาวโพลนคนนั้นเดือดดาลยิ่งแล้ว ชี้หน้าด่าทอสิงเจี้ยนสยายกใหญ่ “สิงเจี้ยนสยา คนหนุ่มขั้นสรรสร้างที่พลิกหาทั่วหล้ายังเรียกได้ว่าไม่เป็นสองรองใครเช่นนี้ เจ้ากลับให้เขาไปรนหาที่ตาย เจ้ามันเลอะเลือนชัดๆ!!”