ตอนที่ 3105 ไปซะ

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอนที่ 3105 ไปซะ

“สิงเจี้ยนสยา นี่เจ้ากำลังทำลายกล้าพันธุ์ดีที่หายากหมื่นกาลแล้ว!”

จากนั้นคนไม่น้อยต่างเริ่มจู่โจมสิงเจี้ยนสยา

“เจ้าคิดดู ด้วยรากฐานของเจ้านี่ แค่รอยุคสมัยถัดไปมาเยือนก็สามารถแจ้งมรรคขั้นไร้ขอบเขตในเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพได้ ถึงตอนนั้นหากเขามาทะเลโชคชะตาอีกใครจะกล้าเป็นศัตรู”

“เฮ้อ ไม่คิดว่าเจ้าสิงเจี้ยนสยาดันทำเรื่องตื้นเขินสิ้นคิดเช่นนี้”

พวกสัตว์ประหลาดเฒ่าในลานเหล่านั้นรู้จักสิงเจี้ยนสยา ความสัมพันธ์ไม่ถึงขั้นสนิทดี ถังขั้นเรียกได้ว่าเป็นคู่ต่อสู้ชิงชัยกัน

แต่เวลานี้ล้วนประท้วงเดือดดาลเพราะเรื่องของหลินสวิน แค่คิดก็รู้ว่าความสามารถของหลินสวินทำให้พวกเขารู้สึกตระการตาเพียงใด

และเป็นเพราะเช่นนี้จึงทำให้พวกเขาไม่เข้าใจ และเจ็บปวดยิ่งกับการที่สิงเจี้ยนสยาจัดแจงให้หลินสวินออกไปต่อสู้

สิงเจี้ยนสยาถูกด่าสาดเสียเทเสีย สีหน้าเผยแววไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

ได้

ความผิดนี้มีแต่ต้องให้ตนแบกรับไปก่อนชั่วคราวแล้ว

เขามองหลินสวินพลางลอบกล่าวในใจ ‘หลินสวินเอ๋ยหลินสวิน เจ้าห้ามแพ้เด็ดขาดเชียว หาไม่หากเรื่องวันนี้กระจายออกไป ข้าสิงเจี้ยนสยาต้องกลายเป็นคนบาปที่ผู้คนตราหน้าแน่แท้…’

ฟู่หนานหลีก็อดยิ้มไม่ได้

ภาพนี้น่าสนใจเกินไปแล้ว

แม้แต่เขายังคิดไม่ถึงว่าสัตว์ประหลาดเฒ่าเหล่านี้จะถนอมหลินสวินถึงเพียงนี้

เพียงแต่หลินสวินต้องการความถนอมหรือ

แน่นอนว่าไม่ต้องการ!

ดังนั้นสถานการณ์ตรงหน้านี้จึงน่าสนใจยิ่งแล้ว

“เจ้ายังมีหน้ายิ้มอีก! หากวันนี้เจ้าหมอนี่ประสบเคราะห์ เจ้าฟู่หนานหลีก็ต้องรับผิดชอบด้วย!”

ดวงตาแม่เฒ่าผมขาวโพลนคนนั้นโทสะพวยพุ่ง ขนาดอยู่ตั้งไกลฟองน้ำลายยังเกือบพ่นโดนฟู่หนานหลี ทำเอาเขาวางตัวไม่ถูกระลอกหนึ่ง รีบหุบยิ้มเป็นพัลวัน

แม่เฒ่าผมขาวผู้นี้มีนามว่า ‘แม่เฒ่ากระเรียนเซียน’ นิสัยขี้โมโห แต่เป็นคนดีมาก มาจากยุควิญญาณ เจ้าตัวก็เป็นขั้นไร้ขอบเขตใหญ่คนหนึ่ง พลังต่อสู้แข็งแกร่งสุดขีด

ฟู่หนานหลีไม่อยากทำให้พวกร้ายกาจเช่นนี้หัวเสียโดยใช่เหตุ

ว่ากันถึงที่สุดก็เป็นเพราะแม่เฒ่ากระเรียนเซียนเรียกร้องความเป็นธรรมให้หลินสวิน นี่ทำให้ฟู่หนานหลีโกรธไม่ลงสักนิด

“เหล่าสิง สถานการณ์ของหมอนี่อันตรายขึ้นทุกที เจ้าคงไม่ได้หลอกข้ากระมัง”

จอมมรรคซานเฟิงประหม่ายิ่ง เอาแต่จ้องการต่อสู้ในลานประลองเป็นตาย เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ของหลินสวินย่ำแย่ลงเรื่อยๆ เขาก็ร้อนรนจนอดใจไม่ไหวอยากพุ่งเข้าไปช่วย

นี่ทำให้สิงเจี้ยนสยาต้องอธิบายอย่างช่วยไม่ได้ “สงบไว้อย่าร้อนรน เจ้าหมอนี่ทำไปเพื่อลับคมพลังต่อสู้ หากสู้เต็มกำลังจริงๆ เจ้าเฒ่ากู่เชาจือคนนี้คงต้านไม่ไหวนานแล้ว”

“จริงหรือ”

จอมมรรคซานเฟิงเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง

“จริงแท้แน่นอน!”

สิงเจี้ยนสยากล่าวถึงตรงนี้ ในใจก็ร้อนรนระลอกหนึ่งเช่นกัน เจ้าหลินสวินนี่ต่อให้ทำเพื่อลับคมพลังต่อสู้ก็ไม่ควรเป็นฝ่ายเสียเปรียบเช่นนี้ตลอดไปกระมัง

หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เจ้าน่ะไม่เป็นไร แต่ข้าเกรงว่าจะถูกน้ำลายของเฒ่าชราพวกนั้นพ่นใส่จนตาย!

ก็เวลานี้เอง…

ในที่นี้เกิดเสียงอุทานสายหนึ่งดังขึ้น

ก็เห็นในลานประลองเป็นตาย หลินสวินที่เดิมตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบเงาร่างพลันพริบไหว เผยร่างแยกมหามรรคเพิ่มขึ้นมาอีกสาย ต้านการโจมตีรุนแรงที่กู่เชาจือปล่อยออกมา!

“ร่างแยกมหามรรคที่พลังต่อสู้ไม่ด้อยกว่าร่างต้น!!”

นัยน์ตาแม่เฒ่ากระเรียนเซียนพลันทอประกายวาววับขึ้นมา “น่าสนใจ เจ้าหนุ่มคนนี้น่าสนใจเกินไปแล้ว”

และพร้อมกันนั้นพวกสัตว์ประหลาดเฒ่าใกล้เคียงล้วนสะเทือนไหวไม่หยุด

สายตาพวกเขาร้ายกาจปานใด มีหรือจะมองไม่ออกว่าพลังของร่างแยกมหามรรคสายนั้นของหลินสวินไม่ด้อยไปกว่าร่างต้นของเขาสักนิด

เพราะเป็นเช่นนี้จึงทำให้พวกเขาล้วนตกใจไม่หยุด

“เห็นแล้วหรือไม่ เจ้าหมอนี่เตรียมตัวมาพร้อมสู้ชัดๆ!”

บนด่านนภาสี่ลักษณ์อิงเทียนเซิงเอ่ยเย็นเยียบ “แต่นี่ไม่ได้น่าแปลกใจสักนิด เพราะอย่างไรในโลกบัวชะตาแห่งนี้ ใครบ้างที่ไม่มีไพ่เด็ดอยู่เลย”

ดังคาด ก็เห็นในลานประลองเป็นตายกู่เชาจือหัวเราะเย็นชาออกมา “เดาได้แต่แรกแล้วว่าเจ้ายังมีไพ่เด็ด น่าเสียดาย ก็ยังทำอะไรข้าไม่ได้อยู่ดี!”

ตูม!

ขณะพูดแขนเสื้อกว้างของเขาปลิวสะบัด เสียงชิ้งดังขึ้น กระบี่มรรคสีชาดสิบแปดเล่มโฉบพุ่งออกมา กลายเป็นกระบวนค่ายกลกระบี่แถบหนึ่งปิดครอบไปทางหลินสวิน

ความเกรียงไกรของกระบวนค่ายกลกระบี่นั้นทำเอาในที่นี้เกิดเสียงฮือฮาระลอกหนึ่ง สัตว์ประหลาดเฒ่าไม่น้อยล้วนรู้สึกศีรษะชาหนึบ

กระบวนค่ายกลกระบี่จอมมารเมฆชาด!

นี่เป็นถึงไพ่ตายของกู่เชาจือ ถูกเรียกว่ากระบวนค่ายกลกระบี่ที่เหี้ยมหาญที่สุดในยุคมาร

“เช่นนั้นหรือ น่าเสียดายแล้ว”

หลินสวินถอนใจเบาๆ

ยามการต่อสู้อันดุเดือดกลายเป็นการประชันสมบัติ ก็พิสูจน์ชัดแล้วว่าขีดจำกัดในพลังต่อสู้ของอีกฝ่ายมีเพียงเท่านี้

และสำหรับหลินสวิน การต่อสู้เช่นนี้ไม่เกิดประโยชน์ต่อการเคี่ยวกรำฝีมือตนอีกต่อไปแล้ว

ดังนั้นควรยุติลงแล้ว!

“น่าเสียดายหรือ”

เมื่อได้ยินคำพูดของหลินสวิน ไม่ทันรอให้กู่เชาจือเข้าใจความหมายแฝงในนั้น ในครรลองสายตาเขาพลันปรากฏร่างแยกมหามรรคของหลินสวินเพิ่มขึ้นมาอีกสาย

จากนั้นเมื่อเสียงตูมดังขึ้น กระบวนค่ายกลกระบี่จอมมารเมฆชาดที่เขากระตุ้นออกมา ก็ถูกหลินสวินและกายมรรคทั้งสองของเขาซัดทลายอย่างง่ายดาย

กระบี่มรรคสิบแปดเล่มร้องโหยหวน ถูกซัดปลิวออกไปทั้งอย่างนั้น

ส่วนหลินสวินและกายมรรคทั้งสองของเขาพุ่งตรงดิ่งเข้าหากู่เชาจือแล้ว

ตูม โครม!

ภายใต้สภาพตั้งตัวไม่ทัน กู่เชาจือตกอยู่กลางวงล้อมทันที ร่างล้วนถูกซัดโจมตีราวพายุคลั่ง

สถานการณ์พลิกผันไปเช่นนี้!

“เจ้าหมอนี่ซ่อนคมไว้ลึกเกินไปแล้ว!”

“แม่งเอ๊ย เมื่อครู่ข้าก็อุตส่าห์เป็นกังวลแทนเขา ดูท่าคงกังวลไปเสียเปล่า”

“ช่าง… เหนือความคาดหมายของผู้คนจริงๆ…”

…ในที่นี้เกิดเสียงฮือฮาขึ้น พวกเฒ่าชราที่เห็นการต่อสู้เข่นฆ่าจนชินเหล่านั้นล้วนตกใจไปกับไพ่เด็ดที่หลินสวินใช้ออกมาเวลานี้

สิ่งที่คิดไม่ถึงมักจะทำให้คนตกใจมากที่สุด

และตอนนี้หลินสวินก็สำแดงการจู่โจมเหนือความคาดหมายของพวกเขา!

“เหล่าสิง นี่ก็คือไพ่ตายของสหายน้อยหลินหรือ ร้ายกาจดังคาด แม้แต่ข้ายังนึกไม่ถึงว่าร่างแยกมหามรรคของเขาจะแข็งแกร่งเช่นนี้ คราวนี้กู่เชาจือจบสิ้นแล้ว!”

จอมมรรคซานเฟิงตื่นเต้นจนร้องออกมา อาการเช่นนั้นไม่เหมือนสัตว์ประหลาดเฒ่าที่มีชีวิตอยู่มาหลายยุคสมัยสักนิด

ทว่าสิงเจี้ยนสยาเข้าใจสภาพอารมณ์ของจอมมรรคซานเฟิงยิ่ง

คราแรกยามสังหารพวกซินหูที่โลกวิญญาณยุทธ์ สิงเจี้ยนสยาก็มีความรู้สึกตื่นเต้นจนหลุดการควบคุมเช่นนี้เหมือนกัน

เรื่องยินดีที่หลินสวินนำมาให้พวกเขายิ่งใหญ่เกินไปจริงๆ!

เซียวเหอที่นิ่งเงียบสงวนคำเรื่อยมา เวลานี้ยังพ่นลมหายใจเฮือกยาว ราวกำจัดหินก้อนใหญ่กลางใจ ทั้งตัวล้วนผ่อนคลาย

“สมควรตาย!”

“เหตุใดร่างแยกมหามรรคของเจ้าหมอนี่จึงแข็งแกร่งเช่นนี้ ทำไมก่อนหน้านี้ไม่เคยได้ยินว่าบนโลกนี้มีวิชาอัศจรรย์เช่นนี้มาก่อน”

“กู่เชาจืออันตรายแล้ว…”

บนด่านนภาสี่ลักษณ์ อิงเทียนเซิง ฉู่ปู้จิ้ว นิ่งปู้ชวีและคนอื่นๆ ล้วนหน้าเปลี่ยนสี

กู่เชาจือก็มีไพ่เด็ดเช่นกัน นั่นก็คือกระบวนค่ายกลกระบี่จอมมารเมฆชาด แต่เห็นชัดยิ่งว่าไพ่ตายเช่นนี้คุกคามคู่ต่อสู้ไม่ได้!

นี่ทำให้พวกเขาทั้งตกใจทั้งเดือดดาล

เมื่อนึกถึงก่อนหน้านี้ที่พวกเขาคิดเอาเองเจ้าหนุ่มคนนั้นโง่จนมารนหาที่ตายอย่างเบาปัญญา ใบหน้าพวกเขาก็ร้อนวูบวาบ เจ็บแปลบเสมือนถูกคนตบเต็มฝ่ามือ

“อย่าแตกตื่นไป หากเพียงเท่านั้น เจ้าหมอนี่อยากฆ่ากู่เชาจือให้ตายย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย นอกจากนี้ด้วยรากฐานและฝีมือของกู่เชาจือ ไม่แน่ว่ายังอาจพลิกสถานการณ์ได้”

อิงเทียนเซิงเอ่ยปากเสียงขรึม

ดังคาด ทุกคนมองเห็นว่าแม้สถานการณ์ของกู่เชาจือจะทุลักทุเล แต่รู้รุกรู้ถอย ไม่ต้องห่วงว่าจะเกิดอันตรายถึงชีวิตภายในเวลาสั้นๆ นี้

“เจ้าตัวจ้อย ข้ายอมรับว่าก่อนหน้านี้ดูเบาเจ้าไป แต่เจ้าคิดว่าแค่นี้ก็จะชนะได้แล้วหรือ ฝันเฟื่อง!!”

ในลานประลองเป็นตายกู่เชาจือตะโกนเสียงกร้าว

ใบหน้าดำของเขาเขียวคล้ำไร้ที่เปรียบ หว่างคิ้วเต็มไปด้วยไอดุกร้าวเกี้ยวกราด ในฐานะขั้นไร้ขอบเขตใหญ่ที่ผ่านการเคี่ยวกรำเป็นตายมานานคนหนึ่ง ทั้งชีวิตนี้เขาไม่เคยตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน

นอกจากนี้เขามั่นใจในตัวเองยิ่งว่าจะสามารถพลิกสถานการณ์ได้!

กลับเห็นหลินสวินยิ้มน้อยๆ “ฝันเฟื่องหรือ เช่นนั้นจะส่งเจ้าไปภพหน้าเดี๋ยวนี้”

ตูม!

พริบตานี้หลินสวินและกายมรรคทั้งสองของเขารุกโจมตีเต็มกำลัง พลังต่อสู้ทั้งตัวพวยพุ่งอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน กดข่มจนกู่เชาจือทรมานจนเกือบกระอักเลือด

แต่อย่างไรก็ยังถูกต้านไว้ได้อยู่ดี!

กู่เชาจือหลุดขำ “ส่งข้าไปภพหน้าหรือ เห็นทีจะไม่ได้”

และในเวลานี้ข้างกายหลินสวินปรากฏกายมรรคอีกสายเพิ่มขึ้นมากะทันหัน บุกโจมตีออกไปด้วยความเร็วน่าเหลือเชื่อ

“ไปซะ!”

เดิมกู่เชาจือถูกหลินสวินกับกายมรรคสองสายร่วมกันกดข่มจนเงยหัวไม่ขึ้นอยู่แล้ว ยามกายมรรคร่างที่สามปรากฏออกมาโจมตีกะทันหันทำให้เขาปัดป้องไม่ทันโดยสิ้นเชิง

และสกัดขวางไม่ทันสักนิด

“เปิด!”

ทันใดนั้นกู่เชาจือเหมือนเผชิญความตาย แผดเสียงคำราม ล้วนมีท่าทางสู้สุดกำลังโดยสมบูรณ์ มรรควิถีขั้นไร้ขอบเขตใหญ่ทั่วร่างเสมือนลุกโหมเต็มเปี่ยม

ตูม!

เสียงสนั่นอื้ออึงสะเทือนฟ้าดิน ก็เห็นการโจมตีเต็มกำลังนั่นของกู่เชาจือล้วนถูกทำลายลงทั้งอย่างนั้น ส่วนพลังกฎระเบียบที่ปกคลุมบนตัวเขาก็แตกระเบิดโดยพลัน สาดกระเซ็นเป็นละอองแสงนับไม่ถ้วน

ตามหลังติดๆ ร่างกายของเขาแหลกสลาย เลือดสดสาดกระเซ็น

พลังจิตของเขาก็หนีไม่รอด แตกระเบิดโครมครามไปพร้อมกับร่างกาย

ตูม โครม!

เสียงทำลายล้างน่าสะพรึงในลานประลองเป็นตายยังคงกึกก้องหอบม้วน แต่ขั้นไร้ขอบเขตใหญ่อย่างกู่เชาจือกลับถูกสังหารตายคาที่แล้ว

ทั่วลานเงียบสงัด

ผู้ชมการต่อสู้อย่างพวกแม่เฒ่ากระเรียนเซียนล้วนตาค้าง

ภาพต่างๆ ที่เกิดขึ้นตอนสุดท้ายนี้รวดเร็วปานฟ้าแลบ ทำเอาพวกเขายังมองตามไม่ทัน และคิดไม่ถึงสักนิดว่าร่างแยกมหามรรคของหลินสวินจะไม่ได้มีเพียงสองร่าง…

เป็นผลให้ยามเห็นภาพนองเลือดที่กู่เชาจือถูกฆ่าตาย พวกเขาล้วนอึ้งงัน ภายในใจกระทบกระเทือน

สภาพอารมณ์ในตอนนี้ของจอมมรรคซานเฟิงไม่อาจบรรยายได้สักนิด ทั้งใบหน้าบวมแดง พักใหญ่กว่าจะเค้นคำพูดออกมา

“ร้ายกาจ!”

แววตาเซียวเหอเหม่อลอย ขั้นสรรสร้าง… ถึงกับสังหารขั้นไร้ขอบเขตใหญ่ได้จริงๆ หรือ!?

สิงเจี้ยนสยาหัวเราะทันควัน

ในที่สุดก็ไม่ต้องแบกหม้อดำแทนหลินสวินแล้ว เมื่อหันมองพวกเฒ่าชราที่สติหลุดเหล่านั้น จู่ๆ ในใจสิงเจี้ยนสยาพลันมีความภาคภูมิใจอย่างบอกไม่ถูก

ตอนนี้ในที่สุดพวกเจ้าก็ได้เห็นพลังของสหายน้อยหลินแล้วกระมัง

ฟู่หนานหลีก็หัวเราะเช่นกัน

ในที่นี้พวกเขาใจเย็นที่สุด

เพราะพวกเขารู้ว่าร่างแยกมหามรรคที่หลินสวินครอบครอง อันที่จริงไม่ได้มีเพียงแค่สามร่าง…

“สมควรตาย!”

บนด่านนภาสี่ลักษณ์ สีหน้าที่สงบมาโดยตลอดของอิงเทียนเซิงก็ขรึมลงในขณะนี้เช่นกัน นัยน์ตาผุดแววตกใจเดือดดาลอย่างควบคุมไม่อยู่

เมื่อหันมองเฒ่าชราคนอื่นๆ ข้างกายเขา แต่ละคนล้วนสีหน้าไม่น่าดูถึงขีดสุด

กู่เชาจือถึงกับถูกฆ่าทั้งอย่างนี้!

ภาพการตายนั่นทำให้พวกเขาตกใจ แทบไม่อยากยอมรับเรื่องทั้งหมดนี้

ใครจะกล้าเชื่อว่าขั้นสรรสร้างคนหนึ่งจะสังหารขั้นไร้ขอบเขตใหญ่อย่างกู่เชาจือได้

ส่วนหลินสวินที่ยืนในลานประลองเป็นตายขณะนี้ก็กลายเป็นเป้าหมายความสนใจของทุกสายตาทั่วลาน สะเทือนสภาวะจิตของสัตว์ประหลาดเฒ่าทุกคนในที่นี้

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท