จังหวะที่เขาสุเมรุผนึกสวรรค์ถูกยกขึ้นก็ทำให้นิ่งปู้ชวีถูกพลังสะท้อนกลับ ยากจะรับจนแทบกระอักเลือด
และยามสมบัตินี้ถูกทุ่มใส่ สีหน้านิ่งปู้ชวีล้วนเปลี่ยนไป
“ไป!”
เขาอ้าปากพ่นออกมาคำหนึ่ง มุกมรรคสีเลือดเม็ดหนึ่งพุ่งออกไป ปล่อยเพลิงแดงฉานกลางห้วงอากาศ
ตูม!
ในเสียงกระแทกประหนึ่งฟ้าถล่มดินทลาย มุกมรรคสีเลือดนั้นแตกระเบิด อาศัยช่องว่างนี้ทำให้นิ่งปู้ชวีหลบเขาสุเมรุผนึกสวรรค์ที่ถูกทุ่มลงมาได้อย่างหวุดหวิด
ภาพนี้ทำเอาพวกเฒ่าชรานอกลานเหล่านั้นมองจนตกใจเหงื่อแตกพลั่ก และตระหนักถึงความแข็งแกร่งในพลังต่อสู้ของหลินสวินยิ่งขึ้น
“ยังมีทีเด็ดอะไรสำแดงออกมาให้หมด หาไม่จะไม่มีโอกาสแล้ว!”
ขณะพูดหลินสวินและสองกายมรรคของเขาพุ่งเข้าใส่นิ่งปู้ชวีก่อนแล้ว
ตูมโครม!
ในลานประลองแพ้ชนะแสงเพลิงพลิกตลบ เสียงมรรคก้องสะท้อน
เวลานี้นิ่งปู้ชวีเสมือนทุ่มสุดชีวิต ต้านทานสุดกำลัง ไม่ขอทำร้ายศัตรู ขอเพียงเอาตัวเองให้รอด
ครั้นหันมองหลินสวิน แผลงฤทธิ์เสิบสาน เคลื่อนขวางอาละวาด เงาร่างทรงพลัง ดุจจอมราชันออกรบ ยามขยับตัวมหามรรคล้วนแนบอิง
เพียงไม่นานนิ่งปู้ชวีกระอักเลือดต่อเนื่องแล้ว สีหน้าซีดขาว
สถานการณ์ของเขาน่าอนาถมากจริงๆ อภินิหารอะไร วิชามรรคอะไร ล้วนถูกหลินสวินซัดกระจุย ตกอยู่ในสภาพถูกกดข่มตลอด
นี่ทำเอาพวกอิงเทียนเซิงทั้งตกใจและเดือดดาล
แม้ว่าพวกเขาจะรู้แต่แรกว่านิ่งปู้ชวีไม่มีทางเป็นคู่ต่อสู้ของหลินสวิน ทว่ายามเห็นสภาพน่าอนาถของนิ่งปู้ชวี จะให้พวกเขาใจเย็นอยู่อีกได้อย่างไร
และพวกสัตว์ประหลาดเฒ่านอกลานเหล่านั้นล้วนสูดหายใจสะท้านไม่หยุด สะท้านไหวต่อเนื่อง
หลินสวินในตอนนี้ใช้เพียงกายมรรคสองร่าง และจากข่าวที่ลือกันหลายวันก่อน หลินสวินมีกายมรรคถึงห้าร่าง!
นี่ไม่เท่ากับว่าหากอยากเอาชนะ หลินสวินก็สามารถโค่นเฒ่าชราที่เคยข้ามเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพห้าครั้งอย่างนิ่งปู้ชวีได้นานแล้วหรือ
“ฆ่า!”
ทันใดนั้นในลานประลองแพ้ชนะนัยน์ตานิ่งปู้ชวีก่ำเลือด พลังขับเคลื่อนทั่วร่างระเบิดออก พุ่งเข้าใส่หลินสวินดุจไฟโหม ประหนึ่งจะมอบไหม้ไปด้วยกัน
แต่ทุกคนในที่นี้ล้วนรู้ดีว่านิ่งปู้ชวีจะไม่ตาย
ที่นี่อย่างไรก็เป็นลานประลองแพ้ชนะ ไม่มีทางเกิดการตายขึ้น
เขาทำเช่นนี้เพียงแค่หมายจถือโอกาสก่อนพ่ายแพ้ เค้นพลังทั้งหมดสู้สุดกำลังกับหลินสวินเท่านั้น
เวลานี้นัยน์ตาหลินสวินเจือไอสังหารเย็นเยียบเสี้ยวหนึ่ง
สวบ! สวบ!
เขาสำแดงกายมรรคออกมาอีกสองสาย โอบล้อมนิ่งปู้ชวีที่บุกเข้ามาร่วมกับกายมรรคสองสายก่อนหน้านี้ พริบตาก็สลายการโจมตีเต็มทกำลังของนิ่งปู้ชวีได้ แม้แต่ตัวอีกฝ่ายยังถูกกดข่มแน่นหนา
ส่วนร่างต้นของเขาก็พุ่งไปเบื้องหน้า บีบคอนิ่งปู้ชวีแน่นในทันที
ปึง!
นิ่งปู้ชวีร่างแตกเป็นเสี่ยง เลือดเนื้อร่วงโปรยปราย เหลือเพียงพลังจิตสายหนึ่ง
ภาพนองเลือดนี้ทำเอาทุกคนในที่นี้แข็งทื่อไปทั้งตัว ในใจผุดความหนาวสะท้าน
“เจ้าฆ่าข้าไม่ได้หรอก!”
พลังจิตของนิ่งปู้ชวีแผดเสียงกล่าว
เห็นชัดว่าเขามั่นใจยิ่ง
“ข้าทำลายรากฐานมหามรรคของเจ้าได้”
หลินสวินกล่าวอย่างจริงจัง
ประโยคเดียวทำเอาพลังจิตนิ่งปู้ชวีเดือดพล่าน สีหน้าเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
ตูม!
หลินสวินออกแรงที่ฝ่ามือ พลังน่าสะพรึงพุ่งเข้าใส่พลังจิตนิ่งปู้ชวีหนักหน่วงราวมีดคมนับพันหมื่น ทันใดนั้นความเจ็บปวดรุนแรงที่ยากบรรยายกระตุ้นจนนิ่งปู้ชวีส่งเสียงร้องโหยหวนออกมา
คนมากมายขนลุกขนพอง
นี่ออกจะน่าสังเวชเกินไปแล้ว!
ใครจะคาดคิดว่าหลินสวินถึงกับลงมือโหดเหี้ยมปานนี้ หมายจะถือโอกาสนี้กำจัดนิ่งปู้ชวีทิ้ง
แม้แต่พวกอิงเทียนเซิงยังเดือดดาล ตาแทบถลน
“ข้าจะสู้ตายกับเจ้า!”
พลังจิตนิ่งปู้ชวีส่งเสียงคำรามราวบ้าคลั่ง
ตูม!
ครู่ต่อมาในลานประลองแพ้ชนะแผ่พลังกฎระเบียบคลุมเครือ โอบรอบพลังจิตและเลือดเนื้อทั้งหมดของนิ่งปู้ชวีออกไป
ส่วนเงาร่างของหลินสวินก็ถูกกักขัง ไม่อาจขยับตัวได้อีก
เห็นชัดว่าเมื่อรู้ผลแพ้ชนะ ชั่วขณะที่นิ่งปู้ชวีใกล้ตาย พลังกฎระเบียบของลานประลองแพ้ชนะจึงโคจรช่วยชีวิตเขาไว้ทันที
นี่ทำให้หลินสวินลอบถอนใจในใจ ดังคาด หากหมายจะสังหารคู่ต่อสู้ในลานประลองแพ้ชนะแห่งนี้อย่างแท้จริงนั้นเป็นไปไม่ได้
และความร้ายกาจของนิ่งปู้ชวีก็ทำให้หลินสวินผิดคาด ในจังหวะสุดท้ายนี้นิ่งปู้ชวีถึงกับใช้วิชาลับตั้งใจทำลายพลังจิตของตัวเอง
นี่ดูเหมือนเป็นการฆ่าตัวตาย แต่กลับเป็นการใช้ประโยชน์จากพลังกฎระเบียบของลานประลองแพ้ชนะ ทำให้เขารอดชีวิตไปได้
“เหล่านิ่ง!”
บนด่านนภาสี่ลักษณ์เสียงร้อนรนระลอกหนึ่งดังขึ้น ก็เห็นพลังจิตนิ่งปู้ชวีอับแสง ในเลือดเนื้อที่แตกสลายเป็นเสี่ยงๆ ของเขา พลังชีวิตแทบจะถูกทำลายสิ้น
จุดจบน่าอนาถเช่นนี้ทำให้พวกอิงเทียนเซิงทั้งเดือดดาลและเศร้าใจ
ฮูม…
อิงเทียนเซิงโบกมือ แสงมรรคไพศาลอุบัติ ปิดครอบพลังจิตและเลือดเนื้อที่แหลกละเอียดของนิ่งปู้ชวีไว้ภายใน ไม่กี่ลมหายใจสั้นๆ เงาร่างนิ่งปู้ชวีก็ถูกสร้างขึ้นมาใหม่
เพียงแต่พลังขับเคลื่อนในตัวเขากลับอ่อนแอไร้ใดเปรียบ สีหน้าขาวซีด อาการบาดเจ็บรุนแรงเช่นนั้นทำเอาทุกคนนอกลานล้วนอดใจสะท้านไม่ได้
รากฐานมหามรรคของนิ่งปู้ชวีเสียหายหนักอย่างเห็นได้ชัด ทั้งชีวิตนี้เกรงว่ายากจะกลับคืนสู่สภาวะสูงสุดได้อีก!
และในโลกบัวชะตาแห่งนี้ ด้วยสภาพของนิ่งปู้ชวีในตอนนี้ไม่มีทางมีโอกาสต่อสู้ได้อีกสักนิด กล่าวอีกอย่างคือ ฝั่งอิงเทียนเซิงขาดผู้แข็งแกร่งที่สามารถคุกคามคู่ต่อสู้ไปอีกคนแล้ว!
วู้ม…
ในเวลานี้คลื่นละอองแสงระลอกหนึ่งสั่นไหว เงาร่างหลินสวินถูกเคลื่อนย้ายออกมาเช่นกัน ส่วนลานประลองแพ้ชนะนั่นก็อันตรายหายไป
“หลินสวิน นี่เจ้ารนหาที่ตาย!”
อิงเทียนเซิงสีหน้าเขียวคล้ำ นัยน์ตาเต็มไปด้วยแววเคียดแค้นเย็นเยียบ
“แพ้ก็แพ้สิ หรือว่าเจ้าอิงเทียนเซิงแพ้ไม่เป็น”
ไกลออกไปพวกสิงเจี้ยนสยารีบมาอยู่ข้างตัวหลินสวินทันที ทำการป้องกัน
“อิงเทียนเซิงเจ้าอย่าลืมสิ ในโลกบัวชะตาคราวก่อน เหล่าไป๋เจ๋อกับเหล่ามู่ก็เกือบถูกพวกเจ้าสังหาร แม้ว่าสุดท้ายจะรอดชีวิตมาได้แต่ก็บาดเจ็บสาหัส นี่เรียกว่าตาต่อตาฟันต่อฟัน!”
จอมมรรคซานเฟิงตะโกนเสียงดัง
“ผู้อาวุโสทุกท่าน ไม่ต้องพูดพล่ามกับพวกเขา”
หลินสวินเอ่ยปาก “ยามซัดจนพวกเขากลัวและสิ้นหวัง พวกเขาก็ไม่กล้าแหกปากเช่นนี้อีกแล้ว”
ทั่วลานเงียบกริบ
หากให้ขั้นสรรสร้างคนอื่นเอ่ยเช่นนี้ออกมาต้องถูกคนตบตายด้วยฝ่ามือเดียวเป็นแน่
แต่ผู้พูดคือหลินสวิน ขั้นสรรสร้างที่เคยสังหารจอมมารหูยง น้ำหนักย่อมแตกต่างกัน
อย่างน้อยสัตว์ประหลาดเฒ่าไม่น้อยในที่นี้ล้วนไม่กล้ามองเขาเป็นพวกตัวจ้อยอีกต่อไป
“สหายน้อยหลิน เจ้ายังจะท้าทายต่อหรือ”
มีคนอดเอ่ยถามไม่ได้
“แน่นอน”
ขณะพูดหมัดของหลินสวินกระแทกใส่ป้ายศิลามหามรรค ‘ตัดสินแพ้ชนะ’ ผ่านอากาศแล้ว
ในที่นี้เดือดพล่านอีกครั้ง เสียงแตกตื่นดังขึ้นรอบด้าน
และสีหน้าพวกอิงเทียนเซิงล้วนอึมครึมดุจสายน้ำ
มีหลายครั้งที่พวกเขาอยากอยากพุ่งออกจากด่านนภาสี่ลักษณ์แล้วสังหารหลินสวิน แต่สุดท้ายยังคงอดทนไว้
จะทิ้งด่านนภาสี่ลักษณ์ไม่ได้!
“ให้ข้าไปเอง”
ชายสวมชุดศึกสีเขียวทั้งตัว ศีรษะสวมเกี้ยวประดับขนนก หน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่งก้าวออกมา “ตอนนี้ก็มีเพียงข้าที่เหมาะจะออกต่อสู้มากที่สุด”
ชิงเฟยหง!
สัตว์ประหลาดเฒ่าที่เคยข้ามเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพห้าครั้งคนหนึ่ง แต่พลังต่อสู้ของเขากลับกร้าวแกร่งน่ากลัวสุดขีด
โดยเฉพาะ ‘กฎระเบียบอสนี’ ที่เขาครอบครอง ถูกเรียกว่ามรรคชั้นยอดในมรรคานี้ เหนือกว่ากฎระเบียบอสนีที่คนอื่นๆ หยั่งถึงได้
คนผู้นี้ก็เป็นกำลังรบมากฝีมือคนหนึ่งในฝ่ายอิงเทียนเซิงเช่นกัน เทียบกับฉิวเฟิ่งฉือ จอมมารหูยงแล้วไม่ด้อยกว่ากัน
ถึงขั้นมีข่าวลือมากมายกล่าวว่าชิงเฟยหงเก็บงำล้ำลึก ในการแก่งแย่งมหามรรคแต่ละครั้งล้วนไม่เคยมีคนสัมผัสไพ่ตายทั้งหมดของเขาอย่างแท้จริง!
เมื่อเห็นชิงเฟยหงก้าวออกมา คนไม่น้อยในที่นี้ล้วนเผยแววแปลกไป
อิงเทียนเซิงลังเลครู่หนึ่ง สุดท้ายยังคงตอบตกลง กล่าวว่า “อย่าให้บาดเจ็บถึงรากฐานของตน”
ชิงเฟยหงพยักหน้าน้อยๆ
เวลาเดียวกันสิงเจี้ยนสยาก็สื่อจิตบอกที่มาและรายละเอียดของชิงเฟยหงให้หลินสวินฟังทั้งหมด
…
ลานประลองแพ้ชนะปรากฏอีกครั้ง
หลินสวินและชิงเฟยหงประจันหน้ากันอยู่ไกลๆ ต่างฝ่ายต่างไม่เอ่ยคำ
แต่ไม่ว่าจะเป็นหลินสวินหรือชิงเฟยหง ส่วนลึกของนัยน์ตาล้วนมีจิตต่อสู้และไอสังหารรุนแรงไหลเวียน
ตูม! ตูม!
ยามพลังกฎระเบียบที่กดบนตัวทั้งสองคนหายไป ทั้งคู่ล้วนออกโจมตีทันที ตั้งแต่ต้นจนจบไม่พูดพล่ามใดๆ
เงาร่างหลินสวินขยับไหว กายมรรคทั้งห้าบุกโจมตีพร้อมกัน ร่างต้นยิ่งเรียกเตากระบี่ไร้ก้นบึ้ง สำแดงมรรควิถีในตัวสุดกำลัง
ส่วนชิงเฟยหงมือถือทวนยาวสีดำเล่มหนึ่ง ทวนเล่มนั้นมีกฎระเบียบอสนีสีแดงดำน่าสะพรึงรายล้อม แสงที่ปลดปล่อยออกมาเต็มไปด้วยกลิ่นอายทำลายล้างที่สามารถสะเทือนอดีตปัจจุบันได้
เงาร่างเขาหยัดตรง สายฟ้าไหลพล่านทั้งตัว ยามลงมือก็อหังการยิ่ง ทุกการเคลื่อนไหวล้วนมีอสนไพศาลไหลหลั่ง เสมือนเจ้าแห่งอสนี
ตูม โครม!
ทั้งคู่โรมรันอย่างดุเดือด ทั่วลานประลองแพ้ชนะปรากฏภาพสั่นคลอนพังทลาย
ทุกคนในที่นี้กลั้นหายใจจดจ่อ สภาวะจิตถูกการต่อสู้นี้ดึงดูด
ผู้คนค่อยๆ ค้นพบว่าแม้หลินสวินจะสำแดงกายมรรคทั้งห้า แต่กลับยังถูกชิงเฟยหงต้านทานไว้ได้อย่างแข็งกร้าว ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ!
แต่ขณะเดียวกันชิงเฟยหงก็ไม่อาจชิงความได้เปรียบเบ็ดเสร็จ
ส่งผลให้การต่อสู้ระหว่างทั้งคู่เกิดภาวะชะงักงันที่คู่คี่สูสี และการต่อสู้เช่นนี้ก็ดุเดือดและน่าสะพรึงที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย
เพียงอึดใจเท่านั้นทั้งคู่ก็ต่อสู้กันหลายร้อยกว่ากระบวนท่า!
ภาพเหล่านั้นทำเอาสัตว์ประหลาดเฒ่าส่วนหนึ่งในที่นี้มองจนตาลาย ร้องตกใจไม่ขาดสาย
ความแข็งแกร่งในพลังต่อสู้ของชิงเฟยหงทำให้พวกเขาหวั่นเกรง แต่ขั้นสรรสร้างอย่างหลินสวินยังสามารถต้านทานกับชิงเฟยหงได้ ยิ่งทำให้พวกเขารู้สึกสะท้านสะเทือนเข้าไปใหญ่
“เมื่อก่อนชิงเฟยหงนี่เก็บงำพลังดังคาด ถึงขั้นเหนือกว่าจอมมารหูยงอยู่บ้าง!”
หว่างคิ้วสิงเจี้ยนสยาผุดแววอึมครึม
เขาเคยเห็นการต่อสู้ของหลินสวินและจอมมารหูยงด้วยตาตัวเอง เมื่อเทียบกับการต่อสู้ตรงหน้านี้ สามารถดูออกอย่างชัดเจนว่าพลังต่อสู้ของชิงเฟยหงเหนือกว่าเล็กน้อย
“วางใจได้ ตอนนี้ยังอยู่ในสถานการณ์สูสีกับศัตรู และการต่อสู้เช่นนี้อาจเป็นสิ่งที่สหายน้อยหลินปรารถนามากที่สุดพอดีก็ได้” ฟู่หนานหลีกล่าวเสียงเบา
“ทุกท่าน ไม่อาจมัวแต่ชมการต่อสู้อย่างเดียว ยังต้องป้องกันรอบด้าน เลี่ยงไม่ให้เกิดเหตุเหนือคาด”
จอมมรรคซานเฟิงเอ่ยเตือน
ทุกคนล้วนลอบพยักหน้าเงียบๆ
‘ยังดีที่ชิงเฟยหงกดข่มเจ้าหมอนี่ได้ในที่สุด’
และพร้อมกันนั้น อิงเทียนเซิงก็ลอบถอนหายใจโล่งอกเช่นกัน
เขานึกถึงภาพยามเห็นหลินสวินครั้งแรกขึ้นมาอย่างประหลาด ตอนนั้นทุกคนล้วนคิดว่าหลินสวินรนหาที่ตาย คร้านจะมีชีวิตอยู่
แต่เมื่อเทียบกันตอนนี้ ความเข้าใจที่ผู้คนมีต่อเจ้าหมอนี่เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างพลิกฟ้าคว่ำดินโดยไม่รู้ตัวนานแล้ว…
แม้แต่ตัวอิงเทียนเซิงเองยังมองหลินสวินเป็นศัตรูตัวฉกาจโดยจิตใต้สำนึก!
‘ยังดีที่ในทะเลโชคชะตาแห่งนี้เจ้าหมอนี่ไม่มีโอกาสแจ้งมรรคขั้นไร้ขอบเขต ยังพอข่มและกำจัดทิ้งได้ หาไม่เกรงว่าเฒ่าชราในแต่ละยุคสมัยคงถูกเขาเหยียบใต้ฝ่าเท้าเป็นแน่…’
อิงเทียนเซิงระบายลมหายใจยาว