ตอนที่ 3114 ตะลุมบอน
ยามคนผู้หนึ่งยอมทุ่มชีวิตเข้าแลก จะไร้ซึ่งความหวาดกลัว
และเมื่อเหล่าขั้นไร้ขอบเขตใหญ่ยอมทุ่มสุดชีวิต กลับจะทำให้ศัตรูรู้สึกครั่นคร้าม
พวกเจียงหมิงสุ่ยพุ่งมาด้วยพลานุภาพเกรียงไกร แต่บัดนี้ก็อดชะงักเท้าไม่ได้ หลายคนยังนิ่วหน้าไม่หยุด
พวกเขามาจากยุคทวยเทพ กำลังคนมากมาย ประหนึ่งกองทหารกองหนึ่ง แต่เมื่อต่อสู้จริงๆ ใครจะยอมสู้กับศัตรูที่หมายเอาชีวิตเข้าแลกเล่า
นี่คือโลกบัวชะตา
สำหรับเฒ่าชราคนใดก็ตาม การรอดชีวิตสำคัญกว่าสิ่งใด
“สิงเจี้ยนสยา ต่อให้พวกเจ้าสู้สุดตัววันนี้ก็ยากจะช่วยเจ้าหลินสวินนี่”
เจียงหมิงสุ่ยยกมือขึ้นชี้ลานประลองแพ้ชนะที่อยู่ไกลออกไป “ขอแค่พวกเราลงมือ สภาวะจิตของเจ้าหมอนี่จะต้องได้รับผลกระทบ ทั้งยังจะแพ้เร็วยิ่งขึ้น และเมื่อการต่อสู้สิ้นสุดลง ต่อให้เจ้าหมอนี่รอดไปได้ก็ต้องบาดเจ็บสาหัส อ่อนแอหาใดเทียบ ถึงตอนนั้นขอเพียงมีสหายยุทธ์สักคนลงมือก็เอาชีวิตเขาได้ทั้งนั้น!”
“สหายยุทธ์พูดไม่ผิด”
บนด่านนภาจตุลักษณ์ อิงเทียนเซิงยิ้มพลางเอ่ยปาก “เช่นนี้เป็นอย่างไร ทุกท่านไปจัดการพวกสิงเจี้ยนสยาอย่างสบายใจ รอการตัดสินแพ้ชนะครั้งนี้ปิดฉากลง ทางข้าจะลงมือจับเจ้าหลินสวินนี่ส่งให้สหายยุทธ์จัดการเองทันที!”
ในใจพวกสิงเจี้ยนสยายิ่งรู้สึกหนักอึ้งแล้ว
ก่อนหน้านี้พวกเขาคาดไว้ว่าอาจจะมีศัตรูถือโอกาสบุกมา แต่กลับคิดไม่ถึงว่าผู้มาจะเป็นกระบวนทัพใหญ่ที่นำโดยเจียงหมิงสุ่ย!
‘พวกสิงเจี้ยนสยาเจอปัญหาแล้ว…’
ผู้ชมการต่อสู้ที่อยู่แถบนั้นเห็นดังนี้ยังทอดถอนใจอยู่ในใจ
เดิมทีทุกคนในที่นั้นต่างถูกการประลองของหลินสวินกับชิงเฟยหงดึงดูดความสนใจ แต่การมาเยือนของพวกเจียงหมิงสุ่ยกลับทำให้สถานการณ์เปลี่ยนไปหมดแล้ว!
ขณะเดียวกันในลานประลองแพ้ชนะ สภาวะจิตของหลินสวินได้รับผลกระทบในที่สุด ได้สติจากการต่อสู้ชนิดลืมตัวตนนั้นแล้ว
เขาถอนใจในใจ
ตัวแปรบัดซบ!!
ก่อนหน้านี้เขาสัมผัสได้อย่างแรงกล้าถึงเค้าลางการแจ้งมรรคทะลวงขั้นแล้ว ถึงขั้นคาดว่าเมื่อตนเอาชนะชิงเฟยหงในศึกนี้ได้ เป็นไปได้สูงยิ่งว่าจะทะลวงจากขั้นสรรสร้างไปสู่ขั้นไร้ขอบเขต
แต่ใครจะคิดว่าพวกเจียงหมิงสุ่ยกลับมาที่นี่!
สภาพการต่อสู้อันบริสุทธิ์ที่หลงลืมตัวตนจึงถูกทำลายลงไปด้วย
นี่จะไม่ให้หลินสวินโกรธได้อย่างไร
แต่โกรธแค่ไหนก็ไร้ประโยชน์ เขาในตอนนี้มาสนใจเรื่องนอกลานประลองไม่ได้สักนิด อันตรายจากชิงเฟยหงผู้นี้ยังอยู่
มิหนำซ้ำหลังจากพวกเจียงหมิงสุ่ยมาถึง ชิงเฟยหงก็ตระหนักได้ว่าโอกาสมาถึงแล้ว ทุ่มพลังทั้งหมดลงมือ ทำให้หลินสวินต้องจดจ่อกับการต่อสู้
“ผู้อาวุโสทุกท่าน พวกท่านรีบไป ไม่ต้องสนใจข้า เคราะห์สังหารครั้งนี้สำหรับข้าแล้วก็ให้ข้ามาคลี่คลายคนเดียว!”
หลินสวินส่งเสียงดังก้อง
แต่พวกสิงเจี้ยนสยากลับเหมือนไม่ได้ยิน เงาร่างไม่ขยับสักนิด
นี่ทำให้หลินสวินทั้งซาบซึ้งและจนใจ ในใจรู้สึกอัดอั้นอย่างบอกไม่ถูก คล้ายมีไฟสุมอก แผดเผาจนอกแทบแตก
เขาสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง สลัดความคิดฟุ้งซ่านทิ้งไป
เรื่องสำคัญตรงหน้าคือต้องเอาชนะชิงเฟยหงก่อน!
มีแต่ทำเช่นนี้ถึงพอจะมีโอกาสพลิกสถานการณ์ทั้งหมดได้
“ฆ่า!”
หลินสวินมีไฟโทสะสุมอก ใช้พลังทั้งหมดกับการต่อสู้
‘สภาวะจิตเจ้าหมอนี่ได้รับผลกระทบแล้ว…’ มุมปากชิงเฟยหงยกยิ้มเหี้ยม เข้าห้ำหั่นกับหลินสวินเหมือนเอาชีวิตเข้าแลกเช่นกัน
…..
“สิงเจี้ยนสยา ข้าถามเจ้าอีกประโยค จะถอยหรือไม่”
ห่างออกไปเจียงหมิงสุ่ยแววตาเย็นเยียบน่ากลัว จ้องสิงเจี้ยนสยาที่อยู่ไกลๆ
คนอื่นๆ ต่างก็มองพวกสิงเจี้ยนสยา
ในสถานการณ์เช่นนี้ ถ้าสิงเจี้ยนสยาถอย ในวันนี้หลินสวินต้องตายอย่างไร้ข้อกังขา
ถ้าไม่ถอย เช่นนั้นเกรงว่าพวกสิงเจี้ยนสยาก็ต้องประสบเคราะห์ด้วยเหตุนี้!
ถอยกับไม่ถอย เหมือนไม่ได้แตกต่างกันมากนัก
ชิ้ง!
กลับพบว่าสิงเจี้ยนสยาเรียกศาสตรามรรคของตนออกมา แววตาสงบนิ่ง “มาสู้กันก็พอ!”
ข้างกายเขา พวกฟู่หนานหลี จอมมรรคซานเฟิงและเซียวเหอต่างก็เรียกศาสตรามรรคออกมาเช่นกัน สีหน้าเยือกเย็น มองไปยังพวกเจียงหมิงสุ่ย
ทันใดนั้นทั้งลานก็เต็มไปด้วยกลิ่นอายหนาวยะเยือก หลายคนยังหน้าเปลี่ยนสีไม่หยุด
เจียงหมิงสุ่ยสีหน้าอึมครึม เอ่ยว่า “ทุกคน ล้อมพวกเขาไว้เป็นพอ เป้าหมายของพวกเราคือหลินสวิน ไม่ต้องไปสู้เอาเป็นเอาตายกับสวะเฒ่าไม่กลัวตายพวกนี้”
เหล่าคนที่อยู่ข้างหลังเขาพากันพยักหน้า
ศึกใหญ่จวนจะปะทุขึ้นได้ทุกเมื่อ!
ทว่าก็ในตอนนี้เองเสียงหนักแน่นเสียงหนึ่งดังขึ้นไกลๆ “ถ้าใครคิดจะแตะผู้สืบทอดคีรีดวงกมลก็ผ่านด่านข้าสวินเต้าเยี่ยนนี้ไปก่อน”
เสียงดุจอสนีบาต!
ตูม!
แสงเงาสีดำสายหนึ่งแหวกอากาศมาดุจรุ้งเทพ กลายเป็นเงาร่างสูงใหญ่เด่นตระหง่านดุจภูเขาร่างหนึ่ง เขาสวมชุดดำ ผมยาวปลิวสยาย มือถือดาบขอสีเขียวเล่มหนึ่ง
อานุภาพทั้งร่างอหังการกร้าวแกร่ง สะท้านฟ้าบ้าคลั่ง
สวินเต้าเยี่ยน!
ผู้ที่เคยข้ามด่านเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพหกครั้งคนหนึ่ง ยอดคนที่มีฉายาว่า ‘เทพแห่งทัณฑ์ฟ้า’ ถ้าว่าด้วยพลังต่อสู้แล้วยังไม่ด้อยกว่าเจียงหมิงสุ่ย
เมื่อเขาปรากฏตัว ทั้งที่นั้นก็สะเทือนไหวทันที ทุกคนต่างหันมอง
“สวินเต้าเยี่ยน นี่เจ้าอยากเป็นศัตรูกับพวกเราหรือ”
เจียงหมิงสุ่ยสีหน้าเย็นชา
“ตอนนั้นเจ้าแห่งคีรีดวงกมลมีบุญคุณช่วยชีวิตข้า ข้าสวินเต้าเยี่ยนจะไม่ทดแทนได้อย่างไร”
สวินเต้าเยี่ยนเอ่ยเย็นชา “ข้าบอกแล้ว วันนี้ใครกล้าแตะหลินสวินนั่น ข้าจะสู้จนตายไปข้าง ต่อให้ตายก็ไม่เสียดาย”
คำพูดเดียวดังสะเทือนเมฆา
เฒ่าดึกดำบรรพ์ไม่น้อยสีหน้าแปลกไป
พวกสิงเจี้ยนสยายังประหลาดใจอย่างเลี่ยงไม่ได้
พวกเจียงหมิงสุ่ยมาเพื่อฆ่าหลินสวิน แต่สวินเต้าเยี่ยนกลับมาเพื่อช่วยหลินสวิน
ทั้งหมดนี้ต่างเป็นสิ่งที่พวกสิงเจี้ยนสยาคาดไม่ถึง
“สวินเต้าเยี่ยน เจ้าก็รู้ว่าถ้าทำเช่นนี้คนที่ถูกล่วงเกินจะไม่ได้มีแต่พวกสหายยุทธ์เจียง ยังมีข้าอิงเทียนเซิงด้วย!”
อิงเทียนเซิงเอ่ยเย็นชาบนด่านนภาจตุลักษณ์
เมื่อเห็นว่ารูปการณ์กำลังดี แต่จู่ๆ สวินเต้าเยี่ยนกลับปรากฏตัวเข้ามาแทรกแซง นี่ทำให้อิงเทียนเซิงยังเกิดไอสังหารขึ้นในใจอย่างอดไม่ได้
ทันใดนั้นเสียงหัวเราะเบาๆ เสียงหนึ่งดังขึ้น “เจ้าอิงเทียนเซิงก็เผด็จการเช่นนี้หรือ เช่นนั้นไม่สู้เจ้าออกมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับพวกเราเป็นอย่างไร”
ประกายแสงสีเงินแถบหนึ่งปรากฏขึ้นพร้อมกับเสียงหัวเราะเบาๆ วาดเป็นเงาร่างน่าเย้ายวนร่างหนึ่ง นางสวมชุดกระโปรงสีเขียว ผิวพรรณขาวใสเรียบเนียนดุจหยก คอยาวระหง รูปโฉมเพริศพริ้งสง่างาม
นางถือดอกบัวสีเขียวงามหยดย้อยก้านหนึ่ง ยืนอย่างมีชีวิตชีวาอยู่ตรงนั้น ตระการตาประหนึ่งเทพเซียน
จอมเทพหลิงหลง!
ยอดคนที่มาจากยุคมายาคนหนึ่ง ถูกยกให้เป็น ‘อันดับหนึ่งแห่งมรรคมายา’ มีชื่อเสียงโด่งดังในทะเลโชคชะตา
เมื่อเห็นนางปรากฏตัว ทั้งที่นั้นก็โกลาหลขึ้นอีกระลอก
ต่อให้เป็นขั้นไร้ขอบเขตใหญ่ก็มีแบ่งแยกสูงต่ำ
และไม่ว่าจะเป็นสวินเต้าเยี่ยนหรือจอมเทพหลิงหลงต่างก็เป็นบุคคลชั้นยอดในขั้นนี้ทั้งสิ้น จำนวนครั้งที่ข้ามด่านเคราะห์อาจจะสู้เจียงหมิงสุ่ยกับอิงเทียนเซิงไม่ได้
แต่พลังต่อสู้ที่พวกเขามีสามารถตีเสมอกับเจียงหมิงสุ่ยและอิงเทียนเซิงได้แล้ว
ส่วนสุดท้ายใครจะแพ้จะชนะ นั่นต้องสู้กันจนตายไปข้างถึงจะรู้
สรุปแล้วพลังต่อสู้ของขั้นไร้ขอบเขตใหญ่มีความแตกต่างกันน้อยนิด
อย่างชิงเฟยหง ก่อนหน้านี้ใครๆ ต่างคิดว่าเขาน่าจะอยู่ระดับเดียวกับซินหู ฉิวเฟิ่งฉือ แต่เมื่อเขาเผยพลังทั้งหมดออกมาจริงๆ ทุกคนถึงรู้ว่าเขาแข็งแกร่งกว่าซินหูกับฉิวเฟิ่งฉือเสียอีก!
“จอมเทพหลิงหลง ตามที่ข้ารู้มาในบรรดาเฒ่าชราจากยุคมายาของพวกเจ้า หากไม่ประสบเคราะห์ไปแล้วก็ไปแหล่งสถานอัศจรรย์แล้ว ถึงตอนนี้เหลือแค่เจ้าคนเดียวแล้วใช่ไหม”
อิงเทียนเซิงเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ถ้าเปลี่ยนข้าเป็นเจ้า ย่อมไม่มีทางมาแทรกแซงความแค้นครั้งนี้แน่”
“น่าเสียดายเจ้าไม่ใช่ข้า”
จอมเทพหลิงหลงยิ้มน้อยๆ
“เจ้ามาคราวนี้ก็ต้องการปกป้องเจ้าหลินสวินนี่หรือ”
ไกลออกไปเจียงหมิงสุ่ยถาม
“ไม่ผิด”
จอมเทพหลิงหลงพยักหน้า
“เพื่อทดแทนบุญคุณของเจ้าแห่งคีรีดวงกมลเช่นกันหรือ”
“ใช่แล้ว”
เมื่อรู้เรื่องเหล่านี้ หว่างคิ้วพวกเจียงหมิงสุ่ยต่างปรากฏแววอึมครึม
สถานการณ์เช่นนี้ทำให้พวกเขาผิดคาดไปเช่นกัน
ส่วนสจิตใจของพวกสิงเจี้ยนสยาที่เดิมหนักอึ้งต่างก็ผ่อนคลายลงบ้างแล้ว
มีสวินเต้าเยี่ยนกับจอมเทพหลิงหลงอยู่ สถานการณ์ตรงหน้าก็ดีขึ้นไม่น้อยอย่างไร้ข้อกังขา
“แต่แค่เจ้ากับสวินเต้าเยี่ยน เกรงว่าจะเปลี่ยนสถานการณ์ตอนนี้ไม่ได้เหมือนกัน”
เจียงหมิงสุ่ยเอ่ยเย็นชา “ในโลกบัวชะตาแห่งนี้มีผู้ที่แค้นคีรีดวงกมลอยู่มาก ยิ่งประวิงเวลาไปนานเท่าไร คนที่จะมุ่งหน้ามาสังหารเจ้าหลินสวินนี่ก็จะยิ่งมากขึ้นไปด้วย!”
สวินเต้าเยี่ยนพลันเอ่ยเสียงหนักแน่น “ตามที่ข้ารู้มา เจ้าเจียงหมิงสุ่ยกับพวกเฒ่าชรายุคทวยเทพไม่ได้มีความแค้นกับคีรีดวงกมล แต่ทำไมวันนี้ต้องแห่กันมาด้วย”
นี่เป็นจุดที่ผู้คนในที่นี่ไม่น้อยกังขา
อย่างเช่นพวกสิงเจี้ยนสยา สาเหตุที่ผิดคาดเมื่อแรกสุดก็เพราะคิดไม่ถึงสักนิดว่าพวกเจียงหมิงสุ่ยจะมองหลินสวินเป็นศัตรูเช่นนั้น
เจียงหมิงสุ่ยนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งแล้วเอ่ยว่า “หลายปีก่อนพวกเราได้รู้ข่าวว่าเจ้าหลินสวินนี่เคยบุกไปทำเรื่องชั่วในแหล่งศุภโชค เผ่าเทพสามตระกูลแห่งยุคทวยเทพของข้าถูกเจ้าหมอนี่ทำลายไปทั้งหมด!”
พูดถึงตอนท้ายความแค้นและไอสังหารต่างก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของเขาอย่างควบคุมไม่ได้
ทุกคนในที่นั้นต่างตกตะลึง
เจียงหมิงสุ่ยกับคนอื่นๆ ข้างกายเขาล้วนเป็นเฒ่าดึกดำบรรพ์ที่มาจากตระกูลเจียง ตระกูลจี้ และตระกูลเกาหยางแห่งยุคทวยเทพ มาถึงทะเลโชคชะตาแห่งนี้ตั้งแต่ก่อนยุคทวยเทพล่มสลาย
แต่ในยุคนี้ ตระกูลที่พวกเขาแต่ละคนเคยอยู่กลับถูกหลินสวินคนเดียวทำลายล้าง มิน่าถึงได้เดือดดาลเช่นนี้
พวกสิงเจี้ยนสยาได้รู้เรื่องเช่นนี้เป็นครั้งแรก ต่างสบตากัน ในใจทอดถอนใจไปครู่หนึ่ง สหายน้อยหลินคนนี้ร้ายกาจยิ่งนัก!
“ฮ่าๆๆ สะใจ!”
กลับพบว่าสวินเต้าเยี่ยนหัวเราะลั่น “นี่ถึงสมเป็นการกระทำของผู้สืบทอดคีรีดวงกมล!”
“สะใจหรือ”
เจียงหมิงสุ่ยสีหน้าน่ากลัว “เช่นนั้นพวกข้าก็อยากเห็นนัก ว่าเจ้าสวินเต้าเยี่ยนกับจอมเทพหลิงหลงจะเอาอะไรมาขวางทางพวกข้า!”
ตูม!
เจียงหมิงสุ่ยชิงเคลื่อนไหวก่อนแล้ว พุ่งไปหาพวกสิงเจี้ยนสยาที่อยู่ไกลออกไปทันที
ข้างหลังเขาขั้นไร้ขอบเขตใหญ่ทั้งหมดโจมตีตามมาติดๆ
“ฆ่า!”
พวกสิงเจี้ยนสยา ฟู่หนานหลี จอมมรรคซานเฟิงกับเซียวเหอโจมตีออกมาพร้อมกัน
ชิ้ง!
ไม่ไกลนัก สวินเต้าเยี่ยนก็แกว่งดาบขอในมือ กระโจนเข้ามาโดยไม่ลังเลเช่นกัน
“อย่างไรก็ต้องสู้ เช่นนั้นก็ดูว่าท้ายที่สุดใครจะแพ้ใครจะชนะ”
เสียงเย็นเยียบน่ากลัวดังขึ้น จอมเทพหลิงหลงก็ออกเคลื่อนไหวแล้ว แกว่งดอกบัวสีเขียวที่อยู่ในมือดอกนั้น ทันใดนั้นคมดาบสีเขียวนับไม่ถ้วนก็พุ่งออกมา ม้วนหอบเต็มฟ้า
ตูม!
ศึกใหญ่ปะทุ สัตว์ประหลาดเฒ่าคนอื่นที่อยู่ใกล้กับด่านนภาจตุลักษณ์หลบออกไปไกลในทันที ไม่ต้องการแทรกแซงการต่อสู้อันน่ากลัวเช่นนี้
ส่วนบนด่านนภาจตุลักษณ์ อิงเทียนเซิงแววตาวาวโรจน์ เอ่ยเสียงต่ำลึกว่า “ทุกท่าน กุญแจสำคัญของศึกนี้ไม่ได้อยู่ที่พวกเจียงหมิงสุ่ย แต่อยู่ในลานประลองแพ้ชนะ อีกเดี๋ยวไม่ว่าการต่อสู้ระหว่างชิงเฟยหงกับหลินสวินจะแพ้หรือชนะ ให้เหล่าฉิวลงมือด้วยตัวเอง ต้องจับหลินสวินให้ได้ทันที”
ฉิวเฟิ่งฉือที่อยู่ด้านข้างพยักหน้าน้อยๆ