ตอนที่ 3123 ท้าทาย

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอนที่ 3123 ท้าทาย

ในที่นั้นปั่นป่วนยิ่ง

เหล่าผู้ชมการต่อสู้ซึ่งอยู่ไกลออกไปล้วนอึ้งค้างอยู่ตรงนั้นแล้ว

ก่อนหน้านี้ผู้แข็งแกร่งสามฝ่ายที่นำโดยอิงเทียนเซิง จู๋เทียนจวิน จักรพรรดิเทพข่งอวี่ล้อมกรอบโจมตีพวกจอมมรรคซานเฟิง

นี่เป็นกับดักที่วางเอาไว้

และยามหลินสวินปรากฏตัว สัตว์ประหลาดเฒ่าทั้งกลุ่มอย่างพวกเจียงหมิงสุ่ย ลู่จงเยียน จอมเทพหวงหลงซึ่งกระจายในมุมมืดก็บุกออกมาพร้อมกัน ทำให้หลินสวินกลายเป็นเหมือนสัตว์ที่มาติดแหเองในทันที ตกอยู่กลางวงล้อมแน่นหนา

ทั้งหมดนี้สามารถทำให้ใครก็ตามสิ้นหวัง!

แม้จะเปลี่ยนเป็นยักษ์ใหญ่ปลายยอดคนอื่นๆ บางส่วนในโลกบัวชะตามาที่นี่ ก็ต้องยากจะหลบหนีเช่นกัน

ไม่มีใครคิดว่าหลินสวินยังจะมีโอกาสรอดชีวิต

ทว่าภายใต้สถานการณ์ระดับนี้หลินสวินกลับพลิกสถานการณ์ได้!

ใช้เพียงการเคลื่อนไหวเดียวก็เปลี่ยนสถานการณ์ ทำลายสภาพทั้งสนามรบในคราวเดียว!

ทั้งหมดนี้ทำให้ผู้คนล้วนรู้สึกไม่สมจริงราวกับฝันไป

น่าเหลือเชื่อเกินไป!

ตูมโครม… ตูมโครม…

ในที่นั้นการต่อสู้ชุลมุนยังคงดำเนินต่อไป ทุกที่มีแต่เงาร่างของหลินสวินดุจดั่งกระแสน้ำเชี่ยวแน่นขนัด พุ่งโถมเข้าใส่ศัตรูเหล่านั้นอย่างองอาจไม่กลัวตาย

ทว่าทุกคนตระหนักได้อย่างรวดเร็ว

เมื่อเทียบกับอานุภาพของห้าร่างแยกมหามรรคที่ไม่ด้อยไปกว่าร่างต้นของหลินสวินในข่าวลือ ร่างแยกเหล่านี้ของหลินสวินไม่เพียงมีมรรควิถีแค่ขั้นสรรสร้างขั้นต้นเท่านั้น ยังดูเหมือนไม่มีสติปัญญา วิชาต่อสู้ก็ไม่ใช่แข็งแกร่ง

ยังห่างไกลไม่อาจเทียบตัวหลินสวินและห้าร่างแยกมหามรรคนั่นได้

สามารถเห็นภาพที่ร่างแยกเหล่านั้นถูกโจมตีสลายได้ทุกเมื่อ

แต่แม้จะเป็นเช่นนี้ ร่างแยกจำนวนสามพันนี้ยังคงสร้างปัญหาใหญ่ให้กับพวกสัตว์ประหลาดเฒ่าในที่นั้นได้ ทำให้พวกเขาไม่อาจฝ่าวงล้อมออกมาได้ในทันที

พวกอิงเทียนเซิง เจียงหมิงสุ่ยที่ตกอยู่กลางวงล้อมใจเย็นลงอย่างรวดเร็ว ตระหนักได้ว่าคู่ต่อสู้ไม่ได้แข็งแกร่งอย่างที่คิดไว้ขนาดนั้น

อย่างน้อยด้วยพลังของพวกเขา ต่อให้ถูกล้อมกรอบก็ยังสามารถฆ่าร่างแยกเหล่านั้นทิ้งทั้งหมดได้เหมือนเดิม

ตูม! ตูม! ตูม!

สถานการณ์ต่อสู้ยิ่งดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ

ยามเห็นร่างแยกเหล่านั้นของหลินสวินล้มตายต่อเนื่อง ก็ได้ยินเสียงแผ่วเบาสายหนึ่งดังขึ้นในที่นี้ทันควัน “กลับมาเถอะ”

ทันใดนั้นร่างแยกของกายมรรควารีดำที่ดุจดั่งกระแสน้ำก็กลายเป็นเงาแสงคล้ายน้ำไหลเป็นสายๆ ทะยานไปทางด่านนภาห้าธาตุ

“ฆ่า!”

มีหรือพวกอิงเทียนเซิง เจียงหมิงสุ่ยจะยอมปล่อยไป ทุกคนล้วนลงมือขัดขวาง

แต่แม้จะถูกพวกเขาขวางกั้นไว้ส่วนหนึ่ง ก็ยังมีร่างแยกของกายมรรควารีดำไม่น้อยพุ่งออกจากสนามรบ ทะยานไปทางด่านนภาห้าธาตุ

และเป็นเวลานี้เองผู้คนถึงสังเกตเห็นว่าพวกหลินสวินยึดครองด่านนภาห้าธาตุได้แล้ว!!

“วิธีการร้ายกาจนัก เป็นเช่นนี้พวกหลินสวินก็ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกล้อมกรอบอีกต่อไป ใครอยากฆ่าพวกเขา มีเพียงทำการท้าทายหนึ่งต่อหนึ่งเท่านั้น”

ผู้ชมการต่อสู้คนหนึ่งสะเทือนไหว

ก่อนหน้านี้ใครจะคาดคิดว่าภายใต้สถานการณ์อันตรายเช่นนี้ หลินสวินไม่เพียงสามารถทำลายการล้อมกรอบช่วยพวกจอมมรรคซานเฟิงออกมาได้ ซ้ำยังสามารถยึดครองด่านนภาห้าธาตุได้อย่างราบรื่นอีกด้วย

“ก่อนหน้านี้พวกเราเกรงกลัวการต่อสู้ครั้งใหญ่ในที่นี้ กังวลว่าจะมีกองกำลังที่ดักซุ่มในมุมมืด ทำให้ไม่มีใครกล้าคิดเข้าครอบครองด่านนภาห้าธาตุ ไม่คาดว่านี่กลับกลายเป็นหมากชั้นดีให้หลินสวินแก้ไขสถานการณ์เสียได้”

มีคนรำพึง

“นี่เรียกว่าฟื้นคืนชีวิตท่ามกลางความตาย!”

“การต่อสู้นี้แม้ว่าสองฝ่ายจะยังไม่เกิดการล้มตาย แต่เห็นได้ชัดยิ่งว่าหลินสวินกู้สถานการณ์กลับมาได้ เอาชนะได้ชั่วคราวแล้ว!”

ผู้ชมการต่อสู้เหล่านั้นล้วนใจสั่นอย่างอดไม่ได้

การต่อสู้นี้หลินสวินชนะอย่างสวยงามจริงๆ ใช้กำลังต้านคลื่น พลิกฟื้นสถานการณ์!

ดุจดั่งปาฏิหาริย์ ทำให้คนสะท้านสะเทือนและชื่นชม

ตรงข้ามพวกสัตว์ประหลาดเฒ่าจากฝั่งศัตรูอย่างอิงเทียนเซิง เจียงหมิงสุ่ยที่ใช้วางแผนครั้งนี้มาอย่างดี แต่สุดท้ายกลับคว้าน้ำเหลว

นี่หากกระจายออกไปย่อมต้องเรียกเสียงฮือฮาในโลกโลกบัวชะตาอีกแน่ ทำให้พวกอิงเทียนเซิงกลายเป็นตัวตลก

เพราะอย่างไรผู้ยิ่งใหญ่น่าสะพรึงมากมายเช่นนี้ออกเคลื่อนไหวยังทำอะไรหลินสวินไม่ได้ นี่เห็นชัดว่าน่าขายหน้าเกินไปจริงๆ

“เจ้าตัวจ้อยสมควรตายนี่!”

สีหน้าพวกอิงเทียนเซิงเขียวคล้ำไม่น่ามองยิ่ง

เวลานี้ฟ้าดินเงียบสงบ การต่อสู้ปิดฉากลงแล้ว สัตว์ประหลาดเฒ่าจากขุมอำนาจต่างๆ อย่างพวกเขารวมพลกันมีจำนวนมากถึงสี่สิบห้าสิบคน กำลังพลระดับนั้นเรียกได้ว่าน่าสะพรึง

เพียงแต่ในใจพวกเขาล้วนเต็มไปด้วยความอัดอั้นและเพลิงโทสะ จวนจะระเบิด

เป็นอย่างที่ผู้คนคาดเดาก่อนหน้านี้

พวกเขาเหล่านี้จับมือกันตั้งแต่ในโลกบัวชะตาคราวก่อนแล้ว ตัดสินใจจะกำจัดหลินสวินและพวกสิงเจี้ยนสยาในโลกบัวชะตาครั้งนี้

เพื่อการนี้ทันทีที่พวกเขาเข้าโลกบัวชะตาก็เริ่มเคลื่อนไหวทันที เริ่มติดต่อกันระหว่างแต่ละฝ่าย สุดท้ายระบุร่องรอยของพวกจอมมรรคซานเฟิงได้จึงวางกับดักสร้างสถานการณ์เช่นนี้

แต่ไหนเลยจะคาดคิด…

กับดักนี้กลับถูกหลินสวินคนเดียวทำลายลง!

นี่ทำให้พวกเขาคาดไม่ถึงโดยสิ้นเชิง

“หากรู้เช่นนี้แต่แรกคงยึดครองด่านนภาห้าธาตุเอาไว้ก่อน”

จักรพรรดิเทพข่งอวี่ถอนใจเบาๆ

เขาสวมชุดปราชญ์ แขนเสื้อกว้างโบกสะบัด มีกลิ่นอายภูมิฐานทั่วร่าง ดุจดั่งบรรพจารย์ผู้วิเศษศักดิ์สิทธิ์

“ใครจะไปคาดคิดว่าด้วยกำลังพลมากมายอย่างพวกเรา กลับเกิดเหตุผิดคาดเช่นนี้ได้”

เจียงหมิงสุ่ยขัดใจนัก กัดฟันกรอด

พวกหลินสวินในตอนนี้อยู่บนด่านนภาห้าธาตุแล้ว หมายจะฆ่าอีกฝ่ายให้ตายมีเพียงวิธีเดียวเท่านั้น…

ท้าทายแบบหนึ่งต่อหนึ่ง!

“ผิดคาดไปก็ไม่เป็นไร ในความคิดข้า การต่อสู้ครั้งนี้ยังไม่ถึงกับพ่ายแพ้”

ทันใดนั้นอิงเทียนเซิงเอ่ยปากเสียงขรึม “ขอเพียงพวกเราชนะในศึกตัดสินเป็นตายสามครั้งรวด หรือไม่ก็ชนะในศึกตัดสินแพ้ชนะหกครั้งติด ก็สามารถชิงด่านนภาห้าธาตุมาได้แล้ว ถึงตอนนั้นพวกหลินสวินย่อมหนีไม่รอดสักคน!”

ทันทีที่เอ่ยประโยคนี้ออกมา แววตาสัตว์ประหลาดเฒ่าในที่นี้พลันวาบประกายขึ้นมา

พวกเขาไม่ยินดีจากไปทั้งอย่างนี้จริงๆ และคำพูดของอิงเทียนเซิงก็ให้ความคิดพวกเขาตื่นตัวอีกครั้ง

เจียงหมิงสุ่ยขมวดคิ้วกล่าว “พลังต่อสู้ของเจ้าหลินสวินนั่นสามารถฆ่าฉิวเฟิ่งฉือตายได้ง่ายๆ เกรงว่าต่อให้เจ้าอิงเทียนเซิงลงมือเองยังไม่มีทางเป็นคู่ต่อสู้ของเขา ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ยังจะพูดเรื่องชิงด่านอะไรกัน”

เขาเคยเห็นความน่าสะพรึงในพลังต่อสู้ของหลินสวิน คราวก่อนที่หน้าด่านนภาสี่ลักษณ์ในโลกบัวชะตา หลินสวินใช้กำลังคนเดียวสังหารขั้นไร้ขอบเขตใหญ่เก้าคนในฝั่งเขา พลังเช่นนี้ทำให้เจียงหมิงสุ่ยยังขยาดไม่หาย

“ดูท่าว่าสหายยุทธ์เจียงจะถูกเจ้าหมอนี่ทำให้ใจเสาะไปแล้ว”

อิงเทียนเซิงยกยิ้ม “แต่นี่แก้ได้ง่ายนัก พวกเราแค่ต้องไปตัดสินแพ้ชนะก็พอ พวกเราคนเยอะขนาดนี้ เวียนไปท้าทายครบทั้งหมดย่อมสามารถสูบแรงพวกหลินสวินได้!”

“เช่นนี้นับว่าพอได้”

จอมเทพหวงหลงพยักหน้า “วันนี้หากไม่ฆ่าเจ้าหมอนี่ รอพวกเราแต่ละฝ่ายแยกย้ายกันไป มีหรือเจ้าหมอนี่จะไม่ลงมือแก้แค้นพวกเรา ถึงตอนนั้น… ก็ยุ่งยากแล้ว”

ในใจทุกคนเสียววาบทันใด

พวกเขาไม่มีทางร่วมมือกันไปตลอดจริงๆ ถึงขั้นที่ยามไปชิงแท่นมรรคบัวชะตา พวกเขาแต่ละฝ่ายยังจะเป็นคู่ต่อสู้แก่งแย่งกันอีกด้วย

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ วันนี้หากไม่ฆ่าหลินสวินให้ตาย ภายหน้าต้องเป็นภัยในอนาคตไม่จบสิ้นแน่!

“เช่นนั้นก็ทำตามนี้ ก่อนจะกำจัดเจ้าหมอนี่ได้พวกเราก็ร่วมมือกันก่อน รอหลังจากกำจัดเจ้าหมอนี่แล้วค่อยแยกย้ายไปตามทางของตัวเอง”

จักรพรรดิเทพข่งอวี่ตัดสินใจ

ไม่นานพวกเจียงหมิงสุ่ย ลู่จงเยียน จู๋เทียนจวินล้วนตอบรับ

จากนั้นสายตาพวกเขาหันมองไปทางด่านนภาห้าธาตุ

ไอสังหารเต็มแน่น!

“นี่พวกเขาจะชิงด่านแล้ว!”

ผู้ชมการต่อสู้ที่อยู่ห่างออกไปเห็นเช่นนี้ล้วนตระหนักได้ถึงเจตนาของพวกอิงเทียนเซิงทันที อดฮือฮาขึ้นมาไม่ได้

“ถึงอย่างไรพวกเขาก็มาจากคนละฝ่าย ร่วมมือกันได้ก็ไม่ง่ายแล้ว หากไม่ถือโอกาสนี้ไปจัดการหลินสวิน ภายหน้าเกรงว่าพวกเขาคงไม่มีโอกาสร่วมมือกันอีกแล้ว”

มีคนแววตาลุ่มลึก ล่วงรู้ถึงความคิดของพวกอิงเทียนเซิง

อย่างไรที่นี่ก็คือโลกบัวชะตา สิบวันให้หลังแต่ละฝ่ายล้วนต้องไปชิงแท่นมรรคบัวชะตา ใช้สิ่งนี้เพื่อมุ่งหน้าไปแหล่งสถานอัศจรรย์

นี่ก็หมายความว่าระหว่างแต่ละฝ่ายเหล่านั้นไม่มีทางร่วมมือกันเช่นนี้ตลอดไปได้โดยเด็ดขาด

พวกเขามาเพื่อฆ่าหลินสวิน และย่อมแยกย้ายกันเพราะเรื่องนี้เช่นกัน

“นี่ไม่เท่ากับว่าสถานการณ์ของพวกหลินสวินเริ่มอันตรายขึ้นมาอีกแล้วหรือ”

“ก็ต้องดูว่าพวกเขาจะยืนหยัดรับการท้าทายของพันธมิตรศัตรูได้หรือไม่”

“ยาก ยากเกินไปแล้ว หากหมุนเวียนสู้ไปเรื่อยๆ ย่อมสามารถเอาชนะพวกหลินสวินได้ เว้นแต่มีตัวแปรเหนือคาดอย่างอื่นเกิดขึ้น หาไม่พวกหลินสวินก็ยากจะหนีเคราะห์เหมือนเดิม”

…คนมากมายล้วนกำลังวิพากษ์วิจารณ์

และขณะเดียวกันบนด่านนภาห้าธาตุที่เหมือนเกาะแห่งหนึ่งลอยเหนือส่วนลึกผืนน้ำ พวกหลินสวินก็กำลังถกกันอยู่

“ดังคาด พวกเขาไม่ยินยอมจากไปทั้งอย่างนี้ ตั้งใจจะมาท้าทายแล้ว”

แววยินดีที่ริมฝีปากสิงเจี้ยนสยาแข็งค้าง

ก่อนหน้านี้หลินสวินทำลายสถานการณ์ในสนามรบในคราวเดียว ช่วยพวกจอมมรรคซานเฟิงออกมาได้ ทำให้เขาและฟู่หนานหลีทั้งยินดีและยากจะเชื่อ

โดยเฉพาะหลังจากมาถึงด่านนภาห้าธาตุแห่งนี้ ทั้งตัวล้วนผ่อนคลายลง

แต่ตอนนี้สิงเจี้ยนสยาตระหนักถึงความผิดปกติแล้ว

“พวกเขาต้องคิดว่าคนมากย่อมเป็นต่อ สามารถทำให้พวกเราเหนื่อยล้าจากการท้าทายต่อเนื่องและแย่งด่านนภาห้าธาตุไปครองได้ หากเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นพวกเราก็ไม่มีทางหนีอีกแล้วจริงๆ”

ฟู่หนานหลีกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

ที่นี่มีแต่เฒ่าชราที่มีชีวิตอยู่มาไม่รู้กี่กาลเวลา ใครยังจะมองความคิดอีกฝ่ายไม่ออก

“ให้พวกเขามาก็พอ สู้หนึ่งต่อหนึ่ง ข้าอยากเห็นนักว่าใครจะแพ้ใครจะชนะ!”

พวกจอมมรรคซานเฟิงที่อยู่ข้างกันไอสังหารเดือดปะทุ พวกเขาที่ถูกล้อมกรอบก่อนหน้านี้ล้วนมีบาดแผลตามตัว แต่ยังดีที่ไม่ถือว่าร้ายแรง ไม่ส่งผลต่อการต่อสู้มากนัก

“หนึ่งต่อหนึ่งข้าไม่เคยกลัว” สวินเต้าเยี่ยนถึงขั้นเผยแววมุ่งมาดออกมา

ก่อนหน้านี้ถูกล้อมกรอบ ทำให้ในใจเขาก็มีเพลิงโทสะสุมอยู่เช่นกัน

“ผู้อาวุโสทุกท่านรักษาอาการบาดเจ็บก่อน รอฟื้นฟูเป็นปกติย่อมมีโอกาสออกต่อสู้แน่”

หลินสวินระบายยิ้ม เขามองออกว่าในใจทุกคนล้วนเดือดดาลยิ่ง

อันที่จริงต่อให้เปลี่ยนเป็นคนอื่น ถูกล้อมโจมตีเช่นนั้นมีหรือจะไม่เดือดดาล

แม้แต่หลินสวินในใจยังมีไอสังหารพลุ่งพล่าน

เพิ่งเข้าสู่โลกบัวชะตาก็พบเจอการโจมตีเช่นนี้แล้ว นี่พิสูจน์ว่าศัตรูเหล่านั้นวางแผนไว้ก่อน หมายกำจัดพวกเขาทันทีอย่างไม่ต้องสงสัย!

ฟู่!

หลินสวินระบายลมหายใจยาวแล้วกล่าว “ผู้อาวุโสทุกท่าน ต่อจากนี้ฟังการจัดแจงของข้าก็พอ”

พลังกฎระเบียบโชคชะตาที่คลุมเครือเร้นลับวูบหนึ่งปิดครอบรอบบริเวณด่านนภาห้าธาตุแห่งนี้

หลินสวินในปัจจุบันเป็นเจ้าของด่านนี้ ย่อมสามารถใช้และควบคุมพลังกฎระเบียบนั้นได้

ที่น่าเสียดายคือพลังกฎระเบียบเช่นนี้มีข้อจำกัดมากมาย ไม่อาจใช้ในการสังหารศัตรูได้…

ทว่าหลินสวินก็ไม่ได้ตั้งใจจะฝากความหวังในการฆ่าศัตรูไว้กับด่านนภาเช่นนี้สักนิด

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท