ตอนที่ 3124 ฆ่าไก่ไยต้องใช้มีดฆ่าวัว

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอนที่ 3124 ฆ่าไก่ไยต้องใช้มีดฆ่าวัว

“พวกเขามาแล้ว”

สิงเจี้ยนสยาสายตาวาบประกาย มองไปยังไกลๆ

พวกสัตว์ประหลาดเฒ่าจากฝ่ายศัตรูกรูเข้ามาจากห้วงอากาศไกลๆ ประดุจทัพใหญ่เกรียงไกร

ความเรืองรองของกำลังพล ต่อให้เป็นในโลกบัวชะตาแห่งนี้ก็ยังเรียกได้ว่าน่าสะพรึง!

สายตาของผู้ชมการต่อสู้ที่อยู่ไกลๆ พลอยเคลื่อนมาทางด่านนภาปัญจธาตุด้วยเช่นกัน

ฟ้าดินอึมครึม

แววตาหลินสวินดุจหุบเหวกวาดมองทั่วลาน มุมปากผุดเส้นโค้งเหยียดแคลนขึ้นมา กล่าวว่า “ไม่ยอมถอยกลับไปเช่นนี้หรือ ได้สิ เข้าแถวให้ดี เตรียมตัวตายทีละคนก็สิ้นเรื่อง”

ประโยคเดียวเรียบง่ายแต่กลับเผด็จการหาใดเปรียบ

พวกอิงเทียนเซิง เจียงหมิงสุ่ยสีหน้าล้วนอึมครึมทันที

เข้าแถวเตรียมตัวตายให้ดีหรือ

ฟังสินี่มันคำพูดอะไรกัน!!

“รอยามพวกข้าแย่งด่านนภาปัญจธาตุนี้ได้แล้ว ข้าจะให้เจ้าพูดประโยคนี้ซ้ำอีกรอบ”

เจียงหมิงสุ่ยเอ่ยปากเยียบเย็น

“เลิกพูดพล่าม ใครจะมาสู้ตัดสินเป็นตายก่อน”

หลินสวินประกาศศึกตรงๆ คร้านจะพูดไร้สาระกับพวกเขา

ตัดสินเป็นตาย…

พวกเจียงหมิงสุ่ย อิงเทียนเซิงสีหน้าแข็งค้าง แม้ว่ากำลังพลของพวกเขาจะแข็งแกร่ง จำนวนคนล้นหลาม แต่ก็ไม่เคยคิดจะสู้ตัดสินเป็นตายมาก่อนสักนิด

และประโยคนี้ของหลินสวินกดแน่นจนอกพวกเขาอัดอั้นขึ้นมาระลอกหนึ่ง สีหน้ายิ่งไม่น่าดูมากขึ้นเรื่อยๆ

เมื่อเห็นเช่นนี้หลินสวินก็อดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ ดูหมิ่นเต็มที่ “ข้ายังคิดว่าพวกเจ้าจะใจกล้าสักแค่ไหนเชียว ที่แท้ก็เท่านี้เอง”

สิงเจี้ยนสยาและคนอื่นๆ ต่างก็หัวเราะออกมาเช่นกัน เสียงดูแคลนนั่นก้องสะท้อนทั่วลาน เสียดแทงจนพวกเจียงหมิงสุ่ย อิงเทียนเซิงแทบคลั่ง

อวดดี!

อวดดีเกินไปแล้วจริงๆ!

“ข้าจะไปสู้กับเจ้าหมอนี่สักตั้ง”

ลู่จงเยียนแววตาเยียบเย็น โบกแขนเสื้อเบาๆ คราหนึ่งกระแทกใส่ศิลาสังเวียนมหามรรค ‘ตัดสินแพ้ชนะ’

วู้ม!

พลันนั้นละอองแสงแถบหนึ่งพุ่งทะยานเสียดฟ้า ตัดสลับวาดโครงร่างกลางอากาศ สุดท้ายกลายเป็นลานประลองที่เจือกลิ่นอายเย็นเยียบนองเลือดแห่งหนึ่ง

และพร้อมกันนั้นสิงเจี้ยนสยาไอสังหารเดือดพล่าน “ให้ข้าไปเถอะ”

หลินสวินส่ายหน้ากล่าว “ฆ่าไก่ไยต้องใช้มีดฆ่าวัว ผู้อาวุโสอย่าได้รีบร้อน ต่อจากนี้ยังมีโอกาสต่อสู้อีกเพียบ”

เจ้าตัวจ้อยนี้ถึงกับมองตนเป็น ‘ไก่’ หรือ!?

ใบหน้าหล่อเหลาราวเด็กหนุ่มของลู่จงเยียนเขียวคล้ำ แววตาเต็มไปด้วยประกายเย็นเยียบชวนสยอง

วู้ม…

จากนั้นเงาร่างของเขาและหลินสวินต่างปรากฏตัวอยู่บนลานประลองแพ้ชนะ ประจันหน้ากันอยู่ไกลๆ

และสายตาของทุกคนทั่วลานล้วนมองไปเป็นจุดเดียว

ลู่จงเยียน

ยอดบุคคลที่เคยข้ามเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพหกครั้งคนหนึ่ง พูดถึงพลังต่อสู้ยังแข็งแกร่งยิ่งกว่าฉิวเฟิ่งฉือ จอมมารหูยง พอจะเทียบฝีมือกับพวกยักษ์ใหญ่อย่างอิงเทียนเซิง เจียงหมิงสุ่ยได้

คนน่าสะพรึงเช่นนี้ ในโลกบัวชะตายังถือเป็นบุคคลระดับปลายยอด

เพียงแต่ไม่ว่าจะเป็นพวกอิงเทียนเซิงหรือเหล่าผู้ชมการต่อสู้ที่อยู่ไกลๆ ล้วนไม่กล้าพูดพล่อยๆ ว่าลู่จงเยียนจะเอาชนะได้

เพราะคู่ต่อสู้ของเขาคือหลินสวิน!

พวกที่ยามอยู่ขั้นสรรสร้างสัมบูรณ์ก็สังหารจอมมารหูยงตาย และเขาในตอนนี้ยิ่งแจ้งมรรคขั้นไร้ขอบเขตแล้ว

ใครจะกล้าลืมฉิวเฟิ่งฉือและคนใหญ่คนโตขั้นไร้ขอบเขตใหญ่อื่นๆ ที่ถูกเขาฆ่าตายยามอยู่ด่านนภาสี่ลักษณ์

และใครจะกล้าลืมว่าเมื่อครู่นี้หลินสวินอาศัยเพียงพลังแห่งตนก็พลิกเปลี่ยนสถานการณ์การต่อสู้ทั้งหมด ช่วยเหลือพวกจอมมรรคซานเฟิงทั้งกลุ่มจากเคราะห์สังหาร

กล่าวได้ว่าต่อให้หลินสวินไม่เคยข้ามเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพแม้แต่ครั้งเดียว ทว่าความแข็งแกร่งในพลังต่อสู้ของเขาสามารถทำให้ผู้ยิ่งใหญ่ในที่นี้เหล่านั้นครั่นคร้ามไม่รู้จบ

“ทำไม ข้าบอกว่าฆ่าไก่ไยต้องใช้มีดฆ่าวัวเจ้าก็ไม่พอใจหรือ เช่นนั้นประเดี๋ยวข้าจะบอกเจ้าว่าอะไรที่เรียกว่าเชือดไก่ให้ลิงดู!” หลินสวินเอ่ยปากเนิบๆ ไม่เกรงใจแต่อย่างใด

ประโยคเหล่านั้นเหมือนเป็นการดูแคลนยิ่ง ทิ่มแทงจนลู่จงเยียนหน้าเปลี่ยนสีไปมาระลอกหนึ่ง

เขาสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่งกล่าวเน้นทีละคำ “เช่นนั้นข้าคงต้องตั้งตารอชมจริงๆ แล้ว!”

วู้ม…

ไม่นานพลังกฎระเบียบที่กดทับบนตัวทั้งสองคนก็หายไป

ลู่จงเยียนเริ่มเคลื่อนไหวแทบจะในทันที

ตูม!

เสื้อคลุมเพลิงทั้งชุดของเขาพลิ้วไสว ทั่วร่างปรากฏแสงมรรคกฎระเบียบที่เจิดจรัสแสบตาออกมา ทั้งตัวประดุจเพลิงโหม อานุภาพพุ่งพรวดสูงสุดในชั่วอึดใจ

และในมือเขามีกระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งเพิ่มขึ้นมา

ตัวกระบี่ดุจเพลิง เจตกระบี่ดั่งเดือดคลั่ง แผ่อานุภาพผลาญฟ้าออกมา!

กระบี่นามผลาญหล้า ยอดสมบัตินิรันดร์อันน่าเหลือเชื่อชิ้นหนึ่ง

“ฟัน!”

ลู่จงเยียนเงาร่างพุ่งทะยาน ก้าวเดียวเหยียบห้วงอากาศแหลก กระบี่ยักษ์ในมือพลิกตวัดดุจธารดาราพลิกคว่ำ ธารเพลิงราวผลาญทำลายฟ้าดินฟันลงมาพร้อมกับกระบี่นี้

เสมือนทะเลเพลิงเก้าชั้นฟ้ามาเยือนโลก!

เพียงแค่การโจมตีนี้ก็เห็นชัดว่าอานุภาพของลู่จงเยียนน่าสะพรึงปานใด ทำเอาสัตว์ประหลาดเฒ่านอกลานจำนวนไม่น้อยล้วนตื่นตกใจ

สมกับเป็นผู้ที่เคยข้ามเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพมาหกครั้ง ทันทีที่ลงมือก็เป็นการโจมตีซึ่งผสานพลังเข้าด้วยกัน น่าสะพรึงยิ่ง

ตูม!

เพลิงเทพปะทุเดือด แตกกระจายดุดัน เจตกระบี่ประหนึ่งผลาญฟ้านั่นฟันลงมา

กลับเห็นหลินสวินเอามือหนึ่งไพล่หลัง อีกมือกวาดออกมาราวปัดฝุ่นบนเสื้อผ้า เรียบง่ายแผ่วเบา

ปึง!

เพลิงเทพแหลกลาญ เจตกระบี่แตกสลาย

กระบี่ยักษ์ในมือลู่จงเยียนยิ่งเหมือนถูกค้อนเทพสวรรค์กระแทกใส่เต็มๆ สั่นสะเทือนรุนแรงดังเคร้ง ภายใต้พลังน่าสะพรึงที่พุ่งโจมตีมาก็ซัดจนกระบี่นี้แทบจะกระเด็นหลุดจากมือ

ส่วนสีหน้าลู่จงเยียนซีดขาวเขียวคล้ำสลับไปมาแล้ว เงาร่างที่พุ่งเข้ามาชะงักนิ่งก่อนถอยกรูดออกไปอย่างรวดเร็ว

เพียงปัดฝุ่นถึงกับซัดศัตรูถอยกรูด!

นี่ทำให้สัตว์ประหลาดเฒ่านอกลานทั้งหมดหัวใจสั่นสะท้าน สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย

โดยเฉพาะพวกอิงเทียนเซิง

พวกเขาเคยเห็นพลังต่อสู้หลังจากหลินสวินแจ้งมรรคขั้นไร้ขอบเขตมาก่อนแล้ว แต่ตอนนี้กลับพบว่าหลินสวินในเวลานี้แข็งแกร่งยิ่งกว่าเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนไม่น้อย!

ถึงขั้นที่พวกสิงเจี้ยนสยาก็ยังตะลึงงัน

พวกเขาเพิ่งเห็นหลินสวินปลดปล่อยพลังต่อสู้ยามประลองหนึ่งต่อหนึ่งเป็นครั้งแรกเช่นกัน เมื่อเห็นว่าลู่จงเยียนถูกซัดออกไปง่ายๆ ในใจก็ผุดความสะท้านสะเทือนขึ้นมาเสี้ยวหนึ่งอย่างอดไม่ได้

หลินสวินในตอนนี้แข็งแกร่งเกินไปแล้วจริงๆ!

“ฝีมือแค่นี้เองหรือ”

เสียงของหลินสวินเรียบเรื่อย แววดูถูกและเหยียดแคลนในคำพูดนั่นกลับไม่ปิดบังสักนิด

ลู่จงเยียนสีหน้าเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมขึ้นมา

เขาสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง สองมือประกบก่อนเรียกกระบี่ยักษ์ขึ้นมาเบื้องหน้า ด้ามกระบี่กระแทกผ่านห้วงอากาศอย่างแรงคราหนึ่ง

ตูม!

เจตกระบี่พันหมื่นสายอุบัติ จากนั้นก็กลายเป็นเขากระบี่พันหมื่นลูกเรียงรายกลางอากาศ เบียดเสียดแน่นขนัด เสมือนเทือกเขาเรียงสลับทับซ้อน ปรากฏภาพป่ากระบี่เรียงกลางอากาศ

เขากระบี่แต่ละลูกล้วนตอบสนองกัน ก่อร่างกลายเป็นปราการที่แทบโจมตีไม่สะเทือนเป็นชั้นๆ

ความรู้สึกที่มอบให้ผู้คนประหนึ่งว่าหากต้องการจัดการลู่จงเยียน ก็ต้องข้ามเขากระบี่พวกนี้ไปให้ได้ก่อน

พวกอิงเทียนเซิงต่างลอบถอนหายใจโล่งอก พวกเขามองออกว่าลู่จงเยียนเปลี่ยนกลยุทธ์แล้ว มาเป็นฝ่ายตั้งรับแทน

เมื่อเป็นเช่นนี้ก็จะสามารถยื้อเวลาได้มากที่สุดเท่าขณะรับมือกับหลินสวิน ค่อยๆ สูบพลังกายของอีกฝ่ายไปทีละนิด

ต่อให้สุดท้ายจะพ่ายแพ้ แต่ที่ลานประลองนี้ก็ไม่ต้องห่วงว่าจะตาย

และเมื่อเห็นภาพนี้หลินสวินก็อดส่ายหน้าไม่ได้ “ไม่มีประโยชน์”

เสียงยังไม่ทันสิ้นสุดเงาร่างเขาก็เหยียบย่างกลางอากาศทันที เดินไปข้างหน้า

ตูม! ตูม! ตูม!

ทุกครั้งที่ก้าวเท้าฟ้าถล่มดินทลาย ห้วงอากาศจมจ่อม และอานุภาพบนตัวหลินสวินก็ยิ่งไต่ทะยานขึ้นทีละนิด

กระทั่งมาถึงเบื้องหน้าเขากระบี่เป็นชั้นๆ นั่น อานุภาพของเขาก็ประดุจนายเหนือหัวเหนือสุด รอบตัวเต็มไปด้วยประกายเทพกฎระเบียบที่คลุมเครือดุจแรกกำเนิด

ลู่จงเยียนกลั้นหายใจ สีหน้าเปลี่ยนไปอีกครั้ง

“ไป!”

เขาตวาดลั่นคราหนึ่ง

เขากระบี่พันหมื่นลูกหมุนโคจรฉับพลัน ลอยขึ้นกลางอากาศ เสมือนกระบี่ยักษ์ทะยานฟ้าเป็นสายๆ ฟันไปทางหลินสวิน

ก็เป็นเวลานี้เองที่หลินสวินจรดหนึ่งดรรชนีออกมา

พลังดรรชนีสายนี้พุ่งโฉบ ราวกับประกายคมที่เสียบทะลวงหมื่นยุคสายหนึ่งปรากฏขึ้น

ฟุ่บ!

เขากระบี่ลูกหนึ่งที่อยู่หน้าสุดถูกแทงเป็นรูกลวงอย่างง่ายดาย ที่ตามมาติดๆ คือ…

ฟุ่บๆๆ!

สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าว่าพลังดรรชนีสายนั้นพุ่งตรงดิ่งต่อไป เหมือนเจาะทะลวงกระดาษบางเป็นแผ่นๆ ทะลุผ่านเขากระบี่ตลอดทาง!

เร็วเกินไปแล้ว

อานุภาพดุจผ่าลำไผ่ตลอดทาง พริบตาก็มาถึงตรงหน้าลู่จงเยียนแล้ว

ในช่วงเวลาอันตรายนี้เบื้องหน้าลู่จงเยียนปรากฏคันฉ่องทองแดงเพลิงแดงที่ราวหลอมขึ้นจากทองเทพสายหนึ่งกลางอากาศ

ปึง!

เสียงระเบิดสะเทือนหูดังกึกก้อง คันฉ่องทองแดงเพลิงแดงแม้จะต้านพลังดรรชนีนี้ไว้ได้ แต่กลับปรากฏรอยร้าวถี่ยิบดุจใยแมงมุมขึ้นมา จากนั้นก็แตกระเบิดเสียงดังเพล้ง

ลู่จงเยียนกระอักเลือดคราหนึ่ง สีหน้าผุดแววหวาดหวั่นขึ้นมาบ้างเสี้ยวหนึ่ง

พลังป้องกันของเขากระบี่กร้าวแกร่งขนาดไหน กลับถูกหนึ่งดรรชนีเจาะทะลวง และ ‘โล่มรรคแดงชาด’ ของเขา ยิ่งถูกซัดกระจุยตรงๆ!

อานุภาพราวบดขยี้นี้ทำเอาสัตว์ประหลาดเฒ่าอย่างลู่จงเยียนยังขนลุกขนพองไประลอกหนึ่ง ตระหนักได้อย่างลึกซึ้งถึงความน่ากลัวของหลินสวิน

ถึงขั้นเริ่มนึกเสียใจขึ้นมาบ้างแล้ว ว่าเหตุใดก่อนหน้านี้ตนต้องก้าวออกมาท้าสู้กับหลินสวินเป็นคนแรกด้วย…

“เจ้าในตอนนี้ต่างอะไรกับลูกไก่ตัวหนึ่งหรือ”

หลินสวินย่างเท้าก้าวเข้ามา สายตาลุ่มลึกเยียบเย็น

ในถ้อยคำเป็นการมองขั้นไร้ขอบเขตใหญ่ระดับปลายยอดคนหนึ่งเป็นเป็ดไก่ นี่เป็นการเหยียบย่ำและดูแคลนยิ่งอย่างไม่ต้องสงสัย ทำเอาเฒ่าชรานอกลานพวกนั้นล้วนอัดอั้นไประลอกหนึ่ง สีหน้าไม่น่าดู

แต่ลู่จงเยียนไม่อาจสนใจเรื่องพวกนี้

พอเห็นว่าหลินสวินบุกเข้ามาอีก เงาร่างเขาวูบไหว พยายามยื้อเวลาไม่ประชันกับหลินสวินซึ่งหน้า

หากอยู่โลกภายนอก วิธีเช่นนี้ย่อมใช้ประโยชน์ได้

แต่ที่นี่คือลานประลองแพ้ชนะ ต่อให้ใหญ่แค่ไหนก็มีขอบเขตจำกัด ทำให้ลู่จงเยียนที่เคลื่อนย้ายหลบหลีกก็ถูกจำกัดอย่างมากด้วยเช่นกัน

แต่มีหรือหลินสวินจะก็ให้โอกาสเขาหลบเลี่ยงได้อีก

ตูม!

เขาโบกแขนเสื้อคราหนึ่ง ฝนกระบี่ไพศาลร่วงลงมาจากฟ้า แผ่ทั่วห้วงอากาศ พาดขวางห้อตะบึง

เคร้งๆๆ!

ลู่จงเยียนตวัดกระบี่ต้านทาน ทว่าฝนกระบี่แน่นขนัดนั่นกลับซัดจนเงาร่างเขาซวนเซถอยกรูด พลังขับเคลื่อนทั่วร่างพลิกตลบ สภาพสะบักสะบอมดูไม่ได้

เขาทุ่มสุดกำลังแล้ว แต่ยังคงไม่ไหวอย่างเห็นได้ชัด!

สวบ!

เมื่อเห็นว่าฝนกระบี่กระหน่ำลงมา ลู่จงเยียนตั้งท่าจะเบี่ยงหลบ ทว่ามือใหญ่ข้างหนึ่งพุ่งทะลวงออกมาคว้าลำคอเขาอย่างง่ายดาย สลายอนุภาพทั่วร่างเขาด้วยพลังแกร่งกร้าวประหนึ่งทำลายได้ทุกสิ่ง

ปึง!

ร่างมรรคของลู่จงเยียนแตกระเบิด เลือดเนื้อโชกโลหิตยังไม่ทันร่วงกระจาย ก็ถูกพลังกฎระเบียบที่ปรากฏขึ้นมาฉับพลันบนฝ่ามือหลินสวินหลอมเป็นพลังต้นกำเนิดนิรันดร์ที่บริสุทธิ์ยิ่งกลุ่มหนึ่ง

นี่ย่อมเป็นนัยเร้นลับห้าระเบียบแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ ตอนนี้ผสานเข้ากับนัยเร้นลับนิพพาน ขอเพียงหลินสวินต้องการย่อมสามารถปลดปล่อยอานุภาพของมันออกมาได้

“ไม่…”

พลังจิตของลู่จงเยียนตะโกนลั่น เผยแววหวาดกลัวออกมาในท้ายที่สุด

ร่างมรรคของขั้นไร้ขอบเขตถูกหลอมสิ้นซาก ระดับความสูญเสียนั้น ต่อไปฟื้นคืนสภาพกลับมาได้ก็ไม่รู้ต้องใช้เวลานานเท่าไร!

“หากนี่ไม่ใช่การต่อสู้แพ้ชนะ เจ้ายังจะร้องออกมาได้อีกหรือ”

ขณะหลินสวินเอ่ยพูดฝ่ามือก็ออกแรงอีกครั้ง พลังจิตของลู่จงเยียนเจ็บปวดดั่งถูกหมื่นกระบี่จ้วงแทงอย่างไรอย่างนั้น สติสัมปชัญญะล้วนเลือนราง

และเวลานี้เองพลังกฎระเบียบของลานประลองแพ้ชนะก็ปรากฏออกมา บังคับพาพลังจิตของลู่จงเยียนออกไปในช่วงเวลาเป็นตายนั้น

หลินสวินเคยเห็นมาแล้วย่อมไม่แปลกใจ

เขาเก็บกระบี่ยักษ์ที่ลู่จงเยียนทิ้งไว้ขึ้นมา จากนั้นเงาร่างหายวับไปจากลานประลองแพ้ชนะเช่นกัน

ครั้นหันมองดูทั่วลาน ทุกคนล้วนตกตะลึง!

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท