ตอนที่ 3125 บันไดสวรรค์มหามรรค

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอนที่ 3125 บันไดสวรรค์มหามรรค

ลู่จงเยียนแพ้แล้ว

แพ้อย่างน่าอนาถ!

ตั้งแต่ต้นจนจบเพิ่งผ่านไปครู่เดียวเท่านั้น เขาก็ถูกทำลายร่างมรรค พลังจิตบาดเจ็บสาหัสแล้ว!

สำหรับสัตว์ประหลาดเฒ่าในที่นี้ทั้งกลุ่ม นี่เป็นการโจมตีรุนแรงอย่างหนึ่งโดยไม่ต้องสงสัย

ถึงอย่างไรความแข็งแกร่งของลู่จงเยียนก็เรียกได้ว่าอยู่ปลายยอด สามารถเทียบกับอิงเทียนเซิง เจียงหมิงสุ่ยได้

แต่ตอนนี้แม้แต่คนระดับเขายังแพ้รวดเร็วขนาดนี้ ใครจะไปท้าสู้หลินสวินอีกก็ไม่อาจไม่ใคร่ครวญถึงผลลัพท์ที่จะตามมาให้ดีสักหน่อยแล้ว

บรรยากาศอึมครึมเป็นอย่างมาก

พวกอิงเทียนเซิง เจียงหมิงสุ่ยสีหน้าเปลี่ยนสลับไปมา ความคิดแตกต่างกันออกไป

และบนด่านนภาปัญจธาตุ พวกสิงเจี้ยนสยาต่างหน้าชื่นตาบาน

ชัยชนะของหลินสวินง่ายดายเกินไปจริงๆ ทำลายราบคาบตลอดทาง กำราบลู่จงเยียนในคราวเดียว!

และนี่ก็หมายความว่าต่อให้อีกฝ่ายคิดอยากผลัดเปลี่ยนเวียนกันมาสู้ หมายจะทำให้หลินสวินสูญเสียพลัง โอกาสสำเร็จก็มีไม่มาก!

เหล่าผู้ชมการต่อสู้ไกลๆ ต่างก็ใจเต้นระทึกเช่นกัน

เวลานี้ความเข้าใจที่พวกเขามีต่อหลินสวินพุ่งสูงขึ้นอีกครั้ง มองเขาเป็นคนที่สามารถเทียบกับพวกยักษ์ใหญ่อย่างอิงเทียนเซิง เจียงหมิงสุ่ย จักรพรรดิเทพข่งอวี่ได้อย่างแท้จริง!

“ต่อไหม”

เห็นว่าบรรยากาศอึมครึมหลินสวินก็เอ่ยปากเนิบๆ

พวกเจียงหมิงสุ่ยต่างมองหน้ากัน ล้วนเริ่มลังเลบ้างแล้ว

“ให้ข้าแล้วกัน”

ข้างกายจอมเทพหวงหลง ชายรูปร่างผอมแห้งคนหนึ่งเดินออกมา ผิวพรรณเรื่อสีทองอ่อนๆ ผมเครารุงรัง กลิ่นอายขึงขัง

เมื่อเห็นเขาปรากฏตัว คนมากมายต่างโล่งอกไม่น้อย

เจ้าแคว้นเฉิงถู!

สัตว์ประหลาดเฒ่าที่เคยข้ามเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพหกครั้งคนหนึ่ง ทางที่เดินคือวิถีแห่งกายหยาบแจ้งมรรค ลือกันว่ายามเขาแจ้งมรรคขั้นไร้ขอบเขต พลังที่สั่งสมในเลือดหยดหนึ่งล้วนสามารถกดข่มพลังกฎระเบียบของโลกใหญ่แห่งหนึ่งได้ เรียกได้ว่าวิปริตนัก

คนเช่นนี้ลงมือ เพียงแค่พลังกายที่ไม่เสื่อมสลายไม่ดับสูญระดับนั้นก็สามารถครองข้อได้เปรียบมหาศาลในการต่อสู้แล้ว

และเวลานี้สวินเต้าเยี่ยนก็สื่อจิตบอกความเป็นมาของเจ้าแคว้นเฉิงถูให้หลินสวินรู้ ซ้ำยังเอ่ยเตือนด้วย ‘ก่อนหน้านี้นานมาแล้วศิษย์พี่ของเจ้าแคว้นเฉิงถูร่วงหล่นยามชิงชัยกับอาจารย์ของเจ้า นี่ก็คือสาเหตุที่เจ้าแคว้นเฉิงถูชิงชังเจ้าขนาดนี้’

นัยน์ตาหลินสวินเจือแววรับรู้เสี้ยวหนึ่ง

อันที่จริงในหมู่ศัตรูพวกนั้น ส่วนใหญ่หลินสวินล้วนเพิ่งเคยเจอเป็นครั้งแรก หน้าตาไม่คุ้นเคยอย่างมาก แต่เขาก็พอระบุได้คร่าวๆ คนเหล่านี้น่าจะเป็นศัตรูของคีรีดวงกมลของพวกเขาทั้งสิ้น!

จอมเทพหลิงหลงที่อยู่ข้างกันก็เอ่ยเสียงเบา ‘ปีนั้นอาจารย์เจ้าส่งสหายเข้าแหล่งสถานอัศจรรย์ทั้งหมดในทะเลโชคชะตาแห่งนี้ แต่ก็เพราะเหตุนี้ทำให้เขาล่วงเกินคู่ต่อสู้ไม่น้อยในการชิงชัยมหามรรคแต่ละครั้ง ดังนั้นหลังจากเจ้าปรากฏตัวจึงกลายเป็นเป้าหมายแก้แค้นของพวกเขาทันที’

หลินสวินพยักหน้า

เหตุใดศัตรูที่เคียดแค้นคีรีดวงกมลมีมาก สหายมีน้อย

ง่ายดายมาก เพราะปีนั้นเจ้าแห่งคีรีดวงกมลล้วนส่งสหายเหล่านั้นของเขามุ่งหน้าไปแหล่งสถานอัศจรรย์ ส่วนคนที่เหลืออยู่ โดยมากคือพวกที่แพ้ใต้เงื้อมมือเขา!

และพวกที่พ่ายแพ้ใต้เงื้อมมือเขาเหล่านั้น ตอนนี้ล้วนหันมาจับจ้องผู้สืบทอดของเจ้าแห่งคีรีดวงกมลอย่างตนแล้ว…

เมื่อเข้าใจเรื่องเหล่านี้ สายตาหลินสวินก็เริ่มผิดแผกไปเล็กน้อย

หากในการชิงชัยมหามรรคของยุคนี้ ตนส่งสหายข้างกายไปแหล่งสถานอัศจรรย์ได้ทั้งหมด จะมีผู้พ่ายแพ้มากเท่าไรที่ฝังแค้นตนเพราะเหตุนี้

ไม่รอให้หลินสวินคิดมากความ เจ้าแคว้นเฉิงถูก็ลงสนามแล้ว

บนลานประลองแพ้ชนะ

เมื่อพลังกฎระเบียบที่กดทับบนตัวหลินสวินและเจ้าแคว้นเฉิงถูหายไป ศึกตัดสินครั้งนี้ก็ปะทุทันทีเช่นกัน

ตึง!

เจ้าแคว้นเฉิงถูนั่งขัดสมาธิ โบกมือเรียกคทาม่วงสมประสงค์เล่มหนึ่งออกมา เคาะบนพื้นเบาๆ เกิดเสียงก้องสะเทือนดุจลั่นกลองสวรรค์

จากนั้นบันไดหินสีม่วงเป็นชั้นๆ ก็พาดขวางแผ่ขยายออกมาจากใต้ร่างเขา

ทันใดนั้นเงาร่างของเจ้าแคว้นเฉิงถูก็สูงขึ้นไม่หยุด และจำนวนบันไดหินที่เขานั่งอยู่ก็เพิ่มขึ้นไม่ขาดสาย เพียงพริบตาเดียวก็ก่อตัวออกมาถึงเก้าสิบเก้าขั้น!

บันไดหินแต่ละขั้นเสมือนหลอมขึ้นจากหยกเทพ ประทับกฎระเบียบสัญลักษณ์ลึกลับเอาไว้ มีเทพมารขวางอากาศ สุริยันจันทราสูงเด่น มีวัฏจักรไร้ขอบเขต จักรวาลแน่นขนัด มี…

บันไดหินแต่ละขั้นเสมือนหลอมขึ้นจากกฎระเบียบเร้นลับสุดหยั่งเป็นชั้นๆ

ยามเงยมองจากเบื้องล่างของบันไดหิน เหมือนดั่งไกลโพ้นราวกับห่างกันเก้าสิบเก้าชั้นฟ้าอย่างไรอย่างนั้น!

ส่วนเจ้าแคว้นเฉิงถูซึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่บนจุดสูงสุดก็ราวกับเทพศักดิ์สิทธิ์เหนือเก้าสิบเก้าชั้นฟ้า ปรายตามองทั่วหล้าในจุดสูงสุด

ภาพนั้นน่าเหลือเชื่อเกินไป ทันทีที่ปรากฏก็ทำเอาทั่วลานต่างหันไปมอง สัตว์ประหลาดเฒ่าไม่น้อยล้วนเผยสีหน้าไหวหวั่นออกมา

บันไดสวรรค์มหามรรค!

นี่คือสิ่งที่สะท้อนมรรควิถีแห่งตนของเจ้าแคว้นเฉิงถู ผสานความรู้ ความมานะอุตสาหะ และพลังของเขา ยามต้านทานกับมันก็เหมือนห่างกันไกลเก้าสิบเก้าชั้นฟ้า คู่ต่อสู้ทั่วไปไม่อาจเฉียดใกล้ได้สักนิด

หากพยายามฝืนบุกเข้าไปก็จะพบกับการระเบิดสังหารของพลังกฎระเบียบที่กระจายทั่วบันไดสวรรค์แต่ละชั้น!

กล่าวได้ว่าบันไดสวรรค์มหามรรคนี้ก็คือยอดอภินิหารที่แข็งแกร่งที่สุดของเจ้าแคว้นเฉิงถู และตอนนี้ก็ถูกเขาโคจรออกมาใช้ทันที

จากจุดนี้จะเห็นว่าเขามองหลินสวินเป็นศัตรูตัวฉกาจเช่นกัน

“ยังดี เจ้าแคว้นเฉิงถูเดิมก็ใช้กายหยาบแจ้งมรรค ยามนี้ใช้บันไดสวรรค์มหามรรคเข้าต่อสู้ หลินสวินย่อมไม่อาจคว้าชัยไปได้ในทันที!”

จอมเทพหวงหลงเอ่ยปากเนิบๆ

สัตว์ประหลาดเฒ่าละแวกนั้นทั้งกลุ่มก็พากันโล่งอกยิ่งขึ้น

ก่อนหน้านี้การพ่ายแพ้น่าอนาถของลู่จงเยียนสร้างแรงโจมตีมหาศาลให้พวกเขา แต่ตอนนี้เมื่อเจ้าแคว้นเฉิงถูลงมือ ก็ทำให้พวกเขาฮึกเหิมขึ้นมาอีกครั้ง

“ยิ่งแก่ก็ยิ่งต่ำช้า!”

และเมื่อเห็นภาพนี้พวกสิงเจี้ยนสยาก็ลอบผรุสวาทไม่ได้ เจ้าแคว้นเฉิงถูทำเช่นนี้ เห็นชัดว่าตั้งใจยื้อหลินสวิน

บนลานประลองแพ้ชนะ หลินสวินเลิกคิ้วน้อยๆ จากนั้นก็หัวเราะกล่าว “เจ้าเฒ่า คิดว่าทำเช่นนี้แล้วจะยื้อได้นานขึ้นหน่อยอย่างนั้นหรือ”

บนบันไดสวรรค์มหามรรค เจ้าแคว้นเฉิงถูมือถือคทาม่วงสมประสงค์ สีหน้าราบเรียบไม่ไหวหวั่น กล่าวว่า “หากสหายน้อยคว้าชัยได้ แค่เข้ามาก็พอ”

เรียบง่ายแผ่วเบา แต่กลับเผยความมั่นใจยิ่งออกมาชัดเจน

หลินสวินพยักหน้า “เช่นนั้นก็ตามที่เจ้าปรารถนา”

เขายกเท้าเดินขึ้นไปข้างหน้า อาภรณ์โบกสะบัด โดดเด่นดุจเทพเซียน

ตูม!

ยามหลินสวินเข้ามาใกล้ บันไดหินสีม่วงขั้นแรกพลันปรากฏสัญลักษณ์เทพมารสายหนึ่ง แสงม่วงเจิดจ้า เกิดเงามายาเทพมารนับพันนับหมื่นขึ้นมาทันที ดุจดั่งกรูออกมาจากนรกแดนมาร แต่ละสายแผดคำรามบุกเข้าใส่หลินสวิน

ภาพน่าสะพรึงนั้นทำเอาคนไม่น้อยล้วนสูดหายใจสะท้าน

กลับเห็นหลินสวินไม่เลี่ยงไม่หลบ ชูมือตวัดกวาดผ่านห้วงอากาศ

สวบ!

ปราณกระบี่ที่เต็มไปด้วยนัยเร้นลับนิพพานสายหนึ่งโฉบพุ่ง ยาวหลายพันจั้ง กรีดผ่านห้วงอากาศ เจือกลิ่นอายดุกร้าวที่ไม่มีสิ่งใดขวางได้ ทำลายได้ทุกสรรพสิ่ง

พรูดๆๆ…

ก็เห็นเงามายาเทพมารนับพันหมื่นนั่นล้วนถูกกระบี่เดียวกวาดเรียบ กลายเป็นประกายแสงกระเซ็นทั่วฟ้า

จากนั้นหลินสวินก้าวขึ้นบันไดหินสีม่วงขั้นแรก

เพียงแต่ทันทีที่ยืนทรงตัวได้ บนบันไดหินขั้นที่สองก็ปรากฏทะเลเพลิงเวิ้งว้างสีทองผืนหนึ่ง เสมือนน้ำทะลักเขื่อน พุ่งโหมก้องกระหึ่ม

หลินสวินโบกแขนเสื้อคราหนึ่ง

ตูม!

ทะเลเพลิงสีทองที่สามารถผลาญฟ้าดับปฐพีนั่นก็ถูกฟันแยกตรงๆ คลื่นเปลวเพลิงสลายไป

หนึ่งแขนเสื้อแยกสมุทร!

ท่าทางสบายๆ นั่นทำเอาพวกสัตว์ประหลาดเฒ่านอกลานเหล่านั้นล้วนหน้าเปลี่ยนสีน้อยๆ อย่างอดไม่ได้

หากเป็นพวกเขาก็คงทำได้เช่นกัน เพียงแต่จะไม่มีท่าทางผ่อนคลายเหมือนอย่างหลินสวินเด็ดขาด

ตูม!

ไม่รอให้ทุกคนตอบสนอง บนบันไดหินสีม่วงขั้นที่สามก็ปรากฏกระแสปราณดาบไพศาลนับไม่ถ้วน กลิ่นอายทำลายล้างอหังการหนาทึบแผ่กว้างตามมา

หลินสวินไม่แม้แต่จะมอง หนึ่งฝ่ามือกดลงไป

ปึง!

ปราณดาบไพศาลนับไม่ถ้วนชะงักไปพลัน ประดุจถูกมือใหญ่ไร้รูปคว้าจับอยู่ตรงนั้น จากนั้นก็ระเบิดกระจุยพร้อมๆ กัน อันตรธานหายไปไร้ร่องรอย

บันไดหินสีม่วงขั้นที่สี่ปรากฏอสนีเคราะห์ล้างผลาญที่เจิดจ้าแสบตา

ทว่าเพียงอึดใจเดียวก็ถูกหลินสวินอ้าปากกลืน หลอมสลายไปทั้งหมด

หลินสวินสาวเท้าขึ้นไปทีละขั้นเช่นนี้ ทุกครั้งที่เคราะห์สังหารปรากฏจากบันไดหินสีม่วง ก็จะถูกเขาโจมตีหายไปอย่างง่ายดาย

ทุกคนต่างมองออก บันไดหินยิ่งสูงขึ้น อานุภาพที่ปลดปล่อยออกมาก็ยิ่งน่าสะพรึง แต่ทั้งหมดนี้ถึงกับไม่เป็นภัยคุกคามใดๆ ต่อหลินสวินสักนิด

ไม่กี่พริบตาเงาร่างของเขาก็มาถึงขั้นที่สามสิบหกแล้ว!

แม้จะยังห่างไกลจากเจ้าแคว้นเฉิงถูที่อยู่บนบันไดขั้นเก้าสิบเก้า แต่ความเร็วในการมุ่งหน้าเช่นนี้ก็ยังคงทำให้ทุกคนนอกลานตึงเครียดอยู่ดี

กลับเห็นเจ้าแคว้นเฉิงถูสีหน้าเรียบเฉย เคาะคทาม่วงสมประสงค์ในมือลงบนพื้นเบาๆ

ตูม!

ด้านหลังหลินสวิน บันไดหินเป็นขั้นๆ นั้นพลันอันตรธานหายไปทันที

และเบื้องหน้าหลินสวินก็มีบันไดหินเพิ่มขึ้นมาอีกสามสิบห้าขั้น

ไม่ทันไรบันไดหินขั้นที่สามสิบหกที่เขายืนอยู่ กลับกลายเป็นขั้นแรกไปแล้ว

การเปลี่ยนแปลงแสนพิศวงนี้ทำให้พวกสิงเจี้ยนสยาต่างอึ้งไป มีอย่างนี้ด้วยหรือ

ในฝั่งศัตรูพวกอิงเทียนเซิงล้วนคึกคักขึ้นมา

“บันไดสวรรค์มหามรรค เยี่ยมนัก!”

“เมื่อเป็นเช่นนี้ นอกเสียจากพลังของเจ้าแคว้นเฉิงถูจะถูกผลาญเกลี้ยง หาไม่หลินสวินก็อย่าหวังจะเข้าใกล้เลย!”

…ทุกคนต่างวิพากษ์วิจารณ์ สีหน้าล้วนเผยแววดีใจเสี้ยวหนึ่ง

กลับเห็นว่าเวลานี้จู่ๆ หลินสวินก็ถอยหลังหนึ่งก้าว ออกห่างจากบันไดสวรรค์มหามรรคนั้นแล้วกล่าวว่า “เดิมยังอยากลองดูสักหน่อยว่าบันไดสวรรค์มหามรรคนี่จะซ่อนนัยเร้นลับระดับไหนกันแน่ แต่ตอนนี้ดูท่า ก็แค่วิชาป้องกันที่เหมือนกระดองเต่าอย่างหนึ่งเท่านั้น”

สีหน้าเยือกเย็นคล้ายผิดหวังเล็กน้อย

เจ้าแคว้นเฉิงถูสีหน้าไม่ทุกข์ไม่สุข กล่าวว่า “ตามความเห็นข้า วิชามรรคทั่วหล้านี้ ขอเพียงสามารถยืนอยู่ในจุดที่ไร้พ่ายในการต่อสู้ได้ ก็เป็นอภินิหารแข็งแกร่งที่สุดในโลกแล้ว”

เขาเว้นช่วงไป ปรายตามองหลินสวินที่อยู่ด้านล่างบันไดหินเก้าสิบเก้าขั้น “อย่างน้อยตอนนี้สหายยุทธ์หลินก็ดูเหมือนจะทำอะไรไม่ถูกแล้ว”

หลินสวินเลิกคิ้วเบาๆ ยิ้มออกมา “ในสามหมัด ต้องทำลายกระดองเต่าของเจ้าได้!”

ขณะพูดแขนเสื้อเขาพลิกกระพือ ชูหมัดซัดออกไป

เรียบง่ายแผ่วเบา ไร้รูปไร้สาร ไร้สีไร้ลักษณ์ ไม่มีอานุภาพใดๆ กระเซ็นออกมา

แต่เมื่อหมัดนี้ปล่อยออกไป

ปึง! ปึง! ปึง!

บันไดหินสีม่วงเป็นขั้นๆ นั่นก็แตกระเบิดกระจุยจากจุดเริ่มต้น ลุกลามขึ้นด้านบนตลอดทาง ประดุจประทัดที่ลุกไหม้อย่างไรอย่างนั้น สาดละอองแสงประกายหมอกสีม่วงปั่นป่วน

อานุภาพของหมัดนี้ยังไม่ทันหมดสิ้น หลินสวินก็ปล่อยหมัดที่สองออกมาอีก

ตูม!

หมัดนี้เผด็จการและแข็งแกร่งกว่าก่อนหน้านี้ ส่วนที่เหลือของบันไดสวรรค์มหามรรคทั้งหมดล้วนสั่นโคลงรุนแรง ปรากฏรอยแยกมากมายราวใยแมงมุม

เจ้าแคว้นเฉิงถูที่นั่งขัดสมาธิหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย พลันสูดหน้าใจลึก กระทุ้งคทาม่วงสมประสงค์ในมือลงพื้นอย่างแรง

ตึง!

พลังกฎระเบียบที่โหมคลั่งปรากฏ ก็เห็นบันไดหินสีม่วงที่ถูกทำลายพังยับเยินเริ่มก่อตัวแผ่ออกไปอีกครั้ง เสมือนฟื้นคืนชีพจากความตาย

และเวลานี้หลินสวินปล่อยหมัดที่สามแล้ว

หมัดนี้ราวความไร้รูปแห่งแรกกำเนิด ดุจไร้ขอบเขตแห่งหุบเหว ดั่งไร้นามแห่งมหามรรค!

หมัดนี้ผสานด้วยอานุภาพแห่งนัยเร้นลับนิพพาน

และยามเมื่อหมัดนี้ซัดออกไป

ตูม!

พลังกฎระเบียบที่ปกคลุมบนบันไดหินสีม่วงเก้าสิบเก้าขั้นล้วนถูกกดทับพังทลาย แหลกกระจุยราบคาบ และบันไดสวรรค์มหามรรคที่เรียกได้ว่าเป็นยอดอภินิหารแข็งแกร่งที่สุดของเจ้าแคว้นเฉิงถูก็ระเบิดแหลกกระจุยตามไปในพริบตาด้วย

ล้วนเพราะถูกหมัดเดียวซัดกระจุย!

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท