ตอนที่ 3127 ด่าใคร

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอนที่ 3127 ด่าใคร

ชายชราชุดผ้าป่านเป็นพวกที่เคยข้ามเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพห้าครั้งคนหนึ่ง

แม้ว่าพลังต่อสู้ของเขาจะด้อยกว่าจอมมารหูยงอยู่บ้าง แต่ก็ต่างกันไม่เท่าไร

แน่นอนว่าย่อมไม่อาจเทียบได้กับคนชั้นปลายยอดอย่างพวกลู่จงเยียน เจ้าแคว้นเฉิงถู

ดังนั้นผู้คนรู้ผลแต่แรกว่าการต่อสู้นี้เขาต้องแพ้แน่ แค่รอดูว่าเขาจะยืนหยัดได้นานแค่ไหน และสามารถสูบพลังต่อสู้ของหลินสวินไปได้เท่าไร

แต่ใครก็ไม่คาดคิด เพียงการโจมตีเดียวเท่านั้นชายชราชุดผ้าป่านก็แพ้แล้ว!

นี่ก็แพ้เร็วเกินไปแล้ว ทำให้ผู้คนยังเกือบไม่กล้าเชื่อ

บนด่านนภาห้าธาตุพวกสิงเจี้ยนสยาก็อึ้งไปเช่นกัน จากนั้นก็ยิ้มหยันขึ้นมา

เจ้าเฒ่าคนนี้ ก่อนหน้านี้ยังผดุงธรรมเคร่งครัด พูดจาโอบอ้อม แต่… ออกจะเปราะบางเกินไป

“รู้สึกอย่างไรบ้าง” หลินสวินถาม

พลังจิตของชายชราชุดผ้าป่านที่ถูกเขากำไว้ในฝ่ามือล้วนเหมือนสับสนไปหมด พักใหญ่กว่าจะแผดเสียงกล่าว “ข้าบอกแล้ว สุดท้ายเจ้าต้องถูกฆ่าตาย! แม้จะถูกเจ้าเอาชนะแล้วจะควรค่าให้เอ่ยถึงอย่างไร”

“เยี่ยม!”

จู๋เทียนจวินอดแซ่ซ้องให้เขาไม่ได้

สัตว์ประหลาดเฒ่าคนอื่นๆ ในที่นี้ก็ลอบพยักหน้าเช่นกัน นี่จึงจะเรียกว่าตัวแพ้ใจไม่แพ้

“แต่รากฐานมหามรรคของเจ้ากลับจะบาดเจ็บรุนแรงไม่อาจซ่อมแซมได้”

หลินสวินกล่าว

ประโยคเดียวทำเอาชายชราชุดผ้าป่านหน้าเปลี่ยนสีไปมา ในสมองนึกถึงภาพฆ่าตัวตายยอมแพ้ของเจ้าแคว้นเฉิงถูขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว

“อีกอย่างเจ้าก็ฆ่าตัวตายไม่ทันแล้ว”

ประโยคกล่าวเสริมของหลินสวินทำเอาพลังจิตชายชราชุดผ้าป่านล้วนรู้สึกพังทลาย

ปึง!

ครู่ต่อมาพลังน่าสะพรึงรวบตวัดออกจากนิ้วมือของหลินสวิน เสมือนกระบี่คมไร้ทัดเทียมสายหนึ่งเจาะทะลวงพลังจิตของชายชราชุดผ้าป่านอย่างรุนแรง

เมื่อเห็นพลังจิตของเขาเจียนจะแตกระเบิด คลื่นพลังกฎระเบียบแสนคุ้นเคยนั่นไหลหลั่ง ช่วยชีวิตชายชราชุดผ้าป่านออกไป

การต่อสู้ปิดฉากลง

เพียงแต่สีหน้าของพวกเจียงหมิงสุ่ยล้วนไม่น่ามองอย่างมาก

การต่อสู้นี้ชายชราชุดผ้าป่านแพ้เร็วเกินไป ยังสูบพลังต่อสู้ของหลินสวินได้เพียงน้อยนิด กลับกันตัวชายชราชุดผ้าป่านกลับรากฐานมหามรรคเสียหายเพราะเหตุนี้ ค่าตอบแทนนี้… ออกจะใหญ่เกินไป!

“เจียงหมิงสุ่ย ตาคนของพวกเจ้าลงสนามแล้ว”

จู๋เทียนจวินเอ่ยเตือน

เจียงหมิงสุ่ยแค่นเสียงเย็น “ไยต้องเตือน”

เขากวาดสายตามองทุกคนข้างตัว สีหน้าสัตว์ประหลาดเฒ่าเหล่านั้นล้วนแข็งทื่อขึ้นมา หากเป็นไปได้พวกเขาย่อมไม่ยินดีไปต่อสู้กับหลินสวิน

“เหล่ากวน เจ้าไป”

เจียงหมิงสุ่ยกล่าว

ผู้ถูกขานนามเป็นชายรูปร่างกำยำคนหนึ่ง มุมปากเขากระตุกน้อยๆ แต่ยังฝืนใจตอบรับ

วู้ม!

ไม่นานลานประลองแพ้ชนะก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง

และผู้ลงสนามรับคำท้ายังคงเป็นหลินสวิน

การต่อสู้ปะทุขึ้น แต่เพียงครู่เดียวชายร่างกำยำที่มีความแข็งแกร่งไม่ด้อยกว่าจอมมารหูยงคนนี้ก็ถูกหลินสวินเอาชนะ

สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ผิดคาดสักนิด

ที่ทำให้คนแปลกใจจริงๆ คือชายร่างกำยำเลือก ‘ฆ่าตัวตายยอมแพ้’ เช่นเดียวกับเจ้าแคว้นเฉิงถูในตอนสุดท้ายยามพ่ายแพ้…

นี่ย่อมเรียกเสียงหัวเราะจากพวกสิงเจี้ยนสยา

และแม้ว่าสีหน้าพวกเจียงหมิงสุ่ย อิงเทียนเซิงจะไม่น่ามอง แต่ตอนนี้พวกเขาก็ไม่อาจไม่ยอมรับว่า วิธีฆ่าตัวตายขอยอมแพ้เช่นนี้ย่อมดีกว่าถูกหลินสวินทำลายรากฐานมหามรรคเป็นไหนๆ…

“จักรพรรดิเทพข่งอวี่ ตาพวกเจ้าแล้ว”

เจียงหมิงสุ่ยเอ่ยปาก

“พี่เจวี้ยนอัน การต่อสู้นี้ยกให้เจ้าแล้วกัน”

จักรพรรดิเทพข่งอวี่เบนสายตามองชายชุดเหลืองคนหนึ่ง

คนผู้นี้นามเจวี้ยนอัน เป็นบุคคลชั้นปลายยอดที่เคยข้ามเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพหกครั้ง พลังต่อสู้สามารถเทียบรัศมีกับลู่จงเยียนได้

แต่เมื่อเขาลงสนาม เพียงครู่เดียวก็ถูกหลินสวินเอาชนะเช่นเคย

หนำซ้ำเจวี้ยนอันยิ่งเด็ดขาดกว่า เมื่อเห็นร่างกายถูกทำลาย เขาก็ฆ่าตัวตายขอยอมแพ้ในทันที…

ก่อนหน้านี้ผู้คนยังคิดว่าวิธีนี้น่าอับอายขายหน้า

แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าพวกสัตว์ประหลาดเฒ่าในที่นี้จะค่อยๆ ยอมรับเรื่องนี้แล้ว

“อิงเทียนเซิง ตาพวกเจ้าแล้ว”

ในเวลาถัดมาสัตว์ประหลาดเฒ่าคนแล้วคนเล่าลงสนาม ไม่ว่ายินยอมหรือไม่ ทันทีที่เหยียบลานประลองแพ้ชนะพวกเขาล้วนสู้สุดแรงเกิด ออกโจมตีเต็มกำลัง

ยื่นหัวหดหัวล้วนก็จบแบบเดียวกัน มีหรือจะยังไม่ทุ่มสุดกำลัง

และที่รับคำท้าเป็นหลินสวินโดยตลอด

ผู้ที่ได้ชัยชนะทุกครั้งก็เป็นหลินสวินเช่นกัน

ที่น่าขันที่สุดคือสัตว์ประหลาดเฒ่าที่พ่ายแพ้แต่ละคนล้วนเลือกวิธีฆ่าตัวตายยอมแพ้ ไปจากลานประลองแพ้ชนะในทันทีโดยไม่ได้นัดหมาย…

ทั้งหมดนี้ก็เหมือนแรงโจมตีหนาหนักสะสมครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้สีหน้าพวกเจียงหมิงสุ่ย อิงเทียนเซิงล้วนอึมครึมถึงขีดสุด

ถึงขั้นเจือแววร้อนรนอยู่รำไร

เนื่องจากการต่อสู้ดำเนินมาถึงตอนนี้ ว่ากันตามหลักต้องผลาญพลังกายของหลินสวินไปมหาศาลจึงจะถูก

แต่หลินสวินกลับแข็งแกร่งอย่างเห็นได้ชัดมาตลอด ไม่เคยปรากฏร่องรอยอ่อนกำลังสักเสี้ยว!

กอปรกับพวกสิงเจี้ยนสยา ฟู่หนานหลียังไม่ได้ลงสนาม

นี่ก็หมายความว่าต่อให้หลินสวินหมดแรง ก็สามารถให้คนอื่นเปลี่ยนมาลงสนามต่อสู้แทนได้

นี่จะไม่ให้พวกเจียงหมิงสุ่ยร้อนรนได้อย่างไร

ไกลออกไป เมื่อเวลาเคลื่อนคล้อยจำนวนผู้ชมการต่อสู้ก็เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน

สัตว์ประหลาดเฒ่าไม่น้อยล้วนมาตามข่าว

ในนั้นไม่ขาดพวกที่มองหลินสวินเป็นศัตรูส่วนหนึ่ง แต่ยามเห็นภาพที่เกิดขึ้นหน้าด่านนภาห้าธาตุ ทำให้ในใจพวกเขาหนักอึ้งไร้ใดเปรียบเช่นกัน มีหรือจะผลุนผลันเข้าไป

ต่อให้ก้าวเข้าไปก็ย่อมทำได้เพียงเข้าแถวเวียนต่อสู้เหมือนพวกอิงเทียนเซิงเป็นแน่ หากมีโอกาสคว้าชัยยังพอทำเนา

แต่สิ่งสำคัญคือ ตอนนี้โอกาสเช่นนี้ยังไม่เคยปรากฏ!

ไม่เห็นหรือว่าผู้แข็งแกร่งที่รวมตัวกันจากขุมอำนาจต่างๆ อย่างพวกอิงเทียนเซิงมีมากมายปานใด ทว่าจนบัดนี้กลับไม่มีใครเป็นคู่ต่อสู้ของหลินสวินสักคน!

แน่นอน ผู้คนก็มองออกว่ายักษ์ใหญ่อย่างอิงเทียนเซิง เจียงหมิงสุ่ยยังไม่ได้ลงมือ

ทว่ากระทั่งพวกเขายังไม่ลงมือ มีหรือพวกเฒ่าชราที่เพิ่งเร่งรุดมาเหล่านั้นจะโง่จนเริ่มลงมือก่อน

“หลินสวินนี่ออกจะแข็งแกร่งเกินไปแล้ว”

คนไม่รู้เท่าไรสะท้านสะเทือน

“จากที่ข้าดู ในระดับปลายยอด ยักษ์ใหญ่อย่างพวกอิงเทียนเซิง เจียงหมิงสุ่ย จอมเทพหวงหลง จักรพรรดิเทพข่งอวี่ เกรงว่ายังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลินสวินด้วยซ้ำ…”

มีคนวิเคราะห์อย่างใจเย็น ได้ข้อเท็จจริงที่ทำให้คนใจสะท้านอย่างหนึ่ง

นั่นก็คือหลินสวินที่เพิ่งแจ้งมรรคขั้นไร้ขอบเขต มีศักยภาพคุกคามเหล่ายักษ์ใหญ่พวกนั้นได้แล้ว!

และในโลกบัวชะตาแห่งนี้ ผู้ที่มีอานุภาพระดับนี้ก็มีเพียงสิบกว่าคนเท่านั้น! อย่างซู่หวั่นจวิน ตู้เฟิงจากยุคธรรม เวิงซิงไห่จากยุคพ่อมดเป็นต้น

“หากครั้งนี้หลินสวินไม่ตาย เกรงว่าภายหน้าพวกที่มองคีรีดวงกมลเป็นศัตรูเหล่านั้นต้องประสบเคราะห์แน่แท้…”

มีคนพึมพำ

ตูม!

หน้าด่านนภาห้าธาตุ บนลานประลองแพ้ชนะมีสัตว์ประหลาดเฒ่าอีกคนถูกเอาชนะและฆ่าตัวตายยอมแพ้

นั่นเป็นคนที่สิบเจ็ดที่ถูกหลินสวินเอาชนะ!

ในกาลเวลาที่ผ่านมายังไม่เคยเกิดการเวียนต่อสู้ที่สยองติดตาน่าตกใจเช่นนี้มาก่อน

สัตว์ประหลาดเฒ่าที่ทรงอิทธิพลนานหลายปี แต่ละคนกลับพ่ายแพ้ตามๆ กัน…

และผู้ที่เอาชนะพวกเขากลับเป็นเจ้าหนุ่มที่เพิ่งแจ้งมรรคขั้นไร้ขอบเขตคนหนึ่ง!

ทั้งหมดนี้ย่อมเป็นแรงโจมตีหนักหน่วงสุดขีดสำหรับพวกเจียงหมิงสุ่ย อิงเทียนเซิง

ทว่าเป็นเวลานนี้เอง จอมเทพหวงหลงก้าวออกมา กล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย “เจ้าหมอนี่จองหองเกินไป ให้ข้าดับเพลิงโอหังของเขาแล้วกัน!”

เขาสวมชุดเขียว สะพายกระบี่โบราณลายสน ท่วงท่าละโลกีย์

“เช่นนั้นก็ลำบากสหายยุทธ์แล้ว”

เจียงหมิงสุ่ยถอนหายใจโล่งอก ส่วนสัตว์ประหลาดเฒ่าคนอื่นๆ ในที่นี้ก็ดูเหมือนผ่อนคลายลงไม่น้อยเช่นกัน

จอมเทพหวงหลงเป็นผู้ยิ่งใหญ่น่าสะพรึงที่ท่องมาเก้ายุคสมัยในทะเลโชคชะตา เทียบกับพวกเจียงหมิงสุ่ย อิงเทียนเซิง คุณวุฒิและรากฐานของเขายังแข็งแกร่งกว่าอยู่บ้าง

นอกจากนี้พวกเจียงหมิงสุ่ย อิงเทียนเซิงล้วนคาดเดาได้ว่าหลังผ่านการต่อสู้สิบเจ็ดครั้ง พลังของหลินสวินต้องเหือดหายไปมากเป็นแน่

แม้จะยังไม่ใช่ตะเกียงหมดน้ำมัน แต่ขอเพียงมียักษ์ใหญ่ระดับจอมเทพหวงหลงลงมือ ย่อมสามารถครองความได้เปรียบในการต่อสู้ได้แน่!

ถึงอย่างไรคนหนึ่งอยู่ในสภาพสมบูรณ์สูงสุด อีกคนกลับผ่านการต่อสู้ฟาดฟันมาหลายครั้ง ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะมีพลังอานุภาพสมบูรณ์แน่นอน

และเมื่อเห็นภาพนี้พวกสิงเจี้ยนสยาล้วนหน้าเปลี่ยนสีน้อยๆ

“ให้ข้าไปเอง”

สวินเต้าเยี่ยนเอ่ยปากทันที “สหายน้อยหลิน เจ้าพักผ่อนให้เต็มที่สักหน่อยเถอะ”

“ข้าก็ได้”

จอมเทพหลิงหลงกล่าว

ในหมู่พวกเขา พลังต่อสู้ของสิงเจี้ยนสยา ฟู่หนานหลีล้วนเทียบเท่าจอมมารหูยง แต่เมื่อเทียบกับจอมเทพหวงหลงยังด้อยกว่าหนึ่งช่วง

แต่สวินเต้าเยี่ยนและจอมเทพหลิงหลงกลับต่างออกไป พวกเขาสามารถเทียบชั้นอิงเทียนเซิง เจียงหมิงสุ่ย เทียบกับจอมเทพหวงหลงก็ด้อยกว่าเพียงเล็กน้อย แต่ความต่างกลับไม่มากนัก

นับประสาอะไรกับนี่คือการตัดสินแพ้ชนะ ต่อให้แพ้ก็ไม่เป็นอะไร

“สวินเต้าเยี่ยน หากพวกเจ้ากล้าลงมือ วันหน้าพวกข้าต้องกำจัดพวกเจ้าแน่!”

อิงเทียนเซิงเอ่ยเสียงเย็นเยียบ

“อย่าลืมสิ เจ้าสวินเต้าเยี่ยนกับจอมเทพหลิงหลงล้วนเป็นพวกตัวคนเดียว หากจะเดินทางผิดไปกับเจ้าหลินสวินนี่ สิ่งที่รอพวกเจ้ามีแต่ความตาย!”

เจียงหมิงสุ่ย จู๋เทียนจวินล้วนเอ่ยปากข่มขู่เช่นกัน

ใครก็ไม่อยากให้ยามจอมเทพหวงหลงลงสนาม คู่ต่อสู้กลับกลายเป็นคนอื่น

สวินเต้าเยี่ยนยิ้มเย็น “หากกลัวการข่มขู่ มีหรือข้าจะเข้ามาพัวพันในคลื่นลมครั้งนี้”

“พวกเขามีท่าทีเช่นนี้ ไม่มีอะไรมากไปกว่ากังวลว่าพวกเราลงสนามทำให้สหายน้อยหลินมีเวลาฟื้นฟูพลังกาย”

จอมเทพหลิงหลงก็เอ่ยปากเย็นชาเช่นกัน

“หลินสวิน เจ้ากล้าสู้กับข้าหรือไม่”

จอมเทพหวงหลงเบนสายตามองหลินสวินตรงๆ เอ่ยปากท้าทาย

นี่เป็นวิธียั่วยุที่ง่ายที่สุด

ในความคิดของทุกคน หลินสวินไม่มีทางติดกับสักนิด

แต่หลินสวินดันพยักหน้ายิ้มๆ “ได้สิ กำลังรอปลาตัวใหญ่อย่างเจ้าอยู่เลย”

ทั่วลานล้วนอึ้งงัน ตั้งรับไม่ทัน

แม้แต่ตัวจอมเทพหวงหลงเองยังแปลกใจในทันที เจ้าหมอนี่… ตอบรับง่ายๆ เช่นนี้เลยหรือ

“สหายน้อยหลิน อย่าฝืนเด็ดขาด แม้ว่านี่เป็นเพียงการตัดสินแพ้ชนะ แต่ทันทีที่เจ้าได้รับบาดเจ็บสาหัส ด่านนภาห้าธาตุนี้ต้องรักษาไม่อยู่แน่!”

สวินเต้าเยี่ยนสีหน้าขึงขัง

คนอื่นๆ ต่างก็เอ่ยปากเตือน

หลินสวินสื่อจิตกล่าว ‘ผู้อาวุโสทุกท่านวางใจได้ ก่อนหน้านั้นล้วนเป็นเพียงอาหารเรียกน้ำย่อย ตอนนี้ไม่ง่ายกว่าจะจับปลาตัวใหญ่ได้ มีหรือจะปล่อยให้เขาหนีไป’

พวกสิงเจี้ยนสยาล้วนอึ้งไป ฟังจากความหมาย หลินสวินถึงกับรอคอยโอกาสเช่นนี้มาตลอดหรือ

“เจ้าแน่ใจหรือ”

จอมเทพหวงหลงอดถามไม่ได้ เขาสงสัยยิ่งว่าหลินสวินวางกับดักไว้

“หากไม่ให้เฒ่าชราเช่นเจ้าคว้าข้อได้เปรียบนี้ เกรงว่าเจ้าคงไม่มีทางลงมือ ในเมื่อเป็นเช่นนี้เหตุใดข้าต้องเปลี่ยนใจเล่า”

หลินสวินกล่าวถึงตรงนี้แล้วพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “สำหรับข้า เก็บเฒ่าชราอย่างเจ้าจึงจะน่าสนใจที่สุด พวกคนก่อนหน้านี้… ล้วนยังดูไม่ได้จริงๆ”

ประโยคเดียวเห็นชัดว่าเหยียดหยันอหังการถึงขีดสุด ยิ่งทำให้พวกเฒ่าชราที่พ่ายแพ้ใต้น้ำมือเขาก่อนหน้านี้อัปยศอดสู

ทว่าจอมเทพหวงหลงกลับผ่อนคลายลง กล่าวว่า “อาศัยแค่ความกล้านี้ของเจ้า อีกเดี๋ยวยามประลองข้าจะทำให้เจ้าพ่ายแพ้ศิโรราบ!”

หลินสวินยิ้มกว้าง “ขอเพียงถึงตอนนั้นเจ้าอย่าฆ่าตัวตายยอมแพ้ก็พอ”

ประโยคเดียวทำเอาจอมเทพหวงหลงโกรธจัดจนเปลี่ยนเป็นหัวเราะอย่างอดไม่ได้ “ข้าไม่ใช่พวกตัดช่องน้อยแต่พอตัว ไม่มีทางทำเรื่องอับอายขายหน้าเช่นนั้นเด็ดขาด!”

คำพูดนี้หนักแน่นทรงพลัง องอาจก้องกำทวน

แต่พวกเฒ่าชราที่ฆ่าตัวตายยอมแพ้ใต้มือหลินสวินเหล่านั้น แต่ละคนกลับสีหน้าไม่น่าดูขึ้นมา อะไรเรียกว่าตัดช่องน้อยแต่พอตัว อะไรเรียกว่าอับอายขายหน้า

เจ้าจอมเทพหวงหลงด่าใคร

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท