ตอนที่ 3130 เกิดคลื่นลม

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอนที่ 3130 เกิดคลื่นลม

จอมเทพหวงหลงเกิดความเจ็บปวดรุนแรงระลอกหนึ่งในพลังจิต ส่งเสียงอึดอัดรุนแรงออกมาอย่างอดไม่อยู่

ก็ในตอนที่เขากำลังจะยืนหยัดไม่ไหว พลังกฎระเบียบปรากฏขึ้นในลานประลองแพ้ชนะ ดึงเขากลับมาจากปากเหวแห่งความเป็นความตาย

ฮูม…

แสงวิญญาณไหลเวียน พลังจิตของจอมเทพหวงหลงปรากฏขึ้นนอกลาน คนใหญ่คนโตที่อยู่ข้างกายจำนวนหนึ่งเข้าไปช่วยเขาทันที

“เป็นไปได้อย่างไร ระ… รากฐานมหามรรคของข้าถูกทำลายลงเกินครึ่ง!!”

จอมเทพหวงหลงตะโกนกราดเกรี้ยว

บรรดาคนที่อยู่ใกล้เคียงต่างหนาวสะท้านด้วยความกลัว

รากฐานมหามรรคเสียหายรุนแรงเช่นนี้ ต่อให้มีความหวังว่าจะฟื้นฟูกลับมาเกรงว่ายังต้องใช้ความพยายามไม่รู้กี่ปี!

ส่วนเงาร่างของหลินสวินกลับไปที่ด่านนภาห้าธาตุแล้ว เมื่อเห็นท่าทางทรมานของจอมเทพหวงหลงที่อยู่ไกลออกไปก็แค่นหัวเราะอย่างอดไม่อยู่ “พูดไว้ดิบดีว่าจะทำให้ข้าแพ้อย่างศิโรราบทั้งกายใจ ตอนนี้รากฐานมหามรรคของตนเสียหายรุนแรงก็ทรมานถึงขั้นนี้แล้วหรือ”

“วันหน้าข้าจะฆ่าเจ้าให้ได้!”

จอมเทพหวงหลงตาแดงก่ำขู่คำราม

สำหรับคนอย่างเขา ได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้ก็ไม่มีโอกาสไปชิงโอกาสไปแหล่งสถานอัศจรรย์สักนิดแล้ว

“ทำไมต้องรอวันหน้า ตอนนี้เจ้าเลือกประลองตัดสินเป็นตาย พวกเราสู้กันอีกครั้งก็พอ”

หลินสวินยิ้มเอ่ย

จอมเทพหวงหลงโมโหจนแทบคลั่งแล้ว ขณะกำลังจะพูดอะไรก็ถูกเหล่าคนที่อยู่ข้างๆ รั้งไว้

เวลานี้แล้วต่อให้พูดจาโมโหแค่ไหนจะมีประโยชน์อะไรอีก

“พวกเราไป!”

อิงเทียนเซิงสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง พาเหล่าคนที่อยู่ข้างกายจากไป

ก่อนหน้านี้พวกเขาต่างตกลงใจแล้วว่าจะถอยหนี สาเหตุที่รอถึงตอนนี้ก็เพราะกังวลว่าหากจอมเทพหวงหลงถูกทิ้งให้โดดเดี่ยวจะถูกหลินสวินถือโอกาสโจมตี

ไม่นานนักพวกเจียงหมิงสุ่ย จู๋เทียนจวิน และจักรพรรดิเทพข่งอวี่ต่างก็ตามไปด้วย

ตั้งแต่ต้นจนจบ สัตว์ประหลาดเฒ่าเหล่านี้ต่างสีหน้าอึมครึม ไม่ปริปากสักคำ

กระทั่งเงาร่างของพวกเขาหายลับไป หน้าด่านนภาห้าธาตุแห่งนี้ก็เปลี่ยนเป็นว่างเปล่าทันที

ด้านผู้ชมการต่อสู้ที่อยู่ไกลออกไปต่างไม่ได้เข้าประชิดอย่างรู้กาลเทศะ

ได้เห็นศึกใหญ่ครั้งแล้วครั้งเล่าก่อนหน้านี้ จะไม่ทำให้พวกเขารู้ได้อย่างไรว่าตั้งแต่วันนี้ ที่นี่มีหลินสวินบัญชาการอยู่ก็แทบจะถูกสั่นคลอนได้ยากแล้ว!

“ไปเถอะ ไม่มีโอกาสแล้ว”

สัตว์ประหลาดเฒ่าจำนวนหนึ่งยิ่งส่ายหน้า เลือกจากไป

“เรื่องในวันนี้เกรงว่าจะสร้างความครึกโครมให้กับโลกบัวชะตาอีกแล้ว…”

มีคนพึมพำ

วันนี้ห้าขุมอำนาจที่นำโดยอิงเทียนเซิง เจียงหมิงสุ่ย จู๋เทียนจวิน จอมเทพหวงหลง และจักรพรรดิเทพข่งอวี่ รวบรวมสัตว์ประหลาดเฒ่าเกือบห้าสิบคนวางกระบวนสังหารชั้นยอด โดยพุ่งเป้าไปยังหลินสวินที่หน้าด่านนภาห้าธาตุแห่งนี้

แต่เมื่อหลินสวินปรากฎตัว ทั้งหมดนี้ต่างถูกทำลายและต้องหันกลับไป!

เริ่มจากหลินสวินสำแดงสามพันร่างแยก ทำลายกระบวนสังหารชั้นแล้วชั้นเล่า ช่วยพวกจอมมรรคซานเฟิงออกมา จากนั้นถือโอกาสครองด่านนภาห้าธาตุ!

ต่อมาหลังจากประลอง ‘ตัดสินแพ้ชนะ’ สิบแปดครั้ง เหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่าอย่างลู่จงเยียน เจ้าแคว้นเฉิงถูออกโรงตามๆ กัน แต่กลับพ่ายแพ้ย่อยยับด้วยน้ำมือหลินสวิน!

โดยเฉพาะการพ่ายแพ้ของจอมเทพหวงหลง ได้สลายปณิธานต่อสู้ของเหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่าจากห้าขุมอำนาจ ต้องเลือกถอยหนีออกไปพร้อมความแค้น

และสำหรับหลินสวิน เขาที่ชนะสิบแปดศึกรวดได้สร้างปาฏิหาริย์ตระการตาครั้งหนึ่งหน้าด่านนภาห้าธาตุในวันนี้อย่างไม่ต้องสงสัย!

ตั้งแต่อดีตจนบัดนี้ ไม่มีใครแจ้งมรรคขั้นไร้ขอบเขตที่ทะเลโชคชะตาได้

แต่หลินสวินทำได้

ตั้งแต่อดีตจนบัดนี้ ไม่มีใครชนะสิบแปดครั้งรวดในการประลองตัดสินแพ้ชนะ

แต่หลินสวินกลับทำได้เช่นเดียวกัน!

ตั้งแต่อดีตจนบัดนี้ ยิ่งไม่มีคนที่เพิ่งแจ้งมรรคขั้นไร้ขอบเขตแล้วมีพลังต่อสู้เย้ยฟ้าได้อย่างหลินสวินสักคน!

เพียงคิดก็รู้ว่าเมื่อข่าวเช่นนี้แพร่ออกไปจะทำให้เกิดคลื่นลมใหญ่โตได้ปานไหน!

……

ดังคาด

ก็ในวันนี้เอง เรื่องที่เกิดขึ้นหน้าด่านนภาห้าธาตุแห่งนี้กระจายออกไปเหมือนลมกรรโชก ทำให้โลกบัวชะตาตกอยู่ในความปั่นป่วนอย่างไม่เคยมีมาก่อน!

“เจ้าหมอนี่ครองความได้เปรียบแล้ว หมายจะฆ่าเขาก็ยากนัก”

ผู้นำยุคธรรมตู้เฟิงได้ข่าวก็ถอนใจยาวๆ ออกมาอย่างอดไม่อยู่

ไม่ว่าจะในโลกบัวชะตาก่อนหน้านี้หรือว่าตอนนี้ ฝ่ายที่มีเขาเป็นผู้นำไม่ได้ออกเคลื่อนไหวไปสู้กับหลินสวิน

ไม่ใช่เพราะไม่อยาก แต่เป็นเพราะตู้เฟิงรู้ดีว่าเฒ่าชราที่อยากสังหารหลินสวินในโลกบัวชะตาแห่งนี้ต้องมีนับไม่ถ้วน

ไม่ต้องให้พวกเขาลงมือสักนิดก็ย่อมมีคนไปจัดการหลินสวิน

แต่ตู้เฟิงคิดไม่ถึงว่าพวกอิงเทียนเซิงห้าฝ่ายร่วมมือกัน กลับยังคว้าน้ำเหลวกลับมาจากด่านนภาห้าธาตุ!

สำหรับพวกตู้เฟิงแล้ว ข่าวเช่นนี้เท่ากับข่าวร้ายใหญ่เท่าฟ้าข่าวหนึ่ง

“ถ้ารู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ คงร่วมมือกับพวกอิงเทียนเซิงไปแล้ว”

ผู้ยิ่งใหญ่ยุคธรรมคนหนึ่งนิ่วหน้าเอ่ย

เขารู้เช่นกันว่าตอนนี้พูดอะไรไปล้วนสายไปแล้ว

แต่ในใจยังไม่สบอารมณ์อยู่ดี

“ต่อให้เจ้าหมอนี่เย้ยฟ้าก็ใช่ว่าจะไร้ศัตรูจริงๆ พวกเราจะเสียกระบวนไม่ได้”

ตู้เฟิงเอ่ยเสียงเบา

……

“กระทั่งจอมเทพหวงหลงยังแพ้ให้เขา หรือพลังของเขาในตอนนี้จะเหนือว่ายักษ์ใหญ่ระดับขั้นนี้ สูสีกับนางมารอย่างซู่หวั่นจวินไปแล้ว”

ฝ่ายยุคพ่อมด บรรยากาศอึดอัดหนักอึ้ง

“ไม่ถึงกับสูสี แต่อย่างน้อยก็เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในกลุ่มคนชั้นยอดของทะเลโชคชะตาแห่งนี้แล้ว”

“ใครจะคิดว่าขั้นไร้ขอบเขตขั้นต้นคนหนึ่งถึงกับแข็งแกร่งปานนี้ได้”

“เช่นนี้ดูท่าคนของลัทธิพ่อมดอย่างพวกเหลยซงคงจะถูกเจ้าหมอนี่ฆ่าไปแล้ว…”

…ผู้คนพากันพูดคุยแลกเปลี่ยน มีเพียงผู้นำยุคพ่อมดเวิงซิงไห่ที่ไม่พูดสักคำ

หลังจากที่เขารู้ข่าวก็จมอยู่ในความเงียบ ใบหน้าชราปนเปไปด้วยความรู้สึกต่างๆ

ครู่ใหญ่เมื่อไม่มีใครพูดอะไรแล้ว เวิงซิงไห่จึงเอ่ยปากเสียงต่ำว่า “เจ้าหมอนี่ต้องมาหาพวกเราแน่ ไม่ครั้งนี้ก็ครั้งหน้า พวกเรา… ต้องเตรียมตัวล่วงหน้าไว้ให้ดี!”

คำพูดเดียวสร้างความตกตะลึง ทำให้ทุกคนต่างหวาดหวั่น

……

ข่าวยังกระจายต่อไป โลกบัวชะตาในวันนี้ย่อมไม่สงบ

แต่บนด่านนภาห้าธาตุกลับมีบรรยากาศอีกแบบ

“มา ดื่มเหล้า!”

พวกสิงเจี้ยนสยานั่งขัดสมาธิ ไหสุราวางอยู่ข้างกายแต่ละคน ร่ำสุราผ่อนคลาย เริงร่าสนุกสนาน สีหน้าต่างเผยแววสุขสันต์สบายใจ

คนเรายามสุขก็ต้องสุขให้สุด!

พวกเขาต่างคิดไม่ถึงว่าหลังจากผ่านเคราะห์สังหารในวันนี้ พวกเขาจะยังสามารถยึดครองด่านนภาห้าธาตุไว้มั่น ทำให้ไม่มีศัตรูภายนอกกล้ามาล่วงล้ำอีก

“ฮ่าๆๆ จะว่าไปพวกเราต่างต้องขอบคุณสหายน้อยหลินจริงๆ ข้ากับพวกไป๋เจ๋อถึงกับไม่คาดหวังอะไรในการแก่งแย่งมหามรรคนี้แล้ว ถึงอย่างไรกลุ่มพวกเรารวมกันก็ชิงด่านนภาไม่ได้สักด่านอยู่ดี จะมีโอกาสไปชิงแท่นมรรคบัวชะตาได้อย่างไร”

จอมมรรคซานเฟิงหัวเราะตัวโยน “แต่ตอนนี้มีสหายน้อยหลิน กลับทำให้พวกเราดื่มสุราเพลิดเพลินอยู่บนด่านนภาห้าธาตุนี้ได้ นี่จะสะใจเกินไปแล้ว!”

พวกโม่ไป๋เจ๋อ มู่ฉางอวิ๋นยังหัวเราะขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่ ขนาดเซียวเหอที่ยิ่งเงียบไม่พูดจายังเผยรอยยิ้ม

เมื่อนึกถึงเรื่องวันนี้ ในใจพวกเขายังตื่นเต้นเหิมฮึกไม่หยุด

“พวกเราก็คิดไม่ถึงว่านี่เพิ่งวันแรกที่เข้ามาในโลกบัวชะตา ศัตรูพวกนั้นก็รีบร้อนจนรอไม่ได้ขนาดนี้ ยังดีที่มีสหายน้อยหลินอยู่จึงต้านทานคลื่นคลั่ง สยบเคราะห์สังหารได้!”

สิงเจี้ยนสยาเอ่ยทอดถอนใจ

หลินสวินออกจะรับไม่ไหวอยู่บ้าแล้ว

ตั้งแต่งานเลี้ยงครั้งนี้เริ่มขึ้นจนถึงตอนนี้ ผู้อาวุโสพวกนี้ก็ยกยอเขาตลอด ทำเอาหลินสวินอยากจะถ่อมตัวเสียหน่อยยังทำไม่ได้

“สหายน้อยหลิน ข้าขอคารวะเจ้า”

สวินเต้าเยี่ยนที่อยู่ด้านหนึ่งยกไหเหล้าขึ้นมา เอ่ยเสียงทรงพลัง

จอมเทพหลิงหลงก็ยิ้มยกจอกเหล้า มองหลินด้วยดวงตาคู่งาม

หลินสวินยิ้มพลางดื่มกับพวกเขา

และตั้งแต่เริ่มจนจบซย่าจื้อนั่งอยู่ข้างกายหลินสวิน สนใจเพียงกินดื่มเท่านั้น

การต่อสู้จบลงไม่นาน หลินสวินก็พาซย่าจื้อออกมาจากเรือนิรันดร์ แนะนำนางให้พวกสัตว์ประหลาดเฒ่าอย่างจอมมรรคซานเฟิงรู้จัก

เหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่าต่างมองซย่าจื้อเป็นหญิงงามผู้รู้ใจของหลินสวินตามจิตใต้สำนึก เกรงใจและเป็นมิตรกับซย่าจื้อยิ่งนัก

แต่นิสัยของซย่าจื้อเย็นชาเกินไปแล้ว มีหลินสวินอยู่ในสายตาเพียงคนเดียว ทำให้สัตว์ประหลาดเฒ่าพวกนั้นไม่ไปรบกวนซย่าจื้ออย่างรู้กาลเทศะ

กระทั่งงานเลี้ยงจบลง หลินสวินกับซย่าจื้อนั่งด้วยกันตามลำพัง เอ่ยขึ้นว่า “ตั้งแต่วันนี้ไป เจ้าก็วางใจฝึกพลังโชคชะตาที่นี่ก็พอ”

ศักยภาพที่ซย่าจื้อมีในตอนนี้พอๆ กับศักยภาพสมัยหลินสวินอยู่ขั้นล่วงกฎสัมบูรณ์

และในโลกบัวชะตาแห่งนี้มีพลังกฎระเบียบโชคชะตาที่สมบูรณ์ที่สุดกระจายอยู่ ซย่าจื้อสามารถสัมผัสและดูดซับได้ทันที

เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ทำให้นางหลอมสลายพลังที่ผนึกอยู่ในร่างนั้นได้อย่างรวดเร็วที่สุด

ควรรู้ว่าสิ่งที่ผนึกอยู่ในร่างซย่าจื้อก็คือมรรควิถีทั้งหมดของจักรพรรดิเทพรัตติกาลนิรันดร์ และเป็นไปได้สูงยิ่งว่าจักรพรรดิเทพรัตติกาลนิรันดร์จะเป็นผู้ที่เคยข้ามเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพมาเก้าครั้งแล้ว

ถ้าหลอมพลังที่ผนึกไว้นั้นได้ พลังต่อสู้ของซย่าจื้อย่อมทะยานขึ้นอย่างก้าวกระโดด!

“อืม”

ซย่าจื้อพยักหน้า “ตอนนี้ข้าก็อยากฝึกปราณ”

หลินสวินพลันประหลาดใจ เขาเพิ่งเคยเห็นซย่าจื้อต้องการฝึกปราณเองเช่นนี้เป็นครั้งแรก ตัวนางแต่ก่อนนอกจากกินก็คือนอน ไม่เคยสนใจฝึกปราณ…

ซย่าจื้อชำเลืองมองหลินสวิน คล้ายอ่านความคิดเขาออก เอ่ยว่า “อยู่ที่นี่ข้าสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายกฎระเบียบโชคชะตาที่สมบูรณ์หนาหนักยิ่งกว่า ทำให้พลังในตัวข้ายังอยู่ไม่สุข นี่เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน”

หลินสวินพลันเผยสีหน้าครุ่นคิด

หรือว่าในบริเวณที่เก้าด่านนภาตั้งอยู่ จะเป็นบริเวณที่มีพลังต้นกำเนิดแกนกลางสำคัญของกฎระเบียบโชคชะตา

ก็เห็นว่าซย่าจื้อนั่งขัดสมาธิแล้ว นางยื่นมือขาวสะอาดหมดจดทั้งสองออกมาเทินขึ้นกลางอากาศ ดวงตาใสกระจ่างดุจดวงดาราทั้งสองกะพริบน้อยๆ

ฮูม…

ไม่ทันไรเส้นด้ายเปล่งประกายคล้ายภาพมายาสายแล้วสายเล่าก็โรยตัวลงมาจากเวิ้งฟ้า ร่วงหล่นลงสู่มือทั้งสองของซย่าจื้อ มือขาวกระจ่างทั้งสองของนางต่างถูกปกคลุมด้วยแสงเปล่งประกายพร่ามัว อบอวลไปด้วยคลื่นพลังโชคชะตาอันลึกลับและคลุมเครือเป็นวงๆ

บริสุทธิ์หาใดเทียบ!

และเมื่อเวลาผ่านไป พลังกฎระเบียบโชคชะตาที่ลอยลงมาจากเวิ้งฟ้าก็ยิ่งมากขึ้น ปกคลุมเงาร่างอ้อนแอ้นของซย่าจื้อนั้นจนมิด คล้ายละอองแสงงดงามขาวโพลนดุจหิมะ บริสุทธิ์และยากจับต้อง

แม้หลินสวินจะไม่ได้เห็นภาพนี้เป็นครั้งแรก แต่ในใจยังสั่นสะท้านอย่างเลี่ยงไม่ได้

กฎระเบียบโชคชะตา!

อย่างซู่หวั่นจวินนั่นเป็นผู้แข็งแกร่งน่ากลัวปานไหน เสาะหาในทะเลโชคชะตาแห่งนี้อย่างยากลำบากมานานถึงสิบสามยุคสมัย ยังหยั่งรู้ได้เพียงเศษเสี้ยวของกฎระเบียบโชคชะตา

แต่ซย่าจื้อกลับถึงขั้นสามารถสัมผัสและดูดซับพลังของกฎระเบียบโชคชะตาได้ทันที นี่ต้องเย้ยฟ้าปานไหน

ไกลออกไปเงาร่างพวกสิงเจี้ยนสยาปรากฏตัว เห็นได้ชัดว่าสัมผัสได้จึงมาตรวจสอบดูอย่างตกตะลึง

เมื่อเห็นภาพซย่าจื้อกำลังหลอมพลังกฎระเบียบโชคชะตานั้น สัตว์ประหลาดเฒ่าเหล่านี้ต่างอึ้งงันอยู่ตรงนั้น ความสั่นสะท้านอย่างบอกไม่ถูกผุดขึ้นในใจ

พวกเขาถึงรับรู้ได้ทันทีว่าก่อนหน้านี้คล้ายจะประเมินหญิงรู้ใจที่งดงามหาใดเทียบของหลินสวินผู้นี้ต่ำไปโดยสิ้นเชิง…

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท