ตอนที่ 3134 บาปที่ก่อเองมิอาจรอด

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอนที่ 3134 บาปที่ก่อเองมิอาจรอด

เมื่อเห็นภาพนี้ สัตว์ประหลาดเฒ่าไม่รู้เท่าไรต่างล้วนต้องการ

“สหายยุทธ์หลิน จะมอบยันต์สัญญาณให้ข้าสักชิ้นได้หรือไม่”

หลายคนพากันเอ่ยปาก

หลินสวินยิ้มเอ่ย “จากที่ข้าคนแซ่หลินดู ทุกท่านล้วนทำเพื่อไปชิงแท่นมรรคบัวชะตานั่น ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เหตุใดจึงเฝ้าอยู่ที่ด่านนภาสองลักษณ์แห่งนี้ด้วยกันไม่ได้”

“นี่…”

ผู้ชมการต่อสู้เหล่านั้นต่างลังเลอยู่บ้าง

พวกเขามาจากคนละฝ่าย หลายคนถึงกับยังมีความแค้นต่อกัน ถ้าต้องการให้พวกเขาร่วมมือกันก็ออกจะยากเกินไปจริงๆ

ถึงอย่างไรใครจะอยู่ที่เดียวกับศัตรูได้

แต่คำแนะนำของหลินสวินกลับทำให้พวกเขาใจเต้นเป็นอย่างยิ่งเช่นกัน

“ดังว่าคนเยอะกำลังมาก ถ้ามีโอกาสไปชิงแท่นมรรคบัวชะตา ความขัดแย้งและแค้นเคืองเล็กๆ น้อยๆ จะพักเอาไว้ก่อนก็ไม่น่ามีปัญหา”

ทันใดนั้นมีคนเอ่ยเสียงขรึม “ข้าเห็นด้วยกับคำแนะนำของสหายยุทธ์หลิน”

“ข้าก็เห็นด้วย”

ทันใดนั้นมีคนเอ่ยปากขึ้นอย่างต่อเนื่อง

จนท้ายที่สุดมีเพียงสัตว์ประหลาดเฒ่าจำนวนหนึ่งที่เงียบงันไม่แสดงท่าที

หลินสวินก็ไม่ได้ฝืนใจ เขาแค่ให้คำแนะนำเท่านั้น

ไม่นานนักหลินสวินก็จากไปพร้อมสวินเต้าเยี่ยนและจอมเทพหลิงหลง

กระทั่งเห็นเงาร่างของพวกเขาหายลับไป สัตว์ประหลาดเฒ่าที่อยู่ที่นั่นเหล่านั้นจึงลงมืออย่างเร่งด่วน พุ่งเข้าไปในด่านนภาสองลักษณ์

ด้านสัตว์ประหลาดเฒ่าที่ไม่แสดงท่าทีจำนวนหนึ่งกลับยืนอยู่ที่เดิมคล้ายกำลังสังเกตการณ์

ดังคาด ไม่ถึงครึ่งชั่วยามพวกผู้ฝึกปราณจากฝ่ายของจักรพรรดิเทพข่งอวี่กับเจียงหมิงสุ่ยที่หนีไปก่อนหน้านี้ต่างกลับมาแล้ว

“เหอะๆ ข้าก็รู้อยู่แล้วว่าเจ้าหลินสวินนี่ไม่กล้าอยู่ที่นี่นาน”

จักรพรรดิเทพข่งอวี่ยิ้มออกมา ท่าทางคาดเดาไว้แล้ว

คนอื่นต่างก็เผยสีหน้าผ่อนคลาย

“พวกเจ้ายังไม่รีบสละด่านนภาสองลักษณ์แต่โดยดีอีกหรือ”

เจียงหมิงสุ่ยดวงตาเย็นชาดุจสายฟ้า มองไปยังเงาร่างบนด่านนภาสองลักษณ์เหล่านั้น วาจามีแต่ไอสังหารและการข่มขู่ที่ไม่ปิดบังสักนิด

“ฝูงกามารวมตัวกันยังกล้ามาแตะที่นี่ ไม่รู้ดีชั่ว!”

จักรพรรดิเทพข่งอวี่ก็เอ่ยปากเย็นชา

“น่าขัน ก่อนหน้านี้ใครหนีหัวซุกหัวซุนเหมือนหมาจรจัดกัน”

บนด่านนภาสองลักษณ์ ชายชราชุดเทาผู้หนึ่งหัวเราะลั่น

“ถ้าเป็นการต่อสู้หนึ่งต่อหนึ่ง ทุกคนในนี้จะไปกลัวพวกเจ้าได้อย่างไร”

ชายสวมชุดเกราะผู้หนึ่งเอ่ยเย็นชา

เป็นอย่างที่เขาพูด พวกเขาเหล่านี้ดูเหมือนฝูงกามารวมตัว ทว่าแต่ละคนต่างเป็นเฒ่าชราที่ฝึกปราณมาไม่รู้กี่ปี

ถ้าเป็นการต่อสู้หนึ่งต่อหนึ่ง พวกเขาย่อมไม่กลัวใครในกำลังพลของขงอวี่กับเจียงหมิงสุ่ยจริงๆ

“ขงอวี่ เจียงหมิงสุ่ย ถ้าแน่จริงพวกเจ้าก็จะมาท้าสู้ชิงด่าน แต่ข้าต้องเตือนเจ้าไว้ ตอนสหายยุทธ์หลินสวินจากไปได้มอบยันต์สัญญาณไว้ให้พวกเรา พวกเราแค่ต้องบีบยันต์สัญญาณ เขาก็จะมุ่งหน้ามาทันที ถ้าพวกเจ้าไม่กลัวก็ลองดูได้!”

มีคนเอ่ยเสียงเรียบข่มขู่

เมื่อได้เห็นภาพนี้ สีหน้าจักรพรรดิเทพข่งอวี่กับเจียงหมิงสุ่ยต่างอึมครึมลง

พวกเขาคิดไม่ถึงว่าหลินสวินจะถึงกับเล่นลูกไม้แบบนี้!

ตอนนี้คิดจะชิงด่านก็ต้องท้าประลอง ไม่ว่าจะเป็นตัดสินเป็นตายหรือตัดสินแพ้ชนะ ต่างต้องต่อสู้ห้ำหั่นหลายครั้ง

และระหว่างชิงด่าน หากหลินสวินบุกมา ผลลัพธ์ก็จะร้ายแรงแล้ว

‘เจ้าสารเลวบัดซบนี่!’

จักรพรรดิเทพข่งอวี่โมโหจนลอบด่าในใจ

พวกเขาคาดเดาไว้แล้วว่าหลินสวินไม่กล้าอยู่ที่นี่นาน แต่กลับคิดไม่ถึงว่าหลินสวินจะดันร่วมมือกับเฒ่าชราในด่านนภาสองลักษณ์แห่งนี้ด้วย!

เจียงหมิงสุ่ยนิ่วหน้าเช่นกัน ความรู้สึกพ่ายแพ้รุนแรงผุดขึ้นในใจ ไม่สบอารมณ์ยิ่ง

สุดท้ายพวกเขาก็ต้องจากไปอย่างหดหู่ภายใต้สายตาเย้ยหยันที่จับจ้องมองมา

ช่วยไม่ได้ นี่เป็นทมางตันสายหนึ่ง

ขอเพียงพวกเขาไปท้าสู้ชิงด่าน หลินสวินจะต้องมุ่งหน้ามาทันทีแน่

ถึงตอนนั้นหากพวกเขาคิดหนีไปอย่างปลอดภัยแบบคราวก่อนก็เป็นไปไม่ได้แล้ว

ดังนั้นจึงทำได้เพียงออกจากที่นี่ไปคิดวางแผนอื่น

“ถ้าเรื่องวันนี้กระจายออกไป พวกเขาต้องสูญเสียทั้งฐานะและชื่อเสียง กลายเป็นตัวตลกแน่!”

บนด่านนภาสองลักษณ์ ทุกคนต่างหัวเราะอย่างอดไม่อยู่ สบายอกสบายใจ

“เช่นนั้นยังรออะไร รีบกระจายข่าวเถอะ”

มีคนทนไม่ไหวหมายจะส่งข่าวไปที่อื่นทันทีแล้ว

……

“ถือโอกาสตอนเจ้าหลินสวินนี่ไม่อยู่ ไปฆ่าพวกสิงเจี้ยนสยาก่อน!”

ไกลออกไปยามมองเห็นด่านนภาห้าธาตุ ไอสังหารเย็นเยียบอุบัติขึ้นในดวงตาของอิงเทียนเซิง

ก่อนหน้านี้พวกเขาได้ข่าวมาแล้ว ว่าหลินสวินพาสวินเต้าเยี่ยนกับจอมเทพหลิงหลงออกจากด่านนภาห้าธาตุ ตอนนี้มีแต่พวกสิงเจี้ยนสยาเฝ้าอยู่ในนั้น

และสำหรับพวกเขาแล้ว นี่เป็นโอกาสแก้แค้นชั้นเลิศอย่างไม่ต้องสงสัย

“ใช้วิธีการของเขาย้อนโจมตีตัวเขาเอง ต่อให้พลังต่อสู้ของเขาหลินสวินเย้ยฟ้าแค่ไหน เกรงว่าคงคิดไม่ถึงว่าพวกเราจะมาเร็วขนาดนี้”

จู๋เทียนจวินแค่นหัวเราะเอ่ย

คราวนี้พวกเขาสองฝ่ายร่วมมือกัน มั่นใจว่าจะจัดการด่านนภาห้าธาตุได้อย่างง่ายดาย

“รีบดูเร็ว พวกอิงเทียนเซิงจากยุคมารมาแล้ว!”

“ยังมีพวกจู๋เทียนจวินด้วย!”

…ใกล้ๆ ด่านนภาห้าธาตุ สัตว์ประหลาดเฒ่าจำนวนหนึ่งเริ่มแตกตื่น เผยสีหน้าฉงน

หลินสวินเพิ่งจากไปไม่ถึงสามชั่วยาม พวกอิงเทียนเซิง จู๋เทียนจวินก็มุ่งหน้ามาแล้ว เห็นชัดว่านี่เป็นเพราะมีคนลอบแจ้งข่าว!

“อิงเทียนเซิง จู๋เทียนจวิน พวกเจ้าถึงกับกล้าแจ้นมาหาที่ตาย บทเรียนจากความพ่ายแพ้ย่อยยับเมื่อวานยังไม่พอหรือ”

บนด่านนภาห้าธาตุ พวกสิงเจี้ยนสยา ฟู่หนานหลีก็สังเกตเห็นพวกอิงเทียนเซิงแล้ว ต่างเผยสีหน้าพิกลอย่างอดไม่อยู่

ดังคาด เฒ่าชราพวกนี้ต้องการฉวยโอกาสยามหลินสวินจากไป!

“หาที่ตายหรือ ฮ่าๆๆ เจ้าสิงเจี้ยนสยาคิดว่าอย่างพวกเจ้าจะรักษาด่านนภาห้าธาตุไว้ได้หรือ”

อิงเทียนเซิงหัวเราะลั่น แต่เสียงกลับเหี้ยมเกรียมหาใดเทียบ “ข้าจะพูดตรงๆ พวกเรามาคราวนี้ไม่ได้มาเพื่อชิงด่านสักนิด แต่มาเพื่อฆ่าสุนัขเฒ่าอย่างพวกเจ้าต่างหาก!”

“ไม่ต้องพูดพล่ามกับพวกเขา ลงมือตรงๆ ก็พอ”

จู๋เทียนจวินเอ่ยเนิบๆ จากนั้นเอ่ยกับชายชุดเงินเงาร่างผอมแห้งที่อยู่ข้างกายคนหนึ่งว่า “พี่เซียวหยวน ให้เจ้าออกโรงคนแรกเป็นอย่างไร”

“ได้”

ชายชุดเงินพยักหน้า ก้าวออกมาตรงๆ สะบัดแขนเสื้อด้วยสีหน้าเยือกเย็น

ฮูม!

ศิลาสังเวียนมหามรรคตัดสินเป็นตายส่งเสียงก้องกระหึ่ม

จากนั้นชายชุดเงินที่ถูกเรียกว่าเซียวหยวนก็ยืนไพล่หลัง เอ่ยเสียงเรียบว่า “ใครจะมาสู้กับข้า”

ทั้งที่นั้นเงียบกริบ

ผู้ชมการต่อสู้เหล่านั้นต่างสะท้านในใจ

เซียวหยวน เฒ่าดึกดำบรรพ์ที่ข้ามด่านเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพมาหกครั้งผู้หนึ่ง พลังต่อสู้ยังแข็งแกร่งกว่าซินหู จอมมารหูยงเสียอีก!

แต่เกินคาด ยามเผชิญหน้ากับการประลองตัดสินเป็นตายเช่นนี้ พวกสิงเจี้ยนสยากลับเผยสีหน้าเวทนา

“บาปที่ก่อเอง ไม่อาจรอดได้”

ฟู่หนานหลีถอนใจเบาๆ

“หึๆ หึๆๆๆๆ…”

จอมมรรคซานเฟิงหัวเราะเหมือนจิ้งจอกได้กินไก่

ภาพนี้ทำเอาเซียวหยวนอึดอัดไปหมด ยังไม่ทันรอให้เขาตอบสนอง ก็เห็นเงาร่างคุ้นเคยสายหนึ่งปรากฏตัวเหนือด่านนภาห้าธาตุ เอ่ยเรียบๆ ว่า “ข้ายังไม่เคยเห็นเจ้าคนไหนหาเหาใส่หัวได้เท่าเจ้า”

คนผู้นี้คือกายมรรคดินเหลืองของหลินสวินที่เฝ้าอยู่ที่นี่นั่นเอง!!

“หละ… หลินสวิน!?”

เซียวหยวนที่เดิมสองมือไพล่หลัง สีหน้าลำพอง ตาเบิกกว้างเหมือนถูกฟ้าผ่าทันที

“เจ้าไม่ได้ออกไปแล้วหรือ”

พวกอิงเทียนเซิง จู๋เทียนจวินต่างหน้าเปลี่ยนสี ถูกภาพนี้เล่นงานจนตั้งรับไม่ทัน

“อย่ากลัว นี่เป็นแค่ร่างแยกร่างหนึ่งของข้าคนแซ่หลิน”

กายมรรคดินเหลืองยิ้มเอ่ย

ติดกับแล้ว!

พวกอิงเทียนเซิง จู๋เทียนจวินทั้งโกรธทั้งร้อนรน

แต่ตอนนี้ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงได้แล้ว เพราะเซียวหยวนรีบร้อนเกินไป ก่อนหน้านี้เพิ่งพูดจบเขาก็ไปท้าสู้ทันที ทำให้พวกเขาคิดจะขวางยังขวางไม่ทัน

เมื่อมองดูเซียวหยวนอีกครั้ง ใบหน้าชราอึมครึมเป็นก้นหม้อ สีหน้าปนเปไปด้วยความรู้สึกต่างๆ

ไม่อาจนึกเสียใจภายหลังได้แล้ว จะขอให้ไว้ชีวิตยังทำไม่ได้

เพราะการประลองตัดสินเป็นตายต้องตัดสินเป็นหรือตาย!

ส่วนสีหน้าของผู้ชมการต่อสู้ในบริเวณนั้นต่างแปลกประหลาด เซียวหยวนนี่… รีบร้อนเกินไปจริง ยังไม่ลองหยั่งเชิงว่าจริงหรือหลอกก็บุ่มบ่ามท้าสู้ จะต่างอะไรกับรนหาที่ตาย

ฮูม…

ลานประลองเป็นตายปรากฏขึ้นกลางอากาศ

จากนั้นเงาร่างกายมรรคดินเหลืองของหลินสวินกับเซียวหยวนก็ปรากฏตัวขึ้นบนนั้น ยืนประจันหน้ากันไกลๆ

ถึงตอนนี้เซียวหยวนทุ่มสุดตัวแล้ว เอ่ยเย็นชาว่า “ข้าไม่เชื่อหรอกว่ากระทั่งร่างแยกร่างหนึ่งอย่างเจ้าจะยังเอาชนะไม่ได้!”

กายมรรคดินเหลืองของหลินสวินยิ้มน้อยๆ พูดว่า “เช่นนั้นก็ลองดู”

โครม!

การต่อสู้ปะทุขึ้นอย่างรวดเร็ว ทันทีที่เซียวหยวนลงมือก็เหมือนเอาชีวิตเข้าสู้ โคจรมรรควิถีทั้งร่างเต็มกำลัง สำแดงวิชาต่อสู้ก้นกรุของตัวเองออกมา

กระนั้นสิ่งนี้ย่อมเปลืองแรงเปล่า

เมื่อกายมรรคดินเหลืองของหลินสวินออกโจมตี สลายกระบวนท่าไม้ตายและพลังต่างๆ ของเซียวหยวนอย่างง่ายดายเหมือนทำลายไม้ผุกร่อนตลอดทาง

เพียงครู่เดียว

ปัง!

เซียวหยวนถูกฝ่ามือหนึ่งตบลงไปกับพื้น กายมรรคแตกหัก เลือดสดๆ พุ่งกระฉูด

ยังไม่ทันรอให้เขาดิ้นรนลุกขึ้นมา เท้าของหลินสวินก็กระทืบจนร่างและพลังจิตของเขาแหลกกระจุย จิตสิ้นวิญญาณสลายทันใด

ภาพการตายเช่นนั้นทำเอาพวกอิงเทียนเซิง จู๋เทียนจวินสะท้านไปทั้งตัว

ก่อนหน้านี้พวกเขามาด้วยท่าทางเหิมฮึก เดิมนึกว่าคว้าโอกาสอันหายาก อาศัยจังหวะที่อีกฝ่ายอ่อนแอเข้ามากำจัดพวกสิงเจี้ยนสยาได้ในคราวเดียว

ใครจะคิดว่ากายมรรคร่างหนึ่งของหลินสวินจะออกโรงสังหารเซียวหยวน!

ผู้ชมการต่อสู้ต่างก็ตกตะลึง ใจสั่นสะท้านไม่ว่างเว้น ทั้งยังดีใจที่ก่อนหน้านี้ตนไม่ได้ถือโอกาสไปชิงด่านนภาห้าธาตุ หาไม่แล้วผลลัพธ์ย่อมเหมือนกับเซียวหยวน

“ยังจะต่อไหม”

ลานประลองเป็นตายหายไปแล้ว กายมรรคดินเหลืองของหลินสวินกลับมาที่ด่านนภาห้าธาตุอย่างรวดเร็ว สายตามองไปยังพวกอิงเทียนเซิงซึ่งอยู่ไกลๆ

“ไป!”

อิงเทียนเซิงสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง เก็บกลั้นความโกรธในใจแล้วตัดสินใจเด็ดขาด

โอกาสบ้าบออะไร กับดักชัดๆ!

เห็นเซียวหยวนถูกลวงไปฆ่าแล้ว พวกเขาจะวิ่งแจ้นเข้ากับดักอีกได้อย่างไร

“น่าเสียดาย ตอนนี้พวกเจ้าอยากหนีก็สายไปแล้ว”

ไกลออกไปกายมรรคดินเหลืองของหลินสวินถอนใจเบาๆ พลันทะยานไปเหนือห้วงอากาศ ออกจากด่านนภาห้าธาตุพุ่งไปหาพวกอิงเทียนเซิงทันที

เมื่อเห็นภาพนี้อิงเทียนเซิงกับจู๋เทียนจวินที่เดิมคิดหนีสบตากัน ต่างมีความคิดหนึ่งผุดขึ้นในสมอง

โอกาสมาแล้ว!

กายมรรคร่างเดียวเท่านั้น ถ้าเฝ้าในด่านนภาห้าธาตุ พวกเขาย่อมไม่กล้าไปท้าสู้ แต่ตอนนี้เห็นร่างแยกถึงกับออกมาอย่างไม่รู้ดีชั่ว นี่ก็คือการรนที่ตายชัดๆ!

“ลงมือพร้อมกัน กำจัดร่างแยกนี่ของเขา!”

อิงเทียนเซิงตัดสินใจ ไอสังหารที่ไม่อาจข่มกลั้นได้ปรากฏขึ้นในดวงตา

ฝั่งพวกเขามีเกือบยี่สิบคน แต่ละคนต่างเป็นสัตว์ประหลาดเฒ่าขั้นไร้ขอบเขตใหญ่ที่ต่อสู้ห้ำหั่นมานาน สู้กันเดี่ยวๆ อาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของร่างแยกหลินสวิน

แต่ถ้าโจมตีพร้อมกันนั่นก็ต่างไปแล้ว!

“ได้!”

แววเยียบเย็นปรากฏขึ้นบนใบหน้าจู๋เทียนจวินเช่นกัน

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท