ตอนที่ 3164 จิตท่องหมื่นเร้น ใจท่องหมื่นกาล
เหนือทะเลมรกต เงาร่างสูงโปร่งของหลินสวินถูกล้อมอยู่กลางแสงมรรคเจิดจรัส ตระหง่านนิ่งไม่ไหวติง
แต่ในสภาวะจิตของเขากลับกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงอันมหัศจรรย์
สภาวะจิตของเขาดุจเตาหลอม เมื่อโคจรเก้ามรดกคีรีดวงกมล พลังโจมตีจากฝ่ามือเจ้าแห่งคีรีดวงกมลกลับกลายเป็นพลังเคี่ยวกรำอันมหัศจรรย์อย่างหนึ่ง ทำให้สภาวะจิตของเขาเสมือนกำลังผ่านการหลอมตีนับร้อยนับพันครั้ง เริ่มมีแสงคมกล้าไร้ทัดเทียมเบ่งบานออกมาทีละนิด
และเมื่อสภาวะจิตหลอมชำระไม่หยุด ท้ายที่สุดแสงคมกล้าในสภาวะจิตนี้ดุจดั่งทำลายพันธนาการไร้รูปอย่างหนึ่ง ลั่งกลิ่นอายน่าเหลือเชื่อพร้อมด้วยนัยเร้นลับเก้าคัมภีร์คีรีดวงกมลไหลหลั่งออกมา
บางครั้งก็ลอยทะยานเหนือวัฏจักร ควบตะบึงกลางหมื่นลักษณ์ นั่นคือ ‘แสงจิตดุจกระสวย ล่องลอยหมื่นฤกษ์’ นัยเร้นลับสูงสุดที่บันทึกไว้ในคัมภีร์ล่องลอย!
บางคราวก็เคลื่อนไหวอย่างเสรีกลางโลกีย์หมื่นจั้ง หลุดพ้นเหนือความไม่เที่ยงของเรื่องราวในโลก นี่คือนัยเร้นลับของ ‘ท่องอิสระ’ สภาวะจิตมาถึงขั้นนี้สามารถโดยสารฟ้าดิน ควบคุมหกปราณ ท่องเดินทางอย่างไม่สิ้นสุด
บ้างก็สอดส่องนัยเร้นลับทั่วหล้า คัดแยกคุณภาพหมื่นมรรค บ้างกลายเป็นภูผาธาราหมื่นลักษณ์ หนึ่งหญ้าหนึ่งพฤกษา ตะวันจันทราดารา สรรพชีวิตในวัฏจักร ดื่มด่ำพลังแห่งชีวิตที่แตกต่างกัน… นี่คือคัมภีร์แปรรู้ตน สามารถแปรสรรพสิ่งในโลก แปลงทุกชีวิตในฟ้าดิน และสามารถวิวัฒน์การสับเปลี่ยนหมื่นยุค!
บ้างก็…
จนสุดท้าย ประกายกล้าที่ถือกำเนิดในสภาวะจิตสายนั้นดุจทะลวงเปิดปราการหมื่นยุค ทะลุผ่านการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย
ไร้ยึดเหนี่ยว ไร้ผูกมัด ปราศจากสิ่งขวางกั้น
นั่นคือยอดอิสระ ยอดเสรีที่แท้จริงอย่างหนึ่ง
เสมือนสามารถระลึกหมื่นกาลได้ในความคิดเดียว สอดส่องนัยเร้นลับทั่วหล้าทั้งบนล่างตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน!
ก็ไม่รู้นานเท่าไร…
หลินสวินลืมตาขึ้นเงียบๆ
ยามมองเจ้าแห่งคีรีดวงกมลที่อยู่ไกลออกไปอีกครา เงาร่างอีกฝ่ายค่อยๆ เลือนหายไป
“ขอบคุณอาจารย์ยิ่งนักที่ช่วยศิษย์ทลายอุปสรรคทางใจ!”
หลินสวินโค้งตัวคารวะ
จิตนี้สามารถท่องหมื่นเร้น ใจนี้สามารถผ่านหมื่นกาล นี่ก็คือสิ่งที่เรียกว่ามรรคแห่งดวงกมล!
ผ่านการต่อสู้ครั้งนี้ทำให้สภาวะจิตของหลินสวินดุจทะลวงธรณีประตูบานหนึ่ง ไปถึงยอดอิสระยอดเสรีในขั้นไร้ขอบเขตโดยสมบูรณ์
การเปลี่ยนแปลงอันเร้นลับในสภาวะจิตเช่นนั้น ทำให้กลิ่นอายทั้งตัวหลินสวินเกิดการเปลี่ยนแปลงน่าเหลือเชื่ออย่างหนึ่ง แม้จะยืนนิ่งกลางอากาศ กลับเสมือนยืนมั่นเหนือหมื่นยุคอันไพศาลไร้สิ้นสุด
แต่ยามพินิจโดยละเอียด เขากลับเหมือนทุกสิ่งในฟ้าดินแถบนี้ เป็นธรรมชาติ แทรกซึมอยู่ทุกแห่งหน
สามารถเป็นฝุ่นธุลีเล็กจ้อย เป็นวังสวรรค์บนฟากฟ้า และสามารถเป็นหนึ่งธุลีกำราบหมื่นกาลได้!
…
ไกลจากบริเวณทะเลมรกต ผู้ฝึกปราณมากมายที่หลบการต่อสู้ครั้งนั้นออกมาก่อนหน้านี้ เวลานี้ล้วนตระหนักได้ว่ากลิ่นอายวิชามรรคของเจ้าแห่งคีรีดวงกมลในตำราหยกวิชามรรคเลือนหายไปแล้ว
การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้พวกเขาสะทกสะท้าน
ในการต่อสู้มหามรรค หลินสวินชนะแล้วโดยไร้ข้อกังขา!
“เอาชนะวิชามรรคที่อาจารย์ตนทิ้งไว้ในปีนั้น นี่ช่างทำให้คนตกใจจริงๆ”
ผู้ฝึกปราณส่วนหนึ่งล้วนทอดถอนใจ
ก่อนจะมุ่งหน้ามาแหล่งสถานอัศจรรย์ พวกเขาต่างก็มีผู้สืบทอด ถึงขั้นที่ส่วนใหญ่ล้วนเป็นบรรพจารย์บุกเบิกสำนักแห่งหนึ่ง ทว่าผู้สืบทอดในสำนักตน คนที่สามารถครอบครองมรรคาเหนือธรรมดาเช่นเดียวกับหลินสวินกลับมีน้อยยิ่ง
“พลังของเจ้าแห่งคีรีดวงกมลอัศจรรย์น่าสะพรึงปานใด ทุกการเคลื่อนไหวล้วนโจมตีใส่สภาวะจิตโดยตรง พาให้คนไม่อาจป้องกัน ไม่อาจหลบหลีก เรียกได้ว่าเป็นมหามรรคชั้นเลิศที่เร้นลับที่สุดในโลก แต่แม้จะเป็นเช่นนี้กลับยังคงถูกหลินสวินเอาชนะได้ นี่ไม่เท่ากับว่าสภาวะจิตของหลินสวินแข็งแกร่งถึงขั้นน่าเหลือเชื่อแล้วหรือ”
“ต้องเป็นเช่นนี้แน่”
“ไม่ถูก! ผลมรรคแรกกำเนิดของหลินสวินยังคงไม่ปรากฏ!”
“นี่…”
“นี่ไม่ใช่แค่เอาชนะรูปจำลองวิชามรรคเจ้าแห่งคีรีดวงกมลแล้ว แต่เป็นการต่อสู้ตั้งแต่นี้ไป หลินสวินสามารถเทียบรัศมีกับราชันไท่ชูในปีนั้นได้แล้ว!”
ในที่นี้ฮือฮา ผู้ฝึกปราณเหล่านั้นล้วนไม่อาจสงบ
รูปจำลองวิชามรรคลำดับหนึ่งร่วมกันห้าสายในระเบียบมรรควัฏจักรล้วนถูกหลินสวินเอาชนะทั้งหมด แต่ผลมรรคแรกกำเนิดยังคงไม่ปรากฏ นี่น่าเหลือเชื่อยิ่งอย่างไม่ต้องสงสัย
“ในข่าวลือราชันไท่ชูในปีนั้นถูกขังที่นี่นานนับร้อยปี หลังจากมองทะลุนัยเร้นลับระเบียบมรรควัฏจักรก็ก้าวย่างออกไปโดยที่ประตูสวรรค์เปิดออกเอง หลินสวินจะสร้างปาฏิหาริย์เช่นนี้เหมือนกันหรือไม่”
มีคนเอ่ยเสียงเบา
ทุกคนต่างสบตากัน ล้วนเริ่มเคลื่อนไหวอย่างอดไม่ได้ ทะยานไปทางทะเลมรกตผืนนั้น
ยามมาถึงพวกเขาล้วนเงยหน้ามองตามจิตใต้สำนึก ก็เห็นบนเวิ้งฟ้าเงาร่างของหลินสวินทะยานสูงขึ้นไม่หยุด ราวกับจะทะลุเวิ้งฟ้าขึ้นไป
“นี่เขาจะทำอะไร”
ทุกคนเกิดข้อสงสัยในใจ
…
แดนเทพมากเร้น โลกจำศีล
จู่ๆ เจ้าแห่งคีรีดวงกมลโบกแขนเสื้อคราหนึ่ง กระดานหมากเบื้องหน้าล้มคว่ำ ตัวหมากเทร่วงราวสายฝน
จากนั้นเขาหยัดตัวลุกขึ้น ทั่วร่างล้วนผ่อนคลาย ยิ้มกล่าวว่า “ประชันหมากสิ้นสุดลงตรงนี้ ต่อจากนี้ก็รอศึกตัดสินครั้งสุดท้ายแล้ว!”
จักจั่นทองอึ้งไป จากนั้นยิ้มพลางหยัดตัวขึ้นกล่าว “ดูท่าสหายน้อยหลินมีรากฐานทำลายสถานการณ์ได้แล้ว”
“ยังเร็วไป แต่เป็นอย่างที่เจ้าว่า รากฐานพลังมีแล้ว เหมือนอย่างไท่ชู เฉินซี รวมถึง… มือกระบี่ผู้นั้นในปีนั้น”
นัยน์ตาเจ้าแห่งคีรีดวงกมลผ่องแผ้วลึกล้ำ
จักจั่นทองใคร่ครวญก่อนกล่าวคำหนึ่ง “ประเสริฐ”
…
โลกหงหลิง
ในกระท่อมหลังนั้น จู่ๆ เสียงหัวเราะเบิกบานสายหนึ่งดังขึ้น “เจ้าแห่งคีรีดวงกมลตัวดี ถึงกับวางหมากวิเศษตาหนึ่งไว้ในรูปจำลองวิชามรรคที่ทิ้งไว้ในปีนั้นนานแล้ว”
ไม่ไกลจากกระท่อมนัก เฉินหลินคงที่นั่งบนพื้นร่างสะท้าน “ท่านปู่ นี่หมายความว่าอย่างไร”
“ก่อนหน้านี้นานมาแล้ว เจ้าไม่ใช่ใคร่รู้ว่าเหตุใดด้วยมรรควิถีของเจ้าแห่งคีรีดวงกมล ในปีนั้นกลับทำได้เพียงฝากรูปจำลองวิชามรรคไว้ในลำดับหนึ่งบนระเบียบมรรควัฏจักรของโลกแปรปุถุชนหรือ”
เสียงนั้นดังขึ้นในกระท่อม
เฉินหลินคงพยักหน้า “ไม่ผิด จากมุมมองของข้า วิชามรรคของเจ้าแห่งคีรีดวงกมลล้วนอยู่เหนือระเบียบมรรควัฏจักรนั่นได้แล้ว”
“คราแรกสุดข้าคิดว่าเขาเป็นพวกซ่อนคม บัดนี้จึงรู้ว่าที่เขาทำเช่นนี้ก็เพื่อช่วยเหลือศิษย์คนเล็กคนนั้นของเขา”
ในกระท่อมเสียงนั้นเจือแววทอดถอนใจ “คนเป็นอาจารย์ กลับถึงขั้นยินดีสละผลมรรคแรกกำเนิดที่ใหญ่กว่าในครานั้น ใช้สิ่งนี้มาอนุเคราะห์เส้นทางการฝึกจิตของศิษย์ตน ความองอาจเช่นนี้ทำให้ข้ายังไม่อาจไม่เลื่อมใส”
“กล่าวเช่นนี้ ปีนั้นเจ้าแห่งคีรีดวงกมลก็สามารถก้าวข้ามระเบียบมรรควัฏจักรนั่น ดูดซับความจริงแท้ในบ่อเกิดแรกกำเนิดของโลกแปรปุถุชนเช่นเดียวกับท่านปู่หรือ”
เฉินหลินคงสีหน้าท่าทางล้วนเผยแววประหลาดใจอย่างไม่อาจเลี่ยง “หากเป็นเช่นนี้ ค่าตอบแทนที่เสียไปก็เยอะมากนัก”
“มีได้มีเสีย หากไม่มีการจ่ายค่าตอบแทนของเขาในปีนั้น มีหรือการเปลี่ยนแปลงในวันนี้ของเจ้าหลินสวินนี่จะปรากฏออกมาได้ หมากยอดเยี่ยมตานี้ช่างน่าทึ่งจริงๆ”
“ท่านปู่ หากเป็นเช่นนี้สหายน้อยหลินต้องครอบครองผลมรรคแรกกำเนิดอย่างไรกันแน่”
“ไม่อาจคาดเดา”
ได้รับคำตอบเช่นนี้ทำเอาเฉินหลินคงอึ้งงันโดยสมบูรณ์
หรือว่ายังจะยิ่งใหญ่กว่าผลมรรคแรกกำเนิดที่ท่านปู่ได้รับในครานั้นอีก
…
ในโลกดุจแดนแรกกำเนิด
จู่ๆ เด็กสาวกระโปรงดำก็ใจสะท้านระลอกหนึ่ง จากนั้นเสียงโซ่ตรวนกระทบกันรุนแรงดังขึ้นกะทันหัน ดังก้องกลางฟ้าดิน
เจ้าลัทธิเขา…
“ฮ่าๆๆ เฒ่าโพธิหนอเฒ่าโพธิ เจ้าช่างทำใจได้จริงๆ!”
เสียงหัวเราะลั่นของราชันไท่ชูดังขึ้นมาจากส่วนลึกใต้พิภพ เสียงโซ่ตรวนกระทบกันย่อมดังออกมาจากตัวเขาเช่นกัน
พักใหญ่เสียงหัวเราะนั่นจึงค่อยๆ สงบลง
ก็เห็นราชันไท่ชูกล่าวคล้ายทอดถอนใจ “เรื่องยิ่งน่าสนใจขึ้นเรื่อยๆ แล้ว เดิมข้าเข้าใจว่าเจ้าหมายจะอาศัยตัวแปรอย่างศิษย์ของตนมาต่อสู้กับข้า ใครจะไปคิดว่าเจ้ากลับล้มเลิกความคิดไปแล้วตั้งแต่ปีนั้น… แต่เป็นเช่นนี้ยิ่งดี มีตัวแปรเช่นนี้ข้ายังดีใจไม่ทันด้วยซ้ำ…”
เด็กสาวกระโปรงดำตัวสั่นเทิ้ม นางสามารถสัมผัสได้ถึงพลังขับเคลื่อนอันยิ่งใหญ่ของเจ้าลัทธิ อานุภาพไร้รูประดับนั้นกดดันจนนางยังเริ่มรู้สึกหายใจไม่ออก
แต่นางกลับไม่อาจแยกแยะออกว่าเจ้าลัทธิดีใจหรือโกรธกันแน่
หรือไม่ก็รู้สึกทั้งสองอย่าง
…
และเวลานี้หลินสวินยืนนิ่งอยู่จุดสูงสุดของเวิ้งฟ้า
ในครรลองสายตา ที่นี่คือความว่างเปล่าดั่งแรกกำเนิด ไร้พรมแดนไม่มีที่สิ้นสุด ว่างเปล่าเช่นนี้ ไม่มีอะไรทั้งสิ้น
ต่อให้เป็นจิตรับรู้ก็ยังไม่อาจสัมผัสถึงสิ่งใดๆ
แต่ในสภาวะจิตของหลินสวินกลับสะท้อนภาพสารพัดออกมา…
มือกระบี่รูปร่างสูงโปร่งคนหนึ่งยืนนิ่งอยู่กลางเงาแสงวัฏจักร แขนเสื้อโบกสะบัดดุจเทพศักดิ์สิทธิ์สูงสุด เบื้องหน้าสายตาสะท้อนทะเลกระบี่ไร้สิ้นสุดผืนหนึ่ง ทะเลกระบี่พลิกม้วน ที่ไหลหลั่งออกมาคือกระแสเจตกระบี่นับไม่ถ้วน ทั้งหมดล้วนถาโถมไปทางส่วนลึกของเงาแสงวัฏจักรด้านหลังเขา
ในอีกสถานที่หนึ่ง ชายอาภรณ์เขียวราวหยกสะพายกระบี่โบราณดุจดั่งนายเหนือหัวคนหนึ่ง สัญจรเหนือแม่น้ำแรกกำเนิด ทุกย่างก้าวใต้ฝ่าเท้าเขาจะปรากฏแผนภาพลายเทพอันเร้นลับยากหยั่งถึงออกมา
และไกลไปกว่านั้นยังมีชายชุดดำทั้งชุด แต่งกายเรียบร้อยคนหนึ่ง บนตัวเขาสาดพรมโซ่เทพพิบัติเคราะห์ที่แวววาวโปร่งแสงเป็นสายๆ มีจำนวนมากยิ่งยวดดุจดั่งเม็ดทรายในแม่น้ำ ไม่มีที่สิ้นสุด และเจ้าตัวกลับหมื่นเคราะห์ไม่อาจกล้ำกราย โดดเด่นยิ่งยวด
เงาร่างสามสายเผยมาดสูงสุดสามชนิดออกมา เมื่อสัมผัสถึงทุกสิ่งนี้ สภาวะจิตหลินสวินก็เกิดคลื่นเป็นระลอกอย่างห้ามไม่ได้
เขารู้แล้ว นี่คือบุคคลที่อยู่เหนือระเบียบมรรควัฏจักรสามคน ที่ไม่เคยทิ้งชื่อไว้ในระเบียบมรรควัฏจักร เป็นเพราะระเบียบมรรควัฏจักรไม่อาจแบกรับวิชามรรคของพวกเขาได้สักนิด!
และตอนนี้ เขาหลินสวินกลายเป็นผู้ฝึกปราณที่อยู่เหนือระเบียบมรรควัฏจักรเป็นคนที่สี่ในประวัติศาสตร์!
ตระหนักถึงข้อนี้ในใจหลินสวินพลันมีความซาบซึ้งและอบอุ่นที่บอกไม่ถูกไหลหลั่งออกมาทันที เขารู้ว่าเป็นอาจารย์อนุเคราะห์ตน!
หากไร้รูปจำลองวิชามรรคของอาจารย์เคี่ยวกรำสภาวะจิตของตนจนถึงขั้นจิตท่องหมื่นเร้น ข้ามผ่านหมื่นกาล ตนย่อมไม่มีทางครอบครองมรรคาเช่นนี้ภายในเวลาสั้นๆ ได้เด็ดขาด
พักใหญ่หลินสวินสูดหายใจลึกคราหนึ่งแล้วสลัดความคิดฟุ้งซ่าน
“ทะยาน!”
ครู่ต่อมาเงาร่างเขามีแสงไร้ขอบเขตเบ่งบาน ดุจดั่งอาทิตย์แรกอรุณ ส่องสว่างเวิ้งฟ้าแรกกำเนิดที่ว่างเปล่าแถบนี้ ไร้ขอบเขตไม่มีที่สิ้นสุด
ตูม!
ทั้งโลกแปรปุถุชนสั่นสะเทือนกะทันหัน ผู้ฝึกปราณที่กระจายอยู่ตามพื้นที่ต่างๆ ของโลกนี้ล้วนหันมองไปบนท้องฟ้าโดยพร้อมเพรียง ราวมีอะไรดลใจ
ก็เห็นบนเวิ้งฟ้าที่ปิดครอบด้วยระเบียบมรรควัฏจักรทั้งปวงนั่นมีแสงมรรคลึกลับสายหนึ่งปรากฏ ดุจดั่งนายเหนือหัวผู้บงการระเบียบมรรคทั่วหล้า ปลดปล่อยอานุภาพสูงสุดออกมา!
“นี่…”
คนไม่รู้เท่าไรปากอ้าตาค้าง
“โลกนี้มีมรรคาที่อยู่เหนือระเบียบมรรควัฏจักรปรากฏขึ้นอีกครั้งแล้ว!”
“เป็นหลินสวิน! ต้องเป็นเขาแน่!”
…ภาพทั้งหมดนี้ดุจพายุคลั่งปรากฏขึ้นกะทันหัน โหมซัดหอบม้วนอยู่ในใจผู้ฝึกปราณแต่ละคน ทำให้พวกเขายังเหม่อลอยอย่างไม่อาจเลี่ยง
หลินสวินเข้าสู่โลกแปรปุถุชนจนบัดนี้เพียงสิบเดือนเท่านั้น แต่ถึงกับสร้างปาฏิหาริย์สูงสุดในการต่อสู้มหามรรค!
และในเวลานี้ พวกเขาล้วนเป็นประจักษ์พยานเห็นเรื่องทั้งหมดนี้