ตอนที่ 3172 มือกระบี่เมื่อปีนั้น วาสนาฟ้าประทาน

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ราชันวิญญาณหมอก!

พวกถูซานเหลิ่งสูดหายใจหนาวเยือก

เมื่อนานมาแล้วพวกเขาก็เคยเห็นความน่ากลัวของสิ่งมีชีวิตแสนดุร้ายนี้ รู้ดีว่านอกจากจอมมรรคไร้ขอบเขตมาด้วยตัวเอง มิฉะนั้นก็ไม่มีใครกำราบสัตว์ร้ายนี้ได้

พวกเขาหันหลังหนีตามจิตใต้สำนึกทันที ไม่กล้ารั้งอยู่โดยสิ้นเชิง

ขณะกำลังหนีถูซานเหลิ่งพลันสังเกตเห็น หลินสวินกับหญิงสาวข้างกายนั่นกลับไม่จากไป

ภาพต่อมายิ่งทำให้ถูซานเหลิ่งอึ้งงัน

ด้วยตอนนี้หลินสวินทะยานขึ้นฟ้า ถึงกับจู่โจมไปทางราชันวิญญาณหมอก!

“เขา…”

ถูซานเหลิ่งกับทุกคนข้างกายเขาล้วนหยุดเท้า สีหน้าตื่นตะลึงไปพักหนึ่ง

“เขาจะรนหาที่ตายหรือ”

มีคนเอ่ยถามโดยไม่รู้ตัว

สีหน้าทุกคนพลันแปรเปลี่ยน

ก่อนหน้านี้พวกเขาคิดล่อหลินสวินมา เดิมก็คิดยืมดาบอย่างราชันวิญญาณหมอกกำจัดหลินสวิน

แต่พวกเขากลับคิดไม่ถึงว่าวิญญาณหมอกนับร้อยนั่นไม่อาจปิดล้อมหลินสวิน แผนการของพวกเขาจบสิ้นเพียงเท่านี้ เตรียมประกาศรับความพ่ายแพ้

เดิมพวกเขาคิดว่าภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หลินสวินคงเลือกถอยร่น ใครจะคิดว่าหลินสวินกลับพุ่งเข้าหาราชันวิญญาณหมอกนั่นด้วยตัวเอง!

สิ่งนี้อยู่เหนือความคาดหมายของพวกเขาโดยสิ้นเชิง กระทั่งรู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง

“เคยเจอพวกหาเรื่องใส่ตัว แต่ไม่เคยเจอพวกหาเรื่องใส่ตัวเช่นนี้ นี่กลับเป็นว่าช่วยพวกเราได้มาก!”

โหย่วเจียงยิ้มเย็นขึ้นมา

เวลานี้พวกเขาต่างไม่รีบหนีแล้ว

ตูม!

ห่างออกไปหลินสวินต่อสู้ดุเดือดกับราชันวิญญาณหมอก ฟ้าดินแถบนั้นปั่นป่วน แสงมรรคพุ่งสาดเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน ลักษณ์ประหลาดชวนตะลึง

ก็เห็นว่าบนตัวหลินสวินมีแสงมรรคอบอวล สง่างามโดดเด่น ยามขยับตัวเหมือนนายเหนือหัวผู้ยิ่งใหญ่ควบคุมหมื่นมรรคทั่วหล้า อานุภาพน่าหวาดกลัว

ส่วนราชันวิญญาณหมอกนั้นก็ไม่อาจดูถูกได้ง่ายๆ เงาร่างสูงหมื่นจั้งหลั่งชโลมด้วยไอคลุมเครือ วิวัฒน์เป็นพลังกฎระเบียบน่าเหลือเชื่อนานัปการ ปั่นป่วนฟ้าดินแถบนั้น

“ดี!”

ในการต่อสู้นัยน์ตาหลินสวินเป็นประกาย นั่นคือความรู้สึกฮึกเหิมว่าในที่สุดก็เจอคู่ต่อสู้อย่างหนึ่ง

เขาไม่เก็บงำอีก สู้กับราชันวิญญาณหมอกเต็มกำลัง

ตั้งแต่เข้าสู่โลกแปรปุถุชนจนปัจจุบัน มรรควิถีทั้งตัวเขาเลื่อนขั้นมาหลายครั้ง เคยได้รับผลมรรคแรกกำเนิดมาสองครั้ง เคยทำให้สภาวะจิตเกิดการเปลี่ยนแปลงกระทั่ง ‘จิตท่องหมื่นเร้น ใจท่องหมื่นกาล’ ในการต่อสู้กับวิชามรรคของอาจารย์เจ้าแห่งคีรีดวงกมล ทั้งเคยมองทะลุหยั่งรู้ยอดมรรคาบนตัวคู่ต่อสู้ทุกคนในการต่อสู้มหามรรค…

การเปลี่ยนแปลงแต่ละครั้งทำให้พลังต่อสู้ที่หลินสวินมียกระดับหลายครั้งนานแล้ว

กระทั่งตอนนี้ตัวหลินสวินเองยังไม่แน่ใจอยู่บ้างว่าพลังต่อสู้ของตนแข็งแกร่งถึงระดับใดกันแน่

ถึงอย่างไรกระทั่งเข้าสู่โลกมืดมนนี้เขาก็ไม่เคยเจอพวกที่พอจะประลองกันได้

ตอนนี้การปรากฏตัวของราชันวิญญาณหมอกย่อมเป็นคู่ต่อสู้ที่ไม่เลวอย่างไม่ต้องสงสัย

โดยเฉพาะยามห้ำหั่นต่อสู้กับอีกฝ่าย หลินสวินยิ่งรู้สึกได้ว่าบนตัวอีกฝ่ายมีพลังต้นกำเนิดลึกลับอยู่ ทำให้พลังของราชันวิญญาณหมอกนี้ต่างไปโดยสิ้นเชิง แข็งแกร่งจนเหนือความคาดหมาย

หลินสวินถึงขั้นสงสัย ว่าต่อให้เป็นจอมมรรคไร้ขอบเขตก็คงด้อยกว่าราชันวิญญาณหมอกนี้อยู่บ้าง

เหตุผลนั้นง่ายมาก บุคคลระดับจอมมรรคไร้ขอบเขตแค่ครองอานุภาพ ‘หมื่นมรรครวมเป็นหนึ่ง หนึ่งวิวัฒน์หมื่นมรรค’

เหมือนรูปจำลองวิชามรรคอันดับหนึ่งทั้งห้า ในระเบียบมรรควัฏจักรของโลกแปรปุถุชนที่ครองพลังระดับนี้

แต่ตอนอยู่โลกแปรปุถุชนหลินสวินก็เอาชนะพวกเขาได้ทั้งหมด!

เทียบกันแล้วพลังที่ราชันวิญญาณหมอกเผยออกมายามนี้ กลับเห็นชัดว่าแข็งแกร่งกว่าช่วงหนึ่ง

ความแข็งแกร่งนี้ใช่ว่ามาจากตัวราชันวิญญาณหมอก แต่เป็นอานุภาพจากพลังต้นกำเนิดที่ติดตัว

กล่าวอีกนัยคือราชันวิญญาณหมอกนี้กำลังยืมใช้พลังต้นกำเนิดบางอย่าง!

แต่ยิ่งเป็นเช่นนี้ก็ยิ่งทำให้หลินสวินพอใจ

คู่ต่อสู้ทั่วไปไหนเลยจะมีพลังพอจะประลองกันเช่นนี้

ตูม… โครม…

การต่อสู้น่ากลัวยิ่งกว่าเดิมแล้ว ฟ้าดินแถบนั้นกลายเป็นภาพอลหม่านพลิกตลบ

เมื่อเห็นหลินสวินห้ำหั่นกับราชันวิญญาณหมอกได้ถึงขั้นนี้ ในใจพวกถูซานเหลิ่งพลันหนาวเยือกราวตกสู่ถ้ำน้ำแข็ง

หากรู้ว่าหลินสวินแข็งแกร่งเช่นนี้ พวกเขามีหรือจะกล้าบุ่มบ่าม

กระทั่งในใจพวกเขาหลายคนยังมีความรู้สึกว่าโชคดี ด้วยก่อนหน้านี้ไม่ได้ไปปะทะกับหลินสวิน มิฉะนั้นผลลัพธ์คงเป็นสิ่งที่ใครต่างก็แบกรับไม่อยู่!

“ไป ต้องจากไปโดยเร็ว ถ้ารอจนหลินสวินรู้สึกตัว พวกเราคิดหนีก็หนีไม่พ้นแล้ว”

ถูซานเหลิ่งอยู่เฉยไม่ได้แล้ว หันหลังจะจากไป ไม่กล้าอยู่ชมการต่อสู้ต่อ

คนอื่นเห็นดังนี้มีหรือจะกล้าลังเลอีก หนีตามไปยังที่ห่างไกล

ซย่าจื้อเห็นทุกอย่างนี้อยู่ในสายตา แต่ไม่ได้ตามไปไล่ล่า เปรียบเทียบกับศัตรูพวกนั้นแล้ว นางสนใจความปลอดภัยของหลินสวินมากกว่า

ยิ่งไปกว่านั้นในโลกมืดมนนี้ ภายหน้ายังมีโอกาสจัดการศัตรูพวกนั้นอีก

ตูม!

ผ่านไปครึ่งเค่อราชันวิญญาณหมอกสูงหมื่นจั้งยืนหยัดไม่อยู่ ร่างพังทลาย ไอขุ่นมัวโหมกระหน่ำ

“อย่าตีอีกเลยๆ ข้ายอมแพ้!”

เสียงเด็กอ่อนเยาว์ดังขึ้นกลางพยับหมอกโหมกระหน่ำ

หลินสวินอึ้งงัน เงยหน้ามองไปก็เห็นว่าตรงบริเวณที่ร่างของราชันวิญญาณหมอกซ่านสลาย มีหยดน้ำขนาดเท่ากำปั้นลอยอยู่ เปล่งประกายพร่างพราว อบอวลด้วยกลิ่นอายลึกลับเป็นริ้วๆ

เสียงเด็กก่อนหน้านี้ก็ดังมาจากหยดน้ำนี่

หลินสวินก้าวไปข้างหน้า พริบตาก็มาถึงหน้าหยดน้ำนี้ กล่าวอย่างสนอกสนใจ “เจ้าเป็นตัวอะไร”

เขาแปลกใจมากจริงๆ ราชันวิญญาณหมอกถึงกับวิวัฒน์มาจากหยดน้ำ หยดน้ำนี้มีที่มาอย่างไร

“ข้าไม่ใช่สิ่งของ แต่เป็นวิญญาณ”

เสียงเด็กอ่อนเยาว์ชัดกระจ่างดังออกมาจากหยดน้ำ “ก่อเกิดจากบ่อเกิดแรกกำเนิดของโลกนี้ ครอบครอง ‘พลังมืดมน’ ของกฎระเบียบแรกกำเนิดอย่างสมบูรณ์”

“แบบเดียวกับวิญญาณระเบียบหรือ”

หลินสวินแปลกใจ

เขารู้แค่ว่าพลังระเบียบให้กำเนิดร่างวิญญาณตามธรรมชาติได้ แต่กลับคิดไม่ถึงว่าแม้แต่บ่อเกิดแรกกำเนิดในแหล่งสถานอัศจรรย์นี้ยังถึงกับให้กำเนิดวิญญาณกฎระเบียบแรกกำเนิดได้ด้วย!

“เจ้าเข้าใจแบบนั้นก็ได้ แต่ข้าคือบรรพชนของกฎระเบียบสายหนึ่ง สามารถวิวัฒน์เป็นแดนนิรันดร์ ทั้งกลายเป็นบ่อเกิดแรกกำเนิดของโลกใหญ่แห่งหนึ่งได้ กระทั่งวิวัฒน์ออกมาเป็นพลังหมื่นมรรคของโลกนี้ พลังระเบียบพวกนั้นล้วนเกิดมาเพราะข้า สิ่งสำคัญที่สุดคือข้ามีสติปัญญา”

หยดน้ำลอยล่องกลางห้วงอากาศ เสียงชัดกระจ่างเจือท่วงทำนองเฉพาะตัว

หลินสวินตกตะลึงในใจ หากเป็นเช่นนี้พลังที่หยดน้ำตรงหน้านี้ครอบครองก็น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว ไม่ใช่สิ่งที่วิญญาณระเบียบเทียบได้จริงๆ

“เช่นนั้นเจ้าสร้างมรรคที่ไม่เคยมีบนโลกได้หรือไม่”

หลินสวินอดถามไม่ได้

เสียงจากหยดน้ำกล่าว “ไม่ได้ ข้าเป็นแค่วิญญาณที่เกิดจากบ่อเกิดแรกกำเนิด การสร้างมรรคที่เจ้าพูดถึงมีแค่บ่อเกิดแรกกำเนิดที่ทำได้”

หลินสวินเข้าใจแล้ว หยดน้ำนี้ก็เหมือนผลมรรคแรกกำเนิด ล้วนก่อเกิดออกมาจากบ่อเกิดแรกกำเนิดของแหล่งสถานอัศจรรย์

ความแตกต่างของทั้งสองคือผลมรรคแรกกำเนิดแฝงกฎระเบียบแรกกำเนิดอันสมบูรณ์สายหนึ่ง ส่วนหยดน้ำนี้ก็เป็นร่างวิญญาณของกฎระเบียบแรกกำเนิดสายหนึ่ง!

ก็เหมือนความแตกต่างของพลังระเบียบกับวิญญาณระเบียบ

“เจ้ามีชื่อหรือไม่”

ซย่าจื้อเดินมาแต่ไกล นัยน์ตาใสกระจ่างจ้องมองหยดน้ำนั้น เอ่ยถามอย่างสงสัย

นางเพิ่งเคยเจอร่างวิญญาณที่โดดเด่นและลึกลับเช่นนี้เป็นครั้งแรก

“แน่นอนว่ามี เมื่อนานมาแล้วมีมือกระบี่คนหนึ่งเคยมาโลกนี้…”

ขณะกล่าวหยดน้ำพลันกลอกกลิ้งหมุนวน เงาแสงแถบหนึ่งปรากฏออกมา กลายเป็นภาพต่างๆ…

ในภาพมีชายคนหนึ่งนั่งยิ้มอยู่หน้าน้ำพุ ดวงตาจ้องมองหยดน้ำที่นิ่งไม่ขยับราวเครื่องแก้วในนั้น คล้ายพบสิ่งน่าสนใจที่สุดบนโลก ใบหน้าเปี่ยมรอยยิ้ม

ชายคนนี้สวมชุดสีน้ำตาลทั้งตัว ใช้ปิ่นกระบี่ไม้สามชุ่นเล่มหนึ่งเกล้ามวยผมยาวไว้ลวกๆ เครื่องหน้าทั้งห้าเกลี้ยงเกลา แววตากระจ่างใส ทั่วร่างมีกลิ่นอายโดดเด่นอิสระสบายๆ

เขานั่งอยู่ตรงนั้นเฉยๆ กะพริบตายิ้มมองตาหยี ผ่านไปครู่ใหญ่จึงหัวเราะพลางกล่าว ‘เจ้าตัวน้อย ถึงแม้ว่าจิตวิญญาณของเจ้ายังไม่ได้ตื่นรู้อย่างแท้จริง แต่เจ้าต้องรับรู้ถึงการมีอยู่ของข้าแน่ หากข้าพูดถูก เจ้าจงกระโดดมาอยู่ในมือข้า’

เขายื่นมือขวาออกมา

หยดน้ำนั้นขยับเล็กน้อย กระโดดไปอยู่กลางฝ่ามือของชายหนุ่ม

ชายหนุ่มอดยิ้มขึ้นมาไม่ได้ ‘น่าสนใจ แต่น่าเสียดายที่หากพาเจ้าไปตอนนี้ย่อมตัดความหวังในการแปรสภาพตื่นรู้ของเจ้า เอาอย่างนี้ ข้าจะตั้งชื่อให้เจ้า รอภายหน้าเมื่อเจ้าปลุกจิตวิญญาณ หากพวกเรายังมีโอกาสเจอกันอีก แค่เรียกชื่อข้าก็จำเจ้าได้แล้ว’

หยดน้ำนั้นกลิ้งไปกลิ้งมากลางฝ่ามือชายหนุ่ม ดูเหมือนเฝ้ารอการมีชื่อนัก

‘เช่นนั้น… เรียกเจ้าว่ากุ๋นกุ่นดีไหม’ (*กุ๋นกุ่น ภาษาจีนแปลว่า กลิ้งไปกลิ้งมา)

ชายหนุ่มกล่าวหยอกล้อ

หยดน้ำน้อยสั่นไหวขึ้นมา กระโดดอย่างต่อเนื่อง คล้ายแสดงออกว่าคัดค้าน

นี่ทำให้ชายหนุ่มหัวเราะลั่นอย่างอดไม่ได้กล่าวว่า ‘เจ้ามีจิตวิญญาณเช่นนี้ ทั้งเกิดจากโลกมืดมน วันหน้าหลังตื่นรู้ต้องฉายแววอัศจรรย์แน่ ซ้ำวันนี้ยังทำให้ข้าเจอเจ้าอีก เอาอย่างนี้ เจ้าชื่อว่า… ‘หลิงหยวน’ เกิดมามีจิตวิญญาณ (หลิง) วาสนาฟ้าประทาน (หยวน) หวังว่าภายหน้าพวกเราจะมีวาสนามาเจอกันอีก’

วู้ม…

เจ้าหยดน้ำม้วนตัวกลางฝ่ามือชายหนุ่มอย่างเริงร่า

เห็นชัดว่ายอมรับชื่อนี้

ชายหนุ่มคิดดูครู่หนึ่งแล้วหยิบกระบี่ไม้ที่ปักมวยผมลงมา เมื่อดีดนิ้วคราหนึ่ง กระบี่ไม้พุ่งเข้าไปในส่วนลึกของน้ำพุนั่น

เขาชี้ไปทางกระบี่ไม้นั้นพลางกล่าว ‘ภายหน้าเมื่อไหร่ก็ตามที่มีคนเก็บกระบี่นี้ได้ เจ้าจงตามเขาไป ให้เขาพาเจ้าออกไปจากแหล่งสถานอัศจรรย์นี้’

ชายหนุ่มพูดจบแล้วประคองเจ้าหยดน้ำขึ้นมา วางกลับเข้าไปในน้ำพุนั่น จากนั้นค่อยหยัดร่างขึ้น ยิ้มพลางโบกมือกล่าว ‘ส่วนข้าจะไปฝึกมหามรรคของข้าใหม่ ค่อยเจอกันอีกสหายน้อย’

พูดจบเขายิ้มพลางจากไปอย่างผ่าเผย ร่างสูงโปร่งก้าวเดินไปกลางฟ้าดิน หายลับจากไปช้าๆ

ภาพทั้งหมดหายไปเพียงเท่านี้

เวลานี้ใจหลินสวินกระเพื่อมไหวแล้ว เขารู้ว่าชายคนนั้นเป็นใคร แต่กลับคิดไม่ถึงว่าปีนั้นเขาเคยผูกวาสนากับเจ้าหยดน้ำที่นี่ ทั้งเคยตั้งชื่อให้มันด้วย

‘หล่อจิตดุจหยก ลับจิตดั่งคม ความสง่างามของผู้อาวุโสมือกระบี่ท่านนี้เรียกได้ว่าเป็นเลิศบนโลกจริงๆ…’ หลินสวินพึมพำในใจ

ตอนนั้นยามอยู่กลางอากาศบนเวิ้งฟ้าเหนือโลกแปรปุถุชน เขาเคยเห็นมือกระบี่ผู้ท่วงท่าสง่างาม ร่างสะท้อนวัฏจักร ใต้ฝ่าเท้ามีทะเลกระบี่ไร้ขอบเขตโหมกระหน่ำ!

มือกระบี่นั้นก็คือยอดตำนานคนหนึ่งที่ทัดเทียมไท่ชูกับเฉินซี!

“นี่ เจ้าพาข้าไปด้วยได้ไหม”

เสียงเด็กชัดกระจ่างดังออกมาจากหยดน้ำ “ขอเพียงเจ้าพาข้าไปด้วย ข้าจะบอกความลับสุดยอดในน้ำพุมืดมนนั้นกับเจ้า”

หลินสวินอึ้งงัน “ทำไมเจ้าถึงรีบจากไป”

เสียงเด็กชัดกระจ่างกลางหยดน้ำเอ่ย “ข้าอยากไปหามือกระบี่นั่น ปีนั้นเขามอบชื่อแซ่ให้ข้า ทั้งใช้กระบี่ไม้กำราบพลังต้นกำเนิดของน้ำพุมืดมน ทำให้ข้าตื่นรู้มีจิตวิญญาณอย่างราบรื่น สำหรับข้าก็เหมือนเป็นบุญคุณ แน่นอนว่าข้าต้องไปตอบแทนเขา”

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท