ตอนที่ 3183 ต้นกำเนิดมอบวิญญาณ
แรกสุดหลินสวินยังเจือแววนับถือไท่ชูอยู่
ต่อให้เป็นศัตรูบนเส้นทางมหามรรค ทว่าสง่าราศี อานุภาพของฝ่ายตรงข้าม ล้วนเรียกได้ว่าหายากไร้ทัดเทียม
แต่เวลานี้ยามรู้ว่าลั่วทงเทียนตายด้วยน้ำมือของไท่ชู ภายในใจหลินสวินกลับไม่อาจไม่เกิดความชิงชังและเคียดแค้น
ไท่ชูเป็นคู่ต่อสู้ที่เลือดเย็นเฉยชาอย่างสุดขั้วคนหนึ่งอย่างไม่ต้องกังขา
และไม่อาจปฏิเสธว่ามรรควิถีของเขาแข็งแกร่งถึงขั้นทำเรื่องใดๆ พูดถึงสิ่งใดล้วนไม่เคยคิดปิดบัง
เหมือนกับการแสดงออกของเขาในเวลานี้
“ดูท่า พวกเราถูกกำหนดให้เป็นได้เพียงศัตรูกันเท่านั้น”
หลินสวินสูดหายใจลึกคราหนึ่ง กล่าวเรียบๆ “ไยต้องพูดพล่ามอีก ลงมือเถอะ”
ไท่ชูนึกเสียดายอยู่บ้าง เอ่ยว่า “หากเป็นเช่นนี้ เกรงว่าเจ้าคงไม่มีโอกาสไปวัดฝีมือกับร่างต้นของข้าที่แดนเทพมากเร้นแล้ว”
หลินสวินกลับมองเขานิ่งๆ ไม่เอ่ยวาจาอีก
แต่พลังขับเคลื่อนในตัวเขาโคจรเต็มกำลังแล้ว
ไท่ชูเห็นเช่นนี้ก็พลันหัวเราะ หยัดตัวลุกขึ้นจากแท่นมรรค กล่าวว่า “เป็นอย่างที่เจ้าว่า ข้าเป็นเพียงรูปจำลองเจตจำนงสายหนึ่งเท่านั้น ในเมื่ออยากจัดการเจ้าย่อมต้องลงมือตรงจุดอ่อนที่รุนแรงถึงชีวิตที่สุดของเจ้า”
ขณะกล่าวบนร่างเขาพลันเปล่งแสง เงาร่างสูงโปร่งเสมือนเปลี่ยนเป็นสูงใหญ่ไร้ขอบเขตในพริบตา กลิ่นอายน่าสะพรึงยากบรรยายสายหนึ่งแผ่ออกมาพร้อมกัน
ตูม!
กลุ่มแสงเพลิงมากมายที่ลอยประดับในห้วงอากาศใกล้เคียงสั่นสะเทือนรุนแรง เสมือนยอมศิโรราบ ส่วนพลังกฎระเบียบที่แผ่ครอบฟ้าดินนี้ล้วนเสมือนถูกสูบหมดเกลี้ยงในพริบตา ควบรวมอยู่กลางฝ่ามือขวาของไท่ชู
ความรู้สึกใจสะท้านอย่างบอกไม่ถูกสายหนึ่งแผ่ขยายทั่วร่างหลินสวิน และพลังพรสวรรค์ที่อยู่ในจุดชีพจรปราณของเขาก็เกิดความปั่นป่วนอย่างไม่อาจอธิบายในเวลานี้ ดุจดั่งสัตว์ที่สังเกตเห็นอันตรายมาเยือน
“บ่อเกิดแรกกำเนิดของโลกนี้ฟูมฟักหุบเหวกลืนกินออกมา และข้าครอบครองบ่อเกิดแรกกำเนิดในนี้นานแล้ว ขอเพียงขยับความคิดก็สามารถกดข่มและควบคุมพลังพรสวรรค์ใดๆ ก็ตามที่ถือกำเนิดจากโลกใบนี้”
ในเสียงราบเรียบเยือกเย็น มือขวาของไท่ชูคว้าจับผ่านอากาศ “นี่ย่อมรวมถึงหุบเหวกลืนกินของสหายน้อยด้วย!”
ตูม!
แม้ว่าหลินสวินจะเตรียมต้านทานและเผชิญหน้าไว้ก่อน แต่เมื่อมือที่คว้าเข้ามานี้ปกคลุมลงมา ก็ยังคงรู้สึกถึงการกดข่มหนักหน่วงที่ปะทะเข้ามา
เขาโบกแขนเสื้อคราหนึ่งโดยไม่ลังเล แสงมรรคไร้สิ้นสุดปรากฏ ต้านทานพลังคว้าจับนี้ตรงๆ ทั้งสองเข้าปะทะกัน ฟ้าดินล้วนสะเทือนเลื่อนลั่น ห้วงอากาศบริเวณใกล้เคียงพังถล่มรุนแรงไปสี่ทิศแปดทาง
ในกระแสคลื่นพลิกม้วน แม้ว่าพลังโจมตีนี้จะถูกหลินสวินต้านไว้ได้ แต่เขากลับรู้สึกเพียงว่าบริเวณชีพจรปราณเกิดความเจ็บปวดรุนแรงระลอกหนึ่ง พลังพรสวรรค์ที่ซ่อนอยู่ในนั้นราวถูกมือใหญ่กระชากออกไปอย่างแรง
ความเจ็บปวดรุนแรงนั่นเสมือนกรีดหัวใจควักไส้พุงไม่มีผิด
หลินสวินหน้าเปลี่ยนสีน้อยๆ พลังฝ่ามือนี้พุ่งเป้าเล่นงานพลังพรสวรรค์ของเขาอย่างไม่ต้องสงสัย
ที่ร้ายแรงเป็นพิเศษคือ ไม่ว่าเขาโคจรมรรควิถีในตัวอย่างไรกลับไม่อาจข่มไว้ได้ สาเหตุเป็นเพราะหุบเหวกลืนกินไม่ได้กำลังต่อต้าน หากแต่เสมือนอยากออกจากร่างเขาไปอย่างอดรนทนไม่ไหว!
“สหายน้อยต้านไม่อยู่หรอก พลังที่ข้าครอบครอง สำหรับหุบเหวกลืนกินของเจ้าก็เหมือนรังมารดาและต้นกำเนิดของมัน ต่อให้เจ้าฝืนข่มแค่ไหน ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้รังแต่จะหนีจากเจ้าไป”
ไกลออกไปไท่ชูเอ่ยปากระบายยิ้ม สีหน้าท่าทางเต็มไปด้วยแววสงบและเยือกเย็น “ปีนั้นตาทวดของเจ้าลั่วทงเทียนก็สูญเสียพลังพรสวรรค์ที่นี่ และตอนนี้ถึงตาเจ้าแล้ว”
สีหน้าหลินสวินซีดขาว แผ่นหลัวเย็นวาบ
เขากำลังกดข่มพลังพรสวรรค์สุดกำลัง แต่เมื่อเวลาเคลื่อนคล้อย พลังพรสวรรค์ที่อยู่ในจุดชีพจรปราณกลับส่อแววหลุดการควบคุมรางๆ
ทันทีที่มันถูกฉกชิงไป ย่อมเกิดการโจมตีอันหนักหน่วงถึงชีวิตต่อมรรควิถีของหลินสวินอย่างแน่นอน
ถึงอย่างไรมรรควิถีของเขาก็ผสานเข้าไปในนัยเร้นลับหุบเหวกลืนกิน กลายเป็นส่วนหนึ่งในมรรคาของเขานานแล้ว หากถูกชิงไป มรรคาของเขาต้องเกิดข้อบกพร่องร้ายแรงเป็นแน่
หากเป็นเช่นนี้ ต่อให้ครั้งนี้มีโอกาสรอดชีวิตไปจากที่นี่ก็อย่าหวังจะชดเชยกลับมาได้!
“นี่ก็คือกฎกรรม ดึงผมเส้นเดียวสะเทือนทั้งร่าง ยิ่งกว่านั้นหุบเหวกลืนกินเกิดมาพร้อมเจ้า เป็นรากดั้งเดิมของมหามรรคของเจ้า รากหายไปยังจะพูดถึงมหามรรคอะไรอีก”
ไท่ชูกล่าวเสียงเบา
นี่หาใช่ลำพองใจ หากแต่ยังคงวางตัวสบายและเฉยเมยเหมือนยามพูดคุยกันก่อนหน้านี้
แต่ยิ่งเป็นเช่นนี้ก็ยิ่งเห็นชัดถึงความน่ากลัวของไท่ชู
“เกรงว่าอาจารย์เจ้าโพธิก็คงคิดไม่ถึงเช่นกัน ว่าตัวแปรที่เขารอคอยมาหมื่นกาลถึงกับย่อยยับเพราะพรสวรรค์อย่างหุบเหวกลืนกิน หากให้เขารู้เรื่องนี้… คงล้มเลิกความตั้งใจที่จะประลองหมากกับข้าแล้วกระมัง”
ไท่ชูกล่าวเสียงเบา
ในเวลานี้เขาไม่ได้ลงมืออีก
ว่ากันถึงที่สุด เขาเป็นเพียงรูปจำลองเจตจำนงเท่านั้น ย่อมไม่มีทางให้โอกาสหลินสวินเอาชนะเขาก่อนจะช่วงชิงพรสวรรค์หุบเหวกลืนกินของหลินสวินไปได้เด็ดขาด
พรูด!
ทันใดนั้นหลินสวินกระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง สีหน้าล้วนเปลี่ยนเป็นซีดขาว
พลังขับเคลื่อนในตัวเขาพลิกม้วนคำรามเดือด อานุภาพที่ปลดปล่อยออกมายิ่งน่าสะพรึง นี่ทำให้ไท่ชูยังสะเทือนไหวอย่างไม่อาจเลี่ยง
“คิดไม่ถึงว่ามรรควิถีในตอนนี้ของเจ้าถึงกับเหนือกว่าจอมมรรคไร้ขอบเขตแล้ว ถึงขั้นมีอานุภาพของราชันไร้ขอบเขตรำไร…”
ไท่ชูประหลาดใจยิ่ง
เขาคิดไม่ถึงจริงๆ เพิ่งมาถึงโลกย้อนกำเนิด โลกชั้นที่สี่ของแดนเทพสรรพวิญญาณ มรรควิถีของหลินสวินถึงกับรุดหน้าถึงขั้นนี้แล้ว
แต่จากนั้นไท่ชูก็ยกยิ้ม
ในสายตาเขา แม้ว่ากลิ่นอายในตัวหลินสวินจะแข็งแกร่ง แต่เห็นชัดว่าเจียนจะกดข่มพลังพรสวรรค์ภายในร่างไม่อยู่แล้ว!
“ไม่ว่าจะเป็นอาจารย์เจ้า หรือเฉินซี จักจั่นทอง ล้วนกำลังรอคอยการมาเยือนของตัวแปรอย่างเจ้า พวกเขารู้เช่นกันว่าร่างต้นที่ถูกขังใต้โซ่กระบี่ของข้าก็กำลังรอคอยการมาเยือนของเจ้าเช่นเดียวกัน”
“แต่เกรงว่าพวกเขาล้วนคิดไม่ถึง ว่าตัวแปรอย่างเจ้าจะประสบเหตุสุดวิสัยต่อหน้าข้าตั้งแต่ยามยังไปไม่ถึงแดนเทพมากเร้น”
ไท่ชูเอ่ยปากเหมือนกำลังคุยเล่นกับสหายเก่า “แต่สหายน้อย เจ้าสบายใจได้ ข้าแค่ต้องการของเหล่านั้นที่ข้าบอกไปก่อนหน้านี้ ย่อมไม่มีทางคุกคามถึงชีวิตเจ้า”
“ถึงอย่างไรในกาลเวลาไร้สิ้นสุดนี้ ผู้ที่เข้าตาข้า… ก็น้อยเกินไปจริงๆ และสภาวะจิตกับมาดของเจ้าทำให้ข้าชื่นชมมากที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย”
“ไม่แน่ว่ารอหลังจากร่างต้นของข้าไปแดนเทพอัศจรรย์ก็จะพาเจ้าไปด้วย เช่นนี้บนเส้นทางมหามรรคก็จะไม่เงียบเหงาเกินไปแล้ว”
เพิ่งกล่าวถึงตรงนี้ จู่ๆ หลินสวินที่อยู่ไกลออกไปก็เงยหน้าขึ้น มองดูเขาจากไกลๆ บนใบหน้าซีดขาวเผยแววเยาะหยันเสี้ยวหนึ่ง “เจ้าคิดจริงๆ หรือว่าตัวเองชนะแล้ว”
ไท่ชูอึ้งไปน้อยๆ เอ่ยว่า “กล่าวเช่นนี้ สหายน้อย เจ้ามั่นใจว่าตัวเองว่ายังมีโอกาสดิ้นรนหรือ”
“ดิ้นรน?”
หลินสวินยกยิ้ม ก้าวเหยียบห้วงอากาศเดินเข้าหาไท่ชูฉับพลัน
ก็เป็นเวลานี้เองที่พลังขับเคลื่อนเดือดคลั่งในตัวเขาถึงกับเกิดการเปลี่ยนแปลงอันน่าอัศจรรย์ ประดุจหงส์เพลิงเกิดใหม่ในกองไฟ ดักแด้โผล่จากรังไหมกลายเป็นผีเสื้อ
และในสัมผัสของไท่ชู พรสวรรค์หุบเหวกลืนกินที่ซ่อนอยู่ภายในร่างหลินสวินซึ่งกำลังถูกเขาช่วงชิง ก็ถึงกับเกิดการเปลี่ยนแปลงในเวลานี้ เปลี่ยนไปจากก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง
แต่ยามไท่ชูจะสัมผัสมากกว่านี้ กลับเสียการสัมผัสต่อกลิ่นอายหุบเหวกลืนกินไปแล้ว!
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกะทันหันนี้ทำให้เขาแปลกใจโดยพลัน
แต่ไม่รอให้ไท่ชูตอบสนอง หลินสวินก็พุ่งเข้าใส่แล้ว
ตูม!
เขาซัดหมัดออกไป ลวกๆ เรียบง่าย แต่กลับเต็มไปด้วยอานุภาพเลิศล้ำยากหยั่งถึง
แขนเสื้อของไท่ชูปลิวสะบัด เข้าปะทะตรงๆ
ปัง!
ครู่ต่อมาไท่ชูก็ถูกซัดกระเด็นออกไปอย่างหนักหน่วง แสงมรรคที่อบอวลทั่วร่างเขาล้วนพลิกม้วนรุนแรงระลอกหนึ่ง มีร่องรอยใกล้จะสลายไปอยู่รางๆ
“ไป!” ไท่ชูยื่นนิ้วชี้ออกมา
กลุ่มแสงเพลิงไพศาลที่ลอยประดับในห้วงอากาศใกล้เคียงพลันส่งเสียงครวญ ทะยานออกไปกลายเป็นทะเลเพลิงที่เวิ้งว้างไร้สิ้นสุดครอบเข้าใส่หลินสวิน
ตูม!
ก็เห็นเงาร่างหลินสวินเหยียดขยาย กระแสเพลิงท่วมฟ้าดุจดั่งหมื่นกระแสคืนถิ่น ถูกเงาร่างเขากลืนกินหมดสิ้น
ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นพลังพรสวรรค์ที่ถือกำเนิดที่นี่ แต่ตอนนี้กลับถูกหลินสวินกวาดเกลี้ยงราววาฬใหญ่กลืนสมุทร ภาพนั้นทำเอานัยน์ตาไท่ชูหดรัด
“ตอนนี้เจ้ายังคิดว่าความทุ่มเทของอาจารย์ข้าสูญเปล่าหรือไม่”
หลินสวินเอ่ยปากเรียบๆ
ไท่ชูถอนใจเบาๆ “เป็นตัวแปรที่ไม่เคยมีมาก่อนดังคาด หากข้าเดาไม่ผิด ที่เจ้าสามารถรักษาหุบเหวกลืนกินไว้ได้ ทั้งทำให้มันแปลงแปลง น่าจะเกี่ยวข้องกับพลังนัยเร้นลับนิพพานนั่นใช่หรือไม่”
“ไม่ผิด”
หลินสวินก้าวออกไปอีกครั้ง พุ่งเข้าใส่ไท่ชู
กลับเห็นไท่ชูโบกมือกล่าว “ไม่ต้องสู้กันอีก ข้าย่อมหายไปจากที่นี่เอง”
แต่หลินสวินกลับไม่ได้หยุดมือ ซัดหมัดแหวกอากาศเข้าใส่
นี่ทำให้ไท่ชูแปลกใจทันใด ยังอึ้งงันอยู่บ้าง
ปึง!
ทั้งตัวเขาถูกซัดกระเด็นออกไปอีกครั้ง ผมเผ้ายุ่งเหยิง สะบักสะบอมถึงขีดสุด เงาร่างล้วนเผยสัญญาณแตกสลาย นั่นเพราะพลังเจตจำนงกำลังรั่วไหลอย่างรวดเร็ว
“เมื่อครู่เจ้าไม่ใช่สะใจมากหรือ ตอนนี้ถึงตาข้าสะใจบ้างแล้ว”
หลินสวินเอ่ยปากเนิบๆ
มุมปากไท่ชูกระตุกน้อยๆ แล้วส่ายหน้าทอดถอนใจ “รูปจำลองเจตจำนงสายหนึ่งเท่านั้น ไยต้องคิดเล็กคิดน้อยเช่นนี้”
ตูม!
ครู่ต่อมาเขาถูกซัดกระเด็นอีกครั้ง ร่างเปลี่ยนเป็นภาพดั่งมายาเริ่มสลายหายไปแล้ว
“นี่ไม่ใช่คิดเล็กคิดน้อย หากแต่เจ้าทำให้ข้าไม่สบอารมณ์ยิ่ง ข้าต้องระบายอารมณ์สักหน่อยถึงจะได้”
หลินสวินกล่าวง่ายๆ
“ฮ่าๆ น่าสนใจ”
กลับเห็นไท่ชูแหงนหน้าหัวเราะเสียงดัง “บางทีสิ่งที่ร่างต้นของข้ารอคอยก็คือตัวแปรเช่นเจ้า สหายน้อย รอยามเจ้าไปถึงแดนเทพมากเร้น ข้าก็ขอระบายอารมณ์ขุ่นข้องนี้สักหน่อยเช่นกัน”
เสียงยังคงก้องสะท้อน เงาร่างของเขาสลายหายไปโดยสมบูรณ์แล้ว
หลินสวินเก็บหมัดที่เพิ่งเงื้อขึ้น รู้สึกเสียดายอยู่บ้าง แม้ว่ารูปจำลองเจตจำนงของเจ้าหมอนี่จะแข็งแกร่ง แต่กลับซัดไม่ลงอยู่บ้าง…
ฮู่ว…
หลินสวินพ่นลมหายใจยาว สายตามองรอบบริเวณ
แม้ว่ากลุ่มแสงเพลิงไพศาลไร้ขอบเขตก่อนหน้านี้จะถูกเขากลืนกินหมด แต่ในห้วงอากาศตอนนี้ก็มีกลุ่มแสงเพลิงมากมายกำลังผุดออกมาเป็นดวงๆ
หลินสวินสัมผัสได้ว่ากลุ่มแสงเพลิงที่ถูกเขากลืนกินไปในร่างเหล่านั้นล้วนกลายเป็นพลังพรสวรรค์หลากหลายรูปแบบ เบียดเสียดแน่นขนัด นับไม่หวาดไม่ไหว
และยามหลินสวินโคจรมรรควิถีในตัว พลังพรสวรรค์เหล่านี้ล้วนถูกหลอมทั้งหมด กลายเป็นพลังบ่อเกิดแรกกำเนิดที่บริสุทธิ์โปร่งใสเป็นสายๆ ผสานเข้าสู่มรรควิถีในตัวหลินสวิน
ทันใดนั้นการหยั่งรู้แปลกพิสดารที่บอกไม่ถูกสารพัดทะลักสู่กลางใจหลินสวิน
“ไท่ชูนี่ไม่ได้หลอกข้า บ่อเกิดแรกกำเนิดของฟ้าดินนี้สามารถฟูมฟักและสร้างพลังพรสวรรค์ได้จริงๆ ดุจดั่งร่างมารดาของพรสวรรค์ทั้งหมดในโลก ก่อนหน้านี้เป็นเพราะไท่ชูใช้พลังระดับนี้จนเกือบชิงพลังพรสวรรค์ของข้าไป…”
เนิ่นนานหลินสวินเอ่ยเสียงพึมพำ
บ่อเกิดแรกกำเนิดเช่นนี้เรียกได้ว่าเป็นการ ‘มอบวิญญาณ’
และเพราะการปรากฏของต้นกำเนิดมอบวิญญาณจึงทำให้ชีวิตเปลี่ยนแปลงแตกต่างกัน ทำให้ชีวิตต่างๆ ในโลกมีพรสวรรค์ที่แตกต่างกัน!
และเป็นเวลานี้ หลินสวินถึงได้เข้าใจว่าเหตุใดไท่ชูจึงมองที่นี่เป็นมุมหนึ่งของเขตผนึกชีวิต
เพราะต้นกำเนิดมอบวิญญาณแห่งนี้เกี่ยวโยงถึงแก่นอัศจรรย์บางส่วนของนัยเร้นลับแห่งชีวิตจริงๆ!