ตอนที่ 3184 นิพพานและตัวแปร

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอนที่ 3184 นิพพานและตัวแปร

หลินสวินใคร่ครวญไปพลางสาวเท้ามาหยุดตรงหน้าแท่นมรรคที่ไท่ชูนั่งก่อนหน้านี้

แท่นมรรคนี้ซึมซับท่วงทำนองศักดิ์สิทธิ์มหามรรคของไท่ชูมานานปี เปลี่ยนเป็นเหนือธรรมดา อย่าว่าแต่ผู้ฝึกปราณทั่วไป แม้แต่ขั้นไร้ขอบเขตนั่งอยู่บนนั้นก็ยังสัมผัสถึงร่องรอยมรรคอันเป็นเอกลักษณ์และมหัศจรรย์ได้มากมาย

‘ปีนั้นไท่ชูเข้าสู่ที่แห่งนี้ พลังพรสวรรค์ที่หยั่งรู้ได้มีนับไม่ถ้วน เท่ากับเข้าใจนัยเร้นลับส่วนหนึ่งของต้นกำเนิดชีวิตแล้ว แค่ไม่รู้ว่าเขาในตอนนี้จะแข็งแกร่งถึงขั้นไหนกันแน่…’

หลินสวินใคร่ครวญก่อนโบกแขนเสื้อคราหนึ่ง

แท่นมรรคที่ไท่ชูทิ้งไว้ตรงหน้านี้พลันกลายเป็นเถ้าธุลี อันตรธานหายไปจากโลกโดยสมบูรณ์

จากนั้นหลินสวินหมุนตัวจากไป

ครอบครองเรือนิรันดร์ก็เหมือนครอบครองกุญแจเปิดประตูนิรันดร์ ทำให้ภายหน้าเขาสามารถเข้ามาที่นี่ได้ทุกเมื่อ จึงไม่อยากเสียเวลาอยู่ที่นี่ในเวลานี้…

แดนเทพมากเร้น

ในโลกดุจดั่งแรกกำเนิดแถบหนึ่ง

จู่ๆ ส่วนลึกใต้พิภพก็มีเสียงหัวเราะสายหนึ่งดังขึ้น เริ่มแรกเบาหวิวไม่ค่อยได้ยิน แต่ต่อมาเสียงหัวเราะนี้เริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ สะเทือนจนฟ้าดินแถบนี้สั่นไหวรุนแรง ความขุ่มมัวแรกกำเนิดพลิกม้วน

อีกาดำที่เกาะบนต้นไม้แห้งสะเทิ้มไปทั้งตัว นี่เจ้าลัทธิเป็นอะไรไปอีก

ระยะนี้ตั้งแต่รู้ว่าหลินสวินมาถึงแหล่งสถานอัศจรรย์ อีกาดำก็สังเกตเห็นว่าเจ้าลัทธิมีอาการผิดปกติเช่นนี้ไม่เพียงแค่ครั้งเดียว

และครั้งนี้เห็นชัดว่ารุนแรงกว่าเดิมอยู่บ้าง เพราะเสียงหัวเราะนั่นดังเกินไปจริงๆ สะเทือนจนอีกาดำยังไม่อาจไม่โคจรมรรควิถีเต็มกำลัง กว่าจะเลี่ยงไม่ให้กระทบกระเทือนจนได้รับบาดเจ็บ

“อีกาน้อย หลินสวินนี่ช่างไม่ทำให้ข้าผิดหวังจริงๆ รอดูเถอะ ยามเขามาถึงแดนเทพมากเร้น ก็ถึงคราวที่ข้าหลุดพ้นจากโซ่กระบี่นี่แล้ว ฮ่าๆๆๆ!”

เสียงของราชันไท่ชูดังขึ้น เสียงหัวเราะนั้นทะยานขึ้นชั้นเมฆ สะเทือนจนฟ้าดินอับแสง ภูผาธาราล้วนสั่นไหว

อีกาดำอึ้งงันครู่หนึ่ง ก่อนตื่นเต้นขึ้นมาพลัน

แดนเทพอัศจรรย์ โลกย้อนกำเนิด

ในเรือนเงียบสงบแห่งนั้นในเมืองหนานเคอ

ยามเห็นหลินสวินเดินออกจากประตูนิรันดร์โดยสวัสดิภาพ ซู่หวั่นจวินลอบทอดถอนใจแล้วยิ้มกล่าว “เป็นอย่างไร”

ซย่าจื้อก็เคลื่อนนัยน์ตาใสกระจ่างไปมองเช่นกัน

“ถือว่าราบรื่น”

เมื่อหลินสวินเดินออกมา ประตูนิรันดร์ก็อันตรธานหายไปพร้อมกัน

“มานั่งคุยกัน” ซู่หวั่นจวินชี้เก้าอี้หวายในลาน ตนนั่งลงบนเก้าอี้หนึ่งในนั้นก่อน จากนั้นหยิบกาสุราออกมายื่นให้หลินสวินผ่านอากาศ

หลินสวินเอนกายลงบนเก้าอี้หวาย ดื่มสุราอึกหนึ่งถึงค่อยเล่าเรื่องราวภายในประตูนิรันดร์ให้ฟังทั้งหมด ไม่ได้ปิดบังอะไร

และโลกในประตูนิรันดร์นี้ก็ถูกหลินสวินเรียกว่า ‘โลกมอบวิญญาณ’

ยามรู้ว่าจักรพรรดิเทพรัตติกาลนิรันดร์อดีตชาติของซย่าจื้อ แปลงมาจากพลังพรสวรรค์สายหนึ่งที่ถือกำเนิดในโลกมอบวิญญาณนั่น ซู่หวั่นจวินหันมองซย่าจื้อที่นั่งอยู่ข้างหลินสวินปราดหนึ่งอย่างอดไม่ได้

แม้แต่นางยังสะท้านสะเทือนยิ่ง ไม่อาจจินตนาการว่าพลังพรสวรรค์ก็ถึงกับมีชีวิตได้

แต่ใบหน้าเล็กที่งดงามไร้ผู้ใดเทียมของซย่าจื้อกลับราบเรียบสงบนิ่ง เสมือนกำลังฟังเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับตัวเอง

อันที่จริงนางแบ่งแยกตนเองและจักรพรรดิเทพรัตติกาลนิรันดร์ออกจากกันนานแล้ว ไม่เคยได้รับอิทธิพลจากจักรพรรดิเทพรัตติกาลนิรันดร์ ย่อมไม่มีความรู้สึกอะไรในใจ

“แผนการที่ไท่ชูทิ้งไว้ในปีนั้นล้มเหลวแล้ว และต่อไปเจ้าก็ไม่ต้องกังวลว่าพลังพรสวรรค์จะส่งผลกระทบต่อตนเองอีก นี่เป็นเรื่องดีที่สุดแล้ว”

ซู่หวั่นจวินเอ่ย “แต่ร่างต้นของเขายังคงอยู่ หากข้าเดาไม่ผิด เกรงว่าร่างต้นของเขาคงรู้เรื่องที่เกิดในโลกมอบวิญญาณนานแล้ว”

หลินสวินพยักหน้าน้อยๆ “นี่ย่อมแน่นอน”

แม้ว่าที่เขาได้พบก่อนหน้านี้จะเป็นเพียงรูปจำลองเจตจำนงของไท่ชู แต่ความเฉยชาสุดขั้ว เยือกเย็นสุดขีดของอีกฝ่ายยังคงทิ้งภาพจำฝังลึกให้กับหลินสวิน

“ผู้อาวุโส หากบอกว่าในโลกนี้มีมรรคาที่สูงกว่ามรรคานิรันดร์ ตามความเห็นข้าย่อมต้องเป็นการเสาะหาแก่นแท้ของชีวิต หรืออาจเรียกว่าเป็นมรรคแห่งชีวิตก็ได้”

หลินสวินกล่าวเสียงเบา “และหากไท่ชูไม่ได้พูดปด ตามความเห็นเขา แดนเทพอัศจรรย์นั่นก็คือ ‘เขตผนึกชีวิต’ ที่ซุกซ่อนภายในนั้นย่อมเป็นนัยเร้นลับที่เกี่ยวข้องกับต้นกำเนิดชีวิต เช่นเดียวกับโลกมอบวิญญาณ นั่นก็ตั้งอยู่ในแดนเทพอัศจรรย์”

“มรรคแห่งชีวิต…”

ซู่หวั่นจวินจมสู่ห้วงคิด เนิ่นนานกว่าจะกล่าวพึมพำ “หากเป็นเช่นนี้ เขาเลือกไปเกิดในวัฏจักรฝึกปราณใหม่ก็เพื่อเสาะหามรรคานี้ใช่หรือไม่”

“น่าจะเป็นเช่นนั้น”

หลินสวินกล่าวเสียงขรึม “วัฏจักรเดิมก็เป็นหนทางเกิดใหม่ที่เป็นเหมือนสิ่งต้องห้ามอยู่แล้ว เกี่ยวโยงถึงการเปลี่ยนแปลงและเวียนว่ายของชีวิต และผู้อาวุโสมือกระบี่คนนั้นสามารถฝึกปราณใหม่อีกครั้งในวัฏจักรได้ ย่อมหมายความว่าเขาสัมผัสถึงนัยเร้นลับส่วนหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับมรรคแห่งชีวิตแล้ว”

เขาเว้ยช่วงก่อนเอ่ยต่อ “ยิ่งกว่านั้น ไท่ชูถึงขั้นสามารถหยั่งถึงนัยเร้นลับบางส่วนในมรรคแห่งชีวิต แต่โซ่กระบี่ที่ผู้อาวุโสมือกระบี่คนนั้นเหลือทิ้งไว้กลับขังไท่ชูได้จนถึงตอนนี้ นี่พิสูจน์ชัดแล้วว่าความเข้าใจต่อมรรคแห่งชีวิตของผู้อาวุโสมือกระบี่ไม่ด้อยไปกว่าไท่ชู”

ซู่หวั่นจวินร้องอืมคราหนึ่ง จู่ๆ ก็ตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง “สหายน้อย จากที่เจ้ามาว่ามา พลังนิพพานที่เจ้าครอบครองย่อมไม่ธรรมดาเช่นเดียวกัน… ช่างเถอะ ไม่คุยเรื่องพวกนี้แล้ว สำหรับข้า สุดท้ายมรรคแห่งชีวิตนี่ก็เบาบางเกินไป ไม่ควรค่าให้เปลืองความคิดเพราะมัน”

นางไม่ได้ใคร่รู้ เพียงแต่นางรู้ดียิ่งว่าสิ่งนี้เกี่ยวโยงถึงความลับแกนหลักในมรรคาของหลินสวิน ไม่เหมาะจะนำพูดคุย

แต่หลินสวินกลับไม่ใส่ใจอย่างเห็นได้ชัด ยิ้มกล่าว “ตอนนี้ข้าเพิ่งเข้าใจในที่สุดว่าเหตุใดทั้งอาจารย์ของข้า หรือพวกจักจั่นทอง ผู้อาวุโสเฉินซีล้วนมองข้าเป็นตัวแปร สาเหตุเกี่ยวข้องกับพลังนิพพานนี้อย่างที่ผู้อาวุโสว่ามา”

นัยน์ตาเขาทอประกายละเอียดอ่อน “นิพพาน พลังอย่างหนึ่งที่สามารถสร้างสิ่งมีชีวิตขึ้นใหม่อีกครั้ง ทำให้มันเปลี่ยนแปลงได้ การครอบครองพลังระดับนี้ก็เปรียบเสมือนมีความสามารถดั่งหงส์เพลิงเกิดใหม่ในกองไฟ ดักแด้โผล่จากรังไหมกลายเป็นผีเสื้อ สิ่งที่ปรากฏคือการเปลี่ยนแปลงของชีวิต และสำหรับผู้ที่พยายามเสาะหามรรคแห่งชีวิต การมีอยู่ของพลังนิพพานย่อมเห็นชัดว่าน่าตกใจหาใดเปรียบ…”

“ว่ากันถึงที่สุด แก่นแท้ของมรรคแห่งนิพพานก็อยู่ที่คำว่า ‘เปลี่ยนแปลง’ สามารถสร้างมหามรรคขึ้นใหม่ สามารถทำให้ชีวิตเปลี่ยนแปลงได้… และข้าที่ครอบครองพลังระดับนี้ก็กลายเป็น ‘ตัวแปร’”

ใช่แล้ว เวลานี้หลินสวินเข้าใจความหมายของพลังนิพพานโดยสมบูรณ์แล้ว และเข้าใจในที่สุดว่าเหตุใดตนจึงถูกมองเป็นตัวแปร

มหามรรคห้าสิบ อุบัติฟ้าสี่สิบเก้า รอดพ้นเพียงหนึ่ง

ก่อนหน้านี้นานมาแล้ว ตนกลายเป็นผู้สืบทอดคนที่ห้าสิบของคีรีดวงกมล ถูกเหล่าศิษย์พี่มองเป็น ‘หนึ่ง’ ที่รอดพ้น

กระทั่งตนครอบครองนัยเร้นลับนิพพานในแดนปรินิพพาน ‘หนึ่ง’ อย่างตนก็กลายเป็นตัวแปรแล้ว

ตัวแปรที่สามารถทำลายทุกสิ่งในอดีต ล้มล้างความเข้าใจของทั้งโลกได้

เพียงแต่ก่อนหน้านี้หลินสวินไม่เคยคิดมาก่อนว่านัยเร้นลับนิพพานจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับมรรคแห่งชีวิต ส่งผลให้ก่อนหน้านี้เขาไม่เข้าใจมาโดยตลอดว่าเหตุใดตนจึงกลายเป็นตัวแปร

แต่ตอนนี้เขาเข้าใจแล้ว

และนึกถึงเรื่องราวในอดีตขึ้นมามากมาย

อย่างเช่นเขาเคยใช้นัยเร้นลับนิพพานมอบชีวิตให้ถังเจียงศิษย์ของตนอีกครั้ง ทำให้นางได้รับชีวิตใหม่

เขายังเคยช่วยให้ศิษย์พี่ใหญ่ฟื้นคืนชีพจากความตายในทะเลโชคชะตาเช่นกัน

ถึงขั้นที่แม้แต่พลังมหามรรคสูงสุดอย่างโชคชะตา กาลเวลา ห้าระเบียบแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ กฎระเบียบศุภโชค ล้วนสามารถผสานรวมในมรรคนิพพานได้อย่างหมดจด!

ก่อนหน้านี้หลินสวินไม่เคยคิดถึงสิ่งเหล่านี้สักนิด

แต่ตอนนี้มาคิดดู กลับพบโดยพลันว่าเป็นเพราะนัยเร้นลับนิพพานเกี่ยวโยงถึงมรรคแห่งชีวิต ดังนั้นจึงสามารถครอบครองพลังที่น่าเหลือเชื่อขนาดนั้นได้!

ซู่หวั่นจวินนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งแล้วกล่าว “สหายน้อย เช่นนั้นเจ้ามีความเห็นอย่างไรที่ตนเป็นตัวแปร”

หลินสวินดื่มสุราอึกหนึ่งค่อยเอ่ย “พูดอย่างไม่ปิดบัง ข้าคิดมาตลอดจนถึงตอนนี้ว่าเป็นเพราะข้าแข็งแกร่งมากพอจึงกลายเป็นตัวแปรที่ว่าได้ ไม่ใช่เพราะตัวแปรทำให้เส้นทางฝึกปราณของข้าแข็งแกร่งขึ้น หากพูดถึงคำถามที่ว่าข้ามีความเห็นอย่างไรที่กลายเป็นตัวแปร ง่ายดายยิ่ง ข้าไม่เคยสนใจสักนิด”

“ไม่สนใจหรือ”

“ใช่ ไม่สนใจ”

หลินสวินพยักหน้า

ซู่หวั่นจวินแปลกใจอยู่บ้างอย่างไม่อาจเลี่ยง ตามความเห็นของนาง หากหลินสวินไม่รู้สึกกดดันสุดขีด ก็ต้องตื่นเต้นดีใจที่ตนกลายเป็นตัวแปรที่ไม่เคยมีมาก่อนในอดีต

แต่สิ่งเดียวที่คิดไม่ถึงคือหลินสวินกลับไม่หือไม่อือต่อคำถามนี้สักนิด!

“ไม่ว่าจะเป็นหุบเหวกลืนกินหรือพลังนิพพาน สำหรับข้าล้วนเป็นส่วนหนึ่งของมรรคา แต่มรรคาของข้าไม่ได้ถูกตัดสินจากพลังเหล่านี้เด็ดขาด”

หลินสวินกล่าวเสียงเบา “ก็เหมือนชีวิตของข้า ตัวข้าก็เป็นเจ้าชีวิต หากพูดหนักหน่วงหน่อย ถ้ามีวันใดที่หุบเหวกลืนกินหรือพลังนิพพานกลายเป็นตัวถ่วงในมรรคาของข้า ข้าก็จะตัดมันทิ้งไปโดยไม่ลังเลแต่อย่างใด”

ในใจซู่หวั่นจวินสั่นสะท้าน กล่าวว่า “การที่เจ้าพิจารณามรรคาของตนเช่นนี้ช่างหาได้ยากจริงๆ”

หลินสวินบิดขี้เกียจบนเก้าอี้หวาย จากนั้นลุกขึ้นยืนแล้วกล่าว “ผู้อาวุโส ข้าไปนั่งสมาธิฝึกปราณก่อน”

ซู่หวั่นจวินยิ้มกล่าว “รีบไปเถอะ”

ภายในห้อง

หลินสวินนั่งขัดสมาธิ

ก่อนหน้านี้ในโลกมอบวิญญาณระหว่างการประชันกันของเขาและไท่ชู เขาใช้พลังของนัยเร้นลับนิพพานสร้างหุบเหวกลืนกินขึ้นมาใหม่ ทำให้พรสวรรค์เกิดการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน และช่วยให้ตนแคล้วคลาดเพราะเหตุนี้

เวลานี้เมื่อหลินสวินสงบจิตสัมผัส ก็พบว่าพลังพรสวรรค์ของตนออกจากตำแหน่งชีพจรปราณโดยสมบูรณ์แล้ว คล้ายผสานเข้าสู่มรรควิถีในร่างตนราวกับหิมะละลายในน้ำ

นี่ก็หมายความว่า นับแต่นี้ไปพรสวรรค์หุบเหวกลืนกินของเขาไม่ได้อยู่อย่าง ‘เอกเทศ’ นอกมรรคาอีกต่อไป หากแต่หลอมรวมในมรรควิถีในตัวโดยสมบูรณ์เช่นเดียวกับพลังปราณ เจตจำนง สภาวะจิต และพลังมหามรรค!

และเพราะเป็นเช่นนี้ โลกมอบวิญญาณก่อนหน้านี้ ต่อให้รูปจำลองเจตจำนงของไท่ชูครอบครองพลังแห่งต้นกำเนิดมอบวิญญาณ ก็ไม่อาจเกิดผลกระทบและการควบคุมใดๆ ต่อพลังพรสวรรค์ที่เขาครอบครองได้อีก

‘ข้าในอดีตทำไปเพียง ‘หมื่นมรรครวมเป็นหนึ่ง หมื่นวิชารวมเป็นหนึ่ง หมื่นสรรพสิ่งรวมเป็นหนึ่ง’ แต่มีเพียงพลังพรสวรรค์ที่ไม่เคยผสานลงไปในมรรคาอย่างแท้จริง ประสบการณ์ครั้งนี้แม้จะอันตราย แต่ก็ทำให้ข้าได้โชคในทุกข์ ผสานพรสวรรค์เข้ากับมรรควิถีโดยสมบูรณ์…’

หลินสวินสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าเมื่อตนผสานพลังพรสวรรค์เข้ามา พลังปราณในตัวถึงกับเลื่อนขั้นขึ้นอีกก้าว!

‘ใกล้แล้ว ขาดเพียงก้าวเดียวก็สามารถบรรลุถึงขั้นไร้ขอบเขตสัมบูรณ์ได้ และถึงตอนนั้นมรรคานิรันดร์ของข้าก็เรียกได้ว่าสัมบูรณ์สูงสุดแล้ว…’

เวลานี้ในใจหลินสวินปรากฎลางสังหรณ์อันแรงกล้าขึ้นมา มรรควิถีของตนก็เหมือนถ้วยชาที่น้ำใกล้เต็ม เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายและสัญญาณที่เฉียดใกล้ ‘สัมบูรณ์’ นั่นแล้ว!

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท