คำเตือนของฉือเชียนจีแฝงความเป็นห่วงและกังวลอย่างเต็มเปี่ยม
เขาไม่รู้ว่าหลินสวินมาจากโลกแปรปุถุชนถึงที่นี่อย่างไร ยิ่งไม่รู้ว่าหลินสวินในตอนนี้แตกต่างจากเมื่อก่อนนานแล้ว
ทว่ายิ่งเป็นเช่นนี้ยิ่งทำให้ในใจหลินสวินซาบซึ้ง
เปลี่ยนเป็นคนอื่น ภายใต้สถานการณ์ที่รู้ดีว่าตนถูกเก้าภาคีไท่ชูมองเป็นศัตรู ยังจะกล้าเตือนตนเหมือนอย่างฉือเชียนจีหรือ คงรีบตัดขาดความสัมพันธ์นานแล้ว!
ถึงอย่างไรขุมอำนาจของราชันไท่ชูก็กระจายไปทั่วแหล่งสถานอัศจรรย์ เรียกได้ว่าเป็นขุมอำนาจอันดับหนึ่ง ใครจะกล้าเข้ามายุ่งในน้ำขุ่นนี้
‘ผู้อาวุโส ท่านวางใจเถอะ ต่อให้พวกเขาไม่มาเล่นงานข้า ข้าก็จะไปหาพวกเขา’ หลินสวินสื่อจิตเสียงเบา
ฉือเชียนจีอึ้ง อดพูดไม่ได้ ‘เจ้าจะฝืนไม่ได้เชียว ที่นี่คือแหล่งสถานอัศจรรย์ แตกต่างจากทะเลโชคชะตาโดยสมบูรณ์’
หลินสวินกล่าว ‘ผู้อาวุโสคิดว่าข้าเป็นคนบ้าคลั่งวู่วามหรือ’
‘แน่นอนว่าไม่ใช่’
ฉือเชียนจีตอบโดยไม่คิดด้วยซ้ำ เขาพลันเข้าใจทันที อดมองหลินสวินอีกรอบไม่ได้ “เจ้ามั่นใจมากพอหรือ”
หลินสวินพยักหน้า
สายตาของฉือเชียนจีเปลี่ยนเป็นละเอียดอ่อน ไม่ได้เกลี้ยกล่อมอะไรอีก
ตั้งแต่ยามอยู่ทะเลโชคชะตาเขาก็เข้าใจการกระทำของหลินสวินแล้ว และรู้ดีว่ายามหลินสวินกล้าเผยท่าทีเช่นนี้ ย่อมต้องมีความมั่นใจ!
‘ก็ถูก ไม่ได้เจอกันแค่ไม่กี่ปี เขาก็มาถึงโลกพันเคราะห์ได้แล้ว มรรควิถีของเขาคงเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างพลิกฟ้าพลิกดินนานแล้ว…’
ฉือเชียนจีลอบกล่าวในใจ
เพียงแต่เข้าใจก็ส่วนเข้าใจ เขาดูไม่ออกว่ามรรควิถีในตอนนี้ของหลินสวินแข็งแกร่งถึงขั้นไหนแล้ว
เวลาหนึ่งถ้วยชาหลังจากนั้น
จู่ๆ…
เหนือห้วงอากาศบนแท่นเคราะห์มรรคสวรรค์ที่ถูกกลิ่นอายด่านเคราะห์แรกกำเนิดปกคลุมโดยสมบูรณ์เกิดคลื่นรุนแรงระลอกหนึ่ง จากนั้นประตูสวรรค์บานหนึ่งผุดขึ้น
“นี่… ผ่านมหาเคราะห์เก้าด่านแล้วหรือ”
ในที่นั้นฮือฮาขึ้นมาทันที สัตว์ประหลาดเฒ่าเหล่านั้นต่างเผยสีหน้าตกใจ
เพิ่งมาถึงโลกพันเคราะห์ ผู้หญิงคนนั้นก็ผ่านมหาเคราะห์เก้าด่านแล้ว ชักนำผลมรรคแรกกำเนิด ได้รับโอกาสไปจากโลกนี้!
จุดนี้ทำให้พวกเขาไม่กล้าเชื่อ
ฉือเชียนจีเองก็อดสูดหายใจสะท้านด้วยความตกใจไม่ได้ “ช่างสมกับที่เป็นผู้ที่ครอบครองกฎเกณฑ์โชคชะตา แม่นางซย่าจื้อคนนี้สุดยอดมากจริงๆ…”
“หลินสวิน ข้ารอเจ้าที่โลกกำหนดมรรค”
ซย่าจื้อมีเวลาเพียงทิ้งประโยคนี้ไว้ก่อนที่ร่างนางจะหายไปในประตูสวรรค์นั่น
เห็นทั้งหมดนี้หลินสวินกลับนิ่งสงบมาก
“ผู้อาวุโส ท่านเคยได้ยินเรื่องที่ราชันไท่ชูนั่นเคยได้รับบ่อเกิดแรกกำเนิดในโลกนี้ จนครอบครองเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพหรือไม่” เขาถาม
“แน่นอนว่าเคยได้ยิน”
ฉือเชียนจีพูด “ว่ากันว่าเรื่องนี้เป็นไปได้สูงมากว่าอาจเป็นจริง ข้าอยู่ที่นี่มาหลายปีและเคยสืบเรื่องนี้กับสหายยุทธ์มากมาย แทบจะยืนยันได้ว่าบ่อเกิดแรกกำเนิดในโลกพันเคราะห์เกี่ยวข้องกับต้นกำเนิดมรรคเคราะห์ ว่ากันถึงที่สุดเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพก็เป็นเคราะห์หนึ่ง หากหยั่งถึงต้นกำเนิดของเคราะห์ แน่นอนว่าย่อมเป็นไปได้สูงมากในการไปควบคุมและใช้เคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพ”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ข้าจะไปลองด้วยตัวเอง”
หลินสวินพยักหน้าแล้วก้าวเดินออกไปทันที
ฉือเชียนจีอึ้งงัน อ้าปากแล้วหุบลง ซย่าจื้อยังสามารถข้ามมหาเคราะห์เก้าด่านได้ ด้วยความสามารถของหลินสวินจะข้ามไม่ได้ได้อย่างไร
และสายตาของผู้ฝึกปราณบริเวณนั้นก็ถูกหลินสวินดึงดูดทันที สีหน้าแฝงความแปลกประหลาด
ก่อนหน้านี้ซย่าจื้อได้นำพาแรงจู่โจมยิ่งใหญ่มาให้พวกเขาแล้ว ตอนนี้หลินสวินยังคิดจะขึ้นแท่นเคราะห์มรรคสวรรค์อีก นี่จะไม่ได้ผู้คนตกใจได้อย่างไร
ฟุ่บ!
เงาร่างของหลินสวินพริบไหว พลันพุ่งผ่านสายฟ้าไพศาล ปรากฏตัวบนแท่นเคราะห์มรรคสวรรค์แล้ว
เมื่ออยู่บนนั้นจริงๆ จึงพบว่าแท่นเคราะห์นี้แม้จะสูงพันจั้งแต่กลับแบ่งเป็นเก้าชั้นหิน ทุกชั้นล้วนปกคลุมด้วยกลิ่นอายบ่อเกิดแรกกำเนิดที่น่ากลัวและหนาแน่น
ครืน…
ไม่รอหลินสวินสัมผัสต่อ มหาเคราะห์ด่านที่หนึ่งก็มาเยือนแล้ว
พริบตานั้นหลินสวินรู้สึกเพียงว่ามาถึงโลกที่ว่างเปล่าแห่งหนึ่ง กลิ่นอายด่านเคราะห์ไร้สิ้นสุดกลายเป็นดวงดาวมากมายพุ่งเข้าใส่ตน
หลินสวินรู้สึกเพียงว่าตนเหมือนฝุ่นเม็ดหนึ่ง
เศษฝุ่นเทียบกับดวงดาวแล้ว เป็นความต่างราวกับฟ้ากับดินอย่างแน่นอน
แต่ตอนนี้กลับมีดวงดาวที่แปลงจากพลังด่านเคราะห์ไพศาลพุ่งมาทางเขา ภาพนั้นทำให้คนสิ้นหวังจริงๆ
หลินสวินไม่ได้ถอยหนี แต่ยืนอยู่ตรงนั้นทั้งอย่างนั้น
โครม!
ดวงดาวด่านเคราะห์ดวงหนึ่งส่งเสียงดังสนั่น ถูกฝ่ามือเขาตบแหลกละเอียด แสงเคราะห์สาดกระเซ็นทั่วฟ้า
ดูเหมือนสบายๆ มาก ทว่าจากนั้นมีดวงดาวนับไม่ถ้วนโจมตีมาแน่นขนัด กลบท่วมเงาร่างของหลินสวินในทันที
ตูมๆ โครม…
ในฟ้าดินปานว่างเปล่านั้นมีเสียงดังไม่หยุด ราวกับสายฟ้ามหาศาลกำลังปั่นป่วน สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าตำแหน่งที่หลินสวินยืนอยู่ตอนแรกมีดวงดาวแน่นขนัดระเบิดออก ซัดกระแสแสงเคราะห์ไร้สิ้นสุดขึ้นมา แต่จากนั้นก็มีดวงดาวมากมายพุ่งมาอีก
ทำให้ในฟ้าดินผืนนั้นเต็มไปด้วยแสงเคราะห์และเสียงอึงอลไม่หมดสิ้น
ก็ไม่รู้นานเท่าไร…
ตูม!
หุบเหวใหญ่แห่งหนึ่งปรากฏ เริ่มแรกมีขอบเขตเพียงสิบจั้ง จากนั้นกลายเป็นร้อยจั้ง พันจั้ง หมื่นจั้ง… ในระหว่างนี้ดวงดาวด่านเคราะห์นับไม่ถ้วนถูกกลืนกินราวกับวัวโคลนจมทะเลก็ไม่ปาน
จนสุดท้ายฟ้าดินผืนนั้นถูกกลืนกิน แสงเคราะห์และดวงดาวหายไปทั้งหมด!
มหาเคราะห์ด่านที่หนึ่งกลับถูกกลืนกินในคราเดียว!
หุบเหวใหญ่กลืนกินฟ้านั่นค่อยๆ ย่อเล็กลงท่ามกลางเสียงกึกก้องระลอกแล้วระลอกเล่า สุดท้ายกลายเป็นเงาร่างสูงโปร่งของหลินสวิน
ก็เห็นว่าผิวหนังทั่วตัวเขามีแสงเคราะห์ไหลเคลื่อน กลิ่นอายทำลายล้างแผ่พุ่ง ราวกับเทพที่เดินออกจากด่านเคราะห์ อานุภาพยากคาดเดา
ตอนนี้การหยั่งรู้มหัศจรรย์มากมายพลุ่งพล่านขึ้นในใจหลินสวิน นั่นเป็นนัยเร้นลับของต้นกำเนิดแห่งเคราะห์
แต่ไม่รอเขาสัมผัสอย่างละเอียด มหาเคราะห์ด่านที่สองก็มาเยือนอีกครั้ง…
มหาเคราะห์ด่านนี้เป็นเคราะห์จิตที่แปลกประหลาดยากจะคาดเดาเช่นเดียวกัน เจาะจงเล่นงานเจ็ดอารมณ์หกปรารถนา ไม่สามารถหลบหนีได้ ทำได้เพียงเข้าปะทะ
ด้วยความสำเร็จด้านสภาวะจิตที่ ‘จิตท่องหมื่นเร้น ใจท่องหมื่นกาล’ ของหลินสวิน ยังได้รับแรงกดดันยิ่งใหญ่
แต่โชคดีที่ไม่ถึงกับรุนแรงเกินไป
เพียงพริบตาเคราะห์จิตนี้ก็ถูกหลินสวินทลายออก
หลินสวินเพิ่งจะทำลายมหาเคราะห์ด่านหนึ่งก็มีมหาเคราะห์ใหม่ปรากฏ ทุกเคราะห์ล้วนเรียกได้ว่าน่ากลัวพลิกฟ้า อันตรายหาใดเปรียบ
แต่วิธีรับมือของหลินสวินง่ายมาก เข้าปะทะกับมัน โจมตีสลาย จากนั้นกลืนกินพลังของมัน
แม้ถูกคุกคามไม่น้อย แต่ล้วนสามารถสลายและข้ามผ่านได้ทั้งหมด
……
ไกลออกไปจากแท่นเคราะห์มรรคสวรรค์
ฉือเชียนจีและพวกผู้ฝึกปราณคนอื่นๆ ต่างเฝ้ามองและรอคอย
จู่ๆ ห้วงอากาศรอบๆ ปรากฏคลื่นเป็นระลอก จากนั้นเงาร่างมากมายปรากฏกลางอากาศ มีถึงสิบเก้าคน
ผู้นำคือชายชุดอสรพิษผมแดง ทั่วร่างปรากฏโซ่เทพสว่างไสวสะดุดตามากมาย
จอมมรรควั่นจิ้ง!
พวกน่ากลัวที่มรรควิถีห่างจากจอมมรรคไร้ขอบเขตเพียงเสี้ยวเดียว
ส่วนผู้ฝึกปราณอีกสิบแปดคนข้างกายเขา ล้วนเป็นทูตชะตาสวรรค์ของภาคีอุดร
ยามเห็นพวกเขาปรากฏตัว สีหน้าของฉือเชียนจีเปลี่ยนไปทันที ผู้ฝึกปราณคนอื่นๆ ในที่นั้นแข็งทื่อไปทั้งตัว สังหรณ์ว่าพวกจอมมรรควั่นจิ้งจะมาเพราะหลินสวิน
“ทุกท่านอย่าล่าช้า ฉวยโอกาสยามเขาข้ามเคราะห์ฆ่าเขาซะ!”
มือใหญ่ของจอมมรรควั่นจิ้งโบกคราหนึ่ง
ครู่ต่อมาเขากับทูตชะตาสวรรค์คนอื่นๆ อีกสิบแปดคนต่างเรียกสมบัติลับออกมาโดยพร้อมเพรียง
ตูม!
บนสมบัติลับเหล่านี้ล้วนปรากฏพลังของเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพ ความรุนแรงของกลิ่นอายที่ปลดปล่อยออกมาทำให้ผู้ฝึกปราณทั้งที่นั้นต่างขนลุกซู่
และภายใต้การกระตุ้นของพวกจอมมรรควั่นจิ้ง สมบัติลับเหล่านี้พุ่งไปทางแท่นเคราะห์มรรคสวรรค์ที่อยู่ไกลออกไปกลางอากาศ
ตูม! ตูม! ตูม!
ชั่วขณะนั้นสมบัติลับทั้งสิบเก้าเปล่งแสงสว่างไสว พลังเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพที่แผ่ออกมาราวกับผลักภูเขาคว่ำสมุทร ทรงพลังยิ่งใหญ่ พุ่งไปทางแท่นเคราะห์มรรคสวรรค์
ทันใดนั้นฟ้าดินแถบนั้นปั่นป่วน แสงเคราะห์ต่างๆ และเสียงกึกก้องสั่นสะเทือน เหมือนกลายเป็นวันสิ้นโลกอย่างไรอย่างนั้น
เห็นทั้งหมดนี้ฉือเชียนจีสีหน้าขาวซีด จิตใจล่องลอย
เห็นชัดว่าพวกจอมมรรควั่นจิ้งเตรียมตัวมาอย่างดี ฉวยโอกาสลงมือยามหลินสวินขึ้นแท่นเคราะห์มรรคสวรรค์เพื่อกำจัดหลินสวินคราเดียว!
ส่วนผู้ฝึกปราณคนอื่นๆ ในที่นั้น แต่ละคนขนลุกซู่ กลัวจนหน้าถอดสี!
พวกจอมมรรควั่นจิ้งโหดเหี้ยมเกินไปแล้ว ทันทีที่มาถึงก็ลงมือโดยตรง และหลินสวินที่กำลังข้ามเคราะห์ก็พบเจอการโจมตีรุนแรงเช่นนี้ อย่าว่าแต่ข้ามเคราะห์ล้มเหลว คงทิ้งชีวิตในนั้นด้วยซ้ำ!
ครู่หนึ่งหลังจากนั้น
สมบัติลับสิบเก้าชิ้นนั้นหม่นแสงลง พลังเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพที่สั่งสมอยู่ภายในเห็นชัดว่าค่อยๆ แห้งเหือดลง
เห็นเช่นนี้พวกจอมมรรควั่นจิ้งต่างเก็บสมบัติลับไป
“ขนาดนี้แล้วเขาหลินสวินยังจะรอดชีวิตได้อย่างไร”
ทูตชะตาสวรรค์คนหนึ่งยิ้มพูด
“เจ้าหมอนี่ใจร้อนเกินไป เพิ่งมาถึงโลกพันเคราะห์ก็เสี่ยงขึ้นแท่นเคราะห์มรรคสวรรค์ สมควรประสบเคราะห์นี้แล้ว”
มีคนหัวเราะเยาะ
ยามสนทนาสายตาของพวกเขาจ้องแท่นเคราะห์มรรคสวรรค์ที่อยู่ไกลออกไปโดยตลอด
พร้อมกับเวลาที่ล่วงเลย บริเวณแท่นเคราะห์มรรคสวรรค์นั่นค่อยๆ กลับสู่ความสงบ
แต่เพราะมีกลิ่นอายด่านเคราะห์แรกกำเนิดปกคลุม ทำให้ไม่สามารถมองเห็นภาพภายในได้อย่างชัดเจน
“ตายแล้วหรือ”
มีคนอดถามไม่ได้
“คงจะประสบเคราะห์แล้ว ผลมรรคแรกกำเนิดไม่ได้ปรากฏ ประตูสวรรค์ก็ไม่เผยออกมา หากเขายังมีชีวิตอยู่ แม้ข้ามเคราะห์ล้มเหลวก็ควรจะออกมาจากแท่นเคราะห์มรรคสวรรค์นั่นแล้ว…”
มีคนพูดเสียงเบา
“หรือเขายังมีชีวิตอยู่ ข้ามเคราะห์อยู่ตลอด”
มีคนขมวดคิ้วพูด
“หากเขาสามารถรอดชีวิต ให้ข้าปาดคอฆ่าตัวตายก็ยังได้!”
จอมมรรควั่นจิ้งพูดเสียงเย็นชา
เมื่อนานมาแล้วพวกเขาเคยใช้วิธีนี้ ก่อกวนศัตรูคนหนึ่งยามข้ามเคราะห์ ทำให้อีกฝ่ายทิ้งชีวิตบนแท่นเคราะห์มรรคสวรรค์
ตอนนี้พวกเขาใช้วิธีเดิม หลินสวินยังจะรอดชีวิตได้อย่างไร
แต่ตอนนี้เองบนแท่นเคราะห์มรรคสวรรค์ที่ถูกกลิ่นอายด่านเคราะห์แรกกำเนิดปกคลุมกลับมีเสียงเรียบเฉยดังมา
“เช่นนั้นเจ้าก็ฆ่าตัวตายตอนนี้เลย”
ทั้งที่นั้นเงียบกริบ ทุกคนแทบไม่กล้าเชื่อหูตัวเอง
หลินสวินกลับยังมีชีวิตอยู่หรือ!?
ฉือเชียนจีที่จิตใจเลื่อนลอยตื่นเต้นขึ้นมาทันที เขายังมีชีวิตอยู่ ยังมีชีวิตอยู่!!
ก็เห็นร่างสูงโปร่งของหลินสวินพุ่งออกจากแท่นเคราะห์มรรคสวรรค์ ชุดขาวพระจันทร์ไร้มลทิน ทั่วร่างกายยิ่งไม่บาดเจ็บแม้แต่น้อย
เป็นหลินสวินนั่นเอง!
จอมมรรควั่นจิ้งสีหน้าไม่น่าดู เต็มไปด้วยความยากจะเชื่อ “นี่เป็นไปไม่ได้ เจ้ายังมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร”
ทูตชะตาสวรรค์คนอื่นๆ ที่อยู่ข้างเขาก็สีหน้าเปลี่ยนไป
ใครก็คิดไม่ถึงว่าภายใต้การโจมตีกะทันหันเช่นนี้ หลินสวินกลับสามารถรอดชีวิตได้!
…………………