ตอนที่ 3189 ที่มาของเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพ

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอนที่ 3189 ที่มาของเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพ

ทั้งที่นั้นเงียบกริบ

หลินสวินมีชีวิตรอดออกจากแท่นเคราะห์มรรคสวรรค์เหนือความคาดหมายของทุกคน และทำให้พวกจอมมรรควั่นจิ้งยากจะยอมรับ

“ทำไม บอกเองว่าจะฆ่าตัวตายกลับไม่ลงมือเสียที”

หลินสวินมองไปยังจอมมรรควั่นจิ้ง น้ำเสียงแฝงความดูถูก

แววตาทุกคนล้วนแปลกประหลาด ก่อนหน้านี้จอมมรรควั่นจิ้งยังพูดอย่างมั่นใจว่าหากหลินสวินไม่ตาย ให้เขาปาดคอฆ่าตัวตายก็ยังได้

ตอนนี้หลินสวินยังไม่ตายจริงๆ

เพียงแต่จอมมรรควั่นจิ้งจะทำตามที่พูดหรือไม่

สายตามากมายมองไปยังจอมมรรควั่นจิ้ง พลันเห็นเขาสีหน้าคล้ำเขียว ในดวงตาไอสังหารน่ากลัวพวยพุ่ง แต่กลับไม่มีท่าทีจะฆ่าตัวตายสักนิด

เพียงแต่ไม่มีใครกล้าหัวเราะเยาะ ไม่ว่าอย่างไรในโลกพันเคราะห์แห่งนี้ จอมมรรควั่นจิ้งก็เป็นพวกน่ากลัวที่ไม่เป็นสองรองใครอย่างแน่นอน

“ลงมือ!”

จอมมรรควั่นจิ้งไม่อาจแบกหน้าตัวเองได้อยู่บ้าง พลันโบกมือออกคำสั่ง

ตูม!

ข้างๆ เขาทูตชะตาสวรรค์สิบแปดคนลงมือพร้อมกัน แต่ละคนเรียกสมบัติออกมา กระตุ้นวิชาชั้นยอด สำแดงลักษณ์มหามรรคน่าเหลือเชื่อมากมาย

ฟ้าดินแถบนี้สั่นไหว ประกายศักดิ์สิทธิ์ม้วนตลบ แสงมรรคสะเทือนฟ้า

กระแสทำลายล้างอันยิ่งใหญ่เกรียงไกรม้วนพัดมาทางหลินสวิน

หลินสวินสองมือไพล่หลัง นิ่งไม่ขยับ ยามกระแสพลังที่สามารถทำให้ทุกคนในที่นั้นสิ้นหวังพุ่งมา กลับถูกสกัดไว้ตรงหน้าเขา

ราวกับถูกปราการสวรรค์ไร้รูปต้านไว้อย่างไรอย่างนั้น

จากนั้น…

ตูม!

กระแสพลังกลบฟ้าดินนั่นระเบิดออก ทรุดทลายโดยพลัน ละอองแสงทั่วฟ้าล้วนสลายไปอย่างไร้ร่องรอย

แม้แต่ศาสตรามรรคนิรันดร์สิบกว่าชิ้นนั้นยังถูกซัดจนกระจัดกระจายออกไป ส่งเสียงครวญไม่หยุด

ภาพเหลือเชื่อนี้ทำให้ผู้ฝึกปราณอย่างพวกฉือเชียนจีอึ้งจนอ้าปากค้าง ไม่ขยับสักนิดกลับคลี่คลายเคราะห์สังหารตรงหน้าได้อย่างง่ายดาย!

พวกจอมมรรควั่นจิ้งเบิกตาโพลง หนังหัวชาวาบ เป็นไปได้อย่างไร!?

“ความสามารถแค่นี้ยังกล้าคิดร้ายกับข้า ช่างไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงจริงๆ”

หลินสวินส่ายหน้าเหมือนหมดความสนใจ

เสียงยังคงดังอยู่ กระบี่ครวญที่แผ่วโผยดังขึ้นมาหะหนึ่ง ปราณกระบี่เป็นสายๆ อุบัติกลางอากาศ เจตกระบี่มากมายปกคลุมเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดินโดยพลัน อัดแน่นเต็มห้วงอากาศ

ปัง!

ร่างของจอมมรรควั่นจิ้งระเบิดแหลก ถึงกับถูกเจตกระบี่สายหนึ่งบดขยี้ทั้งอย่างนั้น จิตสิ้นวสิญญาณสลาย

จากนั้นร่างของทูตชะตาสวรรค์คนอื่นๆ ต่างแตกเป็นเสี่ยงๆ ถูกปราณกระบี่เต็มฟ้าสังหารคาที่ กายจิตล้วนสลาย

ทุกอย่างเกิดขึ้นในชั่วพริบตา!

ภาพนองเลือดเผด็จการนั่น ทำให้ทุกคนในที่นั้นสั่นเทิ้มไปทั้งตัว สภาวะจิตถูกกระทบกระเทือนรุนแรง

แม้แต่ฉือเชียนจียังรู้สึกตะลึง ในใจพลิกม้วนปั่นป่วน

ก่อนหน้านี้เขาเดาได้ว่ามรรควิถีของหลินสวินเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างพลิกฟ้าพลิกดินแล้ว แต่กลับคิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะแข็งแกร่งขึ้นถึงขั้นนี้!

“มิน่ายามพบเจอการโจมตีเมื่อครู่ เขาที่กำลังข้ามด่านเคราะห์บนแท่นเคราะห์มรรคสวรรค์อยู่ยังสามารถรอดชีวิตได้…”

ฉือเชียนจีพึมพำ

ถึงตอนนี้ทูตชะตาสวรรค์ภาคีอุดรสิบเก้าคนของโลกพันเคราะห์ล้วนสิ้นชีพ!

ส่วนหลินสวินกลับหมุนตัว พุ่งเข้าไปในแท่นเคราะห์มรรคสวรรค์นั่นอีกครั้ง

ก่อนหน้านี้เขากำลังข้ามมหาเคราะห์ด่านที่เจ็ด แต่กลับถูกพวกจอมมรรควั่นจิ้งโจมตี จึงต้องหยุดเพื่อไปรับมือกับศัตรู

และตอนนี้ศัตรูถูกกวาดล้างหมดแล้ว เขาจึงข้ามด่านเคราะห์อีกครั้ง

เมื่อเห็นเงาร่างของหลินสวินหายไปแล้ว พวกเฒ่าชราในที่นั้นถึงค่อยผ่อนคลายลง สีหน้าเปลี่ยนเป็นซับซ้อนยิ่ง

“พี่ฉือ เจ้ารู้จักหลินสวินนี่ดีที่สุด เล่าเรื่องเกี่ยวกับเขาให้พวกเราฟังหน่อยได้หรือไม่”

มีคนอดประสานมือถามไม่ได้

คนอื่นๆ เองก็เคลื่อนสายตามองฉือเชียนจีเช่นกัน

“มีอะไรไม่ได้เล่า แต่ข้ากับสหายน้อยหลินรู้จักกันที่ทะเลโชคชะตา สิ่งที่รู้มีจำกัด หากทุกท่านสนใจข้าจะเล่าเรื่องที่ข้ารู้สักหน่อยก็ได้”

ฉือเชียนจีหัวเราะฮ่าๆ กล่าว

……

เวลาล่วงเลยไปทีละนิด

บนแท่นเคราะห์มรรคสวรรค์ หลินสวินข้ามมหาเคราะห์ครั้งแล้วครั้งเล่า

กระทั่งหลังจากเขาทลายมหาเคราะห์ด่านที่เก้า ก็มาถึงจุดสูงสุดของแท่นเคราะห์มรรคสวรรค์แล้ว

พลังบ่อเกิดแรกกำเนิดไหลลู่ลงอาบเงาร่างของเขาไว้ภายใน

ชั่วพริบตาหลินสวินก็รู้สึกถึงนัยเร้นลับของต้นกำเนิดเคราะห์ การหยั่งรู้ปานกระแสน้ำพรวดพราดขึ้นในใจ

เขาเหมือนมองเห็นภาพแปลกประหลาดน่าเหลือเชื่อมากมายรางๆ

การเปลี่ยนแปลงของหมื่นลักษณ์ฟ้าดิน การผันแปรของกาลเวลาเรื่องราว ล้วนมีกลิ่นอายของ ‘เคราะห์’ ดำรงอยู่

ก็เพราะตัวตนของ ‘เคราะห์’ ทำให้ทุกสิ่งบนโลกปรากฏความสมดุลและตรงข้ามของความเป็นความตาย ของการทำลายล้างและการเกิดใหม่

ต้นไม้ใบหญ้าสามารถคงอยู่อย่างแข็งแกร่งกลางสภาพอากาศเลวร้ายได้ สำแดงความยิ่งใหญ่ ขณะเดียวกันก็สามารถล้มตายแห้งเหี่ยวภายใต้สภาพอากาศต่างๆ ได้เช่นกัน

สำหรับต้นไม้ใบหญ้า สภาพอากาศเลวร้ายก็คือ ‘เคราะห์’ บ้างสามารถข้ามเคราะห์และแปรสภาพได้ บ้างกลับเหี่ยวเฉาแห้งตายในเคราะห์

นี่ก็คือความสมดุลและตรงข้ามของความเป็นความตาย การทำลายล้างและการเกิดใหม่

จากหลักการนี้อานุมานได้ว่าหมื่นลักษณ์ทั่วหล้าล้วนเป็นเช่นนี้ ล้วนมี ‘เคราะห์’ ของตน

และในการเปลี่ยนแปลงของเรื่องราวบนโลก การผันเปลี่ยนของกาลเวลา ตัวแปรอันเหลือเชื่อมากมายที่ปรากฏล้วนเกี่ยวข้องกับพิบัติเคราะห์

หากมีคนไปแสวงหาศุภโชค ก็ต้องแบกรับความเสี่ยงที่สอดคล้องกัน

อันตรายเช่นนี้ก็คือพิบัติเคราะห์

ผู้ที่สลายพิบัติเคราะห์สำเร็จจะได้รับศุภโชค ผู้ที่พ่ายแพ้เมื่อพบเจอพิบัติเคราะห์ แน่นอนว่าไม่ได้อะไรเลย

เช่นเดียวกัน การเกิดแก่เจ็บตาย รักโลภโกรธหลงของปุถุชนล้วนมีชะตาเคราะห์ดำรงอยู่ ผลลัพธ์ก็มีดีร้ายแตกต่างกัน

ส่วนผู้ฝึกปราณที่ก้าวสู่เส้นทางฝึกปราณ ‘เคราะห์’ ที่ดำรงอยู่ยิ่งมากกว่า มีเคราะห์มรรค มีเคราะห์จิต มีเคราะห์สังหาร

ความล้มเหลวและอุปสรรคทั้งปวงล้วนนับได้ว่าเป็นพิบัติเคราะห์

และไม่ว่าจะเป็นหมื่นลักษณ์ทั่วหล้า เรื่องราวบนโลก คนทั่วไปหรือผู้ฝึกปราณ เมื่อรอดพ้นเคราะห์ก็สามารถเปลี่ยนแปลงประหนึ่งนิพพานเกิดใหม่อย่างแท้จริง

หากสิ้นชีพจากเคราะห์ ทุกอย่างล้วนยุติ

ต้นกำเนิดเคราะห์ ว่ากันถึงที่สุดก็คือการผสานรวมของพลังทำลายล้างและแปรเปลี่ยนสองชนิด

ผู้ฝึกปราณผ่านอสนีเคราะห์และทะลวงระดับ ในอสนีเคราะห์นั่นเต็มไปด้วยพลังทำลายล้างและแปรเปลี่ยนที่สัมผัสได้โดยตรงที่สุด

ระหว่างที่หยั่งรู้นัยเร้นลับต้นกำเนิดเคราะห์มากขึ้นเรื่อยๆ หลินสวินก็เริ่มเข้าใจได้รางๆ แล้ว

คำว่า ‘สับเปลี่ยนยุคสมัย’ เป็นเคราะห์ที่เพ่งเล็งอารยธรรมยุคสมัยหนึ่ง เมื่ออารยธรรมยุคสมัยหนึ่งแข็งแกร่งมากพอ ก็สามารถดำรงอยู่ต่อไปในการเปลี่ยนแปลงได้ กลับคืนสู่แหล่งสถานศุภโชค

หากเป็นตรงกันข้ามก็จะหายไปอย่างสิ้นเชิง

และอย่างเคราะห์มรรคห้าเสื่อมที่เจาะจงเล่นงานผู้ฝึกปราณทั่วไป เคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพที่เจาะจงเล่นงานขั้นไร้ขอบเขต ก็เป็นเช่นนี้เช่นกัน

ผู้ที่ข้ามผ่าน สามารถครอบครองพลังมหามรรคที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าได้ ทำให้มรรควิถีของตนเกิดการแปรสภาพ

หากข้ามไม่พ้นก็จะร่วงหล่นสิ้นชีพ

เพียงแต่เคราะห์ของการสับเปลี่ยนยุคสมัย เรียกได้ว่าเป็นเคราะห์ที่น่ากลัวที่สุดในโลก ทันทีที่เคราะห์นี้ปรากฏ หมื่นเคราะห์ติดตาม ดึงดูดด่านเคราะห์นับไม่ถ้วนให้ปรากฏ อย่างเช่นเคราะห์มรรคห้าเสื่อม เคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพเป็นต้น

และเป็นตอนนี้เองที่หลินสวินเข้าใจในที่สุด ว่าเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพที่ทำให้ขั้นไร้ขอบเขตทั่วหล้าหวาดหวั่น ต้นกำเนิดของมันก็อยู่ที่แหล่งสถานอัศจรรย์!

พูดให้ถูกต้อง เคราะห์นี้มาจากแดนเทพอัศจรรย์

แดนเทพอัศจรรย์ถูกไท่ชูเรียกว่าเขตผนึกชีวิต สิ่งที่สั่งสมอยู่ภายในเป็นไปได้สูงยิ่งว่าจะเป็นแก่นอัศจรรย์ต้นกำเนิดของชีวิต ซึ่งก็คือมรรคแห่งชีวิต

ส่วนเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพกลับเป็นมหาเคราะห์ที่เพ่งเล็งชีวิตของขั้นไร้ขอบเขต จากคำว่า ‘ชีพ’ ในชื่อเคราะห์นี้ก็สามารถดูออกได้

ดังนั้นการที่ต้นกำเนิดเคราะห์นี้มาจากแดนเทพอัศจรรย์ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก

อีกทั้งต้นกำเนิดเคราะห์ในโลกพันเคราะห์นี้ทำให้หลินสวินสามารถหยั่งถึงกลิ่นอายความมหัศจรรย์เหล่านี้ ในที่สุดก็ได้รู้ว่าเหตุใดไท่ชูจึงสามารถยืมใช้และควบคุมพลังของเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพได้

เหตุผลเพราะไท่ชูเคยหยั่งถึงนัยเร้นลับของต้นกำเนิดเคราะห์ นี่เท่ากับว่าครอบครองวิธีใช้หมื่นเคราะห์ทั่วหล้า!

และนี่ก็คือความจริงของ ‘ผู้บงการหลังม่าน’ ที่พวกเฉินซี เฉินหลินคง เจ้าแห่งคีรีดวงกมล จักจั่นทองเสาะหาอย่างยากลำบาก!

‘เบาะแสแม้ไม่ชัดแต่คงอยู่ ใครจะคิดว่าแหล่งสถานอัศจรรย์ที่ถูกขั้นไร้ขอบเขตมองว่าสามารถหลบหนีเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพ กลับเป็นสถานที่ต้นกำเนิดของเคราะห์นี้’

ชั่วขณะนี้ในใจหลินสวินรู้สึกทอดถอนใจอย่างบอกไม่ถูก

เรื่องราวบนโลกมักไม่อาจคาดเดาเช่นนี้

หลังจากเข้าสู่แหล่งสถานอัศจรรย์จนถึงตอนนี้ หลินสวินได้แก้ปริศนามากมายในใจแล้ว

ยามอยู่ในโลกแปรปุถุชน ทำให้เขาตระหนักได้ว่าบนโลกนี้มีพลังการก่อมรรคดำรงอยู่ ได้เห็นความองอาจเลิศล้ำของเฉินซี ไท่ชู และมือกระบี่ผู้นั้น

ในโลกภัยพิบัติ ทำให้เขาตระหนักได้ว่าระหว่างแหล่งสถานอัศจรรย์และแหล่งสถานศุภโชคมีความเกี่ยวข้องกัน ถึงตอนนี้ความเกี่ยวข้องระหว่างจตุโบราณสถานล้วนถูกเขาล่วงรู้ทั้งหมด

ในโลกมืดมน ทำให้เขาตัดสินได้ว่าพวกน่ากลัวอย่างไท่ชู เฉินซี ซึ่งอยู่ในแดนเทพมากเร้นมาโดยตลอด เป็นไปได้สูงมากว่าอาจจะเจอสภาพคอขวดในการฝึกปราณ

กล่าวอีกนัยหนึ่ง พวกเขาเดินมาถึงปลายสุดของมรรคานิรันดร์แล้ว เริ่มไปเสาะหามรรคาที่สูงยิ่งขึ้น ที่พลังปราณไม่สามารถทะลวงได้ เพราะพวกเขายังไม่ได้ก้าวสู่มรรคาที่สูงกว่าอย่างแท้จริง

ในโลกย้อนอดีต ทำให้หลินสวินได้รู้ที่มาของหุบเหวกลืนกิน ชาติกำเนิดของจักรพรรดิเทพรัตติกาลนิรันดร์ รับรู้ถึงมรรคแห่งชีวิต และเข้าใจอย่างสิ้นเชิงว่าที่ตนถูกมองเป็นตัวแปร เป็ฯเพราะระหว่างนัยเร้นลับนิพพานกับมรรคแห่งชีวิตมีความเกี่ยวข้องกัน

ในโลกเหง้าเลวร้าย ทำให้หลินสวินแยกแยะมรรคแห่งความดีชั่ว หลักเหตุผลจริงเท็จอย่างชัดเจน…

และในโลกพันเคราะห์แห่งนี้ ทำให้เขาหยั่งถึงนัยเร้นลับต้นกำเนิดเคราะห์ รู้ถึงต้นกำเนิดของเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพ!

สามารถพูดได้ว่าปริศนาที่กองสุมอยู่ในใจหลินสวินในอดีต หลังจากเข้าสู่แหล่งสถานอัศจรรย์ล้วนกำลังถูกคลี่คลาย จะไม่ให้เขาสะท้อนใจได้อย่างไร

จนกระทั่งครู่ใหญ่หลินสวินถึงได้สติ

‘ที่เคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพทำอะไรข้าไม่ได้ ก็เพราะพลังของนัยเร้นลับนิพพานสามารถสลายมหาเคราะห์ที่เจาะจงเล่นงานชีวิต… และตอนนี้ข้าก็เหมือนราชันไท่ชู ควบคุมนัยเร้นลับต้นกำเนิดเคราะห์ได้ ยามไปถึงแดนเทพมากเร้น ขอเพียงให้ข้าสัมผัสกลิ่นอายภายในแดนเทพอัศจรรย์ ก็สามารถใช้พลังของเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพได้เช่นกัน!’

หลินสวินพึมพำในใจ ‘ส่วนพวกอาจารย์ ผู้อาวุโสเฉินซี หลังจากมาถึงแหล่งสถานอัศจรรย์ ด้วยมรรควิถีและสติปัญญาของพวกเขาคงหยั่งถึงทั้งหมดนี้นานแล้ว…’

หลินสวินส่ายหน้า สายตามองไปยังฉือเชียนจีที่อยู่ไกลออกไปผ่านไอเคราะห์แรกกำเนิดเทาหม่นนั่น

“ผู้อาวุโส ข้าไปก่อนแล้ว”

หลินสวินประสานหมัดจากไกลๆ เสียงกังวานกลางฟ้าดิน

“สหายน้อยรักษาตัวด้วย!”

ฉือเชียนจีประสานมือ ในใจยากจะสงบเช่นกัน

ยามอยู่ในทะเลโชคชะตา แม้เขาถูกหลินสวินก้าวนำหน้าแล้ว แต่อย่างไรก็ห่างกันไม่มาก

แต่ตอนนี้เขาพลันตระหนักได้ ว่าชาตินี้ตนคงยากจะตามฝีเท้าของสหายน้อยหลินคนนี้ทันแล้ว…

——

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท