ตอนที่ 3191 มอบคุณลักษณะ สร้างแก่นอัศจรรย์
บรรยากาศอึมครึมนัก ไม่มีใครเอ่ยปาก
สำหรับเฒ่าชราอย่างพวกเขา แน่นอนว่าย่อมรู้ชัดหาใดเปรียบถึงความน่ากลัวของทูตชะตาสวรรค์ ใช่ว่าหวาดกลัวมรรควิถีของพวกเขา หากแต่หวาดกลัวขุมอำนาจที่พวกเขาอยู่
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ใครยังกล้าแทรกแซงอีก
หลินสวินเห็นดังนี้แล้วไม่แปลกใจ
แต่เขารู้ดีว่าผู้ฝึกปราณพวกนี้ติดอยู่ที่นี่นานปี ไม่มีทางไม่มีความแค้นกับทูตชะตาสวรรค์พวกนั้นแน่
แค่ชั่วขณะเขาก็ได้ยินเสียงสื่อจิตดังคาด ‘สหายน้อย โลกนี้มีทูตชะตาสวรรค์ภาคีประจิมสิบเอ็ดคน ผู้นำมีฉายามรรคว่า ‘จอมเทพลิ่วหยาง’ ปัจจุบันเขาครองอาณาเขตอยู่ที่…’
ไม่นานหลินสวินก็รู้ข้อมูลที่ตนต้องการ
เขาไม่ได้เปิดโปงฐานะของผู้สื่อจิตคนนั้น ยิ่งไม่เคยมองอีกฝ่ายสักนิด พาซย่าจื้อจากที่นี่ไปทั้งอย่างนั้น
มีบทเรียนจากการถูกจู่โจมกะทันหันในโลกพันเคราะห์ครั้งก่อน ครั้งนี้หลินสวินตัดสินใจลงมือก่อน กวาดล้างศัตรูพวกนั้นเพื่อตัดไฟแต่ต้นลม ค่อยไปกำหนดมรรคบนเขากำหนดมรรค
…
ริมทะเลสาบกว้างใหญ่แห่งหนึ่ง
จอมเทพลิ่วหยางกับทูตชะตาสวรรค์คนอื่นครองอาณาเขตอยู่ที่นี่
หลายปีนี้พวกเขาฝึกปราณที่นี่มาตลอด
“นายท่านพูดว่าไม่ให้พวกเราไปจัดการหลินสวินนั่น ถ้าหลินสวินนั่นมาโลกนี้ พวกเราจะเพิกเฉยรึ”
ชายร่างสูงใหญ่สวมเกราะสำริดคนหนึ่งขมวดคิ้วกล่าว
“นายท่านย่อมมีแผนการของนายท่าน พวกเราทำตามคำสั่งก็พอแล้ว”
จอมเทพลิ่วหยางกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย
เขาเหมือนนักพรตชราคนหนึ่ง สวมเกี้ยวประดับสูงใส่ชุดนักพรต มือถือแส้หางม้า
“นายท่านคิดว่าพวกเรารวมกันแล้วยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลินสวินนั่นหรือ”
มีคนถอนใจยาว คำพูดเจือความไม่พอใจอยู่บ้าง
“ไม่เช่นนั้นพวกเราไปลองหยั่งเชิงหลินสวินนั่นไหม หากไม่อาจต่อกรจริงก็ช่างเถอะ หากเขาไม่เอาไหนก็สบายพวกเราแล้ว”
มีคนกระตือรือร้นอยากลอง
จอมเทพลิ่วหยางเงียบไปครู่หนึ่งค่อยกล่าว “ลองดูหรือ”
“ใช่ ลองดู!”
หลายคนต่างเผยสีหน้าเฝ้ารอ
คนอย่างพวกเขาเข้ามาในโลกกำหนดมรรคนี้ได้ แน่นอนว่าไม่ใช่คนที่ขั้นไร้ขอบเขตทั่วไปเทียบได้
เวลานี้เสียงหัวเราะหนึ่งดังขึ้นแต่ไกล
“เช่นนั้นก็ลองดู”
เสียงยังคงสะท้อนก้อง เงาร่างหลินสวินกับซย่าจื้อพุ่งมาแต่ไกลแล้ว
นัยน์ตาจอมเทพลิ่วหยางหดรัด พวกเขายังไม่ออกเคลื่อนไหว แต่คู่ต่อสู้กลับมาหาถึงที่แล้ว!
คนอื่นล้วนรู้สึกผิดคาดเช่นกัน รับมือไม่ทันอยู่บ้าง
“หลินสวิน เจ้าจะสู้กับพวกเราหรือ”
จอมเทพลิ่วหยางอดถามไม่ได้
เขายังยากจะจินตนาการอยู่บ้าง ต้องมีความมั่นใจมากแค่ไหนหลินสวินจึงกล้ามาหาถึงที่
“หากข้าไม่มาเกรงว่าพวกเจ้าคงไม่ยินยอม”
หลินสวินกล่าวเรียบๆ “หยุดพูดไร้สาระ พวกเจ้าจะเข้ามาลองทีละคนหรือลองพร้อมกัน”
พวกจอมเทพลิ่วหยางล้วนขมวดคิ้ว
หลินสวินมั่นใจเกินไปแล้ว มาเยือนด้วยตัวเอง ประกาศศึกอย่างแข็งกร้าว นี่ทำให้พวกเขาต่างรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่เข้าที
‘เข้าไปพร้อมกัน หากสังเกตเห็นว่าไม่ชอบมาพากลค่อยถอนตัวทันที’
จอมเทพลิ่วหยางสูดหายใจลึก สื่อจิตบอกคนอื่น
‘ได้’
‘ตกลงตามนั้น’
‘ด้วยพลังของพวกเราสิบเอ็ดคน หากทำอะไรพวกเขาสองคนไม่ได้อีกคงไม่จำเป็นต้องสู้ต่อจริงๆ’
คนอื่นแววตาลุกโชน พากันตกปากรับคำ
ครู่ต่อมา…
ตูม!
พวกจอมเทพลิ่วหยางลงมือพร้อมกันแล้ว ล้วนใช้พลังทั้งหมดทันที ศาสตรามรรคและวิชามรรคนานัปการตัดผ่านอากาศ ก่อให้เกิดกระแสป่วนคลั่งปกฟ้าคลุมตะวัน
“ครั้งนี้ข้าจัดการเอง จำไว้ เจ้าอย่าแทรกแซง”
ซย่าจื้อพูดพลางเคลื่อนแหวกอากาศไปแล้ว
หลินสวินอึ้งงัน จากนั้นค่อยส่ายหัวอย่างจนปัญญา ได้แต่มองจากไกลๆ
ชิ้ง!
ก็เห็นร่างอรชรสูงโปร่งของซย่าจื้อแผ่ละอองแสงพร่าเลือน เมื่อแทงทวนกระดูกขาวในมือออกไป ธารโชคชะตาสายหนึ่งพลิกตลบออกมากลางอากาศ ยิ่งใหญ่ทรงพลังไร้สิ้นสุด
ตูม!
ศึกใหญ่ปะทุ ฟ้าดินแถบนั้นปั่นป่วน สุริยันจันทราหม่นแสง
หลังการต่อสู้นี้สืบเนื่องไปแค่ไม่กี่ลมหายใจก็เริ่มมีคนตาย…
พรูด!
ทวนศึกกระดูกขาวของซย่าจื้อแทงทะลวงคู่ต่อสู้คนหนึ่งอย่างง่ายดาย ร่างกายระเบิดออกดังปัง ก่อนถูกธารโชคชะตาฝังกลบหายไป
พวกจอมเทพลิ่วหยางพลันหน้าเปลี่ยนสี กำลังจะหนีไปโดยไม่ลังเล
แต่ธารโชคชะตากว้างใหญ่เพียงใด ปกคลุมฟ้าดินแถบนี้จนหมด ปิดทางหนีของจอมเทพลิ่วหยาง เมื่อพวกเขาลองฝ่าวงล้อมเต็มกำลังกลับถูกพลังของธารโชคชะตาโจมตีจนยากจะรับหาใดเปรียบ
พรูด!
ฉวยโอกาสนี้มีคู่ต่อสู้อีกคนถูกทวนกระดูกขาวของซย่าจื้อแทงตาย หมดจดรวดเร็วปานหักทำลายไม้ผุ
นี่ทำให้พวกจอมเทพลิ่วหยางขวัญหนีดีฝ่อ ล้วนถูกกระตุ้นจนคลุ้มคลั่ง เอาชีวิตเข้าแลกเต็มกำลัง
แต่แน่นอนว่าเปล่าประโยชน์
เวลาต่อมาก็เห็นเงาร่างซย่าจื้อไหววูบกลางสนามรบไม่หยุด ทวนกระดูกขาวในมือจ้วงแทงต่อเนื่อง
จากนั้นคู่ต่อสู้คนแล้วคนเล่าล้มลงก่อนถูกธารโชคชะตาฝังกลบ
ชั่วขณะทูตชะตาสวรรค์สิบเอ็ดคนรวมจอมเทพลิ่วหยางทยอยถูกฆ่าตายคาที่ ไม่มีใครเหลือรอด!
ภาพนองเลือดเหล่านั้นหากถูกผู้ฝึกปราณคนอื่นเห็นต้องตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อแน่
ทว่าตั้งแต่ต้นจนจบหลินสวินที่เห็นทุกอย่างนี้อยู่ในสายตากลับดูนิ่งสงบนัก
เดิมนี่ก็เป็นการต่อสู้ที่ศักยภาพต่างกันอยู่แล้ว
ถึงอย่างไรด้วยพลังต่อสู้ของซย่าจื้อตอนนี้ การฆ่าคู่ต่อสู้ระดับจอมมรรคไร้ขอบเขตก็ไม่ใช่เรื่องยาก
“ข้ายังคิดว่าพวกเขาจะร้ายกาจแค่ไหน”
ห่างออกไปซย่าจื้อย้อนกลับมาแล้ว ใบหน้างามผุดผ่องเจือความผิดหวังเสี้ยวหนึ่ง
“ไปกันเถอะ”
หลินสวินยิ้มพลางพาซย่าจื้อหันหลังจากไปพร้อมกัน
“สหายยุทธ์หลิน พวกเจ้า… ชนะกลับมาหรือ”
มีคนเอ่ยถามอย่างอดไม่ได้
หลินสวินยิ้มพลางกล่าว “ภายหน้าทุกท่านคงไม่เจอทูตชะตาสวรรค์พวกนั้นบนโลกนี้แล้ว”
ยังไม่ทันสิ้นเสียงหลินสวินกับซย่าจื้อพุ่งผ่านอากาศไปทางเขากำหนดมรรคพร้อมกันแล้ว เพียงพริบตาเงาร่างก็ถูกพลังบ่อเกิดแรกกำเนิดหนาแน่นปกคลุมจนหายไป
เมื่อได้ยินคำพูดของหลินสวิน เฒ่าชราพวกนั้นอึ้งงันไปก่อน จากนั้นค่อยสบตากันอย่างตื่นตระหนก!
…
พร้อมกับคลื่นสะเทือนประหลาดระลอกหนึ่ง หลินสวินปรากฏตัวในโลกที่ไม่อาจระบุแห่งหนึ่ง คล้ายมาถึงจักรวาลแรกกำเนิด กลางฟ้าดินต้นสมัยบรรพกาล
กลางภูผาธาราไร้ขอบเขตนั้น ทุกหนแห่งล้วนมีพวกต้นไม้ใบหญ้าซึ่งไม่เคยเห็นมาก่อนปกคลุมอยู่ แม้แต่พวกสิ่งมีชีวิตที่กระจายอยู่กลางฟ้าดินยังเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยพบเห็น ไม่เคยได้ยินมาก่อน
หลินสวินกวาดสายตามองโดยรอบ สำรวจโลกที่ไม่อาจระบุแห่งนี้ครู่ใหญ่ก่อนถอนสายตากลับ
เขาสุ่มเลือกหินเขียวก้อนหนึ่งแล้วนั่งขัดสมาธิ สลัดความคิดฟุ้งซ่าน เริ่มหยั่งรู้พลังกฎระเบียบ ‘มรรคสวรรค์’ ของฟ้าดินนี้
มีเพียงครอบครองนัยเร้นลับและความลับของกฎระเบียบมรรคสวรรค์ ถึงจะสามารถมอบคุณลักษณ์และแก่นอัศจรรย์แก่สรรพสิ่งบนโลกในการกำหนดมรรคขั้นต่อไปได้ สร้างการสัมผัสและสอดคล้องกับมหามรรคฟ้าดินด้วยสิ่งนี้ จากนั้นจึงสร้างโลกมหามรรคที่มีระเบียบสมบูรณ์แห่งหนึ่งได้
กาลเวลาเคลื่อนคล้อย ผ่านไปวันแล้ววันเล่า
ช่วงนั้นมีอสูรน้อยขนผิวขาวผ่อง คล้ายกวางแต่ไม่ใช่กวาง ร่างบางปราดเปรียวตัวหนึ่งปรากฏกาย สำรวจมองหลินสวินที่นั่งขัดสมาธิบนหินเขียวอย่างสงสัย
เมื่อพบว่าหลินสวินไม่มีอันตราย อสูรน้อยขาวหิมะนี้จึงอยู่ในบริเวณใกล้เคียง กลางวันเล่นบนภูเขา กลางคืนหลับสนิทอยู่ข้างหินเขียวที่หลินสวินนั่งอยู่
แน่นอนว่าหลินสวินสังเกตเห็นเจ้าตัวน้อยนี้ แต่ไม่ใส่ใจ สงบจิตหยั่งรู้กฎระเบียบมรรคสวรรค์ต่อไป
พลบค่ำวันนี้
อสูรน้อยขาวหิมะหนีหัวซุกหัวซุนมาแต่ไกล ขาข้างหนึ่งกะโผลกกะเผลกหลั่งเลือด ด้านหลังมันยังมีอสูรยักษ์ร่างใหญ่เหมือนงู แต่กลับเกิดมามีปีกเขียวตัวหนึ่งไล่ตามมา
อสูรยักษ์นั้นกระพือปีก ก่อเกิดลมร้ายเป็นระลอก คล้ายไม่รีบฆ่าอสูรน้อยขาวหิมะ ไล่ตามมาตลอดทางเหมือนแมวหยอกหนู
เมื่ออยู่ห่างจากหลินสวินไม่ถึงร้อยจั้ง อสูรน้อยขาวหิมะส่งเสียงร้องร้อนรนกระชั้นถี่
ตัวมันหมอบคลานกับพื้นเหมือนยอมแพ้แล้ว
เวลานี้ในใจหลินสวินที่นั่งสมาธิเหมือนรูปปั้นแกะสลักมาตลอดพลันทอดถอนใจอย่างบอกไม่ถูก
เขาฟังเสียงร้องของอสูรน้อยขาวหิมะนั้นออกว่าไม่ได้ขอความช่วยเหลือจากตน แต่กำลังเตือนและเร่งตนให้รีบหนีไป!
สิ่งที่ยิ่งทำให้หลินสวินไหวหวั่นคือเจ้าตัวน้อยรู้ว่าบาดเจ็บ ยากรอดชีวิต ถึงตัดสินใจใช้ตัวเองเป็นเหยื่อล่อเพื่อถ่วงเวลาให้หลินสวิน!
“โฮก…”
อสูรร่างเหมือนงูเหลือมยักษ์นั้นพุ่งลงมาจากฟ้า อ้าปากใหญ่มหึมาไปทางอสูรน้อยขาวหิมะ
“หากให้เจ้าตัวน้อยอย่างเจ้าตายไป มโนธรรมของข้าคนแซ่หลินจะสงบได้อย่างไร”
หลินสวินลืมตาขึ้นเงียบๆ
พริบตานี้…
ร่างอสูรยักษ์นั้นเหมือนถูกตรึง ร้องตะโกนอย่างตื่นตระหนก จากนั้นร่างมหึมาร่วงลงกับพื้นดังตึง ตัวสั่นงันงกไปทั้งร่าง
“แม้ว่าเจ้าคิดร้ายกับข้า แต่อย่างไรก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่เกิดกลางฟ้าดินนี้ ข้าคนแซ่หลินจะไว้ชีวิตเจ้า แต่จากนี้ไปเผ่าเจ้าทุกรุ่นจะไม่อาจเหนือกว่าทายาทของเผ่าเจ้าตัวน้อยนี้อีก”
หลินสวินพูดจบแล้วไม่สนว่าอสูรยักษ์นั้นฟังออกหรือไม่ เขาสะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง
ร่างมหึมาของอสูรยักษ์นั้นถูกเคลื่อนย้ายไปกลางอากาศ หายไปกลางภูผาธาราที่ห่างไกล
เวลานี้อสูรน้อยขาวหิมะนั่นเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน ดิ้นรนลุกขึ้นมองโดยรอบ สุดท้ายจึงเหลือบตามองหลินสวิน ร้องยินดีพลางพุ่งกะเผลกเข้ามา เดินวนรอบหินยักษ์สีเขียวใต้หลินสวิน ท่าทางตื่นเต้นดีใจ
“เจ้ากับข้าผูกวาสนากันคงไม่อาจเอาเปรียบเจ้าแล้ว”
หลินสวินยิ้มพลางยกมือวาด ขาที่บาดเจ็บของอสูรน้อยขาวหิมะหายเป็นปกติ
ขณะเดียวกันนิ้วชี้ข้างขวาของหลินสวินยื่นผ่านอากาศไปแตะตรงหว่างคิ้วของอสูรน้อยขาวหิมะ พลังคุณลักษณะอัศจรรย์หนึ่งแฝงเข้าไปในร่างอสูรน้อยขาวหิมะ ประทับอยู่ในลายกระดูกของมัน
นี่ก็คือการมอบคุณลักษณะ สร้างแก่นอัศจรรย์ ทำให้สัมผัสและสอดคล้องกับกฎระเบียบมรรคสวรรค์ จากนี้ไปไม่ใช่สิ่งมีชีวิตธรรมดาอีก สามารถก้าวสู้หนทางฝึกปราณเพื่อเปลี่ยนแปลงแล้ว!
ขณะเดียวกันหลินสวินตั้งชื่อให้อสูรตัวนี้ว่า ‘กวางวิญญาณหิมะ’
กวางวิญญาณหิมะกะพริบตาปริบๆ รู้สึกว่าตนเปลี่ยนไปแล้ว แต่กลับดูเหมือนสัมผัสอะไรไม่ได้
ไม่นานมันก็ไม่สนใจเรื่องพวกนี้ นอนหลับข้างหินเขียวที่หลินสวินนั่งอยู่อย่างสบายๆ
เวลานี้จิตรับรู้หลินสวินราวตาข่ายยักษ์ แผ่กระจายในกฎระเบียบมรรคสวรรค์ของโลกนัยเร้นลับแห่งนี้
ไม่นานสรรพสิ่งบนโลกนัยเร้นลับแห่งนี้ปรากฏในใจหลินสวินอย่างชัดเจน
เขาเอ่ยปากเสียงเบา
“ตั้งแต่วันนี้ไปข้าหลินสวินจะกำหนดมรรคบนโลกนี้ มอบคุณลักษณะ สร้างแก่นอัศจรรย์ หวังว่าหมื่นวิญญาณในใต้หล้าจะสัมผัสถึงมรรคสวรรค์ สร้างอารยธรรมการฝึกปราณแก่คนรุ่นหลังทุกยุค!”
เสียงนี้ราวกับประกาศิตของราชันมรรคสวรรค์ ทุกคำทุกประโยคดังก้องทั่วโลกปริศนาแห่งนี้ สั่นสะเทือนอยู่ในหมื่นลักษณ์ทั่วหล้า
………………