ตอนที่ 3192 ผู้อาวุโสชั้นสูงชิงเฟิง
เมื่อเสียงแผ่วลง
สรรพสิ่งบนโลกพลันเปี่ยมพลังชีวิตและสีสันต่างออกไป ต้นไม้ใบหญ้าสิ่งมีชีวิตล้วนมีจิตวิญญาณ เผยท่วงทำนองศักดิ์สิทธิ์และลักษณ์อัศจรรย์ซึ่งไม่เคยมีมาก่อน
ทุกอย่างที่ไม่อาจระบุนั้นล้วนถูกให้คำนิยาม มีชื่อและคุณลักษณะของมัน ทั้งแฝงแก่นอัศจรรย์ที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
เส้นใบและรากของต้นไม้ใบหญ้าล้วนปรากฏร่องรอยมหามรรค ในขนผิว สายเลือด กระดูกของสัตว์ต่างๆ ก็ปรากฏท่วงทำนองศักดิ์สิทธิ์มหามรรคที่ซ่อนเร้นและลึกลับ
ตอนท้ายสุดแม้แต่สรรพสิ่งอย่างก้อนหิน กรวดทราย ลมหมอก น้ำตก เปลวเพลิง สายลมเย็น… ก็ยังปรากฏรอยมรรคอัศจรรย์…
กระบวนการนี้สืบเนื่องนานถึงเจ็ดวัน
ถึงตอนท้ายหลินสวินยังไม่พอใจ มอบแก่นอัศจรรย์มหามรรคเช่นมรรคดีชั่ว หลักถูกผิดนานัปการที่ตนหยั่งถึงเมื่อก่อนแก่กฎระเบียบมรรคสวรรค์ของโลกนี้โดยไร้ร่องรอย
เช่นนี้ถึงจะหล่อเลี้ยงหมื่นวิญญาณทั่วหล้า ทำให้หยั่งรู้นัยเร้นลับภายในนั้นได้โดยไร้สุ้มเสียง
‘เท่านี้น่าจะพอแล้ว… ตั้งแต่วันนี้ไปโลกนี้มีชื่อว่า ‘โลกเต้ายวน’ แล้วกัน’
บนหินเขียวหลินสวินยืนมือไพล่หลัง เวลานี้ในใจเขาพลันเกิดการรู้แจ้งมากมาย
กระบวนการกำหนดมรรคมีหรือจะไม่ใช่การสร้างอารยธรรมฝึกปราณอันสมบูรณ์
หมื่นวิญญาณบนโลกสัมผัสถึงมรรคสวรรค์ เด่นผงาดด้วยกลิ่นอายมหามรรค เมื่อเวลาล่วงเลยจะวิวัฒน์เป็นระบบการฝึกปราณน่าเหลือเชื่อนานัปการ จากนั้นจึงจะวิวัฒน์เป็นอารยธรรมฝึกปราณที่แท้จริง!
‘การกำหนดมรรคน่าอัศจรรย์เช่นนี้ สักวันหนึ่งหากข้าก่อมรรคที่ไม่เคยมีบนโลกได้ นั่นจะเป็นภาพน่าเหลือเชื่อระดับใด’
หลินสวินผุดความคิดขึ้นมาเป็นสายอย่างอดไม่ได้
ครู่ใหญ่เขาถึงเก็บความคิด กำลังเตรียมตัวจากไป แต่พลันสังเกตเห็นว่ากวางวิญญาณหิมะข้างหินเขียวตื่นขึ้นมาไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ดวงตาใสสะอาดจ้องมองตน คล้ายสังเกตเห็นว่าตนจะจากไปแล้ว แววตาเจือความอาวรณ์รางๆ
เทียบกับแต่ก่อนเจ้าตัวน้อยนี้มีจิตวิญญาณโดดเด่นเฉพาะตัวเพิ่มขึ้นมา คล้ายตื่นจากความสับสนจนมีปัญญาอย่างแท้จริง
“เจ้าตัวน้อย ภายหน้าหากมีโอกาส ข้าจะไปหาเจ้าที่แหล่งสถานศุภโชค”
หลินสวินยิ้มพลางเอ่ยปาก
เขาหยั่งรู้พลังบ่อเกิดแรกกำเนิดของโลกกำหนดมรรคแล้ว เข้าใจว่าโลกปริศนาที่ถูกตนกำหนดมรรคแห่งนี้ย่อมเหมือนโลกมหามรรคที่ถูกสร้างในโลกภัยพิบัติ ภายหน้าจะปรากฏในอารยธรรมยุคสมัยซึ่งก่อเกิดจากแหล่งสถานศุภโชค
กล่าวอีกนัยคือภายหน้าเมื่อหลินสวินออกจากแหล่งสถานอัศจรรย์ มุ่งหน้าไปแหล่งสถานศุภโชคก็จะสัมผัสถึง ‘โลกเต้ายวน’ ที่ตนกำหนดมรรคแห่งนี้
ส่วนจะเจอกวางวิญญาณหิมะนี้อีกหรือไม่ นั่นก็ต้องดูว่าอีกฝ่ายยังมีชีวิตอยู่หรือไม่แล้ว…
กวางวิญญาณหิมะดูเหมือนรวบรวมความกล้ากระโดดขึ้นมา ใช้หัวถูขาของหลินสวินไปมา จากนั้นค่อยคุกเข่าหน้าทั้งคู่ โขกศีรษะลงกับพื้น ปากส่งเสียงร้องไม่หยุด
หลินสวินฟังเข้าใจแล้ว เจ้าตัวน้อยกำลังขอบคุณตน
“ไปตามหามหามรรคของตนเถอะ”
หลินสวินยิ้มร่าพลางโบกมือ
เงาร่างของเขาหายไปกลางอากาศ
ฟุ่บ!
บนยอดเขากำหนดมรรค เงาร่างหลินสวินปรากฏ พลันเห็นซย่าจื้อรออยู่ตรงนั้นก่อนแล้ว
“เจ้าทำสำเร็จแล้วหรือ” หลินสวินถาม
ซย่าจื้อพยักหน้าพลางกล่าวเสียงชัดกระจ่าง “ต่อจากนี้จะไปโลกแปรมรรคนั่น เจ้าต้องระวังตัวด้วย ข้าสงสัยว่าศัตรูพวกนั้นต้องไม่ยอมพลาดโอกาสจัดการเจ้าแน่”
“เจ้าก็ด้วย” หลินสวินลูบหัวของนาง
ซย่าจื้อเงยใบหน้าน้อยๆ ชี้หน้าผากตัวเอง
หลินสวินอึ้งงันก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นก็เข้าใจทันที ช้อนใบหน้าเล็กงามผุดผ่องของซย่าจื้อขึ้น จุมพิตบนหน้าผากมนกระจ่างนั้นของนางเบาๆ
จากนั้นหลินสวินกะพริบตากล่าวเจ้าเล่ห์ “คราวนี้พอใจแล้วกระมัง”
ซย่าจื้อกล่าว “ไม่พอใจ เจ้ายังไม่มีลูกกับข้าเลย”
หลินสวิน “…”
กลับเห็นซย่าจื้อเผยรอยยิ้มสดใสซุกซนกล่าวว่า “ล้อเจ้าเล่นเท่านั้น รอภายหน้าเจ้าแต่งข้าแล้ว ข้าค่อยพิจารณาว่าจะมีลูกกับเจ้าหรือไม่”
เมื่อสิ้นเสียงนางหันหลังเดินเข้าไปในประตูสวรรค์แล้วหายลับไป
หลินสวินอึ้งงัน ในใจรู้สึกแปลกประหลาด เกรงว่าซย่าจื้อคงไม่ได้ไร้เดียงสาเหมือนเมื่อก่อนแล้ว อย่างน้อย… นางน่าจะรู้เรื่องเกี่ยวกับการมีบุตรซึ่งไม่อาจเอ่ยปากแล้ว…
จากนั้นหลินสวินยิ้มพลางส่ายหัว ก้าวเท้าออกไป ประตูสวรรค์เปิดออก
วันนี้หลินสวินหยั่งถึงความอัศจรรย์ของบ่อเกิดแรกกำเนิด ลอยล่องออกจากโลกกำหนดมรรคไป
…
โลกชั้นที่แปดของแดนเทพสรรพวิญญาณมีนามว่า ‘โลกแปรมรรค’
ผู้ฝึกปราณที่เข้ามาโลกนี้ราวกับเข้าสู่หนทางเกิดใหม่ ล้วนถูกเรียกว่า ‘ผู้แปรมรรค’
สำนักสวรรค์ยุทธ์
สำนักฝึกปราณชั้นรองแห่งหนึ่งในโลกแปรมรรค ครองอาณาเขตอยู่บนเขาวิญญาณแสงเฟิงของโลกแปรมรรค
“เจ้าสำนัก ภายหน้าหากอาจารย์อาชิงเฟิงกล้าก่อเรื่องเช่นนี้อีก ไม่จำเป็นต้องถามความเห็นของข้า กักบริเวณเขาไว้ก็พอ!”
ในคฤหาสน์ใหญ่หลังหนึ่งบนเขาวิญญาณแสงเฟิง ผู้อาวุโสชั้นสูงชิงเหิงแห่งสำนักสวรรค์ยุทธ์ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันกล่าวอย่างขัดใจ
ตรงหน้าเขาคือเตียงหลังหนึ่ง ผู้นอนอยู่บนเตียงคือผู้อาวุโสชั้นสูงชิงเฟิงแห่งสำนักสวรรค์ยุทธ์
แต่เขาจมูกเขียวหน้าบวม สภาพอเนจอนาถหมดสติ
“ขอรับ”
ฝูอวิ๋นจื่อเจ้าสำนักสวรรค์ยุทธ์รีบตกปากรับคำ แต่สีหน้ากลับแปลกไปอยู่บ้าง
สามวันก่อนชิงเฟิงวิ่งไปสำนักวิญญาณสวรรค์อีกครั้ง ต้องการไปเจอหญิงสาวที่ทำให้เขาลุ่มหลงมานานถึงเก้าร้อยปีคนนั้น
ผลคือชิงเฟิงไม่อาจเข้าไปในประตูเขาของสำนักวิญญาณสวรรค์ได้ ถูกศิษย์ของสำนักวิญญาณสวรรค์ขวางไว้ ชิงเฟิงเผยฐานะว่าเป็นผู้อาวุโสชั้นสูงของสำนักสวรรค์ยุทธ์ต้องการจะบุกเข้าไป
ผลกลับถูกศิษย์สำนักวิญญาณสวรรค์คนหนึ่งที่มีพลังปราณแค่ระดับกระบวนแปรจุติกระหน่ำซัด เล่นงานจนจมูกเขียวหน้าบวม หมดสติไปทั้งอย่างนั้น สุดท้ายยังถูกคนของสำนักวิญญาณสวรรค์ส่งกลับมาสำนักสวรรค์ยุทธ์ด้วย
เมื่อเรื่องนี้แพร่ออกไปก็ทำให้ทั่วสำนักสวรรค์ยุทธ์รู้สึกหน้าหมอง ทั้งสำนักล้วนรู้สึกอับอาย
แต่ช่วยไม่ได้ ใครให้ชิงเฟิงเป็นผู้อาวุโสชั้นสูงเล่า
แม้แต่เจ้าสำนักฝูอวิ๋นจื่อยังไม่อาจลงโทษโดยพลการ ได้แค่ขอคำแนะนำจากผู้อาวุโสชั้นสูงชิงเหิง
จริงดังคาด ชิงเหิงรู้สึกว่าใบหน้าชราหมองไปเช่นกัน เดือดดาลถึงขีดสุด
ดังนั้นจึงเกิดเหตุการณ์ตรงหน้านี้
ชิงเหิงคิดไปคิดมาก่อนเอ่ยกำชับ “จำไว้ ใช้โอสถวิญญาณที่ดีที่สุดรักษาบาดแผลให้อาจารย์อาเจ้า อย่าให้เขาเหลือภัยแฝงอะไร”
ตอนเด็กเขากับชิงเฟิงเข้าสู่สำนักสวรรค์ยุทธ์วันเดียวเดือนเดียวปีเดียวกัน แม้เป็นศิษย์พี่ศิษย์น้อง แต่กลับไม่ต่างอะไรกับพี่น้องแท้ๆ
แม้โกรธชิงเฟิงที่ทำให้ขายหน้า แต่เมื่อเห็นเขาบาดเจ็บสาหัส ชิงเหิงก็ไม่วายปวดใจ
“อาจารย์ลุงโปรดวางใจ ข้าจะดูแลอาจารย์อาชิงเฟิงให้ดี”
เจ้าสำนักฝูอวิ๋นจื่อรีบรับรอง
“รออาการบาดเจ็บของอาจารย์อาเจ้าหายดีแล้วค่อยให้เขาไปดูแลหอเก็บตำรา จำไว้ อย่าให้เขามีโอกาสออกจากสำนักไปสำนักวิญญาณสวรรค์เพื่อเจอนางตัวดีเถียนรั่วจิ้งนั่นเด็ดขาด!”
ชิงเหิงกล่าวกำชับก่อนหันหลังจากไป
สายตาของฝูอวิ๋นจื่อมองชิงเฟิงที่หมดสติอยู่บนเตียงอีกครั้ง สีหน้าซับซ้อนนัก
ครู่ใหญ่เขาจึงถอนหายใจก่อนหันหลังจากไป
เมื่อฝูอวิ๋นจื่อเพิ่งจากไปไม่นาน ชิงเฟิงที่หมดสติบนเตียงตื่นขึ้นมาช้าๆ
พริบตาที่ลืมตาขึ้น ชิงเฟิงไม่ใช่ชิงเฟิงแล้ว หากแต่เป็นหลินสวิน
ฐานะ ความทรงจำ ประสบการณ์ของเขาล้วนถูกหลินสวินสืบทอด
‘คิดไม่ถึงว่าข้าจะเป็นตาแก่ไม่ได้เรื่องคนหนึ่ง ทั้งเป็นตัวตลกที่ผู้คนต่างรู้จักด้วย…’
แววตาหลินสวินเปลี่ยนเป็นพิกลขึ้นมา
ชิงเฟิง หนึ่งในผู้อาวุโสชั้นสูงสามคนแห่งสำนักสวรรค์ยุทธ์ ฝึกปราณมาถึงตอนนี้เป็นเวลาหนึ่งพันปี
ศิษย์พี่สองคนของเขา คนหนึ่งคือชิงเหิง อีกคนคือชิงเกิง มีมรรควิถีระดับมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิ
สองคนนี้ก็คือผู้มีมรรควิถีสูงสุดในสำนักสวรรค์ยุทธ์
ศิษย์หลานของชิงเฟิงก็คือฝูอวิ๋นจื่อเจ้าสำนักสวรรค์ยุทธ์ ครองมรรควิถีระดับจักรพรรดิด่านแปด ‘ขั้นประสานมรรค’
กล่าวได้ว่าอาศัยแค่ฐานะ ชิงเฟิงก็เรียกว่าเป็นหนึ่งในสามยอดบุคคลแห่งสำนักสวรรค์ยุทธ์
แต่พลังปราณของเขากลับอยู่แค่ระดับกระบวนแปรจุติ…
นี่ช่างน่าอึดอัด
อย่าว่าแต่สู้ศิษย์หลานของเขาไม่ได้ แม้แต่มรรควิถีของศิษย์รุ่นหลังส่วนใหญ่ในสำนักก็ยังแข็งแกร่งกว่าเขาทั้งสิ้น…
จนกระทั่งฐานะของชิงเฟิงในสำนักสวรรค์ยุทธ์เปลี่ยนเป็นพิเศษนัก ภายนอกทั้งสำนักล้วนเคารพผู้อาวุโสชั้นสูงอย่างเขา แต่ในเงามืดกลับมีคนนับไม่ถ้วนมองเขาเป็น ‘ความอัปยศของสำนัก’
กอปรกับชิงเฟิงมีนิสัยใจร้อน ทำอะไรบุ่มบ่าม ไม่มีมาดสง่างามในฐานะผู้อาวุโสของสำนักสักนิด กลับทำเรื่องไร้สาระซึ่งไม่สมฐานะบ่อยครั้ง หลายปีนี้ไม่รู้ว่าก่อเรื่องน่าขันไปเท่าไหร่
ถึงตอนนี้เมื่อศิษย์สำนักสวรรค์ยุทธ์หลายคนออกเดินทาง ถ้ามีคนพูดถึงชิงเฟิงจะรู้สึกอับอายและขายหน้าอย่างบอกไม่ถูก
ก็เหมือนเรื่องเมื่อสามวันก่อน ชิงเฟิงแอบหนีออกจากสำนัก มุ่งหน้าไปสำนักวิญญาณสวรรค์เพื่อเจอเถียนรั่วจิ้งแต่ถูกซัดสลบ ปัจจุบันยังถูกมองเป็นเรื่องน่าขัน แพร่สะพัดในสำนักมากมาย
นี่ทำให้สำนักสวรรค์ยุทธ์อับอายไม่หยุด
แม้แต่เจ้าสำนักฝูอวิ๋นจื่อยังรู้สึกว่าเงยหน้าไม่ขึ้น
เวลานี้หลินสวินสืบทอดความทรงจำของชิงเฟิง รู้ประสบการณ์ของเขา ในใจกลับรู้สึกต่างออกไป
นิสัยชิงเฟิงไม่ได้แย่ ทั้งไม่ใช่พวกโอหังวางโต
ในทางกลับกันเรื่องน่าขันที่เขาก่อ ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับพลังปราณระดับกระบวนแปรจุติของเขา
เมื่อผู้อาวุโสชั้นสูงคนหนึ่งของสำนักมีพลังปราณต่ำต้อยแค่นี้ ไม่ว่าทำเรื่องใดล้วนไม่อาจเลี่ยงคำวิพากษ์วิจารณ์มากมายได้ ทั้งถูกมองเป็นตัวตลกได้โดยง่าย
ก็เหมือนเรื่องที่ชิงเฟิงมุ่งหน้าไปสำนักวิญญาณสวรรค์เมื่อสามวันก่อน สาเหตุอยู่ที่เก้าร้อยปีก่อน เขาชอบหญิงสาวนามเถียนรั่วจิ้งแห่งสำนักวิญญาณสวรรค์คนนั้น ลุ่มหลงนางไม่หยุด กระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่อาจลืมอีกฝ่ายได้
สำหรับชิงเฟิง เขาแค่อยากไปเจอเถียนรั่วจิ้ง ไม่ได้ต้องการไปก่อเรื่อง
แต่เถียนรั่วจิ้งตอนนี้เป็นบุคคลระดับมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดินานแล้ว ถูกมองเป็นบุคคลแห่งยุคที่มีหวังก้าวสู่มรรคาอมตะที่สุดในรอบพันปี ฐานะในสำนักวิญญาณสวรรค์โดดเด่นเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อเทียบกันแล้วแม้ว่าชิงเฟิงเป็นผู้อาวุโสชั้นสูงแห่งสำนักสวรรค์ยุทธ์ แต่กลับมีมรรควิถีแค่ระดับกระบวนแปรจุติ ระหว่างเขากับเถียนรั่วจิ้งเหมือนอยู่กันคนละโลกนานแล้ว
สิ่งสำคัญที่สุดคือตั้งแต่ต้นจนจบเถียนรั่วจิ้งไม่เคยสนใจชิงเฟิงสักนิด ถึงขั้นว่าการเซ้าซี้ของชิงเฟิงช่วงหลายปีนี้ยังทำให้นางต่อต้านและรังเกียจอย่างมาก
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ชิงเฟิงจะมีโอกาสเจออีกฝ่ายได้อย่างไร
สำนักวิญญาณสวรรค์ทั้งบนล่างล้วนเข้าใจฐานะและเบื้องลึกของชิงเฟิงดี ยิ่งไม่มีทางไว้หน้าเขา เมื่อชิงเฟิงพยายามบุกเข้าไปในประตูเขาของสำนักวิญญาณสวรรค์ ย่อมพบโศกนาฏกรรมเป็นธรรมดา…
………………