ตอนที่ 3194 แสร้งทำต่อไป

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอนที่ 3194 แสร้งทำต่อไป

โลกแปรมรรคอาณาเขตกว้างใหญ่ ทัดเทียมน่านฟ้าแห่งหนึ่งในโลกยอดนิรันดร์

นับแต่โบราณมาโลกนี้มีสี่สำนักใหญ่อยู่ร่วมกันได้แก่หอเซียน เรือนเทพ ประตูมาร สำนักอสูรมาร

ในสี่สำนักใหญ่ล้วนมีระดับอมตะมากมายนั่งบัญชา

ภายใต้สี่สำนักใหญ่มีขุมอำนาจฝึกปราณชั้นยอดสิบสองแห่ง ในขุมอำนาจเหล่านี้มีระดับอมตะบัญชาการเช่นกัน แต่รากฐานพลังกลับสู้สี่สำนักใหญ่ไม่ได้

รองลงมาคือขุมอำนาจอันดับสองและสามนับไม่ถ้วน กระจายอยู่ต่างบริเวณทั่วโลกแปรมรรค

โดยทั่วไปขุมอำนาจพวกนี้ไม่มีระดับอมตะดูแล

อย่างสำนักสวรรค์ยุทธ์ก็เป็นขุมอำนาจชั้นรองแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ทางตะวันออกของโลกแปรมรรค ภายในอาณาเขตนี้ขุมอำนาจชั้นรองแบบเดียวกันมีมากนับร้อย

แต่ขุมอำนาจชั้นยอดกลับมีแค่แห่งเดียว นั่นก็คือ ‘สำนักเซียนจงอางแดง’

สำนักเซียนจงอางแดงอยู่ภายใต้การดูแลของหอเซียนหนึ่งในสี่สำนักใหญ่

เมื่อทราบข้อมูลพวกนี้แล้ว หลินสวินสบายใจยิ่งกว่าเดิม

ถึงอย่างไรสำนักสวรรค์ยุทธ์ก็เป็นแค่สำนักชั้นรอง ตนหลบอยู่ในนี้ ถ้าศัตรูพวกนั้นอยากตามหา ภายในเวลาอันสั้นแทบไม่มีทางทำได้

หากเข้าสู่โลกนี้แล้วปรากฏตัวในขุมอำนาจชั้นยอด ความเสี่ยงจะมากเกินไป

สำหรับหลินสวิน เรื่องเร่งด่วนคือรีบฝึกปราณโดยเร็ว!

‘ต้องใช้รากฐาน จิตวิญญาณ กายหยาบของชิงเฟิงมาวิวัฒน์มหามรรคแห่งนิรันดร์ จำเป็นต้องหยั่งถึงพลังกฎระเบียบมรรคสวรรค์ของโลกนี้ก่อน…’

‘แต่ถ้าอยู่แค่ระดับกระบวนแปรจุติ อย่างมากจะได้แค่หยั่งถึงท่วงทำนองมรรคและเจตจำนงมรรคในระเบียบมรรควัฏจักร เลิกคิดเรื่องการหยั่งรู้แก่นแท้ของกฎระเบียบแห่งโลกนี้ไปได้เลย’

หลินสวินจมสู่ห้วงคิด

ห้าระดับล่างถูกจำกัดด้วยพลังปราณ ได้แค่สัมผัสถึงท่วงทำนองมรรคและเจตจำนงมรรคของระเบียบมรรควัฏจักร

มรรคาราชันอมตะเคราะห์ อริยมรรค มรรคจักรพรรดิ มรรคอมตะ ล้วนได้แต่สัมผัสถึงนัยเร้นลับมหามรรคที่คู่ควรกับระดับของตน

เท่านี้แค่คิดก็รู้แล้วว่าอยากหยั่งถึงนัยเร้นลับต้นกำเนิดของกฎระเบียบของโลกนี้ในระดับกระบวนแปรจุตินั้นแทบเป็นไปไม่ได้

‘เช่นนี้ต้องจัดการรอยแตกบนรากฐานมหามรรคก่อนก็จะสามารถยกระดับพลังปราณได้แล้ว…’

หลินสวินตัดสินใจ

แม้ว่าเขาจะเปลี่ยนเป็นชิงเฟิง แต่สติปัญญาและประสบการณ์ฝึกปราณของเขายังอยู่

สำหรับคนอื่นรากฐานมหามรรคของชิงเฟิงคงไม่อาจฟื้นฟูแล้ว

แต่สำหรับเขายังมีวิธีนับพันอย่างที่แก้ปัญหานี้ได้!

เวลาล่วงเลยไปวันแล้ววันเล่า

สำหรับสำนักสวรรค์ยุทธ์ ทุกวันยังเหมือนเดิม

มีน้อยคนนักที่จะไปสนใจการเคลื่อนไหวของผู้อาวุโสชั้นสูงชิงเฟิง ความอัปยศของสำนักเช่นนั้น ใครจะใส่ใจทุกการเคลื่อนไหวของเขา

เขาไม่ไปทำเรื่องขายหน้าข้างนอก สำหรับคนส่วนใหญ่ในสำนักสวรรค์ยุทธ์ถือเป็นเรื่องดีแล้ว

ตอนแรกเจ้าสำนักฝูอวิ๋นจื่อยังไม่วางใจอยู่บ้าง แต่เมื่อเวลาล่วงเลย หลังจากพบว่าชิงเฟิงยอมอยู่ที่หอเก็บตำราตลอดก็วางใจในที่สุด

ในฐานะเจ้าสำนักเขาเองไม่อาจเอาความคิดไปผูกกับชิงเฟิงทั้งหมด

โดยเฉพาะหลังจากชิงเฟิงเปลี่ยนเป็นเชื่องเชื่อ ทั้งตัวล้วนแทบสูญเสียตัวตนไป

แม้แต่ศิษย์ที่เข้าหอเก็บตำรามายืมตำราบ่อยครั้งก็เมินชิงเฟิง ใช่ว่าดูถูก แต่ไม่อยากเกลือกกลั้ว

สำหรับเรื่องนี้หลินสวินมีหรือจะใส่ใจ

เขาแทบอยากให้ทุกคนไม่สนใจเขาอีก

เวลาหนึ่งเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ทุกวันหลินสวินจะนั่งจิบชาและอ่านหนังสือในหอเก็บตำรา กระทั่งแสงสายัณห์มาเยือนจึงปลีกตัวกลับที่พักของตนเพื่อนั่งสมาธิฝึกปราณ

วันแล้ววันเล่า

ไม่มีใครรู้ว่าหนึ่งเดือนมานี้เขารักษาบาดแผลบนรากฐานมหามรรคได้นานแล้ว ทั้งใช้วิชาลับลบพลังปราณห้าระดับล่างของชิงเฟิงแล้วฝึกใหม่อีกครั้ง ทำให้ทุกระดับบรรลุถึงขั้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์

แต่ด้วยห่วงว่าจะถูกคนอื่นมองการเปลี่ยนแปลงของกลิ่นอายตนออก หลินสวินจึงใช้วิชาลับอำพรางการเปลี่ยนแปลงทุกอย่างของตนมาตลอด

ในสายตาคนนอก เขายังเป็น ‘ความอัปยศของสำนัก’ ทำให้ผู้คนไม่อยากเกลือกกลั้ว

ระหว่างนี้ชิงเหิงเคยมาหอเก็บตำราเช่นกัน ภายนอกบอกว่ามาหาตำราเล่มหนึ่ง ความจริงแล้วมาดูชิงเฟิงโดยเฉพาะ

เมื่อเห็นว่าเขายอมอยู่ที่นี่โดยดีตลอด ชิงเหิงค่อยชื่นใจไม่น้อย ทิ้งโอสถวิเศษที่ตนหลอมไว้บางส่วน บอกว่ามีประโยชน์ต่อการฟื้นฟูรากฐานมหามรรค

นี่ทำให้หลินสวินอดทอดถอนใจไม่ได้ ชิงเฟิงผู้นี้มีศิษย์พี่ที่ดีจริงๆ!

หลินสวินฉวยโอกาสนี้ขอคำแนะนำจากชิงเหิง หวังว่าจะไปฝึกตนใน ‘ถ้ำตาข่ายฟ้า’ เขตหวงห้ามของสำนักช่วงหนึ่ง

นี่ทำให้ชิงเหิงทั้งผิดคาดทั้งดีใจ ตกปากรับคำโดยไม่ลังเล

ศิษย์น้องเอาความคิดไปผูกกับการฝึกปราณ แน่นอนว่านั่นเป็นเรื่องดีอย่างยิ่ง!

หลังจากฝึกปราณในถ้ำตาข่ายฟ้ามาหนึ่งเดือน

หลินสวินดันมรรควิถีทั้งตัวถึงระดับราชันอมตะเคราะห์ด่านเก้าขั้นสมบูรณ์แล้ว

ตอนนี้ถ้ำตาข่ายฟ้าไม่อาจเติมเต็มการฝึกปราณของหลินสวินแล้ว เขาจากไปทันที ตัดสินใจไปหาชิงเหิงสักรอบ

ถึงอย่างไรตอนนี้เขาก็คือชิงเฟิงผู้หลงรักเถียนรั่วจิ้งมาเก้าร้อยปี จู่ๆ ก็ไม่ไปหาเถียนรั่วจิ้ง การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้เห็นชัดว่าไม่สมเหตุผลอยู่บ้าง

หากถูกคนมีใจตรวจสอบย่อมก่อให้เกิดความสงสัยไม่น้อย

“ศิษย์น้อง เจ้ามาหาข้าด้วยเรื่องใด”

ในถ้ำสถิตแห่งหนึ่งชิงเหิงมองหลินสวินที่มาหาพลางเอ่ยถาม

“ศิษย์พี่ โอสถวิญญาณที่ท่านมอบให้ก่อนหน้านี้ได้ผลดังคาด รากฐานมหามรรคข้าฟื้นฟูไม่น้อย คิดว่าใช้เวลาไม่นานก็จะฟื้นคืนกลับมา!”

หลินสวินเผยสีหน้ายินดี ช่วยไม่ได้ เขาจำเป็นต้องเสแสร้งแกล้งทำ

“จริงหรือ”

ชิงเหิงอดตื่นเต้นขึ้นมาไม่ได้

หลินสวินยิ้มพลางพยักหน้า จากนั้นจึงกล่าวอย่างลังเล “ศิษย์พี่ ข้าอยาก… ไปสำนักวิญญาณสวรรค์สักรอบ…”

ความตื่นเต้นของชิงเหิงลดลงทันที เขาขมวดคิ้วพลางกล่าว “เพิ่งผ่านไปแค่สองเดือนเท่านั้น ศิษย์น้องเจ้าก็ทนไม่ไหวอยากไปเจอนางตัวดีนั่นอีกแล้วหรือ”

น้ำเสียงเต็มไปด้วยความขัดใจ

หลินสวินสัมผัสถึงการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ของชิงเหิงได้ แต่เขากลับจำต้องแสร้งทำต่อไป กล่าวเสียงเบา

“ศิษย์พี่ ข้าคิดว่าหากรากฐานของตนฟื้นฟูได้ ภายหน้าย่อมยกระดับพลังปราณได้ทีละขั้น ไม่ช้าก็เร็วต้องมีสักวันที่ไล่ตามก้าวย่างของแม่นางรั่วจิ้งทัน ดังนั้น…”

ชิงเหิงสีหน้าอึมครึมก่อนพูดตะคอก “อยากเจอนางก็ย่อมได้ เจ้าแจ้งมรรคบรรลุจักรพรรดิเมื่อไหร่ ข้าจะพาเจ้าไปสำนักวิญญาณสวรรค์เพื่อเจอนางเอง ก่อนจะถึงตอนนั้นเจ้าอย่าคิดออกจากสำนักสักก้าว!”

ท่าทางเด็ดเดี่ยวยิ่ง

หลินสวินทำหน้าจนปัญญา ในใจกลับลอบโล่งอก เมื่อเห็นภาพนี้แล้วเขาวิเคราะห์ได้โดยคร่าวว่าตอนนี้ชิงเหิงยังไม่แคลงใจเรื่องฐานะของตน

“ศิษย์น้อง จากมุมมองข้าเถียนรั่วจิ้งนั่นก็คือมารในใจบนหนทางฝึกปราณของเจ้า ถ้าไม่กำจัดมารในใจ ชีวิตนี้เจ้าคงยากจะประสบความสำเร็จยิ่งใหญ่บนมรรคา”

ชิงเหิงเอ่ยเสียงเบา “ตอนนี้ในเมื่อรากฐานมหามรรคของเจ้ามีหวังฟื้นคืน ข้าก็ยิ่งไม่อาจให้เจ้าดื้อดึงไม่ยอมรับต่อไปอีก จากนี้ไปทุกสามเดือนข้าจะไปถ่ายทอดหลักการฝึกปราณให้เจ้าด้วยตัวเอง…”

เมื่อเห็นดังนี้หลินสวินรีบตัดบท “ไม่จำเป็นๆ ศิษย์พี่เวลาของท่านมีค่าเพียงใด นำมาสิ้นเปลืองกับข้าได้อย่างไร ข้าเชื่อฟังท่าน ยอมอยู่ในสำนักโดยดีก็พอแล้ว”

เขาพูดพลางจากไปราวหมอกควัน

ชิงเหิงเห็นดังนี้แล้วอดถอนใจยาวไม่ได้ ปวดหัวและจนปัญญายิ่งนัก ปีนั้นพรสวรรค์ของศิษย์น้องคนนี้ของตนชวนตะลึงระดับใด แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นเช่นนี้ ถูกเถียนรั่วจิ้งผู้หญิงคนนั้นทำลายสิ้นโดยแท้!

‘ภายหน้าจะหาโอกาสไปจัดการผู้หญิงคนนั้นสักตั้ง’ ชิงเหิงลอบกัดฟันกรอด

เมื่อออกจากที่พักของชิงเหิง หลินสวินตรงกลับไปยังหอเก็บตำรา

‘ตอนนี้แม้ว่าชิงเหิงไม่สงสัยข้า แต่ทั้งสำนักสวรรค์ยุทธ์นี้มีหูตามากมาย จำเป็นต้องทำให้พวกเขาไม่แคลงใจจึงจะถูก…’

หลินสวินนึกถึงตรงนี้ก่อนส่ายหัวถอนใจทันที

“อาจารย์อา ท่านถอนใจด้วยเหตุใด”

ชุนหนิงศิษย์ที่คอยเฝ้าหอเก็บตำรามาตลอดอดเอ่ยถามไม่ได้

“พวกเจ้าไม่เข้าใจ”

หลินสวินถอนใจกล่าว

ไต้เหยียนศิษย์อีกคนอดพูดไม่ได้ “อาจารย์อา ท่านคงไม่ได้คิดไปสำนักวิญญาณสวรรค์อีกกระมัง”

หลินสวินพลันเงียบไปครู่หนึ่ง กล่าวอย่างจนปัญญา “ไปไม่ได้แล้ว เมื่อครู่ศิษย์พี่ชิงเหิงออกคำสั่ง ไม่อนุญาตให้ข้าออกไปข้างนอก”

ชุนหนิงกับไต้เหยียนสบตากัน ในใจพลันหมดคำพูด เพิ่งสงบมาสองเดือน เห็นชัดว่านิสัยเสียของอาจารย์อากำเริบอีกแล้ว!

วันนั้นทั้งสองคนแพร่ข่าวออกไป ทำให้แก้มของเจ้าสำนักฝูอวิ๋นจื่อพลันกระตุก เดิมคิดว่าอาจารย์อารู้แจ้งถ่องแท้แล้ว ไหนเลยจะคิดว่านิสัยเดิมยากเปลี่ยนแปลง!

เมื่อคนอื่นในสำนักรู้เรื่องนี้กลับชาชิน คิดว่าแบบนี้สิถึงเป็นชิงเฟิงที่พวกเขารู้จัก

ไม่มีใครรู้ว่าหลินสวินทุ่มเทแสดงละครฉากนี้อย่างหนัก เป้าหมายก็เพื่อไม่ให้เกิดข้อสงสัยใดๆ

หลายวันต่อมา

หลินสวินซึ่งกำลังจิบชาอ่านหนังสือในหอเก็บตำรา ทราบข่าวจากเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของศิษย์บางคนโดยไม่ตั้งใจ…

ครึ่งเดือนก่อนสี่สำนักใหญ่อย่างหอเซียน เรือนเทพ ประตูมาร สำนักอสูรมารออกคำสั่งพร้อมกัน ประกาศจับผู้แปรมรรคที่เพิ่งเข้าสู่โลกแปรมรรคในช่วงนี้ทั่วหล้า!

หากใครแจ้งข่าวจะได้รับรางวัลมากมายจากสี่สำนักใหญ่

ขณะเดียวกันขุมอำนาจชั้นยอดสิบสองแห่งที่เป็นบริวารของสี่สำนักใหญ่ออกเคลื่อนพลทั้งหมด ลาดตระเวนทั่วหล้าร่วมกับสี่สำนักใหญ่ ค้นหาร่องรอยของผู้แปรมรรค

เมื่อข่าวนี้แพร่ออกไปทั่วหล้าต่างตระหนก ใต้หล้าโกลาหล โลกแปรมรรคตกอยู่ในคลื่นลมปั่นป่วน

ระหว่างที่หลินสวินรู้ข่าว อาณาเขตทางตะวันออกที่สำนักสวรรค์ยุทธ์ตั้งอยู่ สำนักเซียนจงอางแดงขุมอำนาจชั้นยอดเพียงหนึ่งเดียวนั้นก็เริ่มเคลื่อนไหว ส่งมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิสิบคนมาเยือนทุกขุมอำนาจในอาณาเขตทางตะวันออก!

ทั้งใช้เวลาไม่นานมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิสิบคนนี้ก็จะมาสืบข่าวถึงสำนักสวรรค์ยุทธ์!

นี่ทำให้ในใจหลินสวินเครียดขมึง

เขาไม่ต้องคิดก็รู้ว่าคลื่นลมครานี้มุ่งเป้ามาที่ตน!

เมื่อกล่าวถึง ‘ผู้แปรมรรค’ ขุมอำนาจใหญ่บนโลกแปรมรรคล้วนรู้ว่า ‘ผู้แปรมรรค’ ไม่ใช่คนบนโลกนี้

ปัจจุบันในสี่สำนักใหญ่ ‘ผู้แปรมรรค’ ที่คนบนโลกรู้จักมีสิบกว่าคนแล้ว ทุกคนล้วนเป็นยอดบุคคลบนมรรคาอมตะ

หลายคนล้วนมีมรรควิถีในระดับหลุดพ้น

บุคคลอย่างชิงเฟิงก็ยังรู้ว่าผู้แปรมรรคของสี่สำนักใหญ่ที่แข็งแกร่งที่สุดมีเจ็ดคน ล้วนเป็นทูตชะตาสวรรค์จากภาคีอีสาน

ผู้นำมีนามว่า ‘จู๋เฉิง’ เป็นอันดับหนึ่งบนมรรคาอมตะของสำนักเซียน

นี่ทำให้หลินสวินที่รับช่วงความทรงจำของชิงเฟิงรู้ดี ว่าคลื่นลมที่หมายหัวตนครานี้ต้องเป็นฝีมือของทูตชะตาสวรรค์เจ็ดคนอย่างพวกจู๋เฉิงแน่!

‘ยังดีที่หลายวันก่อนข้ากู้คืนความผิดพลาดไปบ้างแล้ว ไม่ได้ก่อให้เกิดข้อสงสัยใด ถ้าเป็นเช่นนี้แม้มกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิสิบคนของสำนักเซียนจงอางแดงนั่นมาถึง คงน่าจะตรวจสอบอะไรไม่ได้…’

หลินสวินลอบกล่าวในใจ

…………………

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท