ตอนที่ 3199 ดีดนิ้วฆ่าศัตรู
เมื่อเห็นหลินสวินออกจากประตูเขาไปลำพัง พวกชิงเกิงล้วนอึ้งงัน วิธีจัดการที่เจ้าหมอนี่กล่าวถึงก็คือเข้าไปติดกับเองหรือ
สีหน้าพวกเขาเปลี่ยนเป็นแปลกประหลาด
“อาจารย์ลุง ทำไมท่านไม่ขวางอาจารย์อาไว้”
ฝูอวิ๋นจื่อร้อนรนอยู่บ้าง เขาคิดไม่ถึงว่าชิงเหิงซึ่งปกป้องชิงเฟิงมาตลอด ทำไมเวลานี้กลับปล่อยชิงเฟิงไปรนหาที่ตาย
“ดูไปก่อน” สีหน้าชิงเหิงซับซ้อน คล้ายเข้าใจรางๆ แล้ว
ห่างออกไปเมื่อเห็นหลินสวินเดินมาคนเดียว พวกเหวินถูหยางอดหัวเราะขึ้นมาอีกครั้งไม่ได้
“ชิงเหิง คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะยอมปล่อยคนอัปยศอย่างศิษย์น้องเจ้ามา…”
เหวินถูหยางเยาะหยัน
ชายผมขาวข้างกายเขาพุ่งตัวมาทางหลินสวิน “ข้าจับตัวเจ้าหมอนี่ก่อนจะได้ไม่ต้องยืดเยื้อ…”
พูดไม่ทันจบคอของเขาก็ถูกหลินสวินคว้าหมับ หิ้วขึ้นมาเหมือนหิ้วลูกไก่
“การยืดเยื้อก็เป็นเรื่องดีอย่างหนึ่ง อย่างน้อยก็ไม่ต้องตาย เจ้าว่าอย่างไรเล่า”
หลินสวินยิ้มน้อยๆ นัยน์ตาล้ำลึกและเฉยชา
ชายผมขาวเบิกตากว้าง สีหน้าอึดอัดม่วงคล้ำ เขาดิ้นรนไม่หยุด แต่กลับไม่เป็นผล ออกแรงไม่ได้สักนิด
ทั่วลานเงียบสงัด
บุคคลสำคัญของสำนักวิญญาณสวรรค์ซึ่งหัวเราะอยู่พวกนั้น แต่ละคนรอยยิ้มค้างแข็ง เบิกตากว้าง เกือบคิดว่าตัวเองตาลาย
สวะระดับกระบวนแปรจุติคนหนึ่งถึงกับยื่นมือจับตัวผู้แข็งแกร่งที่มีมรรควิถีระดับจักรพรรดิด่านเจ็ดได้!
ในประตูเขาที่ห่างออกไป ชิงเกิงสีหน้าค้างแข็ง กล่าวเสียงหลง “นี่…”
เมื่อมองคนอื่นก็เห็นว่าสมองเบลอกันไปหมด
“อาจารย์อาเขา…”
ฝูอวิ๋นจื่ออึ้งงันอย่างอดไม่ได้
ปัง!
ร่างชายผมขาวกลายเป็นเถ้าถ่านลอยล่อง เรียบง่ายเหมือนบดขยี้มดปลวกตัวหนึ่ง
จากนั้นหลินสวินเหลือบมองพวกเหวินถูหยางพลางกล่าว “ทำไมไม่หัวเราะเล่า หัวเราะต่อสิ”
พวกเหวินถูหยางสีหน้าปรวนแปรไม่หยุด
“เจ้าเป็นใครกันแน่”
ชายชุดดำคนหนึ่งก้าวออกมา น้ำเสียงอึมครึม
เสออวิ๋นเหลิ่ง
ผู้อาวุโสชั้นสูงแห่งสำนักวิญญาณสวรรค์ มกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิขั้นสมบูรณ์คนหนึ่ง!
เมื่อเขาก้าวออกมา อานุภาพน่ากลัวม้วนกลืน ทำให้ฟ้าดินแถบนี้ปั่นป่วน
ในโลกแปรมรรคมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิเรียกได้ว่าเป็นบุคคลแข็งแกร่งที่สุดรองจากระดับอมตะแล้ว สามารถโอหังเหนือผู้ฝึกปราณส่วนใหญ่ในใต้หล้า
แต่หลินสวินมีหรือจะเห็นเจ้าตัวจ้อยเช่นนี้อยู่ในสายตา
เมื่อเขาก้าวเท้า ครู่ต่อมาก็ปรากฏตัวตรงหน้าเสออวิ๋นเหลิ่งกะทันหัน พร้อมยื่นมือออกมาลวกๆ
ความเร็วนั้นเร็วเกินไปแล้ว!
ภายใต้ความตกใจเสออวิ๋นเหลิ่งยกสองแขนขวางหน้าตามจิตใต้สำนึก
กร๊อบ! กร๊อบ!
กระดูกแขนทั้งสองของเขาหักละเอียด เลือดสีสดสาดกระเซ็น
ส่วนคอของเขาก็ถูกหลินสวินบีบ หิ้วขึ้นมาอย่างสบายๆ
มกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิคนหนึ่งกลับอ่อนแอเช่นนี้!
ภาพนี้ทำให้ทุกคนตรงนั้นขนหัวลุกเกรียว มีความรู้สึกมึนงง แม้ผ่าสมองออกมาก็ไม่อาจจินตนาการว่าชิงเฟิงซึ่งถูกสำนักมากมายมองเป็นตัวตลก ทั้งถูกสำนักสวรรค์ยุทธ์มองเป็นความอัปยศของสำนักเช่นกัน ทำไมถึงเปลี่ยนเป็นน่ากลัวเช่นนี้ในชั่วขณะเดียว!
“หยุด!”
พวกเหวินถูหยางที่อยู่ใกล้ตาแทบถลน เสออวิ๋นเหลิ่งถูกจับตัว ทำให้พวกเขาไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม
แต่พวกเขาคิดผิดแล้ว
หลินสวินไม่มีความคิดจับเสออวิ๋นเหลิ่งเป็นตัวประกันแต่แรก
ปัง!
เมื่อเขาออกแรงที่ฝ่ามือ ร่างของเสออวิ๋นเหลิ่งกลายเป็นเถ้าถ่านลอยล่อง
ผู้อาวุโสชั้นสูงของสำนักวิญญาณสวรรค์คนหนึ่งถูกกำจัดเช่นนี้!
ภาพนั้นทำให้ชิงเหิงกับฝูอวิ๋นจื่อตื่นตระหนก ในใจสั่นสะท้าน
เมื่อมองพวกเหวินถูหยางอีกครั้ง ทุกคนล้วนตกใจจนหนังศีรษะชาวาบ สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว เลือกเผ่นกระเจิงทันที!
เสออวิ๋นเหลิ่งยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ นับประสาอะไรกับพวกเขา
น่าเสียดายที่สุดท้ายพวกเขาก็ไม่รู้ว่าคู่ต่อสู้ครั้งนี้ของพวกเขาน่ากลัวเพียงใด
ก็เห็น…
หลินสวินดีดนิ้วกลางอากาศ เรียบง่ายเหมือนวางหมาก
แต่กลางอากาศกลับมีปราณกระบี่สายแล้วสายเล่าทะยานออกมา คมประกายของมันสาดส่องภูผาธาราแถบนี้ชั่วพริบตา แสบตาจนผู้คนต่างลืมตาไม่ขึ้น
ฉัวะๆๆๆ!
เสียงทึบหนักระลอกหนึ่งดังทั่วบริเวณ เลือดสีสดพุ่งสาดออกมาเป็นสายๆ
ทั้งสิบเก้าคนรวมถึงเหวินถูหยางเจ้าสำนักวิญญาณสวรรค์ล้วนถูกปราณกระบี่ทะลวงร่างและพลังจิต สิ้นชีพกลางฟ้าดิน
เมื่อปราณกระบี่หายไป ในที่นั้นมีกลิ่นคาวเลือดอบอวล เงาร่างคู่ต่อสู้พวกนั้นราวถูกลบหายไปจากโลก
ในประตูเขาที่ห่างออกไป ทุกคนต่างอึ้งงันอยู่ตรงนั้น
ครั้งนี้พวกเหวินถูหยางรับคำสั่งเถียนรั่วจิ้งมา ทำให้เหล่าบุคคลสำคัญของสำนักสวรรค์ยุทธ์ล้วนมองเป็นวิกฤติใหญ่และรู้สึกไม่ปลอดภัย
ใครจะคิดว่าชิงเฟิงกลับสังหารคู่ต่อสู้พวกนั้นทั้งหมดได้ในเวลาอันสั้น!?
“อาจารย์อาเขา… เขา…”
ฝูอวิ๋นจื่อตกใจจนพูดไม่ออก
เมื่อมองคนอื่นก็เป็นเช่นนี้ ทุกคนล้วนไม่อาจสงบนิ่ง
สีหน้าชิงเหิงซับซ้อนยิ่งกว่าเดิม กล่าวด้วยเสียงเหมือนพึมพำ “ยังไม่เข้าใจอีกหรือ เขาคือผู้แปรมรรค…”
ผู้แปรมรรค!!
ราวกับฟ้าผ่าใส่หัวตอนกลางวันแสกๆ นอกจากทำให้พวกชิงเกิงกระจ่างแล้ว ทุกคนยังใจตกไปที่ตาตุ่ม
ก่อนหน้านี้พวกเขาล้วนแสดงท่าทีเด็ดขาดว่าต้องการส่งตัวชิงเฟิงไป หากชิงเฟิงทำการแก้แค้นตอนนี้ พวกเขาใครจะเป็นคู่ต่อสู้ได้
หลินสวินก้าวเข้ามาจากไกลๆ ประสานมือไปทางชิงเหิงแล้วกล่าว “ขออภัย เพิ่งให้ท่านรู้เรื่องตอนนี้ แม้ว่าข้าไม่ใช่ชิงเฟิงศิษย์น้องของท่าน แต่ถึงอย่างไรก็ยืมกายหยาบ จิตวิญญาณ ความทรงจำของชิงเฟิงมาใช้ ก่อนจากโลกนี้ไปข้าจะตอบแทน”
ชิงเหิงสูดหายใจลึก ประสานมือกล่าว “ขอบคุณมาก”
ในใจเขาสับสนยุ่งเหยิง
“เจ้าก็คือหลินสวินผู้แปรมรรคที่ถูกสี่สำนักใหญ่ประกาศจับทั่วหล้านั่นหรือ”
ชิงเกิงที่อยู่ด้านข้างคล้ายตระหนักถึงอะไรได้ ร้องเสียงหลงออกมา
“ไม่ผิด” หลินสวินพยักหน้า
หลินสวิน!
คนอื่นในที่นั้นใจกระตุกวูบอย่างหนักหน่วง
หนึ่งปีมานี้สี่สำนักใหญ่ส่งกำลังพลไม่รู้เท่าไรตามหาร่องรอยของผู้แปรมรรคหลินสวินทั่วหล้า
ใครจะคิดว่าเขาถึงกับหลบอยู่ในสำนักสวรรค์ยุทธ์ของพวกเขามาตลอด
“ยังมีอะไรอยากพูดอีกไหม”
สายตาหลินสวินมองชิงเกิง
ชิงเกิงตัวแข็งทื่อ กล่าวเสียงสั่น “เจ้า… เจ้าคิดจะทำอะไร”
“วิกฤติอยู่เบื้องหน้า แม้แต่ศิษย์พี่ศิษย์น้องร่วมสำนักของตนยังละทิ้งได้ ยังจะเก็บเจ้าไว้เพื่ออะไร”
หลินสวินพูดพลางยกมือฟันปราณกระบี่ลงมา ชิงเกิงถูกฆ่าตายคาที่ทันที
ภาพนองเลือดนั้นทำให้คนอื่นสั่นไปทั้งตัว ตื่นตระหนกจนหน้าถอดสี
โดยเฉพาะเหล่าผู้อาวุโสฝ่ายเดียวกับชิงเกิงก่อนหน้านี้ล้วนตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ ราวตกสู่ถ้ำน้ำแข็ง
เวลานี้สายตาหลินสวินมองมาทางพวกเขาแล้ว
ชิงเหิงเห็นแล้วอดพูดไม่ได้ “สหายยุทธ์อย่าฆ่าอีกเลย ถึงอย่างไร… พวกเขาก็เป็นคนของสำนักสวรรค์ยุทธ์ มอบให้ข้าจัดการเป็นอย่างไร”
เขาถูกวิธีนองเลือดเด็ดขาดของหลินสวินทำให้ตกใจเช่นกัน
“ได้” หลินสวินตกปากรับคำ
ชิงเหิงเป่าปากโล่งอกเฮือกใหญ่พลางกล่าว “ขอบคุณสหายยุทธ์”
“ไม่ต้องขอบคุณข้า”
หลินสวินกล่าวง่ายๆ “ทุกท่านไม่ต้องห่วงว่าสำนักสวรรค์ยุทธ์จะตกเป็นเป้าของสี่สำนักใหญ่เพราะข้า ใช้เวลาไม่นานข้าจะไปเยือนสี่สำนักใหญ่ด้วยตัวเอง สะสางความแค้นระหว่างข้ากับทูตชะตาสวรรค์พวกนั้น”
ชิงเหิงอึ้งงันอย่างอดไม่ได้ เขา… ถึงกับคิดไปแก้แค้นสี่สำนักใหญ่หรือ!?
คนอื่นล้วนมีความรู้สึกว่าไม่ใช่ความจริง เหมือนฝันไป
สำหรับพวกเขา สี่สำนักใหญ่คือขุมอำนาจสูงสุดในโลกแปรมรรค
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงทูตชะตาสวรรค์ที่ก้าวสู่มรรคาอมตะพวกนั้น นั่นคือผู้ที่พวกเขาได้แต่แหงนมองชั่วชีวิต!
แต่ตอนนี้หลินสวินกลับบอกว่าจะไปเยือน นี่จะไม่ให้พวกเขาตกใจได้อย่างไร
หลินสวินไม่อธิบายอีก กล่าวเปลี่ยนประเด็น “เวลาไม่คอยท่า ข้าจะไปเยือนสำนักวิญญาณสวรรค์ก่อน ไปเจอเถียนรั่วจิ้งสักหน่อย ทุกท่านกลับสำนักไปรอก่อนเถอะ”
พูดจบเขาก็หันหลังจากไป
กระทั่งมองดูเงาร่างเขาหายไป พวกชิงเหิงกับฝูอวิ๋นจื่อถึงได้สงบสติลงช้าๆ
ฝูอวิ๋นจื่อกล่าวอย่างว้าวุ่นใจ “อาจารย์ลุง ถ้าเรื่องวันนี้แพร่ออกไป สำนักสวรรค์ยุทธ์ต้องอยู่ตรงปากเหวแน่ เรื่องนี้ควรทำอย่างไรดี”
ชิงเหิงพลันกล่าว “เจ้ารู้ไหมว่าสี่สำนักใหญ่ยืนอยู่เหนือโลกแปรมรรคได้อย่างไร”
ฝูอวิ๋นจื่ออึ้งงัน ส่ายหัวแสดงออกว่าไม่รู้
“เพราะพวกเขาทุกสำนักล้วนมีผู้แปรมรรค!”
ชิงเหิงสูดหายใจลึกพลางกล่าว “ผู้แปรมรรคมีพลังยิ่งใหญ่ ครองยอดวิชาที่พวกเราไม่อาจจินตนาการ ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบันเมื่อไหร่ก็ตามที่ผู้แปรมรรคคนหนึ่งจากไป ย่อมทิ้งมหามรรคเทียมฟ้าไว้บนโลกแปรมรรค ในสี่สำนักใหญ่มีบันทึกมหามรรคสมบูรณ์พวกนี้อยู่ ดังนั้นสี่สำนักใหญ่จึงยืนอยู่เหนือโลกมาตลอด!”
ฝูอวิ๋นจื่อกล่าว “อาจารย์ลุงหมายความว่าอย่างไร”
ชิงเหิงกล่าวเสียงขรึม “ตอนนี้หากพวกเราสำนักสวรรค์ยุทธ์อยากรอดต่อไปย่อมเหลือเพียงทางเดียว นั่นก็คือเชื่อหลินสวินนั่นอย่างสนิทใจ!”
“เชื่อเขาหรือ”
ฝูอวิ๋นจื่ออดนึกถึงคำพูดเมื่อครู่ของหลินสวินไม่ได้ ในใจสั่นสะท้าน “อาจารย์ลุงเชื่อว่าหลินสวินนั่นมีโอกาสไปกวาดล้างศัตรูในสี่สำนักใหญ่พวกนั้นหรือ”
ชิงเหิงกล่าว “ใช่ว่าข้าเชื่อ แต่ไม่ช้าก็เร็วพวกเขาต้องสู้กันแน่ ส่วนข้ายอมเชื่อว่าหลินสวินจะชนะ!”
“หากว่าเขาแพ้เล่า”
มีคนอดถามไม่ได้
“เช่นนั้นพวกเราสำนักสวรรค์ยุทธ์ย่อมพินาศย่อยยับโดยไม่ต้องสงสัย”
ชิงเหิงกล่าวด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก
ทุกคนต่างเงียบไป จิตใจกระเพื่อมไหว
“ทำไมต้องประหม่าเช่นนี้เล่า หากหลินสวินชนะ บางทีพวกเราสำนักสวรรค์ยุทธ์… อาจได้เจอกับการเปลี่ยนแปลงที่ไม่เคยมีมาก่อน!”
แววตาชิงเหิงลุกโชนพลางกล่าว “เดิมเรื่องบนโลกล้วนโชคเคราะห์อิงแอบ ตอนนี้ดูท่าว่าหลินสวินนั่นยังเห็นแก่บุญคุณของชิงเฟิงศิษย์น้องข้า เท่านี้ก็พอแล้ว”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ในใจเขารู้สึกตื่นเต้นอยู่บ้างรางๆ
เท่าที่เขารู้คือสักวันหนึ่งเมื่อผู้แปรมรรคจากไป ร่างผู้ฝึกปราณที่เขายืมจะคงความสำเร็จในขอบเขตและมหามรรคระดับอมตะไว้
นี่ก็หมายความว่าภายหน้าถ้าหลินสวินจากไป ชิงเฟิงศิษย์น้องเขาจะเกิดการเปลี่ยนแปลงน่าเหลือเชื่อ!
…
หลินสวินเดินเล่นกลางอากาศ
‘แค่ครึ่งปีเท่านั้น ห้ากายมรรคอนุมานยอดมหามรรคที่เหมาะกับการฝึกปราณของชิงฟิงได้แล้ว นับว่าไม่เลว…’
หลินสวินรู้สึกถึงมรรควิถีของระดับมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิซึ่งพลุ่งพล่านโหมกระหน่ำอยู่ภายในกาย ในใจลอบโล่งอกอย่างอดไม่ได้
เทียบกับพลังปราณซึ่งใกล้ถึงขั้นไร้ขอบเขตสัมบูรณ์ของเขาแล้ว แม้พลังที่มีตอนนี้ยังอ่อนแอมาก แต่อย่างน้อยก็มีพลังป้องกันตัวเองแล้ว
นี่ก็คือสาเหตุที่เขากล้าเปิดเผยฐานะในวันนี้
‘รอจัดการเรื่องเถียนรั่วจิ้งคนนี้แล้วค่อยจากที่นี่ไป หาสถานที่สงบเงียบเพื่อฝึกปราณ มีเพียงก้าวสู่มรรคาอมตะจึงจะเทียบกับทูตชะตาสวรรค์พวกนั้นได้…’
หลินสวินตัดสินใจ
………………