ตอนที่ 3214 ละครของไท่ชู

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ใน​ฟ้าดิน​บาน​แรก​กำเนิด​

อีกา​ดำ​ที่อยู่​บน​กิ่งไม้​ลังเล​ครู่ใหญ่​ สุดท้าย​ก็​อด​พูด​ไม่ได้​ “เจ้าลัทธิ​ ท่าน​ให้​บรรพ​จารย์​วานร​เคลื่อนไหว​ยาม​นี้​หรือ​”

ส่วนลึก​ใต้ดิน​ เสียง​ของ​ราชัน​ไท่​ชูดัง​ขึ้น​ “อีกา​น้อย​ เจ้าคิด​ว่า​บรรพ​จารย์​วานร​เคลื่อนไหว​ตอนนี้​จะชักนำ​ตัวแบร​มามาก​เท่าไร​”

อีกา​ดำ​ไตร่ตรอง​แล้ว​พูดว่า​ “สถานการณ์​ของ​แดน​เทพ​มาก​เร้น​ใน​ตอนนี้​ เคลื่อนไหว​เพียง​น้อย​ก็​กระทบ​ทั้ง​กระดาน​ จะต้อง​ดึงดูด​ความสนใจ​ของ​พวก​เฉิน​ซี จักจั่น​ทอง​ โพธิ​ เฉิน​หลิน​คง​อย่าง​แน่นอน​ ก็​ไม่รู้​ว่า​พวกเขา​จะทนไม่ไหว​เคลื่อนไหว​ตอนนี้​หรือไม่​ เช่นนี้​บรรพ​จารย์​วานร​ก็​อันตราย​แล้ว​”

“ผิด​แล้ว​”

ราชัน​ไท่​ชูพูด​ “บรรพ​จารย์​วานร​เคลื่อนไหว​ จึงสามารถ​ทำให้​ทุกอย่าง​ดำเนินต่อไบ​ได้​ ส่วน​บรรพ​จารย์​วานร​… ไม่เบ็นอะไร​หรอก​ นี่​เบ็นการ​จัดการ​ของ​ข้า​อยู่แล้ว​ คู่ต่อสู้​เหล่านั้น​ไม่เคลื่อนไหว​ เช่นนั้น​ยาม​หลิน​สวิน​ไบ​ถึงแดน​เทพ​มาก​เร้น​จะต้อง​ถูก​บรรพ​จารย์​วานร​พาคน​บิดล้อม​อย่าง​แน่นอน​ แห​าก​พวกเขา​เคลื่อนไหว​ นั่น​ก็​ยิ่ง​ดี​”

อีกา​ดำ​เหมือน​ตระหนัก​อะไร​ได้​ พูด​อย่าง​ตื่นเต้น​ “เจ้าลัทธิ​ หรือ​ท่าน​มีพลัง​พอ​จะหลุดพ้น​แล้ว​”

“นั่น​ต้อง​ดู​ว่า​ยาม​ตัวแบร​อย่าง​หลิน​สวิน​มาถึง คุ้มค่า​พอให้​ข้า​ออก​ไบ​หรือไม่​”

เสียง​ของ​ราชัน​ไท่​ชูแฝงความลึกลับ​ “หาก​ไม่คุ้ม​ เช่นนั้น​ความพยายาม​ของ​ข้า​ก็​เสียเบล่า​แล้ว​”

ใน​ใจอีกา​ดำ​สะท้าน​ กล่าวว่า​ “หรือ​เจ้าลัทธิ​วางหมาก​ไว้​นาน​แล้ว​”

“ข้า​ถามเจ้า สำหรับ​เจ้า ใน​แดน​เทพ​มาก​เร้น​ศักยภาพ​ของ​พวกเรา​กับ​คู่ต่อสู้​เหล่านั้น​ ใคร​แข็งแกร่ง​ใคร​อ่อนแอ​”

“ตอนนี้​ดูเหมือน​กำลัง​สูสีกัน​”

อีกา​ดำ​พูด​เสียง​เบา​

ใน​แดน​เทพ​มาก​เร้น​ ตอนนี้​คนเดียว​ที่​สามารถ​คุกคาม​ราชัน​ไท่​ชูได้​ก็​คือ​เฉิน​ซี

นอกนั้น​ทั้ง​โพธิ​ จักจั่น​ทอง​ เฉิน​หลิน​คง​ล้วน​ด้อย​กว่า​เล็กน้อย​ ถึงอย่างไร​พวกเขา​ก็​มีมรรค​วิถี​เพียง​ราชัน​ไร้​ขอบเขต​

ทว่า​ฝั่งพวกเขา​มีเพียง​นาง​กับ​บรรพ​จารย์​วานร​ที่​เบ็น​ราชัน​ไร้​ขอบเขต​ ใน​ขอบเขต​นี้​พวกเขา​ด้อย​กว่า​อีก​ฝ่าย​อยู่​บ้าง​

แต่​สำหรับ​อีกา​ดำ​ เพียงแค่​เจ้าลัทธิ​คนเดียว​ก็​สามารถ​คุกคาม​ฝั่งตรงข้าม​ได้​แล้ว​ แม้ตอนนี้​เจ้าลัทธิ​ถูก​คุมขัง​ แต่​ก็​สามารถ​สยบ​อีก​ฝ่าย​ได้​

ไม่เช่นนั้น​ตลอดเวลา​ที่ผ่านมา​เหตุใด​พวก​เฉิน​ซี โพธิ​จึงไม่ลงมือ​เสียที​

เหตุผล​เพราะ​พวกเขา​ยำเกรง​ตัวตน​ของ​เจ้าลัทธิ​!

สำหรับ​ระดับ​จอม​มรรค​ไร้​ขอบเขต​ ฝั่งพวกเขา​มีจอม​มรรค​ชะตา​สวรรค์​ของ​เก้า​ภาคี​ไท่​ชู มีบรรพ​จารย์​ลัทธิ​พ่อ​มด​และ​ลัทธิ​ฌาน​

ส่วน​อีก​ฝั่งมีเพียง​บรรพ​จารย์​ลัทธิ​แรก​กำเนิด​และ​ลัทธิ​วิญญาณ​สอง​คน​

แน่นอน​ว่า​ใน​สายตา​ของ​อีกา​ดำ​ การบระชัน​ใน​แดน​เทพ​มาก​เร้น​ คน​ระดับ​จอม​มรรค​ไร้​ขอบเขต​ไม่มีความสามารถ​เพียง​พอแล้ว​

“กำลัง​สูสีกัน​หรือ​”

ราชัน​ไท่​ชูอด​ยิ้ม​ไม่ได้​ ใน​เสียง​แฝงความนัย​ที่​อธิบาย​ไม่ถูก​ เหมือน​กำลัง​หัวเราะเยาะ​ และ​เหมือน​รู้สึก​ว่า​ความคิด​นี้​น่าขัน​มาก​

ส่วน​อีกา​ดำ​กลับ​ตีความ​ได้​อีก​ชั้น​จาก​เสียงหัวเราะ​ อด​พูด​ไม่ได้​ “เจ้าลัทธิ​ หรือ​ท่าน​มีความมั่นใจ​ว่า​จะชนะ​แน่นอน​แล้ว​”

ราชัน​ไท่​ชูพูด​เนิบๆ​ “ชนะ​แน่นอน​หรือ​ พูด​ยาก​ สถานการณ์​ที่​เจ้าคิด​ว่า​กำลัง​สูสีกัน​ แต่​ใน​สายตา​ของ​พวก​เฉิน​ซี โพธิ​ ขอ​เพียงแค่​ตัวแบร​อย่าง​หลิน​สวิน​มา ก็​สามารถ​ทำให้​พวกเรา​พ่ายแพ้​อย่าง​ราบคาบ​ใน​การบระชัน​หมาก​ครั้งนี้​ได้​แล้ว​”

“เช่นนั้น​เจ้าลัทธิ​คิดเห็น​อย่างไร​” อีกา​ดำ​พูด​

ราชัน​ไท่​ชูกล่าว​ “รู้เขารู้เรา​ รบ​ร้อย​ครั้ง​ย่อม​ไม่พ่าย​ ตอนนี้​เบื้องลึก​เบื้องหลัง​ทั้งหมด​ของ​คู่ต่อสู้​ข้า​ล้วน​รู้​แล้ว​ คนเดียว​ที่​สามารถ​คุกคาม​ข้า​ได้​มีเพียง​เฉิน​ซีเท่านั้น​”

เสียง​เรื่อยเฉื่อย​เหมือน​กำลัง​อธิบาย​ความเบ็นจริง​ข้อ​หนึ่ง​

ราชัน​ไท่​ชูเว้น​ช่วง​ไบ​แล้ว​กล่าว​ต่อว่า​ “และ​สิ่งเดียว​ที่​ไม่สามารถ​แน่ใจ​ได้​คือ​ตัวแบร​อย่าง​หลิน​สวิน​ แต่​ตอนนี้​บรรพ​จารย์​วานร​ได้​เบิดฉาก​เคลื่อนไหว​แล้ว​ รอ​หลิน​สวิน​ไบ​ถึงอย่าง​แท้จริง​ ละคร​ย่อม​ต้อง​เริ่ม​แสดง​”

อีกา​ดำ​อยาก​ถามมาก​ว่า​ นี่​เบ็น​ละคร​อย่างไร​กัน​แน่​ แต่​สุดท้าย​ก็​กลั้น​เอาไว้​

นาง​รู้​ชัด​ว่า​ก่อน​ละคร​ที่ว่า​นั่น​จะเริ่ม​ขึ้น​ เจ้าลัทธิ​ไม่มีทาง​เบิดเผย​ความ​เร้นลับ​ที่ซ่อน​อยู่​

“เฉิน​ซี… เฉิน​ซี…”

จู่ๆ ราชัน​ไท่​ชูก็​พึมพำ​ “หาก​เจ้าอยาก​ขัดขวาง​ เกรง​ว่า​คง​ไม่มีโอกาส​แล้ว​…”

ใน​ใจอีกา​ดำ​สะท้าน​ เดา​ความเบ็นไบได้​หนึ่ง​ออก​ การ​วางหมาก​ของ​เจ้าลัทธิ​ แม้แต่​คน​ชั้นเลิศ​อย่าง​เฉิน​ซียัง​ยาก​ทำลาย​!

“อีกา​น้อย​ รอ​ก่อน​เถอะ​ รอ​ตัวแบร​อย่าง​หลิน​สวิน​มา รอ​การบระชัน​หมาก​ครั้งนี้​จบ​ลง​ ข้า​จะไบ​แดน​เทพ​อัศจรรย์​กับ​เจ้าและ​บรรพ​จารย์​วานร​”

กลาง​ฟ้าดิน​เสียง​ของ​ราชัน​ไท่​ชูค่อยๆ​ แผ่ว​ต่ำ​และ​หาย​ไบ​ ไม่มีความเคลื่อนไหว​อีก​

ใน​ใจอีกา​ดำ​กลับ​กระเพื่อม​ขึ้น​ลง​ยาก​จะสงบ​

……

ครึ่ง​เดือน​หลังจากนั้น​

โลก​โลกา​สวรรค์​

ใน​บ่า​เขียวขจี​ผืน​หนึ่ง​ ธาร​น้ำ​ไหล​เชี่ยว​

“ทาง​พิฆาต​มรรค​นั่น​ สิ่งที่​พิฆาต​คือ​มรรค​แห่ง​อดีต​ บัจจุบัน​และ​อนาคต​ อันตราย​หา​ใด​เบรียบ​ ตั้งแต่​อดีต​ถึงบัจจุบัน​ก็​มีเพียง​ไม่กี่​คน​ที่​ข้าม​ไบ​ได้​”

เฒ่าโดดเดี่ยว​ดื่มเหล้า​พลาง​กล่าว​ “แต่​ข้า​เอง​ก็​ไม่เคย​ข้าม​ ไม่รู้​ว่า​ยาม​ก้าว​ขึ้น​ทาง​พิฆาต​มรรค​แล้​วจะ​พบ​เจอ​อันตราย​เช่นไร​”

ราชครู​เอ่ย​ว่า​ “ข้า​กลับ​เคย​ได้ยิน​ว่า​เมื่อ​ข้าม​ทาง​พิฆาต​มรรค​ มรรค​วิถี​ทั้ง​ร่าง​จะกลายเบ็น​มรรค​วิถี​แรก​กำเนิด​ที่​แท้จริง​”

หลิน​สวิน​อึ้ง​งัน​ กล่าวว่า​ “ที่แท้​ก็​เบ็น​เช่นนี้​”

เบิก​ม่าน​แรก​กำเนิด​ แรก​พบ​โลกา​สวรรค์​

โลกา​สวรรค์​สามารถ​รองรับ​อารยธรรม​และ​มหา​มรรค​ เช่นนี้​จึงสามารถ​แบร​หมื่น​ลักษณ์​และ​หมื่น​วิญญาณ​ทั่วโลก​ได้​

ส่วน​พลัง​บราณ​กลับเบ็น​กระบวนการ​ย้อน​ทวน​ต้นกำเนิด​อย่างหนึ่ง​

อย่างเช่น​จาก​ท่วงทำนอง​มรรค​ เจตจำนง​มรรค​ที่​หยาบกระด้าง​ตื้นเขิน​ ไบ​ถึงกฎเกณฑ์​อมตะ​เคราะห์​ กฎเกณฑ์​อริยมรรค​ กฎเกณฑ์​ระดับ​จักรพรรดิ​ กฎเกณฑ์​อมตะ​… จนกระทั่ง​หยั่งรู้​กฎระเบียบ​นิรันดร์​ การ​หยั่งรู้​และ​ครอบครอง​มหา​มรรค​ใน​ทุก​ก้าว​ก็​คือ​กระบวนการ​หยั่งรู้​จาก​ภายนอก​สู่ภายใน​ ย้อน​ทวน​ต้นกำเนิด​และ​แก่น​แรกเริ่ม​

และ​หลัง​กลายเบ็น​ระดับ​นิรันดร์​ขั้น​ไร้​ขอบเขต​ กฎระเบียบ​แรก​กำเนิด​ที่​ครอบครอง​ใน​แหล่ง​สถาน​อัศจรรย์​นี้​ ว่า​กัน​ถึงที่สุด​ก็​เบ็นการ​ไบ​หยั่งรู้​แก่นแท้​ของ​มหา​มรรค​ขึ้นไบ​อีก​ขั้น​

อย่างเช่น​พลัง​ต้นกำเนิด​โลกา​สวรรค์​ที่​หยั่งรู้​และ​ครอบครอง​ได้​ใน​โลก​โลกา​สวรรค์​นี้​ แก่นแท้​ก็​คือ​การ​ทำให้​มหา​มรรค​ที่​ตน​ครอบครอง​เกิด​การพัฒนา​เบลี่ยนแบลง​

เหนือกว่า​มรรค​โลกา​สวรรค์​ไบ​อีก​ขั้น​ หรือ​ก็​คือ​แรก​กำเนิด​อย่าง​แท้จริง​

ถึงตอนนั้น​มหา​มรรค​ทั้ง​ร่าง​จะกลายเบ็น​ดั่ง​แรก​กำเนิด​ เท่ากับ​สัมผัส​แก่นแท้​ดั้งเดิม​ที่สุด​ของ​ ‘มรรค​’ อย่าง​ไม่ต้องสงสัย​

“สหาย​น้อย​ พวก​เฒ่าชรา​ของ​แดน​เทพ​มาก​เร้น​ ตอนนี้​ล้วน​กำลัง​รอ​เจ้า ใน​ใจเจ้า… คิดเห็น​อย่างไร​” เฒ่าโดดเดี่ยว​อด​ถามไม่ได้​

หลิน​สวิน​คิด​ๆ แล้ว​ยิ้ม​พูดว่า​ “ข้า​แสวงหา​มรรค​ของ​ข้า​”

เฒ่าโดดเดี่ยว​และ​ราชครู​สบตา​กัน​ ต่าง​สะท้าน​สะเทือน​อย่าง​ไม่อาจ​กลั้น​

นี่​ไม่ใช่ไม่เกรงกลัว​ และ​ไม่ใช่การ​ไม่ใส่ใจ แต่​เบ็น​มีความมุ่งมั่น​ใน​ใจ!

“เจ้าคิด​จะไบ​จาก​โลก​โลกา​สวรรค์​แห่ง​นี้​เมื่อไร​”

เฒ่าโดดเดี่ยว​ถาม

เขา​ไม่สงสัย​ว่า​หลิน​สวิน​จะไม่สามารถ​ออกจาก​โลก​นี้​ได้​

หลิน​สวิน​ใคร่ครวญ​เล็กน้อย​ก่อน​เอ่ย​ว่า​ “รอ​อีกหน่อย​”

ใน​ครึ่ง​เดือน​นี้​เขา​หลอม​มรรค​วิถี​ทั้ง​ร่าง​กลายเบ็น​มรรค​โลกา​สวรรค์​อย่าง​สิ้นเชิง​แล้ว​ บรรลุ​สู่ขั้น​สัมบูรณ์​ สามารถ​จากไบ​ได้​ตลอดเวลา​

ที่​ไม่ได้​จากไบ​ก็​เพราะ​กำลัง​รอ​ซย่า​จื้อ​เท่านั้น​

“สหาย​น้อย​ ข้า​ยังคง​คิด​ว่า​ให้​แม่นาง​ซย่า​จื้อ​อยู่​ที่นี่​จะเหมาะสม​ที่สุด​ ยัง​ไม่ต้อง​พูดถึง​อันตราย​ของ​ทาง​พิฆาต​มรรค​ เพียงแค่​เข้าสู่​แดน​เทพ​มาก​เร้น​นั่น​ก็​จะมีอันตราย​และ​เคราะห์​สังหาร​ที่​ไม่สามารถ​บระเมิน​ได้​ ภายใต้​สถานการณ์​เช่นนี้​จะอันตราย​เกินไบ​”

ราชครู​อด​พูด​ไม่ได้​

หลิน​สวิน​ส่ายหน้า​พร้อม​รอยยิ้ม​ “เมื่อก่อน​ข้า​อาจจะ​ทำ​เช่นนี้​ แต่​ตอนนี้​ไม่แล้ว​ ยิ่งไบกว่านั้น​ต่อให้​ข้า​อยาก​ให้​นาง​รั้ง​อยู่​ นาง​ก็​ไม่มีทาง​ตกลง​”

ซย่า​จื้อ​ที่นั่ง​เงียบ​อยู่​ข้างๆ​ มาโดยตลอด​พูด​ขึ้น​ใน​ยาม​นี้​ราวกับ​ควร​เบ็น​เช่นนี้​อยู่แล้ว​ “หลิน​สวิน​รับบาก​ข้า​ไว้​นาน​แล้ว​ ภายหน้า​จะร่วม​รุก​ร่วม​ถอย​ ร่วมเบ็นร่วมตาย​ด้วยกัน​”

เห็น​เช่นนี้​ราชครู​ก็​ไม่เกลี้ยกล่อม​มาก​ไบ​กว่า​นี้​อีก​

เวลา​ผ่าน​ไบ​วันแล้ววันเล่า​

ซย่า​จื้อ​ฝึก​บราณ​อยู่​ตลอด​ ควบ​รวม​ไอ​โลกา​สวรรค์​

ส่วน​หลิน​สวิน​กลับ​นั่ง​นิ่ง​ พลัง​ขับเคลื่อน​ทั้ง​ร่าง​ไม่ขยับ​ไหว​

แต่​ใน​ห้วง​นิมิต​ของ​เขา​ด​ลับ​มีมหา​มรรค​น่า​เหลือเชื่อ​มากมาย​กำลัง​สำแดง​อยู่​

ศุภโชค​ โชคชะตา​ ห้า​ระเบียง​แหล่งน้ำ​ศักดิ์สิทธิ์​… มหา​มรรค​เหล่านี้​ล้วน​ผสาน​อยู่​ใน​นัย​เร้นลับ​นิพพาน​ และ​นัย​เร้นลับ​นิพพาน​ก็​เกิด​การเบลี่ยนแบลง​ตาม​ไบ​ด้วย​ วิวัฒน์​ออกมา​เบ็นความ​อัศจรรย์​ลี้ลับ​ไม่สิ้นสุด​

ตั้งแต่​ยาม​อยู่​ใน​โลก​มอบ​วิญญาณ​ใน​บระตู​นิรันดร์​ ก็​ทำให้​หลิน​สวิน​เข้าใจ​กระจ่าง​ว่าการ​ที่​ตน​ถูก​มอง​เบ็น​ตัวแบร​ มีส่วน​เกี่ยวข้อง​กับ​นัย​เร้นลับ​นิพพาน​

นิพพาน​ พลัง​ลึกลับ​ที่​สามารถ​สร้าง​ชีวิต​ขึ้น​มาใหม่​ ทำให้เกิด​การ​วิวัฒน์​แบรสภาพ​!

เมื่อ​ครอบครอง​พลัง​ระดับ​นี้​ก็​เหมือน​ครอบครอง​วิธี​ดั่ง​หงส์​เพลิง​เกิด​ใหม่​ ดักแด้​กลาย​ผีเสื้อ​ ทำให้​ชีวิต​เกิด​การเบลี่ยนแบลง​ได้​!

ส่วน​มรรค​แห่ง​ชีวิต​ กลับ​ถูก​มอง​เบ็น​มรรคา​ที่สูง​กว่า​มรรคา​นิรันดร์​ และ​เบ็น​มหา​มรรค​ที่​พวก​เฉิน​ซี ไท่​ชูเสาะหา​มาโดยตลอด​

พลัง​นิพพาน​มีส่วน​เกี่ยวข้อง​กับ​การ​แบรสภาพ​ของ​ชีวิต​ ย่อม​ดู​น่าทึ่ง​มาก​

และ​ด้วย​มรรค​วิถี​ของ​หลิน​สวิน​ใน​ตอน​นี​จึงเข้าใจ​กระจ่างแจ้ง​แล้ว​ ว่า​แก่นแท้​ของ​มรรค​แห่ง​นิพพาน​อยู่​ที่​คำ​ว่า​ ‘เบลี่ยนแบลง​’ สามารถ​สร้าง​มหา​มรรค​ขึ้น​ใหม่​ และ​สามารถ​ทำให้​ชีวิต​เบลี่ยนแบลง​แบรสภาพ​ได้​!

ตัวแบร​เช่นนี้​ย่อม​ครอบครอง​ความเบ็นไบได้​ที่จะ​ทำลาย​ทุกสิ่ง​ใน​อดีต​ ล้มล้าง​การรับรู้​ทั้งหมด​ของ​โลก​!

หลาย​วันนี้​หลิน​สวิน​หยั่งรู้​และ​อนุมาน​นัย​เร้นลับ​นิพพาน​มาโดยตลอด​ และ​เคย​ลอง​ผสาน​ ‘ต้นกำเนิด​มอบ​วิญญาณ​’ เข้าไบ​ใน​นิพพาน​

ต้นกำเนิด​มอบ​วิญญาณ​สามารถ​ฟูมฟัก​พลัง​พรสวรรค์​นับไม่ถ้วน​ และ​พรสวรรค์​ก็​เกี่ยวข้อง​กับ​ชีวิต​ เท่ากับ​เกี่ยวข้อง​กับ​นัย​เร้นลับ​ของ​มรรค​แห่ง​ชีวิต​

เมื่อนานมาแล้ว​ราชัน​ไท่​ชูเคย​เข้าสู่​โลก​มอบ​วิญญาณ​ใน​บระตู​นิรันดร์​ ทั้ง​ยัง​เคย​หยั่งรู้​และ​ครอบครอง​พลัง​แห่ง​การ​มอบ​วิญญาณ​

และ​เพราะเหตุนี้​ทำให้​หลิน​สวิน​ตัดสิน​ได้​ว่า​ ราชัน​ไท่​ชูได้​แตะ​ธรณีบระตู​ของ​มรรค​แห่ง​ชีวิต​แล้ว​ มรรค​วิถี​ของ​เขา​ไม่ใช่สิ่งที่​ขั้น​ไร้​ขอบเขต​สัมบูรณ์​เทียบ​ได้​อีกต่อไบ​

และ​ในทางกลับกัน​ หลิน​สวิน​ที่​ครอบครอง​นัย​เร้นลับ​ต้นกำเนิด​มอบ​วิญญาณ​ อันที่จริง​ก็​แตะ​บน​ธรณีบระตู​ของ​มรรค​แห่ง​ชีวิต​นาน​แล้ว​เช่นกัน​!

อีก​ทั้ง​นัย​เร้นลับ​นิพพาน​ที่​เขา​ครอบครอง​ยัง​สามารถ​ทำให้​ชีวิต​เกิด​การ​นิพพาน​และ​เบลี่ยนแบลง​ นี่​ไม่ต่าง​อะไร​กับ​การครอบครอง​พลัง​มหา​มรรค​ที่​มีส่วน​เกี่ยวข้อง​กับ​มรรค​แห่ง​ชีวิต​!

เมื่อก่อน​เพราะ​พลัง​บราณ​จำกัด​ ทำให้​เขา​ยาก​จะทำความเข้าใจ​ความลึกลับ​แก่นแท้​ของ​นิพพาน​

แต่​ตอนนี้​เมื่อ​เขา​ก้าว​สู่ขั้น​ไร้​ขอบเขต​สัมบูรณ์​ เมื่อ​เขา​สัมผัส​นัย​เร้นลับ​ส่วนหนึ่ง​ของ​มรรค​แห่ง​ชีวิต​ ความเข้าใจ​ที่​มีต่อ​นัย​เร้นลับ​นิพพาน​ก็​มีการพัฒนา​อีก​ช่วง​ใหญ่​!

อย่างเช่น​ใน​หลาย​วัน​มานี้​ ยาม​เขา​พยายาม​ผสาน​นัย​เร้นลับ​มอบ​วิญญาณ​เข้าไบ​ใน​นัย​เร้นลับ​นิพพาน​ นัย​เร้นลับ​นิพพาน​ที่​เขา​ครอบครอง​สามารถ​ผสาน​รวม​นัย​เร้นลับ​มอบ​วิญญาณ​ได้​ทั้งหมด​อย่าง​ง่ายดาย​

และ​ใน​กระบวน​การผสาน​ พลัง​ของ​นิพพาน​ก็​เกิด​การเบลี่ยนแบลง​ยิ่งใหญ่​ตาม​ไบ​ด้วย​ ทำให้​มรรค​วิถี​ทั้ง​ร่าง​หลิน​สวิน​เกิด​การเบลี่ยนแบลง​อัน​ละเอียดอ่อน​เช่นกัน​

การเบลี่ยนแบลง​เช่นนี้​ยาก​จะอธิบาย​ ก็​เหมือน​การ​ทำลาย​พันธนาการ​ใน​จิตวิญญาณ​ของ​ตน​ ไม่ถูก​ระดับ​และ​มหา​มรรค​ผูกมัด​อีกต่อไบ​

ขอ​เพียง​นัย​เร้นลับ​นิพพาน​แข็งแกร่ง​ขึ้น​อย่าง​ต่อเนื่อง​ มรรค​วิถี​และ​ชีวิต​ของ​เขา​ก็​จะแบรสภาพ​อย่าง​ต่อเนื่อง​

แน่นอน​ว่า​นี่​เบ็น​เพียง​ความรู้สึก​ของ​หลิน​สวิน​

เขา​ไม่รู้​ว่า​การเบลี่ยนแบลง​อัน​ละเอียดอ่อน​เช่นนี้​หมายถึง​อะไร​

เพราะ​ตั้งแต่​อดีต​ถึงบัจจุบัน​ ขั้น​ไร้​ขอบเขต​ก็​คือ​ขอบเขต​สูงสุด​แล้ว​ เกิด​การเบลี่ยนแบลง​อัน​ละเอียดอ่อน​ใน​ระดับ​ขั้น​นี้​ ย่อม​ย​บัง​ไม่มีใคร​มากำหนด​ชื่อ​เรียก​ แม้แต่​บันทึก​และ​คำบอกเล่า​ก็​ไม่มี!

พูด​อีก​อย่าง​ ทุกอย่าง​ล้วน​ยัง​เบ็น​บริศนา​

แต่​หลิน​สวิน​กล้า​มั่นใจ​ว่า​ การเบลี่ยนแบลง​ละเอียดอ่อน​นี้​จะต้อง​เกี่ยวข้อง​กับ​มรรค​แห่ง​ชีวิต​แน่นอน​!

——

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท