ขั้นไร้ขอบเขตสัมบูรณ์ก็คือปลายทางของมรรคานิรันดร์ และเป็นจุดสิ้นสุดของมรรคาที่ทั่วโลกรับรู้แล้ว
บนมรรคานิรันดร์ มีมรรคาที่สูงกว่าดำรงอยู่จริงหรือไม่
ในสายตาขั้นไร้ขอบเขตส่วนใหญ่ นี่ยังคงเป็นคำถามที่ไม่มีคำตอบ
แต่สำหรับหลินสวิน เขากล้ายืนยันว่าหากบอกว่าบนโลกนี้มีมรรคาที่สูงกว่ามรรคานิรันดร์จริงๆ นั่นจะต้องเป็นมรรคแห่งชีวิต
เพราะเขาเองก็สัมผัสถึงธรณีประตูนี้แล้ว
อีกทั้งแตกต่างจากคนอื่นๆ ยามเขาสัมผัสถึงธรณีประตูนี้ เห็นชัดว่าง่ายดาย ไม่พบเจออุปสรรคและการขัดขวางใดๆ
ไม่ต้องเหมือนอย่างราชันไท่ชูที่สำรวจในแดนเทพมากเร้นอย่างยากลำบากหนึ่งแสนปี และผ่านความล้มเหลวหนึ่งแสนปีกว่าจะสืบเสาะเจอโลกมอบวิญญาณจากเรือนิรันดร์ที่พุ่งออกจากแดนเทพอัศจรรย์ในที่สุด ทำให้สัมผัสถึงนัยเร้นลับของมรรคแห่งชีวิตในต้นกำเนิดมอบวิญญาณ
ว่ากันถึงที่สุดเพราะครอบครองนัยเร้นลับนิพพาน ทำให้หลินสวินสัมผัสถึงนัยเร้นลับของมรรคแห่งชีวิตตั้งแต่เมื่อนานมาแล้ว
อย่างเช่นยามเขาช่วยศิษย์อย่างถังเจียงให้ฟื้นคืนชีวิต ความจริงก็เป็นการนิพพานของชีวิตอย่างหนึ่ง
และอย่างการช่วยศิษย์พี่ใหญ่ก็เป็นเช่นเดียวกัน
เพียงแต่ตอนนั้นถูกพลังปราณจำกัด เขาจึงไม่รู้ถึงความเกี่ยวข้องระหว่างนัยเร้นลับนิพพานกับมรรคแห่งชีวิตก็เท่านั้น
และตอนนี้ในขอบเขตปลายสุดอย่างขั้นไร้ขอบเขตสัมบูรณ์ หลังผสานนัยเร้นลับมอบวิญญาณเข้าไปในนัยเร้นลับนิพพาน ทั้งสัมผัสถึงการเปลี่ยนแปลงละเอียดอ่อนบนร่างตน หลินสวินรู้แล้วว่าตนได้สัมผัสเส้นทางมหามรรคที่เหนือกว่ามรรคานิรันดร์อย่างแท้จริงแล้ว!
‘มือกระบี่คนนั้นเคยกลับไปฝึกปราณใหม่ในวัฏจักรที่แหล่งสถานอัศจรรย์ นี่เรียกได้ว่าเป็นมรรคแห่งชีวิตอย่างหนึ่ง…’
‘ผู้อาวุโสเฉินซีสามารถเคียงบ่าเคียงไหล่มือกระบี่และไท่ชูได้ ย่อมสัมผัสถึงมรรคแห่งชีวิตแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย’
‘ถึงขั้นที่แม้แต่การเกิดใหม่ฝึกปราณอีกครั้งของจักรพรรดิเทพรัตติกาลนิรันดร์ ยังสามารถมองเป็นการสะท้อนถึงมรรคแห่งชีวิตได้ ถึงอย่างไรจักรพรรดิเทพรัตติกาลนิรันดร์ก็เป็นพลังพรสวรรค์ที่ถือกำเนิดในต้นกำเนิดมอบวิญญาณ ในตัวนางเดิมก็สั่งสมนัยเร้นลับของมรรคแห่งชีวิตไว้…’
ในการนั่งสมาธิหยั่งรู้ หลินสวินใคร่ครวญออกมาได้มากมาย ปริศนาในใจก็คลี่คลายไปมาก ความเข้าใจที่มีต่อนิพพาน ต่อมหามรรค ต่อชีวิตก็เกิดการเปลี่ยนแปลงอันละเอียดอ่อน
……
หนึ่งเดือนหลังจากนั้น
ซย่าจื้อตื่นจากการนั่งสมาธิ
กลิ่นอายบนร่างนางเกิดการเปลี่ยนแปลงอันน่าตกใจ
“ขั้นไร้ขอบเขตสัมบูรณ์หรือ”
หลินสวินสังเกตเห็นแล้วอดถามไม่ได้
ซย่าจื้อขานรับว่าอืม เอ่ยว่า “ย่อมเป็นเช่นนี้”
หลินสวินยิ้มขึ้นมาทันที “จักรพรรดิเทพรัตติกาลนิรันดร์ในตอนนั้นยังสู้เจ้าในตอนนี้ไม่ได้สักนิด”
“นี่ก็คือจุดประสงค์ที่นางมาเกิดใหม่ฝึกปราณอีกครั้งไม่ใช่หรือ” ซย่าจื้อพูด “เพียงแต่นางตัดความทรงจำและประสบการณ์ของนาง ทำให้ข้าในตอนนี้สมปรารถนา”
หลินสวินเข้าใจอย่างลึกซึ้ง กล่าวว่า “สามารถจากไปได้แล้วใช่หรือไม่”
“น่าจะได้แล้ว”
ซย่าจื้อลุกขึ้น จู่ๆ บนร่างก็ปรากฏมรรคโลกาสวรรค์ กลายเป็นฟ้าดินรัตติกาลนิรันดร์ไร้สิ้นสุดแถบหนึ่ง อารยธรรมและมหามรรคที่รองรับภายในราวกับดวงดาวมากมายไหลเคลื่อนอยู่ภายใน ลึกล้ำเร้นลับ แม้รัตติกาลนิรันดร์จะมืดมิดเช่นไร ก็ไม่สามารถบดบังความเจิดจรัสของดวงดาวเหล่านั้นได้
ตูม!
ชั่วขณะนี้ฟ้าดินสั่นพ้อง หมื่นลักษณ์สั่นไหว
เฒ่าโดดเดี่ยวและราชครูที่กำลังฝึกปราณอยู่ไม่ไกลต่างตกใจ พากันพุ่งเข้ามา
“พวกเจ้าจะไปแล้วหรือ” เฒ่าโดดเดี่ยวถาม
“ควรจากไปแล้ว”
หลินสวินยิ้มพูด “รอภายหน้าค่อยมาดื่มกับผู้อาวุโสทั้งสอง”
เฒ่าโดดเดี่ยวกลอกตาใส่ “เจ้าพูดเช่นนี้เพราะคิดว่าพวกเราไม่มีโอกาสข้ามโลกนี้ไปหรือ รอก่อนเถอะ ภายหน้าพวกเราจะไปหาเจ้า!”
ราชครูอดยิ้มไม่ได้ “ไม่ผิดๆ”
หลินสวินบื้อใบ้ไป เอ่ยพูดอย่างเบิกบาน “ไม่ว่าผู้อาวุโสทั้งสองจะมาเมื่อไร ข้าจะกวาดเตียงรอรับรอง”
“ใครจะนอนเตียงเดียวกับเจ้า” เฒ่าโดดเดี่ยวพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “เจ้าแค่เตรียมเหล้ารอก็พอ”
หลินสวิน “…”
จากนั้นเขาก็ยิ้มออกมา อุปนิสัยและอารมณ์ของเฒ่าโดดเดี่ยวยังคงเหมือนเมื่อก่อน
ตูม!
ฟ้าดินสั่นสะเทือน ทั้งโลกโลกาสวรรค์เกิดท่วงทำนองแปลกประหลาด
มองเห็นด้วยตาเปล่าว่าผลมรรคแรกกำเนิดเร้นลับแถบหนึ่งปรากฏ อาบร่างสูงเพรียวอรชรของซย่าจื้อไว้ภายใน
“ชักนำผลมรรคแรกกำเนิดมาได้เร็วขนาดนี้เลยหรือ…”
สายตาของเฒ่าโดดเดี่ยวและราชครูเปลี่ยนเป็นละเอียดอ่อน
หลินสวินและซย่าจื้อมาถึงโลกโลกาสวรรค์จนถึงตอนนี้เพิ่งจะสองเดือนเท่านั้น
“บนทางพิฆาตมรรค ข้าเดินทางลำพัง หลังไปถึงแดนเทพมากเร้นข้าจะรอเจ้าบนแท่นมรรคมากเร้น”
ไม่นานซย่าจื้อก็ผินหน้ามา สายตามองไปยังหลินสวิน ไม่ต้องให้หลินสวินกำชับก็ตอบมาเองแล้ว เพื่อให้หลินสวินวางใจ
หลินสวินพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม
ก่อนหน้านี้เขาเคยบอกซย่าจื้อแล้ว ว่าหลังจากผ่านทางพิฆาตมรรคให้ไปรอบนแท่นมรรคมากเร้น
แท่นมรรคมากเร้นมหัศจรรย์และลึกลับมาก ผู้ฝึกปราณที่เข้าไปครั้งแรกจะถูกพลังแท่นมรรคคุ้มครอง แม้มีการซุ่มโจมตีอยู่รอบๆ ก็ไม่สามารถเข้าใกล้แท่นมรรคนี้ได้
ในทางกลับกัน เมื่อออกไปก็จะไม่สามารถย้อนกลับไปในแท่นมรรคมากเร้นได้อีก
แน่นอนว่าข้อมูลนี้เป็นเฒ่าโดดเดี่ยวบอกหลินสวิน
แต่เฒ่าโดดเดี่ยวครอบครองวิชาลับชนิดหนึ่ง สามารถปรากฏตัวในโลกจำศีลในแดนเทพมากเร้นได้ในช่วงสั้นๆ ทำให้ไปพบเจ้าแห่งคีรีดวงกมลและจักจั่นทองได้
น่าเสียดาย วิชาลับนี้ต้องสิ้นเปลืองความทุ่มเทและจ่ายค่าตอบแทนมหาศาล ในทุกๆ หนึ่งพันปีใช้ได้เพียงครั้งเดียว เจ้าแห่งคีรีดวงกมลเป็นผู้ถ่ายทอดวิชานี้ นามว่า ‘ใกล้ดุจสุดหล้า’
ยามหลินสวินเพิ่งมาถึงแหล่งสถานอัศจรรย์ เฒ่าโดดเดี่ยวใช้ไปแล้วหนึ่งครั้ง
ดังนั้นเฒ่าโดดเดี่ยวจึงได้รู้เรื่องเกี่ยวกับแท่นมรรคมากเร้นอยู่บ้าง
วู้ม…
ไม่นานประตูสวรรค์ปรากฏ เงาร่างของซย่าจื้อพุ่งเข้าไปแล้วหายไปทันที
“ผู้อาวุโสทั้งสองท่าน ข้าเองก็ขอตัวไปก่อนแล้ว”
หลินสวินหมุนตัว คารวะให้เฒ่าโดดเดี่ยวและราชครู
“รีบไปเถอะ อย่าให้แม่นางซย่าจื้อรอนาน” เฒ่าโดดเดี่ยวเร่ง
ราชครูที่อยู่ข้างๆ ยิ้มพูด “ข้ารอคอยมาก ว่ายามเจ้าจากไปจะชักนำการตอบสนองของฟ้าดินอย่างไร”
หลินสวินยิ้ม ไม่พูดอะไรมาก
เขาสูดหายใจลึกยกเท้าก้าวเดินไปข้างหน้า
ประตูไร้รูปบานหนึ่งปรากฏ ยามเท้าของหลินสวินเหยียบลงก็ก้าวเข้าประตูบานนั้นพอดี
จากนั้นเงาร่างของเขาและประตูบานนั้นก็หายไปโดยพร้อมเพรียง
ภาพเรียบง่ายนี้ทำให้เฒ่าโดดเดี่ยวและราชครูสบตากัน อดรู้สึกตั้งตัวไม่ติดไม่ได้ จากไปง่ายๆ เช่นนี้เลยหรือ!?
ฟ้าดินขานรับเล่า
ผลมรรคแรกกำเนิดเล่า
เหตุใดจึงไม่มีเลย
ครู่ใหญ่ราชครูถึงสงบใจได้ “คนไม่ธรรมดากระทำเรื่องไม่ปกติ วิธีการจากไปอันเป็นเอกลักษณ์เช่นนี้ เมื่อเป็นหลินสวินก็นับว่าเหมาะสม…”
เฒ่าโดดเดี่ยวถอนหายใจยาวกล่าว “ภายหน้าเจอเขาให้น้อยหน่อยจะดีกว่า ไม่เช่นนั้นหัวใจข้าต้องถูกกระทบกระเทือนจนสะบักสะบอมแน่”
ราชครูเองก็อดทอดถอนใจไม่ได้
ตอนนี้ทั้งสองเดาได้แล้วว่าหลินสวินคงได้รับผลมรรคแรกกำเนิดนานแล้ว มีคุณาสมบัติไปจากโลกโลกาสวรรค์ได้
ถึงได้สามารถจากไปอย่างง่ายดายเช่นนี้
……
ในวันนี้ หลินสวินที่เพิ่งเข้าสู่แหล่งสถานอัศจรรย์ไม่ถึงห้าปีข้ามผ่านประตูสวรรค์เก้าชั้นของแดนเทพสรรพวิญญาณ จากไปอย่างง่ายดาย!
……
ห้วงอากาศไร้สิ้นสุดแถบหนึ่ง
ทางเดินที่ควบรวมจากบ่อเกิดแรกกำเนิดพาดขวางอยู่ภายใน แผ่ไปยังส่วนลึกไร้สิ้นสุด
ทางพิฆาตมรรค
ในทุกยุคสมัยที่ผ่านมาไม่เคยขาดผู้ที่ผ่านประตูสวรรค์เก้าชั้นของแดนเทพสรรพวิญญาณ แต่สุดท้ายกลับทิ้งชีวิตบนทางพิฆาตมรรค ไม่สามารถไปถึงแดนเทพมากเร้นได้
นี่คือเส้นทางที่ต้องห้ามและน่ากลัวที่สุด ก้าวขึ้นไปบนนั้น พิฆาตมรรคแห่งอดีต ปัจจุบัน อนาคต แม้เป็นจอมมรรคหรือราชันในขั้นไร้ขอบเขต โอกาสรอดก็เป็นหนึ่งในเก้า
ฟุ่บ!
เงาร่างหลินสวินปรากฏกลางอากาศ
‘นี่ก็คือทางพิฆาตมรรคหรือ’
หลินสวินใช้จิตรับรู้สัมผัส กลับรู้สึกเพียงกลิ่นอายแรกกำเนิดล่องลอยว่างเปล่า นอกจากนี้ก็ไม่ได้สัมผัสถึงอย่างอื่นอีก
‘ดูท่าว่าจะต้องก้าวขึ้นไปบนนั้นถึงจะสามารถสัมผัสถึงความลึกลับของมันได้’
ระหว่างขบคิดหลินสวินก้าวเท้าออกไปกลางอากาศ เงาร่างลอยลงบนทางพิฆาตมรรคนั่นแล้ว
ชั่วพริบตาภาพตรงหน้าหลินสวินเปลี่ยนไปกะทันหัน เหมือนย้อนกลับไปในสายธารแห่งชีวิต ภาพในอดีตมากมายวาบผ่านเบื้องหน้าสายตาดุจขี่ม้าชมบุปผา
ก็ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไร
ยามครรลองสายตาของหลินสวินกลับมาชัดเจน ก็เห็นทุกภาพในอดีตของตนรวมตัวเป็นสายน้ำเส้นหนึ่ง สะท้อนในห้วงอากาศที่อยู่ห่างออกไป
สายน้ำของชีวิตในอดีตหรือ
หลินสวินนัยน์ตาหดรัด
ภาพนี้คล้ายกับสายน้ำที่เขาเห็นยามย้อนอดีตในโลกย้อนกำเนิด ล้วนสะท้อนทุกสิ่งที่เขาประสบในอดีต
ไม่ถูก!
แต่ไม่ทันไรหลินสวินก็สังเกตเห็นความแตกต่าง ในสายน้ำที่สะท้อนอดีตในตอนนี้ ภาพและประสบการณ์ทั้งหมดในอดีตของตนล้วนปกคลุมด้วยกลิ่นอายด่านเคราะห์ที่คลุมเครือลึกลับชั้นหนึ่ง…
จนสุดท้ายทุกสิ่งในอดีตล้วนถูกกระแสด่านเคราะห์กลบท่วมโดยสมบูรณ์
‘ข้าเข้าใจแล้ว นี่คือสายน้ำด่านเคราะห์ที่เป็นตัวแทนของ ‘อดีต’! หรือก็คือเคราะห์พิฆาตมรรคที่เรียกกัน…’ หลินสวินกระจ่างแจ้งทันที
เพิ่งคิดถึงตรงนี้…
ตูม!
อสนีแรกกำเนิดสายหนึ่งพุ่งออกจากสายน้ำนั้น ทะยานมากะทันหัน
ไม่สามารถหลบหนีได้สักนิด เพราะอสนีแรกกำเนิดระดับนี้อยู่เหนือพันธนาการของกาลเวลา ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็ต้องถูกโจมตี
หลินสวินเองก็ไม่ได้คิดจะหนี
ยามอสนีแรกกำเนิดสายนั้นโจมตีบนร่าง ไม่ได้เกิดพลังทำลายล้างยิ่งใหญ่อะไร แต่ในสภาวะจิตของหลินสวินกลับเหมือนถูกดาบแหลมคมกริบแทงอย่างรุนแรง
ภาพตรงหน้าหลินสวินมืดมิดลง พลันรู้สึกได้ว่าตนเหมือนกลายเป็นทารกนอนอยู่ในผ้าอ้อม สิ่งที่สะท้อนอยู่ตรงหน้าคือใบหน้าอันหล่อเหลาของอวิ๋นชิ่งไป๋ ในมืออวิ๋นชิ่งไป๋ยังกำมีดกระดูกคมกริบเปื้อนเลือดไว้เล่มหนึ่ง
และตรงหน้าอกของตนเองกลับถูกผ่าแหวก เลือดสดสาดกระเซ็น…
‘นี่เป็นการย้อนกลับไปยามข้าเพิ่งเกิดหรือ’
ยามตระหนักได้ถึงจุดนี้ หลินสวินกลับไม่ลนลานเท่าไรแล้ว
เพราะเขาคุ้นเคยกับเหตุการณ์นี้มาก เป็นโศกนาฎกรรมนองเลือดที่เกิดขึ้นกับตระกูลหลินเมื่อนานมาแล้ว
อวิ๋นชิ่งไป๋ในตอนนี้ลอบเข้าตระกูลหลินพร้อมกับปาฉี เพื่อชิงชีพจรปราณวิญญาณต้นกำเนิดบนร่างตน
‘ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นความจริง ไม่ใช่ภาพลวงตา เพียงแค่เกิดขึ้นในช่วงชีวิตในอดีต ก็เหมือนทุกสิ่งที่เห็นในสายน้ำแห่งอดีตในโลกย้อนกำเนิด’
‘และสิ่งที่ข้าสัมผัสได้ตอนนี้ ก็คือพลังของเคราะห์อสนีแรกกำเนิด… ไม่ถูก!’
‘หรือเคราะห์นี้จะสังหารข้าในอดีตของข้า!?’
หลินสวินคิดถึงตรงนี้ในใจพลันสั่นสะท้าน
เขาเคยเข้าไปในโลกย้อนกำเนิด รู้ว่าบนสายน้ำแห่งชีวิตในอดีต ผู้ฝึกปราณสามารถเปลี่ยนแปลงโชคชะตาในอดีตของตนได้
ในทางกลับกัน สิ่งที่เขาประสบตรงหน้าเป็นเคราะห์พิฆาตมรรคที่ปรากฏในชีวิตในอดีตของเขา และหมายจะสังหารเขาในอดีต!
——