สภาวะจิต!
‘หลินสวิน’ ที่อยู่ตรงหน้าอดยิ้มไม่ได้ กล่าวว่า “ผิดแล้ว ข้ากับเจ้าล้วนเหมือนกัน สภาพวะจิตย่อมเหมือนกัน แน่นอนว่าพูดเรื่องพวกนี้ก็ไม่มีความหมาย ว่ากันถึงที่สุด ระหว่างข้ากับเจ้ารอดชีวิตได้เพียงแค่คนเดียว”
พูดจบจู่ๆ เขาก็ยกมือขึ้น นิ้วหนึ่งกดลงไปกลางอากาศ
ตูม!
เจตกระบี่ไร้สิ้นสุดอุบัติ ควบรวมเป็นปราณกระบี่สายหนึ่ง
ในปราณกระบี่ สิ่งที่สั่งสมอยู่ล้วนเป็นแก่นอัศจรรย์ของนัยเร้นลับนิพพานอันไร้สิ้นสุด
ในใจหลินสวินสะท้าน
พลัง กลิ่นอาย รวมถึงอานุภาพที่แปลงมาจากสารกาย พลังชีวิต จิตวิญญาณบนกระบี่นี้ ทำให้เขาคุ้นเคยเป็นอย่างมาก มาจากต้นกำเนิดเดียวกันกับมรรควิถีของเขา
กล่าวอีกนัยหนึ่ง ปราณกระบี่สายนั้น นอกจากเขาไม่มีทางมีใครสำแดงออกมาได้อีก!
แต่ตอนนี้กลับถูก ‘หลินสวิน’ ที่อยู่ตรงหน้าสำแดงออกมา นี่จะให้หลินสวินไม่ตกใจได้อย่างไร
“ไป!”
เสียงตวาดหนึ่งดังขึ้นเบาๆ
เสียง แววตา รวมถึงท่าทางที่ราบเรียบของ ‘หลินสวิน’ ซึ่งอยู่ตรงหน้า ทำให้หลินสวินรู้สึกเหมือนกำลังส่องกระจก
แต่หลินสวินไม่อาจคิดมาก เพราะปราณกระบี่นั่นก็ฟันเข้ามาแล้ว
เพียงแต่ยามเขาจะรับมือ จู่ๆ กลับพบว่าตนราวกับสูญเสียการครอบครองมรรควิถีของตน ทำได้เพียงมองดูกระบี่นี้มาเยือนโดยไม่สามารถทำอะไรได้
พรูด!
ภายใต้หนึ่งกระบี่หลินสวินได้รับบาดเจ็บทันที เลือดสดสาดกระเซ็น ร่างถูกฟันเป็นรอยกระบี่ เกือบจะแหวกท้อง
บาดแผลสาหัสมาก!
ทว่าเมื่อเทียบกันแล้ว สิ่งที่ทำให้หลินสวินยากจะรับคือตนดันบาดเจ็บสาหัสเพราะกระบี่ของตัวเอง!
“ไม่ต้องดิ้นรนแล้ว ข้ากำจัดเจ้า ข้าก็จะเป็นเจ้า กล่าวในอีกนัยหนึ่ง สภาวะจิต อุปนิสัย มรรควิถี สติปัญญา มหามรรคของพวกเราล้วนเหมือนกัน เจ้าตายไปก็ทำให้ข้าสมปรารถนา และเท่ากับทำให้ตัวเองสมปรารถนา”
ไม่ไกลนัก ‘หลินสวิน’ พูดเรียบๆ
พูดจบเขาชูมือฟันอีกหนึ่งกระบี่ออกมา
ปัง!
หลินสวินยังคงไม่สามารถต้านทานได้ ถูกหนึ่งกระบี่ฟาดฟัน ร่างบาดเจ็บหนักหน่วงราวกับเครื่องลายครามที่เต็มไปด้วยรอย ใกล้จะแตกสลาย
เปลี่ยนเป็นคนอื่นคงถูกภาพอันแปลกประหลาดนี้โจมตีจนพังทลายไปนานแล้ว จมสู่ความรู้สึกล่มสลายยากจะยอมรับ
แต่หลินสวินไม่ใช่
เขาพยายามย้อนความคิดทุกรายละเอียดที่ประสบก่อนหน้านี้
“อีกหนึ่งกระบี่กายมรรคของเจ้าก็ต้องถูกทำลาย ยังไม่คิดจะยอมแพ้หรือ”
ห่างออกไป ‘หลินสวิน’ ขมวดคิ้วเล็กน้อย
แต่ตอนนี้เองจู่ๆ หลินสวินกลับหยัดร่างที่เลือดไหลหลั่งแทบดูไม่ได้ตั้งตรง สีหน้านิ่งสงบผิดปกติ เอ่ยว่า “ข้าเข้าใจแล้ว เจ้าในตอนนี้ไม่มีอยู่จริง สิ่งที่ข้าเผชิญเป็นเพียง ‘เคราะห์’ ที่ปรากฏบนสภาวะจิตเท่านั้น”
เขาเว้นช่วงไปก่อนเผยรอยยิ้มเย็นเยียบเสี้ยวหนึ่ง “หรือควรพูดว่า เจ้าเป็นเพียงเคราะห์จิตหนึ่งที่เกิดขึ้นกับสภาวะจิตของข้า!”
‘หลินสวิน’ ที่อยู่ตรงหน้าอึ้งงัน จู่ๆ ก็ยิ้มออกมา “ใครเป็นเคราะห์จิตของใครก็ยังไม่แน่!”
เขาพูดพลางรวบนิ้ว ฟันหนึ่งกระบี่ออกมา
แต่ยามนี้หลินสวินกลับหลับตา ความคิดฟุ้งซ่านทั้งหมดหายไป จิตรับรู้ทั้งหมดกลับคืนสู่สภาวะจิต
จิต สถานที่แห่งใจ ที่ตั้งของแท่นวิญญาณ
แต่ไรมาสภาวะจิตลึกลับที่สุด ยากจะทำความเข้าใจ
แต่สำหรับหลินสวิน เขาคุ้นเคยกับพลังเช่นนี้นานแล้ว ยิ่งยามอยู่โลกแปรปุถุชน การต่อสู้กับรูปจำลองวิชามรรคที่อาจารย์เจ้าแห่งคีรีดวงกมลทิ้งเอาไว้ ทำให้สภาวะจิตของเขาก้าวไปถึงขั้น ‘จิตท่องหมื่นเร้น ใจท่องหมื่นกาล’ แล้ว!
สามารถพูดได้ว่าในด้านสภาวะจิต ทอดสายตามองคนรุ่นเดียวกันทั่วโลก ยากจะหาคนเทียบกับหลินสวินได้
เพียงแต่หลินสวินกลับคิดไม่ถึงว่าบนทางพิฆาตมรรคนี้ เคราะห์พิฆาตมรรคถึงกับกลายเป็น ‘เคราะห์จิต’ เปิดฉากโจมตีกะทันหันภายใต้สถานการณ์ที่เขาไม่ทันสังเกต
ทว่าเขาในตอนนี้ตระหนักได้อย่างสิ้นเชิงแล้ว แน่นอนว่าย่อมมีวิธีแก้ไข
สภาะจิต สามารถมองเป็น ‘แดนลับแห่งจิต’
แม้ตัวผู้ฝึกปราณเองก็ยากจะมองทะลุสภาพสภาวะจิตของตน โดยปกติสิ่งที่รับรู้และรู้สึก ทั้งสุขเศร้าท้อถอยเบิกบาน ความยึดมั่นหลายหลาก อันที่จริงล้วนกำเนิดในสภาวะจิต
และตอนนี้เมื่อจิตรับรู้ของหลินสวินกลับคืนสู่สภาวะจิต ก็เจอเคราะห์จิตนั่นแล้ว
เคราะห์นี้เดิมทีไร้รูป แต่ยามปรากฏในสภาวะจิตกลับกลายเป็นรูปลักษณ์ของหลินสวิน ดุจดั่งจิตชั่วร้าย จิตมาร แต่ก็ไม่เหมือนจิตชั่วร้ายและจิตมาร
จิตชั่วร้ายกับจิตมารล้วนแปลงมาจากความยึดติด
ส่วนเคราะห์จิตนี้แปลงมาจากเคราะห์พิฆาตมรรค!
“ในที่สุดก็เจอเจ้าแล้ว…”
เจตจำนงของหลินสวินปรากฏไอสังหารแรงกล้า ทันใดนั้นทิวทัศน์ในสภาวะจิตเขาพลันเปลี่ยนไป หนึ่งกระบี่ควบรวม ฟันไปยังเคราะห์จิตนั่น
จิตดุจกระบี่ พิฆาตเคราะห์จิต!
หลินสวินที่แปลงมาจากเคราะห์จิตหายไปอย่างไร้สุ้มเสียง ถูกเจตกระบี่ทำลาย
ทว่าไม่ทันไรเคราะห์จิตนี้ก็ควบรวมอีกครั้ง ทั้งยังหัวเราะเบิกบาน “ข้ามาจากสภาวะจิตของเจ้า ทำลายข้าก็เท่ากับทำลายสภาวะจิตของเจ้า”
ฉัวะ!
ในสภาวะจิต มีอีกหนึ่งกระบี่ควบรวม ฟันลงมาอย่างไม่เกรงใจสักนิด
เคราะห์จิตดับสิ้น ไม่สามารถต้านทานได้ ถูกบดขยี้สลายหายไป
ในสภาวะจิตนี้คือเขตแดนของหลินสวิน เมื่อสัมผัสถึงตัวตนของเคราะห์จิต ยามลงมือย่อมไม่เอ่ยมากความอีก
ไม่นานเคราะห์จิตควบรวมใหม่อีกครั้ง
แต่ชั่วขณะที่ควบรวมออกมาก็ถูกหนึ่งกระบี่โจมตีสลายอีกครา
เคราะห์จิตปรากฏต่อเนื่องอยู่เช่นนี้ และถูกทำลายลงอย่างต่อเนื่อง ซ้ำไปซ้ำมา ให้ความรู้สึกเหมือนเคราะห์จิตไม่มีวันตาย ไม่สามารถถูกทำลายได้อย่างไรอย่างนั้น
แต่หลินสวินกลับสามารถสัมผัสได้ว่ากลิ่นอายของเคราะห์จิตกำลังค่อยๆ อ่อนแอลง เพียงแต่หากไม่สัมผัสโดยละเอียดก็แทบจะไม่สังเกตเห็น
ดังนั้นตั้งแต่ต้นจนจบหลินสวินจึงไม่หยุดมือ ใช้เจตกระบี่ฟันอย่างต่อเนื่อง
ตอนนี้หลินสวินเข้าใจกระจ่างแล้ว
‘หลินสวิน’ ที่ตนเห็นก่อนหน้านี้ไม่ได้มีตัวตนอยู่จริง แต่เป็นสภาวะจิตของตนปรากฏพิบัติเคราะห์ ส่งผลต่อการรับรู้ของตน และปรากฏภาพลวงตาที่สมจริง
หมัดนั้นที่ตนซัดออกไป ที่สามารถทำให้ตัวเขาบาดเจ็บได้ก็เป็นเพราะการรับรู้ของเขาเกิดปัญหา ทำให้หมัดนี้ซัดใส่ร่างตัวเอง
เช่นเดียวกัน สองกระบี่ที่ ‘หลินสวิน’ ฟันออมา ความจริงล้วนเป็นตัวเขาเองที่สำแดง ใช้กระบี่ของตนฟันตัวเอง แน่นอนว่าย่อมไม่มีทางหนีได้
ว่ากันถึงที่สุด ทุกอย่างล้วนเพราะ ‘เคราะห์จิต’ ก่อกวน!
สิ่งเดียวที่หลินสวินคิดไม่ถึงคือ ด้วยความสำเร็จในสภาวะจิตของตน กลับยังหลงกลโดยไม่รู้ตัว จากเรื่องนี้สามารถมองออกว่าเคราะห์พิฆาตมรรคครั้งนี้น่ากลัวเพียงใด
มิน่ากระทั่งจอมมรรคไร้ขอบเขต ราชันไร้ขอบเขต เมื่อก้าวสู่เส้นทางนี้ก็ล้วนมีโอกาสรอดหนึ่งในสิบ
ความจริงหลินสวินไม่รู้ว่าอันตรายที่เขาประสบบนทางพิฆาตมรรคเหนือกว่าของเหล่าคนที่ก้าวสู่เส้นทางนี้ในอดีตอย่างมาก
เหตุผลเพราะยิ่งมรรควิถีของผู้ฝึกปราณแข็งแกร่ง เคราะห์สังหารที่พบเจอบนทางพิฆาตมรรคก็จะยิ่งน่ากลัว
ก็เหมือนเคราะห์จิตที่เขาประสบในตอนนี้ เพราะสภาวะจิตของเขาก้าวไปถึงขั้น ‘จิตท่องหมื่นเร้น ใจท่องหมื่นกาล’ จึงทำให้เคราะห์จิตแปลกประหลาดและน่ากลัวอย่างที่สุด
เวลาล่วงเลยไป
กระบี่แห่งสภาวะจิตของหลินสวินฟันลงไปไม่รู้กี่หมื่นครั้งแล้ว เคราะห์จิตนั่นถึงค่อยๆ เปลี่ยนเป็นอ่อนแอและเลือนราง
จนสุดท้ายหลังจากถูกฟันทำลายอีกครั้ง เคราะห์จิตนั่นก็หายไปอย่างสิ้นเชิง ไม่ปรากฏอีก
ถึงตอนนี้หลินสวินถอนหายใจยาวแล้ว
และชั่วขณะนี้เขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าพริบตาที่ฟันเคราะห์จิตนั่น สภาวะจิตของตนก็เหมือนฟันเครื่องพันธนาการอันไร้รูปอย่างหนึ่งออกไป ทั้งร่างผ่อนคลายและอิสระอย่างบอกไม่ถูก
จากนั้นในใจหลินสวินเกิดการหยั่งรู้น่าเหลือเชื่อมากมาย
เคราะห์พิฆาตมรรคที่เจาะจงเล่นงาน ‘อดีต’ ก่อนหน้านี้ สิ่งที่พิฆาตคือการผูกมัดกฎกรรมของ ‘อดีต’
และตอนนี้เคราะห์พิฆาตมรรคที่เจาะจงเล่นงาน ‘ปัจจุบัน’ สิ่งที่พิฆาตคือกฎกรรมของ ‘ปัจจุบัน’
ถึงตอนนี้ ทุกการกระทำ ทุกคำพูด จะไม่ถูกคนอื่นคาดเดาได้อีก ไม่ถูกหมื่นมรรคทั่วหล้าสังเกตเห็นและรับรู้!
และในเวลาเดียวกัน พลังบ่อเกิดแรกกำเนิดระลอกแล้วระลอกเล่าปรากฏบนทางพิฆาตมรรคใต้เท้า กลบร่างกายที่บาดเจ็บรุนแรงของหลินสวิน
มองเห็นด้วยตาเปล่าว่าบาดแผลของเขาหายเป็นปกติภายในแทบจะไม่กี่ลมหายใจ และสิ่งที่หลินสวินสัมผัสได้ คือมหามรรคที่ตนครอบครองเกิดการแปรสภาพไปอีกขั้น เข้าใกล้สภาวะแรกกำเนิดมากขึ้น!
‘พิฆาตกฎกรรมแห่งอดีต พิฆาตพันธนาการแห่งปัจจุบัน แม้ทำให้ข้าพบเจอเคราะห์สังหารที่อันตรายยิ่งยวด แต่ก็ทำให้ได้ประโยชน์ถึงสองครา ทำให้มหามรรคบนร่างเข้าใกล้แรกกำเนิดยิ่งขึ้น…’
หลินสวินสัมผัสการเปลี่ยนแปลงของตนแล้วนึกถึงคำพูดหนึ่ง ‘เบิกม่านแรกกำเนิด แรกพบโลกาสวรรค์’
ยามอยู่ในโลกโลกาสวรรค์ มหามรรคทั้งหมดของเขาล้วนกลายเป็นมรรคโลกาสวรรค์ แต่ตอนนี้มหามรรคของเขาแปรสภาพไปเป็นมรรคแรกกำเนิด
จากภายนอกสู่ภายใน สัมผัสแก่นแท้มหามรรค!
ครู่ใหญ่การเปลี่ยนแปลงบนตัวหลินสวินถึงสิ้นสุดลง
กลิ่นอายทั้งร่างเขาเปลี่ยนเป็นว่างเปล่าแผ่วพลิ้ว เพียงยืนลวกๆ อยู่ตรงนั้น กลับเหมือนยืนอยู่นอกกาลเวลา อยู่เหนือกฎกรรม!
‘ก็ไม่รู้ว่า ‘เคราะห์แห่งอนาคต’ หลังจากนี้มีไอสังหารซ่อนอยู่มากน้อยเท่าไร’
ยามใคร่ครวญหลินสวินก้าวเท้าไปข้างหน้า
ทางพิฆาตมรรคนี้ควบรวมจากกลิ่นอายบ่อเกิดแรกกำเนิด พาดผ่านผ่านห้วงอากาศไร้ขอบเขต เหมือนแผ่ขยายไปไม่มีที่สิ้นสุดอย่างไรอย่างนั้น
ระหว่างทางหลินสวินระแวดระวังป้องกันอยู่ตลอด
ทว่าที่เหนือคาดคือระหว่างนี้กลับไม่ปรากฏอันตรายใดๆ นอกจากมีหมอกแผ่วพลิ้วเพิ่มขึ้นมาส่วนหนึ่ง แต่หมอกเหล่านั้นก็ไม่มีอันตรายใดๆ
กระทั่งเดินไปไม่รู้นานเท่าไร หลินสวินพลันขมวดคิ้ว
ทางพิฆาตมรรค สิ่งที่พิฆาตคือมรรคแห่งอดีต ปัจจุบันและอนาคต ก่อนหน้านี้เขาสลายเคราะห์สังหารของอดีตและปัจจุบันไปแล้ว เคราะห์แห่งอนาคตกลับยังไม่ปรากฏเสียที
นี่ผิดปกติอยู่บ้าง
ไม่ใช่ว่าหมอกเหล่านั้นก็คือเคราะห์พิฆาตมรรคที่เจาะจงเล่นงาน ‘อนาคต’ กระมัง
หลินสวินหยุดเท้า สายตามองไปยังหมอกที่ลอยเอื่อยในห้วงอากาศไกลๆ นั้นอีกครั้ง
ก่อนพบเจอเคราะห์พิฆาตมรรคอดีตและปัจจุบัน ใกล้ๆ ทางพิฆาตมรรคนี้มีแต่ความว่างเปล่า ไม่มีหมอกใดๆ
กล่าวอีกนัยหนึ่ง หมอกเหล่านี้ปรากฏทีหลัง
ทว่าตลอดทางแม้หมอกเหล่านี้สามารถมองเห็นได้ทุกแห่งแต่กลับไม่มีอันตรายใดๆ หลินสวินเองก็ไม่ได้รู้สึกถึงการคุกคามใดๆ จึงได้มองข้ามมัน
แต่ตอนนี้เคราะห์แห่งอนาคตไม่ปรากฏเสียที ทำให้หลินสวินตระหนักได้ว่าเกรงว่าหมอกเหล่านี้จะมีความพิสดารอยู่!
คิดถึงตรงนี้หลินสวินใคร่ครวญเล็กน้อย จากนั้นปลดปล่อยพลังจิตรับรู้ออกมา แผ่เข้าไปในหมอกไกลๆ เหล่านั้น
ฮูม…
หมอกที่ไม่ขยับเหล่านั้นชั่วขณะนี้กลับดูเหมือนตื่นตกใจ ถดถอยไปไกลกว่าเดิม ราวกับกลัวถูกจิตรับรู้ของหลินสวินสัมผัสก็ไม่ปาน
‘มีปัญหาดังคาด!’
ในใจหลินสวินตกตะลึง
ทว่าทันใดนั้น เขาก็อดสงสัยไม่ได้ หากหมอกนี้เป็นเคราะห์แห่งอนาคต เหตุใดจึงดูเหมือนกลัวตนเข้าใกล้มาก
…………..