จิตรับรู้ของหลินสวินดุจสายรุ้ง ข้ามผ่านห้วงอากาศไร้สิ้นสุด มุ่งหน้าไม่หยุด ทะลวงห้วงอากาศที่อบอวลไปด้วยไอแรกกำเนิดไม่รู้เท่าไร…
ก็ไม่รู้ว่านานเพียงไหน
ทันใดนั้นเขาก็ ‘เห็น’ ดินแดนขุ่นมัวใหญ่โตไร้สิ้นสุดแห่งหนึ่ง กลิ่นอายอันตรายปรากฏตามมาด้วย เต็มไปด้วยกลิ่นประหนึ่งต้องห้าม
สังหรณ์แรงกล้าเพิ่มพูนขึ้นในใจหลินสวิน...
เข้าไปต้องตายแน่!
แต่หลินสวินกลับเยือกเย็นและปรีดา
เขารู้ว่าเฉินซี ไท่ชู และมือกระบี่ผู้นั้น ในอดีตก็เคยสัมผัสถึงกลิ่นอายต้องห้ามที่อันตรายจนทำให้ไม่กล้าก้าวเข้าไปแม้แต่ก้าวเดียว
และนี่ก็สามารถพิสูจน์ได้ว่าพื้นที่ขุ่นมัวที่เขา ‘เห็น’ ในตอนนี้ก็คือเขตผนึกอัศจรรย์!
หลินสวินไม่หวั่นกลัวหรือลังเล จิตรับรู้ของเขาพุ่งไปยังเขตผนึกอัศจรรย์ราวกับสายฟ้าทลายหมอกหนาทึบ
เมื่อจิตรับรู้แทรกเข้าไปในเขตผนึกอัศจรรย์ที่ปกคลุมด้วยความขุ่นมัวดั่งแรกกำเนิด จู่ๆ หลินสวินก็เกิดความรู้สึกที่บอกไม่ถูก ประหนึ่งกำลังตามรอยมหามรรคเข้าไปในรังมารดาของ ‘มรรค’
ในความขุ่นมัวเวิ้งว้างไร้สิ้นสุดมีแต่ร่องรอยของ ‘มรรค’ เต็มไปหมด ไม่ต้องแตะต้อง ไม่ต้องหยั่งรู้ ทั้งยังไม่ต้องไปไขว่คว้าสักนิดก็สัมผัสได้ไปเอง
แต่ขณะเดียวกันก็มีกลิ่นอายอันตรายปริศนาโอบล้อมอยู่ในพื้นที่แรกกำเนิดแห่งนี้ เต็มไปด้วยกลิ่นอายต้องห้ามและทำลายล้าง!
‘ในกลิ่นอายอันตรายนั่นมีกลิ่นอายต้นกำเนิดของเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพสายหนึ่ง…’
ชั่วพริบตาหลินสวินก็จับกลิ่นอายอันตรายที่ทำให้เขาคุ้นเคยนั้นได้
ตั้งแต่ยามอยู่โลกพันเคราะห์ หลินสวินก็หยั่งรู้แก่นอัศจรรย์ของ ‘เคราะห์’ จากบ่อเกิดแรกกำเนิด
การเปลี่ยนแปลงของหมื่นลักษณ์ฟ้าดิน การผันแปรของเรื่องราวในโลกต่างมีกลิ่นอายของเคราะห์
เป็นเพราะการมีอยู่ของเคราะห์ ทำให้สรรพสิ่งบนโลกต่างมีคู่ตรงข้ามและสมดุลระหว่างเป็นตาย ทำลายล้างและกำเนิดใหม่
เคราะห์ไม่มีดีเลว สิ่งมีชีวิตทั้งปวงล้วนมีพิบัติเคราะห์ ผู้สลายพิบัติเคราะห์จะได้รับศุภโชค หากผ่านเคราะห์แล้วสิ้นชีพ ทุกสิ่งล้วนจบลง
และเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพนี้ก็เป็นเช่นเดียวกัน
มันมีคำว่า ‘ชีพ’ อยู่ เป็นพิบัติเคราะห์อย่างหนึ่งที่เพ่งเล็งผู้ฝึกปราณขั้นไร้ขอบเขต ถือกำเนิดในการสับเปลี่ยนยุคสมัย เหมือนกับเคราะห์มรรคห้าเสื่อม เป็นกฎเกณฑ์มหามรรคที่มีอยู่ทั่วไปบนโลก
เพียงแต่ในอดีตหลังจากไท่ชูหยั่งรู้ต้นกำเนิดของเคราะห์ได้ ก็ครอบครองพลังที่สามารถยืมใช้และก่อกวนเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพในแดนเทพมากเร้นแห่งนี้ก็เท่านั้น
อย่าง ‘ทูตชะตาสวรรค์’ กับ ‘ระฆังแรกปฐม’ ที่ปรากฏขึ้นในเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพ ความจริงแล้วก็เป็นฝีมือของไท่ชู
และเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพเกี่ยวข้องกับมรรคแห่งชีวิต นี่ก็หมายความว่าขั้นไร้ขอบเขตที่ปรากฏใน ‘ยุคแรกกำเนิด’ คนใดก็ตามต่างต้องเผชิญกับเคราะห์นี้
ไม่ได้จงใจพุ่งเป้าไปที่ใคร
สลายเคราะห์ได้ก็รอด หากตรงข้ามกันก็ต้องตาย นี่ก็คือมรรคแห่งชีวิตชนิดหนึ่ง
ขณะที่คิดจิตรับรู้ของหลินสวินทะยานไปตามกลิ่นอายเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพนั้นแล้ว
จิตรับรู้ของเขาค่อยๆ รู้สึกได้ถึงกลิ่นอายเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพที่ยิ่งทรงพลังขึ้นจากในไอแรกกำเนิด ทำให้เขายังหวาดผวาอย่างเลี่ยงไม่ได้
จากนั้นจิตรับรู้ก็เหมือนพุ่งเข้าไปในโลกด่านเคราะห์อันเกรี้ยวกราดแห่งหนึ่ง ปรากฏการณ์ประหลาดคลุมเครือน่าครั่นคร้ามมีอยู่ทุกหนแห่ง สายฟ้าอสรพิษเริงระบำ ฟ้าแลบไหววูบ กระแสเชี่ยวทำลายล้างม้วนตลบในห้วงอากาศ ทิวทัศน์น่าสะพรึง
ระหว่างที่หลินสวินจิตใจบีบคั้น กลับรู้สึกได้ถึงการหยั่งรู้อันพิสดารเกินบรรยายเป็นระลอกเช่นกัน
ที่นี่เป็นต้นกำเนิดของเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพ มีนัยเร้นลับทั้งปวงของเคราะห์นี้ประทับอยู่จริงๆ!
หืม?
ในจิตรับรู้หลินสวิน ‘เห็น’ เงามายาของระฆังสายหนึ่ง
เงามายานี้ควบรวมขึ้นจากพลังต้นกำเนิดเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพ มันเคลื่อนคล้อยอยู่กลางฟ้าดินแห่งนี้ ไม่อาจบรรยายความใหญ่โตของมันได้ คล้ายอัดอยู่เต็มห้วงอากาศทุกกระเบียด
แต่ถ้ามองดีๆ มันกลับสูงเพียงเก้าชุ่น
‘ระฆังแรกปฐม!’
หลินสวินสะท้านใจ ‘ไม่ถูก นี่เป็นแค่เงามายาสายหนึ่งที่แปลงมาจากเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพเท่านั้น ระฆังแรกปฐมที่แท้จริงไม่อยู่ที่นี่นานแล้ว’
พอขบคิดเล็กน้อยหลินสวินก็เข้าใจ ตอนนั้นไท่ชูต้องสัมผัสถึงโลกนี้ หยั่งถึงพลังของเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพได้เช่นกัน เพื่อใช้พลังของเคราะห์นี้ได้ เขาจึงวางระฆังแรกปฐมไว้ที่นี่ ให้เคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพหล่อหลอมและแทรกซึมเข้าไปทุกคืนวัน
เช่นนี้แล้วจึงทำให้ระฆังแรกปฐมกับเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพมีความสัมพันธ์พิเศษ และทำให้ไท่ชูเพียงต้องใช้ระฆังแรกปฐมเท่านั้นก็สามารถยืมใช้พลังของเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพได้อย่างง่ายดาย!
‘พอมองออกแล้ว อ่านขาดแล้ว ก็เพียงเท่านี้เอง’
จิตรับรู้ของหลินสวินตรงออกจากโลกนี้ พุ่งไปยังส่วนลึกของเขตผนึกอัศจรรย์
ตลอดทางนี้ เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายลึกลับน่าเหลือเชื่อมากมาย ในกลิ่นอายเหล่านั้นมีพลังที่เขาคุ้นเคยยิ่งนัก ทั้งศุภโชค โชคชะตา กฎกรรม กาลเวลา…
ยามรับรู้ถึงกลิ่นอายของโลกมอบวิญญาณ หลินสวินก็สั่นสะท้านในใจ จิตรับรู้พุ่งตรงไป ไม่นานนักก็สัมผัสได้ถึงต้นกำเนิดของโลกมอบวิญญาณจากในไอแรกกำเนิดนั้นดังคาด
‘เหมือนกับสิ่งที่เห็นในประตูนิรันดร์ตามคาด ไท่ชูพูดถูก โลกมอบวิญญาณตั้งอยู่ในมุมหนึ่งของเขตผนึกอัศจรรย์… แต่จิตรับรู้ก็ทำได้เพียงสัมผัส ไม่อาจเข้าไปแทรกแซงได้…’
หลินสวินนึกถึงเหตุการณ์ที่ตนประลองกับรูปจำลองเจตจำนงของไท่ชูในโลกมอบวิญญาณ ในใจนึกสงสัยอยู่บ้าง ตอนนั้นจิตรับรู้ของไท่ชูก็กำลังเฝ้ามองทุกอย่างนี้อยู่หรือไม่
ผ่านไปสักพักจิตรับรู้ของหลินสวินก็สัมผัสต่อไปข้างหน้า
เพียงแต่เมื่อเวลาผ่านไปเขาก็เริ่มรู้สึกเปลืองแรง เขตผนึกอัศจรรย์แห่งนี้ใหญ่เกินไป ประหนึ่งไร้พรมแดน
‘ด้วยพลังจิตวิญญาณของข้าในตอนนี้น่าจะทนได้อีกพักหนึ่ง…’
หลินสวินไม่ได้หยุดการสัมผัส จิตรับรู้ของเขามุ่งหน้าต่อไป
ระหว่างทางนี้เขาผสานใจความจากยอดบุคคลอย่างไท่ชู เฉินซีและมือกระบี่ผู้นั้นเข้าด้วยกัน ขณะที่สัมผัสความเร้นลับบางส่วน ก็เข้าใจนัยเร้นลับในนั้นไปเอง
‘นี่… น่าจะเป็นพลังของวัฏจักร!’
ทันใดนั้นในจิตรับรู้หลินสวินก็จับกลิ่นอายลึกลับผิดแปลกโดยสิ้นเชิงได้เสี้ยวหนึ่ง จึงตามกลิ่นอายนั้นไป
เขาเหมือน ‘เห็น’ วัฏจักรอันสมบูรณ์หนึ่งทันที ในนั้นมีวัฏจักรที่ความเป็นความตายหมุนวน มีทิวทัศน์อันน่าเหลือเชื่ออย่างการจ่อมจม การส่งผ่าน การสิ้นสุดและความตายอุบัติขึ้น
‘เป็นจริงอย่างที่ผู้อาวุโสเฉินซีว่าไว้ วัฏจักรก็เป็นมรรคแห่งชีวิตชนิดหนึ่ง ส่วนสมบัติลับลายธารของเขา ต้องถือกำเนิดขึ้นจากต้นกำเนิดวัฏจักรนี้แน่…’
ก่อนหน้านี้หลินสวินได้แลกเปลี่ยนเรื่องนัยเร้นลับของมรรควัฏจักรกับเฉินซี เฉินซีไม่ได้เก็บงำ แบ่งปันสิ่งที่เขารู้และหยั่งถึงในมรรควัฏจักรกับหลินสวินทั้งหมด
นี่ทำให้หลินสวินรู้ถึงความลับแห่งวัฏจักรอย่างลึกซึ้ง
ดังนั้นยามนี้เมื่อได้สัมผัสพลังต้นกำเนิดวัฏจักรอีกครั้ง ในใจหลินสวินก็ได้สัมผัสประสบการณ์อีกแบบ
อ่านตำราหมื่นม้วน ไม่สู้เดินทางหมื่นลี้
การขอคำชี้แนะและแลกเปลี่ยนกับเฉินซีเป็นผลเก็บเกี่ยวอย่างหนึ่ง และเมื่อเขาไปสัมผัสเอง ผลเก็บเกี่ยวนี้ก็กลายเป็นการหยั่งถึง ตกตะกอนอยู่ในมรรควิถีของตัวเขาเอง
พักใหญ่จิตรับรู้ของหลินสวินพุ่งไปข้างหน้าอีกครั้ง
เขาลืมเลือนกระแสแห่งกาลเวลา หรือพูดอีกอย่างก็คือในเขตผนึกอัศจรรย์แห่งนี้ไม่มีกาลเวลาไหลเคลื่อนในความหมายทั่วไปสักนิด
และในระหว่างที่จิตรับรู้ของเขาทะยานไป ก็ยิ่งสัมผัสความเร้นลับอันคลุมเครือมากยิ่งขึ้น ทำให้เขาเดี๋ยวอุทาน เดี๋ยวดำดิ่ง เดี๋ยวหวาดผวา เดี๋ยวตื่นรู้ฉับพลัน…
จนต่อมาในที่สุดหลินสวินก็กล้ามั่นใจว่าเขตผนึกอัศจรรย์แห่งนี้ก็คือต้นกำเนิดของแหล่งสถานอัศจรรย์ เก็บซ่อนนัยเร้นลับของมรรคแห่งชีวิต ทั้งยังมีความสัมพันธ์มหัศจรรย์กับสามโบราณสถานเหมือนที่เฉินซี ไท่ชูและมือกระบี่ผู้นั้นหยั่งรู้ได้
ทันใดนั้นความรู้สึกอ่อนล้าก็ผุดขึ้นในใจ หลินสวินถึงตระหนักได้ทันทีว่าตนใช้จิตวิญญาณของตัวเองไปมากถึงที่สุดแล้ว
และด้านหน้าของเขตผนึกอัศจรรย์ยังเหมือนไร้พรมแดนไม่มีที่สิ้นสุด
แต่ก็ในตอนนี้เอง จู่ๆ เรือนิรันดร์บนตัวเขาก็สั่นไหวเล็กน้อย จากนั้นแปลงเป็นแสงสายหนึ่งพุ่งออกจากโลกจำศีล ผ่านไอแรกกำเนิดของแดนเทพมากเร้นชั้นแล้วชั้นเล่า เลียบไปตามทิศทางของจิตรับรู้ของหลินสวิน...
“เรือนิรันดร์!”
จักจั่นทองเห็นเหตุการณ์นี้เป็นคนแรก ดวงตาพลันหดรัด
นี่เป็นตัวแปรที่ไม่มีใครคาดคิด!
โพธิ์เอ่ย “บางทีหลินสวินอาจสัมผัสได้ถึงความเร้นลับบางอย่างแล้ว และความเร้นลับเหล่านี้ก็เกี่ยวข้องกับที่มาของเรือนิรันดร์”
พวกเขาต่างรู้มานานแล้วว่าเรือนิรันดร์เป็นสมบัติลึกลับชิ้นหนึ่งที่ออกมาจากเขตผนึกอัศจรรย์เมื่อนานมาแล้ว เมื่อแรกสุดไท่ชูเป็นคนได้ไป
แต่ต่อมาเพราะจักรพรรดิเทพรัตติกาลนิรันดร์ เรือนิรันดร์นี้จึงพเนจรไปโลกภายนอกและตกอยู่ในมือหลินสวินในที่สุด
“เรือนิรันดร์…”
โลกหม่นมัว ส่วนลึกใต้ดิน ไท่ชูพึมพำอย่างอดไม่ได้ “นี่คงถือเป็นตัวแปรที่อยู่ในความคาดหมายนานแล้วอย่างหนึ่ง แต่ก็ไม่รู้ว่าสมบัตินี้จะสร้างประโยชน์อะไรให้กับการหยั่งรู้เขตผนึกอัศจรรย์คราวนี้ของหลินสวิน...”
ในเสียงนั้นเจือความสงสัย
เดิมทีสมบัตินี้ควรเป็นของเขา!
“เจ้าลัทธิ หลินสวินเพิ่งหยั่งรู้ได้เจ็ดวันเท่านั้น แต่ความลับที่เขาหยั่งรู้ได้จากในเขตผนึกอัศจรรย์กลับคล้ายจะมากกว่าที่คาดคิดไว้…”
อีกาดำเอ่ยขึ้นอย่างอดไม่อยู่
“มีใจความที่ข้า เฉินซี กับมือกระบี่นั่นทิ้งไว้ ถ้าแม้แต่ความเร้นลับบางส่วนเขายังไม่อาจหยั่งรู้ได้ นั่นถึงเรียกว่าผิดปกติ”
ใต้ดินลึก ไท่ชูเอ่ย “ยิ่งไปกว่านั้นตัวเขายังมีนัยเร้นลับนิพพาน ก็เป็นตัวแปรที่ไม่อาจคาดเดาอยู่แล้ว สำหรับข้า ความลับที่เขาหยั่งรู้ได้จากเขตผนึกอัศจรรย์ยิ่งมากยิ่งดี รอก่อนเถอะ เมื่อเรือนิรันดร์ปรากฏ ต่อไปสิ่งที่หลินสวินสัมผัสได้ถึงจะน่าตั้งตาคอยที่สุด!”
โลกหงหลิง
เฉินหลินคงพูดอย่างอดไม่ได้ “ท่านปู่ ท่านเคยอนุมานที่มาของเรือนิรันดร์นี้หรือไม่”
“สมบัตินี้มาจากเขตผนึกอัศจรรย์เหมือนกับลายธาร เป็นวัตถุุแรกกำเนิดที่ถือกำเนิดขึ้นจากต้นกำเนิดของเขตผนึกอัศจรรย์แห่งนี้ นานมาแล้วข้ากับมือกระบี่นั่นเคยใคร่ครวญด้วยกัน คิดว่าในเขตผนึกอัศจรรย์นั่นน่าจะไม่ได้มีแต่วัตถุุแรกกำเนิดอย่างลายธารกับเรือนิรันดร์ และเรือนิรันดร์นี้ควรเรียกว่าเรือแห่งชีวิตถึงจะถูก ถึงอย่างไรสิ่งนี้ก็ถือกำเนิดในเขตผนึกชีวิต”
เฉินซีเอ่ยเสียงเบา “ไม่กี่วันก่อนสหายน้อยหลินก็พูดคุยเรื่องสมบัตินี้กับข้า จากที่เขาว่ามา สมบัตินี้สามารถเปิดประตูนิรันดร์ที่ตรงสู่โลกมอบวิญญาณได้ พวกเราสองคนต่างคิดว่าเรือนิรันดร์เป็นกุญแจดอกหนึ่ง เป็นสิ่งที่ถือกำเนิดขึ้นจากบ่อเกิดแรกกำเนิดของโลกมอบวิญญาณ แต่ตอนนี้ดูท่าที่มาของสมบัตินี้จะไม่ได้ธรรมดาเพียงเท่านี้อย่างเห็นได้ชัด…”
เฉินหลินคงอึ้งไป “พูดเช่นนี้ การที่สมบัตินี้ปรากฏขึ้นตอนนี้ก็เป็นตัวแปรหนึ่งหรือ”
“คงเป็นเช่นนั้น”
เฉินซีเอ่ย “ก็ไม่รู้ว่าตัวแปรที่สมบัตินี้ชักนำมาจะเป็นโชคหรือเคราะห์สำหรับสหายน้อยหลินแล้ว…”
——