เมื่อเรือนิรันดร์พุ่งขึ้นมากะทันหัน ในใจหลินสวินก็ตื่นตะลึง
ตัวแปรนี้ทำให้เขายังคิดไม่ถึง
กระทั่งเรือนิรันดร์เลาะมาตามจิตรับรู้ของเขา หลินสวินก็สัมผัสได้ทันทีว่าจิตรับรู้ของตนเหมือนนั่งอยู่บนเรือนิรันดร์นั้น จิตวิญญาณยังผ่อนคลายไปครู่หนึ่ง
จากนั้นเรือนิรันดร์ก็เริ่มพาจิตรับรู้ของเขาพุ่งเข้าไปในส่วนลึกของเขตผนึกอัศจรรย์…
‘นี่มันจะพาข้าไปหาอะไร’
หลินสวินใจสั่น
ภาพนี้น่าเหลือเชื่อเกินไปจริงๆ
เดิมเขานึกว่าเรือนิรันดร์เป็นกุญแจดอกหนึ่งที่เปิดโลกมอบวิญญาณได้ แต่ใครจะคิดว่าตอนนี้สมบัติชิ้นนี้กลับเปลี่ยนแปลงไป คล้ายจะดึงตนไปที่แห่งหนึ่ง!
‘จริงสิ ซย่าจื้อยังอยู่ในเรือนิรันดร์’
หลินสวินพลันนึกขึ้นได้ ทันใดนั้นจิตรับรู้ของเขาก็แทรกเข้าไปในเรือนิรันดร์ ลองปลุกซย่าจื้อที่อยู่ในนั้น
แต่ตอนนี้จิตรับรู้ของเขากลับถูกพลังคลุมเครือขัดขวาง
ก็ในตอนนี้เองหลินสวินจึงพบว่าเรือนิรันดร์เปล่งคลื่นพลังลึกลับออกมาประหนึ่งจังหวะชีวิต
นี่เป็นพลังที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน!
‘ต้องเป็นเพราะจิตรับรู้ของข้าสัมผัสบางอย่างในเขตผนึกอัศจรรย์แห่งนี้แน่ ถึงทำให้เรือนิรันดร์เกิดความเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ตามไปด้วย…’
หลินสวินสงบใจลง
เขาในตอนนี้เพียงแค่ทะลวงจิตรับรู้ผ่านเขตผนึกอัศจรรย์แห่งนี้ ต่อให้พบเจอภัยคุกคามถึงชีวิตก็ไม่หวั่นอะไร
ที่กังวลเพียงอย่างเดียวคือซย่าจื้อที่อยู่ในเรือนิรันดร์!
‘ข้าจะไม่ให้เจ้าเกิดเรื่องเด็ดขาด’
หลินสวินสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง จดจ่อความคิดทั้งหมดกับจิตรับรู้
ฮูม…
เรือนิรันดร์ในตอนนี้เหมือนกับนาวาน้อยลำหนึ่ง พาจิตรับรู้ของหลินสวินทะลวงผ่านไปในกลิ่นอายแรกกำเนิดเป็นชั้นๆ ไปสู่ส่วนลึกไร้สิ้นสุดของเขตผนึกอัศจรรย์
ตลอดทางจิตรับรู้ของหลินสวินผ่อนคลายหาใดเทียบ พลังจิตวิญญาณยังไม่ต้องใช้สักนิด นี่ทำให้เขาสงบใจสัมผัสทิวทัศน์และความเร้นลับต่างๆ ได้ตลอดทาง
แต่เทียบกับการหยั่งรู้ก่อนหน้านี้ กลับรู้สึกเข้าใจเพียงผิวเผินอย่างเลี่ยงไม่ได้
เพราะเรือนิรันดร์ว่องไวเกินไปจริงๆ ตลอดทางถึงกับคล้ายไม่พบกับสิ่งกีดขวางใดสักนิด
ก็ไม่รู้นานแค่ไหน
เรือนิรันดร์พลันสั่นเบาๆ หยุดชะงักลงทันใด
และในจิตรับรู้ของหลินสวินก็ ‘เห็น’ ต้นไม้ต้นหนึ่ง!
ต้นไม้นี้หยั่งรากลงในไอแรกกำเนิด เห็นชัดว่าสูงเพียงเก้าจั้ง แต่ในจิตรับรู้ของหลินสวินกลับสูงเหมือนไร้สิ้นสุด ใหญ่โตเหมือนไร้ขอบเขต ทำให้เขายังเกิดความรู้สึกเล็กจ้อย
แต่ดูแล้วต้นไม้นี้สูงเพียงเก้าจั้งจริงๆ!
ที่ทำให้หลินสวินแปลกใจก็คือ กิ่งทั้งสี่ของต้นไม้ต้นนี้แสดงแสงเงาของจตุโบราณสถานอย่างแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ แหล่งสถานศุภโชค แหล่งสถานคุนหลุน แหล่งสถานอัศจรรย์ สิ่งที่อบอวลออกมาก็เป็นกลิ่นอายต้นกำเนิดของจตุโบราณสถาน
และบนกิ่งทั้งสี่นี้ต่างโล้นเตียนไร้ใบ ทั้งยังไม่มีผล ตรงข้ามกลับมีลวดลายเป็นวงๆ
จิตรับรู้หลินสวินเข้าไปสัมผัส ในสมองพลันเหมือนจะระเบิดออก ภาพหยั่งรู้อันยิ่งใหญ่ปะปนกันไปโถมเข้าสู่จิตวิญญาณราวกับภูผาถล่มสมุทรคำราม ทำให้จิตรับรู้ของเขายังว่างเปล่าไปชั่วขณะ
ก็ไม่รู้ว่านานเท่าไร…
หลินสวินเห็นความว่างเปล่าเวิ้งว้างไร้ซึ่งสรรพสิ่งใดๆ จู่ๆ กลิ่นอายแรกกำเนิดขมุกขมัวก็ผุดขึ้นในความว่างเปล่า รวมตัวและใหญ่ขึ้นไม่หยุด จนกระทั่งต่อมาความว่างเปล่านี้ก็อัดแน่นไปด้วยไอแรกกำเนิดขุ่นมัวโดยสมบูรณ์
จากนั้นไอแรกกำเนิดก็ปั่นป่วนไม่มีหยุด เหมือนกำลังฟูมฟักอะไรบางอย่าง กระบวนการนี้ดำเนินไปไม่รู้กี่เดือนปี ในที่สุดวันหนึ่งไอแรกกำเนิดก็ให้กำเนิดพลังชีวิต ทำให้ทั้งไอแรกกำเนิดมีจังหวะอันลึกลับพิสดารปรากฏขึ้น…
นอกจากพลังชีวิตนี้แล้ว ภายในไอแรกกำเนิดก็ค่อยๆ มีพลังที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงสายแล้วสายเล่าเพิ่มขึ้นมา…
ก็ในตอนนี้เองพวกมันรวมตัวกัน สั่นสะเทือน ชนปะทะ แปรสภาพ ทั้งยังเปลี่ยนแปลงไม่ว่างเว้นเฉกเช่นต้นกำเนิดของไอแรกกำเนิด…
ในที่สุดก็กลายเป็นจตุโบราณสถาน!
เมื่อจตุโบราณสถานอุบัติขึ้น ต้นแบบของโลกยุคสมัยใบหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในไอแรกกำเนิดราวกับเบิกฟ้าแยกดิน มันบิดเบี้ยว พองตัว ยืดขยายไม่หยุด… จนในที่สุดจึงเสถียรโดยสมบูรณ์ จากนั้นในโลกยุคสมัยก็มีโลกไร้ขอบเขต ชีวิตนับไม่ถ้วน มหามรรคไร้สิ้นสุดปรากฏ…
ทุกสิ่งที่อัศจรรย์พันลึกนี้ก่อร่างเป็นอารยธรรมยุคสมัยยุคหนึ่ง สำแดงการเปลี่ยนแปลงในโลกดุจคลื่นเกรียงไกรโถมซัด พลังมหัศจรรย์นานาชนิดอย่างกฎกรรม กาลเวลา โชคชะตาต่างถักทอและปะทะกัน ทำให้ความรุ่งโรจน์และเสื่อมถอยของยุคสมัยหนึ่งสมบูรณ์ครบวัฏจักร
เมื่อยุคสมัยนี้ร่วงโรย จากความรุ่งเรืองกลายเป็นล่มสลาย ก็รวมเข้าไปในแหล่งสถานศุภโชคคล้ายใบไม้ร่วงคืนสู่ราก แต่ไม่นานนักก็จะมียุคสมัยใหม่ถือกำเนิดขึ้นจากไอแรกกำเนิดขุ่นมัวนี้อีก...
ยุคสมัยผันเปลี่ยนไม่ว่างเว้น ชีวิตและมหามรรคนับไม่ถ้วนก็เปลี่ยนแปลงไร้สิ้นสุดตามไปด้วย สิ่งเดียวที่ไม่เปลี่ยนไปก็คือจตุโบราณสถาน
พวกมันตั้งมั่นอยู่ในไอแรกกำเนิดนี้ ดำรงอยู่ในทุกการเปลี่ยนผ่านของอารยธรรมยุคสมัยแต่ละยุค!
ตูม!
หลินสวินเพียงรู้สึกว่าจิตวิญญาณสั่นสะท้าน ภาพในสมองพลันสลายไปเหมือนฟองสบู่
แต่จิตรับรู้ของเขายังอยู่บนเรือนิรันดร์ ท่ามกลางไอแรกกำเนิดไกลออกไป ต้นไม้โบราณลึกลับนั้นสงบนิ่งไม่ขยับ
แต่หลินสวินสัมผัสได้ แม้ว่าภาพก่อนหน้านี้จะหายไป แต่กลับมีการหยั่งรู้อันลึกลับตกตะกอนอยู่ในสภาวะจิตของตน
การหยั่งรู้เช่นนี้เกี่ยวข้องกับการถือกำเนิดและก่อร่างของ ‘ยุคแรกกำเนิด’!
‘ต้นไม้โบราณนี่ถือกำเนิดในเขตผนึกอัศจรรย์ ตามกิ่งไม้ต่างมีกลิ่นอายต้นกำเนิดของจตุโบราณสถานผุดขึ้นมา และบนนั้นยังหยั่งรู้ได้ถึงความเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ยุคแรกกำเนิดนี้ถือกำเนิดจนก่อรูป... มองจากจุดนี้ ต้นไม้ต้นนี้ก็คือสักขีพยานอย่างหนึ่ง ได้ประจักษ์ทุกสิ่งในยุคแรกกำเนิดนี้…’
หลินสวินคิดถึงตรงนี้ก็กังขาขึ้นมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ เหตุใดเรือนิรันดร์ถึงพาจิตรับรู้ตนมาที่นี่
เขาลองสัมผัสกลิ่นอายที่อบอวลอยู่บนเรือนิรันดร์อีกครั้ง
คราวนี้กลับทำให้เขาค้นพบอย่างตื่นตะลึง
กลิ่นอายที่อยู่บนสมบัตินี้ถึงกับมีต้นกำเนิดเดียวกับกลิ่นอายของต้นไม้โบราณที่อยู่ไกลออกไปต้นนั้น!
หรือว่า…
ต้นไม้นี้จะให้กำเนิดสมบัตินี้!?
หลินสวินครุ่นคิด สงบใจอนุมาน ลองทำความเข้าใจความลับในนั้น
แต่สุดท้ายกลับมองไม่ออก
หลินสวินนิ่วหน้า จิตรับรู้ของเขามองต้นไม้โบราณต้นนั้น ประเมินโดยละเอียดอีกครั้ง
ผ่านไปสักพักจู่ๆ เขาก็ผงะไป รับรู้ได้ถึงปัญหาหนึ่ง หรือจะสามารถใช้นัยเร้นลับนิพพานลองดูได้
ถึงอย่างไรนิพพานก็เกี่ยวข้องกับมรรคแห่งชีวิต อีกทั้งเพราะนิพพาน ตัวเขาจึงถูกมองเป็นตัวแปรที่ไม่เคยมีมาก่อนคนหนึ่ง
แต่หลินสวินยังไม่ทันได้ลอง จู่ๆ ก็เกิดความเปลี่ยนแปลงกะทันหัน…
ฮูม!
บัดนี้เรือนิรันดร์ที่รองรับจิตรับรู้ของหลินสวินอยู่สั่นไหวขึ้นฉับพลัน
จากนั้นซย่าจื้อที่อยู่ในนั้นก็ถูกเคลื่อนย้ายออกมาทันที
ร่างอรชรของนางสั่นไหว ประเมินดูรอบทิศ ในดวงตากระจ่างเต็มไปด้วยความงุนงง เห็นชัดว่าไม่รู้ว่าที่นี่คือที่ไหน
และเห็นดังนี้หลินสวินจึงใช้จิตรับรู้สื่อจิตทันที ‘ไม่ต้องร้อนรนไป ที่นี่คือเขตผนึกอัศจรรย์ เจ้าอยู่ข้างๆ จิตรับรู้ของข้า’
เนตรกระจ่างของซย่าจื้อหดรัด สงบนิ่งลงทันใด
และขณะเดียวกัน ภายใต้จิตรับรู้ของนางกับหลินสวิน เรือนิรันดร์นั้นก็เปล่งแสงโชติช่วง คล้ายแปรสภาพอย่างอัศจรรย์ หดเล็กลงและรวมตัวกันเรื่อยๆ… จนท้ายที่สุดกลายเป็นใบไม้สีขุ่นมัวขนาดเท่าฝ่ามือใบหนึ่ง!
แต่ไม่ทันไรกลิ่นอายบนใบไม้นี้ก็เริ่มเหี่ยวแห้งโรยรา คล้ายสูญเสียพลังทั้งหมดลงในชั่วขณะ ลอยลงสู่รากของต้นไม้ต้นนั้น
หายลับไปโดยสิ้นเชิงเฉกเช่นใบไม้ร่วงคืนสู่ราก!
‘นี่…’
หลินสวินสะท้านในใจ ‘หรือเป็นเพราะเรือนิรันดร์พาจิตรับรู้ของข้าบินมาถึงนี่ เลยผลาญพลังของมันไปจนหมด’
‘ใบไม้ร่วงคืนสู่ราก ไม่แน่ว่าเดิมทีเรือนิรันดร์ก็คือใบไม้ที่งอกออกมาจากต้นไม้โบราณต้นนี้ ตอนนั้นเพียงเพราะออกจากเขตผนึกอัศจรรย์แห่งนี้โดยบังเอิญจึงถูกไท่ชูได้ไป…’
‘และตอนนี้มันพาจิตรับรู้ข้ามาถึงต้นไม้โบราณต้นนี้ ก็เหมือนกลับสู่ร่างมารดาของมัน จึงเหี่ยวแห้งและโรยราลงตรงนี้…’
หลินสวินพอจะรู้สึกได้ว่าการสันนิษฐานของตนคงไม่ผิด เรือนิรันดร์กับต้นไม้โบราณนี้ต้องเรียกหากันอย่างอัศจรรย์
ด้วยเหตุนี้มันจึงรู้สึกถึงจิตรับรู้ของตน ทำให้ตนมีโอกาสมาถึงที่นี่ ได้เห็น ‘การย้อนคืนต้นกำเนิด’ ครั้งสุดท้ายของมันพอดี
คิดถึงตรงนี้เขาพลันคิดขึ้นมาได้ ถ้าเรือนิรันดร์คือใบไม้ที่ควบรวมบนต้นไม้โบราณนี้ เช่นนั้นลายธารที่ผู้อาวุโสเฉินซีได้มาจะเป็นเช่นนี้ด้วยหรือไม่
และหากเป็นเช่นนี้ ในยุคแรกกำเนิดนี้จะมีใบไม้ควบรวมบนต้นไม้นี้อีกกี่ใบ!
เรือนิรันดร์สามารถเปิดประตูสู่โลกมอบวิญญาณได้ เช่นนั้นใบไม้จำพวกเดียวกับเรือนิรันดร์ใบอื่นจะเป็นเหมือนกับกุญแจ สามารถเปิดโลกแดนลับแห่งอื่นในเขตผนึกอัศจรรย์แห่งนี้ได้หรือไม่
ยิ่งคิดหลินสวินก็ยิ่งรู้สึกว่าต้นไม้โบราณต้นนี้ไม่ธรรมดา
มันถือกำเนิดในเขตผนึกอัศจรรย์ ได้เป็นประจักษ์พยานการถือกำเนิดและก่อตัวของยุคแรกกำเนิด บนต้นไม้ยังมีกลิ่นอายต้นกำเนิดของจตุโบราณสถานประทับอยู่ แม้แต่ใบไม้ที่ควบรวมขึ้นบนต้นไม้ยังเป็นไปได้สูงยิ่งว่าจะเป็นยอดสมบัติลึกลับเช่นเดียวกับเรือนิรันดร์และลายธาร
ต้นไม้โบราณเช่นนี้จะเป็นของธรรมดาได้อย่างไร
“หลินสวิน ถ้าไม่มีเรือนิรันดร์ข้าจะไม่ใช่ไม่มีทางออกไปจากที่นี่หรือ”
จู่ๆ ซย่าจื้อเอ่ยออกมา ปลุกหลินสวินที่จมสู่ภวังค์ความคิด
หลินสวินอึ้งไปอย่างอดไม่ได้เช่นกัน เขาในตอนนี้เป็นเพียงจิตรับรู้สายหนึ่ง ถ้าต้องการดึงกลับไป ขอเพียงไม่พบกับสิ่งกีดขวางระหว่างทางก็จะกลับไปได้อย่างราบรื่น
ทว่าซย่าจื้อต่างออกไป ตัวนางมาถึงในเขตผนึกอัศจรรย์แห่งนี้พร้อมกับเรือนิรันดร์ มิหนำซ้ำยังเป็นส่วนลึกของเขตผนึกอัศจรรย์ด้วย!
และควรรู้ว่าเขตผนึกอัศจรรย์แห่งนี้เต็มไปด้วยอันตรายน่าสะพรึงถึงขีดสุด สามารถทำให้คนอย่างเฉินซี ไท่ชูและตนยังหวาดหวั่น ไม่กล้าล่วงล้ำแม้แต่ก้าวเดียวได้
ถ้าตอนนี้ไม่มีเรือนิรันดร์ ด้วยมรรควิถีของซย่าจื้อจะมีโอกาสรอดออกไปจากที่นี่ได้อย่างไร
“อย่าเพิ่งร้อนใจ จะต้องมีวิธีแน่”
หลินสวินสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง มองไปยังต้นไม้โบราณที่อยู่ไม่ไกลนั้นอีกครั้ง “แม้ว่าต้นไม้นี้จะโล้นเตียนไม่มีใบ แต่ข้ามีพลังของมรรคนิพพาน อาจจะทำให้มันแปรสภาพควบรวมใบไม้ออกมาได้… ต่อให้วิธีใช้ไม่ได้ก็ต้องมีวิธีอื่น สรุปแล้วข้าจะไม่ให้เจ้าถูกขังอยู่ที่นี่เด็ดขาด!”
เสียงเผยความแน่วแน่
ซย่าจื้อส่งเสียงอืม เอ่ยว่า “ถ้าพูดกันอย่างลึกๆ จักรพรรดิรัตติกาลนิรันดร์ก็ถือกำเนิดในเขตผนึกอัศจรรย์แห่งนี้ ส่วนข้าเป็นร่างที่กลับมาเกิดใหม่ของจักรพรรดิรัตติกาลนิรันดร์ ตอนนี้ข้ามาถึงที่นี่ ก็คง… ไม่ต่างอะไรกับการกลับบ้านกระมัง”
ความคิดนี้พิสดารนัก มุมมองก็แสนผิดแผก แต่กลับทำให้หลินสวินไม่อาจค้านได้
เพราะเหมือนจะเป็นเช่นนี้จริงๆ…
“ไม่ว่าอย่างไรระมัดระวังไว้ย่อมดีกว่า”
ด้วยซย่าจื้อเอ่ยทะลุกลางปล้องเช่นนี้ จิตใจหลินสวินจึงสงบนิ่งลงไม่น้อย
และในจิตรับรู้ของเขาก็มีพลังของนัยเร้นลับนิพพานอุบัติขึ้น เริ่มเข้าประชิดต้นไม้โบราณที่อยู่ไกลๆ ต้นนั้น