ตอนที่ 3231 ศัตรูคู่แค้นในตอนนั้น ชิงชัยในตอนนี้

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ไท่​ชูหัวเราะ​หึๆ​ มอง​หลิน​สวิน​ปราด​หนึ่ง​ แล้ว​เอ่ย​ว่า​ “หวัง​ได้ยิน​โดยละเอียด​”

หลิน​สวิน​ชี้ออก​ไป​ไกล​แล้ว​พูดว่า​ “เป็น​เช่น​นัย​เร้นลับ​ที่​ก่อนหน้านี้​สหาย​ยุทธ์​หยั่งถึง​ เขต​ผนึก​อัศจรรย์​แห่ง​นี้​ก็​คือ​ต้นกำเนิด​ของ​แหล่ง​สถาน​อัศจรรย์​ ภายใน​นั้น​เคย​มีมรรค​แห่ง​ชีวิต​ที่​สมบูรณ์​สาย​หนึ่ง​อยู่​”

“เคย​มีหรือ​” ไท่​ชูนิ่วหน้า​ “หรือ​ตอนนี้​ไม่มีแล้ว​”

ประโยค​นี้​ดึงดูด​ความสนใจ​ของ​ทุกคน​ที่นั่น​เช่นกัน​

หลิน​สวิน​เอ่ย​ “ก็​มีอยู่​ แต่​เป็น​เพียง​มรรค​แห่ง​ชีวิต​ที่​ถูก​บดขยี้​”

ต่อมา​เขา​ก็​เล่าเรื่อง​ต้น​ชีวิต​อัศจรรย์​ที่​ได้​เห็น​ใน​แหล่ง​สถาน​อัศจรรย์​ต้น​นั้น​ออกมา​ตามตรง​ ไม่ได้​ปกปิด​

ขณะ​ฟังทุก​คนใน​ที่​นั้น​ต่าง​จิต​ใจสั่น​ไหว​

“เคราะห์​เดียว​ถึงกับ​ทำลาย​มรรค​แห่ง​ชีวิต​ ดูท่า​เคราะห์​ด่าน​นี้​จะไม่ได้​เป็น​ของ​ยุค​แรก​กำเนิด​นี้​สินะ​…” เฉิน​ซีถอน​ใจเบา​ๆ

เขา​เข้าใจ​ยาม​นี้​เช่นกัน​ว่า​พลัง​วัฏจักร​ที่​เขา​ครอบครอง​เป็น​เพียง​ส่วนหนึ่ง​ของ​มรรค​แห่ง​ชีวิต​เท่านั้น​ ส่วน​สมบัติ​อย่าง​ลาย​ธาร​นี้​ก็​ถือกำเนิด​ขึ้น​จาก​ต้น​ชีวิต​อัศจรรย์​ต้น​นั้น​

“สหา​น​ยุทธ์​ครอบครอง​พลัง​นิพพาน​ จะไม่ใช่หมายความว่า​สามารถ​ฟื้นฟู​ต้น​ชีวิต​อัศจรรย์​ต้น​นั้น​ได้​หรือ​ เช่นนี้​มรรค​แห่ง​ชีวิต​ที่​เสียหาย​ไม่สมบูรณ์​นั้น​ก็​สร้าง​ขึ้น​ใหม่​ได้​ใช่หรือไม่​”

และ​เวลานี้​เอง​ ไท่​ชูตระหนักถึง​บางอย่าง​ มอง​มายัง​หลิน​สวิน​

“ไม่ผิด​”

หลิน​สวิน​ไม่ได้​ปกปิด​ ดู​เปิดเผย​ย​ยิ่งยวด​

“อย่างนี้​นี่เอง​…”

ไท่​ชูทอดถอนใจ​ “นัย​เร้นลับ​นิพพาน​นี้​เป็น​ตัวแปร​ที่​ไม่เคย​มีมาก่อน​อย่างหนึ่ง​ดัง​คาด​ แต่​คิดไม่ถึง​ว่า​ประโยชน์​อัศจรรย์​ของ​มัน​จะน่า​เหลือเชื่อ​ปานนี้​”

เขา​จมสู่ภวังค์​ คล้าย​ครุ่นคิด​และ​อนุมาน​อะไร​อยู่​

‘ท่าน​ปู่​ ทำไม​หลิน​สวิน​ถึงพูด​ความลับ​เช่นนี้​ออกมา​’

เฉิน​หลิน​คง​สื่อ​จิต​ถามอย่า​งอด​ไม่อยู่​ เขา​ไม่เข้าใจ​จริงๆ​ ว่า​เหตุใด​หลิน​สวิน​ถึงใจกว้าง​ขนาด​นี้​ ไม่ปกปิด​สักนิด​

‘ยาม​ตัดสิน​เป็น​ตาย​ เมื่อ​เจ้าคิด​ปกปิด​หรือ​เก็บงำ​จาก​ศัตรู​ บางคราว​อาจ​หมาย​ถึงว่า​ใน​ใจเจ้าเกิด​ความกังวล​’

‘ก็​อย่าง​ที่​ไท่​ชูพูด​ไว้​ก่อนหน้านี้​ ตอนนี้​เขา​ไม่มีทาง​ทิ้ง​ทางรอด​ไว้​ให้​ตัวเอง​เป็นอันขาด​ จาก​จุด​นี้​สภาวะ​จิต​จึงมีความเด็ดเดี่ยว​ว่า​ต้อง​ชนะ​ เป็น​เพียง​การประชัน​ด้าน​สภาวะ​จิต​อย่างหนึ่ง​’

เฉิน​ซีสื่อ​จิต​อธิบาย​อย่าง​ใจเย็น​ ‘ที่​หลิน​สวิน​ไม่ได้​ปิดบัง​ หนึ่ง​เพราะ​ไท่​ชูเคย​มอบ​ม้วน​หยก​ให้​ สุดท้าย​แม้ว่า​ข้า​จะเป็น​คน​เก็บ​ม้วน​หยก​นั้น​ไว้​ แต่​หลิน​สวิน​ก็ได้​หยั่งรู้​จาก​ม้วน​หยก​ของ​ไท่​ชู นี่​เท่ากับ​รับ​น้ำใจ​เอาไว้​กลาย​ๆ’

‘ทันทีที่​ตัดสิน​เป็น​ตาย​ ถ้าเดิมที​หลิน​สวิน​ตั้งใจ​ว่า​จะสังหาร​อีก​ฝ่าย​ ก็​ต้อง​ได้รับ​ผลกระทบ​จาก​น้ำใจ​นี้​ เขา​จะคิดถึง​การ​มอบ​วิธี​ตาย​อัน​มีเกียรติ​ให้​อีก​ฝ่าย​ จะไตร่ตรอง​หลาย​เรื่อง​มากขึ้น​ เช่นนั้น​ความคิด​ที่จะ​สังหาร​อีก​ฝ่าย​ก็​จะไม่แน่วแน่​หมดจด​อีกต่อไป​’

‘แทนที่จะ​เป็น​แบบนี้​ จึงควร​ตัด​ผลกระทบ​นั้น​ไป​ เพื่อ​ไม่ให้​มีความคิด​ฟุ้งซ่าน​ใดๆ​ มารบกวน​ยาม​ต้อง​สังหาร​คู่ต่อสู้​’

‘สอง​ เป็น​เพราะ​หลิน​สวิน​ไม่มีความกังวล​ใดๆ​ และ​ใน​สถานการณ์​เช่นนี้​ ต่อให้​ลงมือ​ก็​จะไม่เกิด​ช่องโหว่​แต่อย่างใด​’

พูดถึง​ตรงนี้​เฉิน​ซีก็​เอ่ย​ขึ้น​ว่า​ “ยิ่งไปกว่านั้น​ เจ้าคิด​ว่า​ต่อให้​ไท่​ชูได้​รู้ความ​เร้นลับ​พวก​นี้​แล้​วจะ​เป็น​อย่างไร​ ถึงอย่างไร​การ​ประลอง​หมาก​ครั้งนี้​ก็​ต้อง​ตัดสิน​แพ้ชนะ​อยู่ดี​”

เขา​บอกเล่า​ความเป็นไป​ของ​เรื่อง​นี้​อย่าง​ละเอียด​ราวกับ​ดึง​เส้น​ไหม​จากรัง​ไหม​ จึงทำให้​เฉิน​หลิน​คง​เข้าใจ​ และ​ตระหนัก​ได้​ว่า​ในแง่​สภาวะ​จิต​ตน​ยัง​ด้อย​กว่า​เล็กน้อย​!

อาจ​เป็น​เพราะ​ความด้อย​กว่า​นี้​ จึงทำให้​จน​ตอนนี้​เขา​ยัง​ไม่อาจ​ก้าว​ออกจาก​ขั้น​ไร้​ขอบเขต​สัมบูรณ์​ได้​…

“แน่นอน​ว่า​นี่​เป็น​เพียง​การประชัน​ในแง่​สภาวะ​จิต​ เป็น​เพราะ​ไท่​ชูกับ​หลิน​สวิน​ต่าง​ไม่มีความกังวล​ ไม่มีความ​หวั่นกลัว​ พวกเขา​จึงพูดคุย​กัน​เช่นนี้​ได้​ ดู​คล้าย​สหาย​เก่า​กำลัง​ถก​มรรค​ ความจริง​แล้ว​ทันทีที่​ลงมือ​พวกเขา​ต่าง​จะลงมือ​อย่าง​เด็ดขาด​และ​ไร้​ปรานี​”

เมื่อ​เฉิน​ซีกล่าว​ออกมา​เช่นนี้​ เฉิน​หลิน​คง​ก็​เอ่ย​ขึ้น​อย่า​งอด​ไม่ได้​ “ท่าน​ปู่​เล่า​”

“เจ้าว่า​อย่างไร​”

เฉิน​ซีย้อนถาม​

เฉิน​หลิน​คง​พยักหน้า​ ไม่พูด​อะไร​อีก​

เขา​พอ​จะเข้าใจ​แล้ว​ ถึงเวลา​ตัดสิน​แพ้ชนะ​ ท่าน​ปู่​ยัง​ใจเย็น​พูดคุย​เรื่อยเปื่อย​กับ​ตน​ได้​ สภาวะ​จิต​เช่นนี้​จะธรรมดา​ได้​หรือ​

“คิดไม่ออก​ คิดไม่ออก​จริงๆ​”

ไท่​ชูที่​ครุ่นคิด​อยู่​ตลอด​พลัน​ถอน​ใจเบา​ๆ “ว่า​กัน​ถึงที่สุด​แล้ว​ ไป​ที่​เขต​ผนึก​อัศจรรย์​นั้น​เอง​สักครั้ง​ย่อม​ดีกว่า​ เช่นนี้​ถึงจะเข้า​ใจความ​เร้นลับ​ใน​นั้น​ได้​”

ขณะ​พูด​สายตา​เขา​มอง​ไป​ยัง​หลิน​สวิน​อีกครั้ง​ “และ​หาก​อยาก​หาทาง​ไป​เขต​ผนึก​อัศจรรย์​ เกรง​ว่า​จะมีแต่​พลัง​นิพพาน​ถึงทำได้​”

“ไม่ผิด​”

หลิน​สวิน​พูดถึง​ตรงนี้​ก็​เอ่ย​พลาง​มอง​ไป​ไกลๆ​ “อีก​เดี๋ยว​ซย่า​จื้อ​ก็​จะกลับ​มาจาก​เขต​ผนึก​อัศจรรย์​ สำหรับ​ทุกคน​แล้ว​ตอนนั้น​จะเป็น​โอกาส​ลงมือ​ที่​ดี​ที่สุด​ ก็​ตัดสิน​แพ้ชนะ​ใน​ตอนนั้น​เป็น​อย่างไร​”

ไท่​ชูอึ้ง​ไป​ คล้าย​ตระหนัก​ได้​โดยพลัน​ กล่าวว่า​ “นาง​อาศัย​เรือ​นิรันดร์​เข้าไป​ใน​นั้น​หรือ​”

หลิน​สวิน​พยักหน้า​ “เรือ​นิรันดร์​แปลง​มาจาก​ใบ​ไม้ใบ​หนึ่ง​ที่​ควบ​รวม​ขึ้น​จาก​ต้น​ชีวิต​อัศจรรย์​ ดัง​ว่า​ใบ​ร่วง​คืน​สู่ราก​ ยาม​สมบัติ​นี้​พา​ซย่า​จื้อ​มาถึงหน้า​ต้น​ชีวิต​อัศจรรย์​นั้น​ก็​หาย​ลับ​ไป​ และ​ตอนนี้​นาง​กำลัง​อาศัย​พลัง​ของ​ต้น​ชีวิต​อัศจรรย์​เดินทาง​กลับมา​แดน​เทพ​มาก​เร้น​”

ไท่​ชูยิ้ม​เอ่ย​ “ที่แท้​ก็​เป็น​เช่นนี้​ ถ้าพูด​เช่นนี้​หาก​ข้า​จับ​แม่นาง​ซย่า​จื้อ​ผู้​นี้​ได้​ จะขุ่ม​ขู่​เจ้าได้​หรือไม่​”

หลิน​สวิน​ยิ้ม​เช่นกัน​ เอ่ย​ว่า​ “นั่น​ก็​ต้อง​ดู​ว่า​เจ้าทำ​เช่นนั้น​ได้​หรือไม่​แล้ว​”

สนทนา​ถึงตอนนี้​ไท่​ชูก็​แหงนหน้า​หัวเราะ​ลั่น​อย่าง​กลั้น​ไม่อยู่​ “เยี่ยมยอด​ สหาย​ยุทธ์​เฉิน​ซี บน​มรรคา​ของ​พวกเรา​มีสหาย​น้อย​หลิน​เพิ่ม​มาอีก​คน​แล้ว​ น่ายินดี​ปาน​ไหน​!”

เสียง​มีความ​ปรีดา​อย่าง​อธิบาย​ไม่ถูก​

ก่อนหน้านี้​ตั้งแต่​เริ่ม​ปรากฏตัว​จน​พูดคุย​กับ​หลิน​สวิน​ ความจริง​แล้ว​เขา​สัมผัส​สภาวะ​จิต​ของ​หลิน​สวิน​และ​สังเกต​การ​ตอบสนอง​ของ​หลิน​สวิน​อยู่​ตลอด​

กระทั่ง​หลิน​สวิน​เล่าเรื่อง​ซย่า​จื้อ​ออกมา​ ไท่​ชูถึงรู้​ในที่สุด​ว่า​ใน​ด้าน​สภาวะ​จิต​ หลิน​สวิน​ที่อยู่​ตรงข้าม​กัน​ไม่ด้อย​ไป​กว่า​ตน​แล้ว​!

และ​เพราะ​มีสภาวะ​จิต​เช่นนี้​อยู่​ ก็​พิสูจน์​แล้ว​ว่า​ต่อให้​เผชิญหน้า​กับ​ตน​ หลิน​สวิน​ก็​มีจิต​ตั้งมั่น​ใน​ชัยชนะ​ไม่มีเปลี่ยนแปลง​!

มีความมั่นใจ​ภายใต้​ท่าที​เยือกเย็น​เป็นธรรมชาติ​ ถึงได้​ไร้กังวล​อย่าง​แท้จริง​

เฉิน​ซีเอ่ย​เนิบๆ​ “การ​ประลอง​เช่นนี้​ไม่ใช่สิ่งที่​เจ้าอยาก​เห็น​หรือ​ อีก​อย่าง​ เจ้าไม่คิด​ว่า​โซ่กระบี่​ที่อยู่​บน​ร่าง​เจ้าเกะกะ​ลูกตา​หรือ​”

ไท่​ชูชี้โซ่กระบี่​บน​ตัว​ เอ่ย​ว่า​ “สหาย​ยุทธ์​ เจ้ายึด​ติดกับ​รูปลักษณ์​แล้ว​ ใน​ใจข้า​โซ่กระบี่​นี้​ไม่มีอยู่​นาน​แล้ว​”

เฉิน​ซีนัยน์ตา​หด​รัด​เล็กน้อย​

“แน่นอน​ เจ้ากล่าว​ไม่ผิด​ ถูก​พันธนาการ​ไว้​บน​ร่าง​เช่นนี้​ขัดตา​จริงๆ​ กลับ​จะถูก​คนอื่น​มองว่า​ข้า​ไท่​ชูจงใจปิดบัง​มรรค​วิถี​ของ​ตัวเอง​”

ไท่​ชูพูด​พลาง​ใช้มือ​กระชาก​ครั้งหนึ่ง​

โซ่กระบี่​เส้น​นั้น​พลัน​สะบั้น​ลง​ทุก​กระเบียด​ สลาย​หาย​ไป​ทันใด​

คน​ไม่น้อย​สะท้าน​ใน​ใจ แววตา​เปลี่ยนไป​แล้ว​

โซ่กระบี่​นี้​แปลง​มาจาก​มรรค​วิถี​ทั้ง​ชีวิต​ของ​มือ​กระบี่​ผู้​นั้น​ เขา​กำราบ​ไท่​ชูไว้​ใน​โลก​หม่น​มัว​ด้วย​สิ่งนี้​ยาม​กลับ​ชาติ​ไป​เกิด​ใหม่​

แต่​ใคร​จะคิด​ว่า​ตอนนี้​ไท่​ชูถึงกับ​ทำลาย​โซ่กระบี่​ได้​อย่าง​ง่ายดาย​เพียงนี้​

นี่​หมายความว่า​มรรค​วิถี​ของ​เขา​ใน​ตอนนี้​ แข็งแกร่ง​กว่า​มรรค​วิถี​ที่​มือ​กระบี่​ผู้​นั้น​มีใน​ตอนนั้น​อย่าง​ไม่ต้องสงสัย​!

จุด​นี้​ไม่ว่า​ใคร​ล้วน​ดูออก​

เพียงแต่​ไม่ว่า​จะเป็น​เฉิน​ซีหรือ​หลิน​สวิน​ต่าง​ก็​ไม่แปลกใจ​

ถ้าตอนนี้​ไท่​ชูยัง​ถูก​โซ่กระบี่​พันธนาการ​ เขา​จะกล้า​ตัดสิน​แพ้ชนะ​ใน​ตอนนี้​ได้​อย่างไร​

ก็​พบ​ว่า​ไท่​ชูเหยียด​ร่าง​ตรง​ พูด​เอง​เออ​เอง​ “ไม่อาจ​ไม่พูดว่า​เช่นนี้​สบาย​ขึ้น​มาก​จริงๆ​ แต่​น่าเสียดาย​ ถ้าภายหน้า​อยาก​พูดคุย​กับ​มือ​กระบี่​นั่น​ก็​จะไม่มีของที่ระลึก​ไป​ฝาก​แล้ว​…”

“ถ้าเขา​อยู่​ มีแต่​จะเอา​กระบี่​มาฟัน​เจ้าอย่าง​ไร้​ปรานี​เหมือน​ปี​นั้น​” เฉิน​ซียิ้ม​อย่าง​อดไม่อยู่​

ไท่​ชูก็​ยิ้ม​เช่นกัน​ เอ่ย​ว่า​ “นี่​ก็​จริง​”

จากนั้น​สายตา​เขา​มอง​ไป​ยัง​หลิน​สวิน​ กล่าวว่า​ “สหาย​น้อย​ ยัง​ต้อง​รอ​ถึงเมื่อไร​”

“ตอนนี้​ก็ได้​”

สายตา​หลิน​สวิน​มองออก​ไป​ไกลๆ​

เสียง​เขา​ยัง​ไม่ทัน​เงียบ​ลง​ ใน​ส่วนลึก​ของ​ไอ​หมอก​แรก​กำเนิด​ขุ่นมัว​ไกลลิบ​นั้น​ปรากฏ​วังวน​อากาศ​เล็ก​ละเอียด​ระลอก​หนึ่ง​ มีเงาร่าง​สูงเพรียว​อรชร​ร่าง​หนึ่ง​เดิน​ออก​มาจาก​เขต​ผนึก​อัศจรรย์​นั้น​ กำลังจะ​มาถึงแดน​เทพ​มาก​เร้น​

ทุกคน​ที่อยู่​ตรงนั้น​ต่าง​สังเกต​เห็นภาพ​นี้​ทันที​ และ​บรรยากาศ​ที่นั่น​ก็​เกิด​ความเปลี่ยนแปลง​ประหลาด​ขึ้น​ใน​ตอนนี้​

ไอ​หนาว​ยะเยือก​ไร้​สิ้นสุด​ไหว​เคลื่อน​ท่ามกลาง​ความ​เงียบสงัด​ ฟ้าดิน​ ภูผา​ธารา​ หมื่น​ลักษณ์​… ต่าง​คืน​สู่ความ​สงบนิ่ง​อัน​อึดอัด​หา​ใด​เทียบ​

ไท่​ชูไม่ได้​หันกลับ​ไป​มอง​ สายตา​เขา​จับจ้อง​หลิน​สวิน​อยู่​ตลอด​ ยิ้ม​น้อย​ๆ เอ่ย​ว่า​ “ตัว​ข้า​ขวาง​อยู่​ที่นี่​ หมาย​จะประชัน​สูงต่ำ​กับ​สหาย​น้อย​สักครั้ง​”

หลิน​สวิน​เอ่ย​โดย​ไม่ต้อง​คิด​ “เป็น​ดังที่​เจ้าปรารถนา​”

เฉิน​ซีชี้ไป​ที่​อีกา​ดำ​ซึ่งอยู่​ไกล​ออก​ไป​ พูด​กับ​เฉิน​หลิน​คง​ว่า​ “อีก​เดี๋ยว​เจ้าไป​เล่น​กับ​นาง​หน่อย​”

เฉิน​หลิน​คง​พยักหน้า​

แวว​เย็นชา​ปรากฏ​ขึ้น​บน​ใบหน้า​เพริศพริ้ง​งามล้ำ​นั้น​ของ​อีกา​ดำ​ ชุด​ดำ​ทั้งตัว​โบก​พลิ้ว​ทั้งที่​ไม่มีลม​ เผย​ให้​เห็น​ขา​ขาว​เปล่งปลั่ง​ท่อน​หนึ่ง​

บรรพ​จารย์​วานร​กอด​กระบี่​หมุนตัว​ มอง​เฉิน​ซีจาก​ไกลๆ​ ใน​ดวงตา​เฉยชา​ไร้อารมณ์​มีไอ​สังหาร​พริบไหว​อยู่​

“สหาย​ยุทธ์​ พวกเรา​คอย​ดูก่อน​ อย่า​ทำให้​สหาย​น้อย​หลิน​เสีย​สมาธิ”

จักจั่น​ทอง​เอ่ย​เสียง​อบอุ่น​

โพธิ์​มองดู​สถานการณ์​ใน​นั้น​แล้ว​เอ่ย​ว่า​ “ก็ดี​”

ชิ้ง!

เสียง​กระบี่​ดัง​ขึ้น​ครั้งหนึ่ง​ บรรพ​จารย์​วานร​ชิงเคลื่อนไหว​ก่อน​แล้ว​ เขา​ถือ​กระบี่​ก้าว​มาข้างหน้า​ เงาร่าง​คล้าย​กลายเป็น​ห้วง​อากาศ​ดำมืด​ไร้​สิ้นสุด​ ไอ​แรก​กำเนิด​แปลง​เป็น​รูปลักษณ์​ยอด​เอกอุ​ ชักนำ​เจต​กระบี่​ลึกลับ​ให้​ไหว​เคลื่อน​

ตัว​เขา​ก็​เหมือน​ยุค​มหา​มรรค​ยุค​หนึ่ง​ ไอ​แรก​กำเนิด​วิวัฒน์​ยอด​เอกอุ​ ดึง​พลัง​ของ​ห้วง​อากาศ​ดำมืด​มาเป็น​เจต​กระบี่​ ประหนึ่ง​นาย​เหนือ​หัว​ผู้​ผงาด​เหนือ​นิรันดร์​

เฉิน​ซีเห็น​เช่นนี้​ก็​ส่าย​หัว​อย่า​งอด​ไม่ได้​ “ไย​ต้อง​รีบร้อน​หา​ที่​ตาย​ด้วย​”

บรรพ​จารย์​วานร​ไม่พูดจา​ แทง​หนึ่ง​กระบี่​ออกมา​

ตูม​!

ชั่วพริบตา​นั้น​พลัง​ทั้งปวง​อย่าง​แรก​กำเนิด​ ยุคสมัย​ ความ​มืดมิด​ ก็​เหมือน​ควบ​รวม​อยู่​ที่​กระบี่​นี้​ เหนือกว่า​มรรค​และ​วิชา​ใน​ความหมาย​ทั่วไป​ ทั้ง​ยัง​ไม่ใช่สิ่งที่​พลัง​ของ​มรรคา​นิรันดร์​จะเทียบ​ติด​!

ไม่ต้องสงสัย​ กระบี่​นี้​หลุดพ้น​จาก​มรรคา​นิรันดร์​ก้าว​ไป​สู่มรรคา​ที่สูง​กว่า​แล้ว​ นั่น​เป็น​พลัง​ของ​มรรค​แห่ง​ชีวิต​ เร้นลับ​ถึงขีดสุด​

ยาม​เงาร่าง​สูงโปร่ง​ของ​เฉิน​ซีขยับ​ ก็​ปรากฏ​สายธาร​อักขระ​อัน​ลึกลับ​สุด​หยั่ง​สาย​หนึ่ง​ วิวัฒน์​เป็น​หมื่น​มรรค​ทั่วหล้า​ หมื่น​ลักษณ์​โลกา​ ยุคสมัย​นับ​พัน​

ใน​สายธาร​อักขระ​นั้น​ยิ่ง​มีวัฏจักร​เคลื่อน​คล้อย​อยู่​!

ตูม​!

เมื่อ​เฉิน​ซีซัด​หมัด​หนึ่ง​ออกมา​ ฟ้าดิน​แถบ​นั้น​พลัน​หม่น​มัว​เหมือน​ตก​อยู่​ใน​วัน​สิ้น​โลก​ วัฏจักร​หก​วิถี​ราวกับ​สะท้อน​ทับซ้อน​กัน​ หมาย​จะทำลาย​พระ​เทพ​ทั่วหล้า​ให้​สิ้นซาก​

ยาม​หมัด​และ​กระบี่​ปะทะ​กัน​ ราวกับ​ยอด​มหา​มรรค​สอง​ชนิด​กำลัง​ปะทะ​ ปรากฏการณ์​ประหลาด​น่า​ครั่นคร้าม​อุบัติ​ขึ้น​ ทั้ง​ฟ้าดิน​พัง​ถล่ม​ ยุคสมัย​จ่อม​จม หมื่น​โลก​มลาย​หาย​ ทั้ง​แดน​เทพ​มาก​เร้น​ต่าง​สั่นสะเทือน​รุนแรง​

ครั้น​มองดู​เฉิน​ซีกับ​บรรพ​จารย์​วานร​อีกครั้ง​ ก็​เหมือน​นาย​เหนือ​หัว​สอง​คน​ก้าว​เหนือ​นิรันดร์​ เปิดศึก​มรรค​อัน​ดุเดือด​หา​ได้​ยาก​ยิ่ง​ครั้งหนึ่ง​!

น่า​สะท้าน​ขวัญ​เหมือน​เมื่อ​ครั้ง​เฉิน​ซีกับ​เจ้าลัทธิ​สูงสุด​ต่อสู้​กัน​ใน​ตอนนั้น​ เพียงแต่​ทั้งสอง​คนใน​ตอนนี้​ล้วน​ไม่อาจ​เทียบ​กับ​ตอนนั้น​ได้​แล้ว​

——

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท