ไม่ทันไรพลังขับเคลื่อนบนร่างหลินสวินพลันอ่อนแอลง!
ภาพนี้น่าหวาดหวั่น ทำให้คนยากจะยอมรับ
และฉวยโอกาสนี้ไท่ชูก้าวเข้ามาอย่างเหี้ยมหาญ ยื่นมือไปคว้าอีกครั้ง สารกาย พลังชีวิตและจิตวิญญาณบนร่างหลินสวินถูกคว้าไปอีกส่วน!
พลังขับเคลื่อนอ่อนแอลง จะส่งผลกระทบต่อการสำแดงมรรควิถี ยิ่งกว่านั้นยังถูกโจมตีถึงสองครั้ง
ก็เห็นเงาร่างของหลินสวินส่ายไหว พลังขับเคลื่อนทั้งหมดสั่นไหวรุนแรง
ห่างออกไปโพธิหัวใจแขวนลอย
‘สหายยุทธ์อย่าลนลาน สหายน้อยหลินจะต้องมีวิธีคลี่คลายแน่’ จักจั่นทองที่อยู่ข้างๆ สื่อจิตเสียงเบา ดวงตาเขาจ้องการต่อสู้ที่อยู่ห่างออกไปไม่กะพริบ สีหน้านิ่งสงบไร้คลื่น
ในสนามรบเห็นไท่ชูโจมตีเข้ามาอีกครั้ง…
ตูม!
ละอองแสงอัศจรรย์คลุมเครือระลอกหนึ่งปะทุออกจากร่างหลินสวิน และพลังขับเคลื่อนที่เขาสูญเสียกลับฟื้นฟูในชั่วพริบตา!
เห็นเช่นนี้ไท่ชูอดถอนหายใจไม่ได้ “พลังนิพพานสุดยอดดังคาด”
“ช่วงชิงสารกาย พลังชีวิต และจิตวิญญาณของสิ่งมีชีวิต นี่ก็คือมรรคแห่งชีวิตที่เจ้าหยั่งรู้หรือ”
หลินสวินถาม
“ไม่ผิด มรรคนี้เกี่ยวโยงถึงต้นกำเนิดแห่งชีวิต ควรรู้ว่าไม่ว่าชีวิตใดๆ ล้วนมีสารกาย พลังชีวิต และจิตวิญญาณ เช่นนี้จึงสามารถหลอมเลือดเนื้อ สร้างความแข็งแกร่งให้กับกายเนื้อ หล่อเลี้ยงจิตวิญญาณ ขับเคลื่อนทั้งภายในและภายนอก สารกาย พลังชีวิต และจิตวิญญาณเป็นสิ่งจำเป็นในต้นกำเนิดชีวิต หยั่งรู้ความลึกลับของมันจึงสามารถครอบครองอานุภาพของมัน ชี้บ่งเป็นตาย ล้วนสามารถเป็นไปตามความต้องการของข้า”
ไท่ชูกล่าวเปิดเผย
ยามสนทนาการกระทำของทั้งสองไม่ได้ช้าลง ต่อสู้ดุเดือดโดยตลอด
เพียงแต่ตั้งแต่ยามนี้ไป สิ่งที่ทั้งสองประชันคือการหยั่งรู้และครอบครองมรรคแห่งชีวิตของแต่ละคนแล้ว อย่างไท่ชู ทุกการโจมตีล้วนทำลายสารกาย พลังชีวิตและจิตวิญญาณส่วนหนึ่งของหลินสวินอย่างง่ายดาย แปลกประหลาดลึกลับหาใดเทียบ ทั้งน่ากลัวเป็นที่สุด
แต่นัยเร้นลับนิพพานของหลินสวิน ทำให้สารกาย พลังชีวิต และจิตวิญญาณที่บาดเจ็บของเขาได้รับการแปรสภาพและซ่อมแซมอย่างต่อเนื่อง
ที่มหัศจรรย์คือเมื่อสารกาย พลังชีวิต และจิตวิญญาณถูกทำลายครั้งแล้วครั้งเล่า ยามพวกมันเปล่งประกายออกมาหลังจากนิพพาน ก็เหมือนผ่านการแปรสภาพอันละเอียดอ่อนมหัศจรรย์ครั้งแล้วครั้งเล่า เปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมแล้ว!
ไท่ชูเองก็สังเกตเห็นจุดนี้อย่างฉับไว อดยิ้มขื่นไม่ได้ “เป็นเช่นนี้ต่อไปกลับจะกลายเป็นข้าช่วยให้เจ้าสมปรารถนา คำว่าเคราะห์นี้น่าหงุดหงิดจริงๆ”
สำหรับต้นกำเนิดแห่งเคราะห์ เขาเองก็รู้อยู่แล้ว รู้ว่าการที่ตนทำลายสารกาย พลังชีวิต และจิตวิญญาณของหลินสวินอย่างต่อเนื่อง ก็เหมือนด่านเคราะห์รอบแล้วรอบเล่า และหลินสวินที่ครอบครองนัยเร้นลับนิพพาน หลังจากสลายเคราะห์เกิดใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่า เท่ากับได้รับการเคี่ยวกรำและแปรสภาพอย่างไม่ต้องสงสัย
แน่นอนว่านี่ใช่ว่าจะไม่สามารถทำลายได้ เพียงแค่เขาสามารถทำให้หลินสวิน ‘ตายด้วยเคราะห์’ การนิพพานทั้งหมดนั้นก็ไม่ต้องพูดถึงแล้ว
แต่เห็นได้ชัดมากว่าเขาในตอนนี้ยังไม่สามารถจัดการหลินสวินได้ในการโจมตีเดียว
ไท่ชูพลันยิ้มออกมา “แต่การต่อสู้กับเจ้ากลับทำให้ข้าหยั่งถึงแก่นอัศจรรย์ของนิพพานบางอย่าง ก็ไม่นับว่าเสียเปรียบ”
“ยามตัดสินแพ้ชนะได้ เจ้ากับข้าล้วนเหมือนผ่านมหาเคราะห์ครั้งหนึ่ง ล้วนได้รับการแปรสภาพ เพียงแต่มีเพียงคนที่รอดชีวิตจึงจะสามารถได้รับการแปรสภาพเช่นนี้”
หลินสินพูดเรียบๆ
“เช่นนั้นก็ดูว่าใครจะสามารถรอดชีวิตได้ก็พอ”
ไท่ชูยิ้ม
ตูม!
สถานการณ์การต่อสู้ระหว่างทั้งสองยิ่งดุเดือดกว่าเดิมแล้ว
อันที่จริงในเวลานี้ การปะทะระหว่างเฉินซีและบรรพจารย์วานรก็ไปถึงขั้นที่อันตรายและดุเดือดที่สุดแล้ว ทั้งสองต่างบาดเจ็บ แต่เมื่อเทียบกันแล้วเฉินซีเยือกเย็นกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย
ทว่าบรรพจารย์วานรก็ใช่ว่าจะสามารถถูกโจมตีพินาศอย่างสิ้นเชิงได้ในชั่วขณะ
นี่ทำให้เฉินซีอดถอนหายใจไม่ได้ ไม่เจอกันนาน เจ้าลัทธิสูงสุดคนนี้ถือว่าพัฒนาขึ้นมาก เทียบกับตอนนั้นเหมือนเปลี่ยนเป็นคนละคน
ส่วนการประชันระหว่างอีกาดำและเฉินหลินคงก็เป็นเช่นเดียวกัน
เดิมทีทั้งสองก็เป็นขั้นไร้ขอบเขตสัมบูรณ์ อยู่ในระดับขั้นเดียวกัน สิ่งที่ประชันกันตอนนี้คือการครอบครองและใช้มหามรรคของแต่ละคน
‘จะเสียเวลาต่อไปไม่ได้แล้ว…’
ในการต่อสู้ สายตาหลินสวินมองไอแรกกำเนิดขุ่นมัวเป็นชั้นๆ ที่อยู่ห่างออกไปแวบหนึ่ง จากนั้นพลันเคลื่อนสายตาไปมองไท่ชูแล้วเอ่ยว่า “สหายยุทธ์ ในการหยั่งรู้มรรคแห่งชีวิต เจ้าห่างจากข้ามาก”
ไท่ชูหรี่ตาเล็กน้อย
ตูม!
อานุภาพของหลินสวินเปลี่ยนไปโดยพลัน บนร่างปรากฏท่วงทำนองศักดิ์สิทธิ์และอานุภาพที่แตกต่างจากก่อนหน้านี้ บนร่างเขามีแดนเทพสรรพวิญญาณพวยพุ่ง ภายในวิวัฒน์โลกเก้าชั้นอย่างโลกแปรปุถุช โลกภัยพิบัติ โลกมืดมน โลกย้อนกำเนิด โลกเหง้าเลวร้าย โลกพันเคราะห์ โลกกำหนดมรรค โลกแปรมรรค และโลกโลกาสวรรค์
ทุกโลกล้วนปรากฏกฎระเบียบบ่อเกิดแรกกำเนิดที่เร้นลับไม่อาจคาดเดา ผสานรวมโคจรในแดนเทพสรรพวิญญาณ
จากนั้นแดนเทพมากเร้นก็ปรากฏในมหามรรคของหลินสวิน แดนลับนับไม่ถ้วนส่องประกายอยู่ในแดนเทพมากเร้น
สุดท้ายบ่อเกิดแรกกำเนิดแถบหนึ่งปรากฏ ราวกับม่านแสงเป็นชั้นๆ ภายในแสงสีมากมายสะท้อนความเร้นลับเหลือเชื่อที่ยากจะคาดคิดอย่างการมอบวิญญาณ วัฏจักรเป็นต้น
กระทั่งภายหลังยิ่งมีต้นไม้โบราณปรากฏกลางไอแรกกำเนิด!
นี่คือเขตผนึกอัศจรรย์!
และตอนนี้แดนเทพสรรพวิญญาณ แดนเทพมากเร้น เขตผนึกอัศจรรย์รวมเข้าด้วยกัน วาดโครงร่างของแหล่งสถานอัศจรรย์ที่เกือบสมบูรณ์ออกมาในมหามรรคของหลินสวิน
กลิ่นอายทั้งร่างเขาเปลี่ยนไปในชั่วขณะนี้ เหมือนกลายเป็นนายเหนือหัวของแดนเทพมากเร้นนี้ ทุกการเคลื่อนไหว ทุกลมหายใจเข้าออก ล้วนชักนำฟ้าดินให้ขานรับ กลายเป็นท่วงทำนองที่มีหลินสวินเป็นศูนย์กลาง
และเวลานี้ขั้นไร้ขอบเขตที่กระจายอยู่ในโลกเก้าชั้นของแดนเทพสรรพวิญญาณ ตอนนี้ต่างสั่นไปทั้งตัว สัมผัสได้ว่ากลางฟ้าดินปรากฏพลังเจตจำนงประหนึ่งไร้เทียมทาน ทำให้พวกเขาอดมองหน้ากันด้วยความตกใจไม่ได้ จิตใจได้รับการโจมตีหนักหน่วง
หรือพูดอีกอย่างว่าตอนนี้กลิ่นอายต้นกำเนิดของทั้งแหล่งสถานอัศจรรย์ ล้วนถูกชักนำและได้รับผลกระทบจากมรรควิถีของหลินสวิน!
ภาพนี้ทำให้เฉินซีและบรรพจารย์วานรที่กำลังต่อสู้ใจสะท้าน สีหน้าแตกต่างกันไป เฉินซีหัวเราะอย่างยินดี ท่าทางดูเข้าใจที่มาที่ไป
ส่วนใบหน้าของบรรพจารย์วานรปรากฏแววอึมครึม
สำหรับเฉินหลินคงและอีกาดำ จิตใจก็กระทบกระเทือนเช่นกัน ทำให้การต่อสู้ระหว่างทั้งสองถูกรบกวน แต่โชคดีที่ต่างได้รับผลกระทบทั้งคู่ จึงไม่ถูกอีกฝ่ายฉวยโอกาสทำร้าย
ส่วนโพธิและจักจั่นทอง สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อยเช่นกัน
โพธิยินดีและตื่นเต้น
จักจั่นทองกลับคล้ายขบคิด
เวลานี้ไท่ชูที่อยู่ในสนามรบก็หวั่นไหวในที่สุด เอ่ยว่า “นี่ก็คือสิ่งที่เจ้าหยั่งรู้ในสิบปีนี้หรือ”
“ไม่ผิด”
หลินสวินกล่าวพร้อมกับซัดหมัดหนึ่งออกไป
หนึ่งหมัดที่เรียบง่ายไม่ซับซ้อน แต่ไท่ชูกลับรู้สึกถึงการคุกคามอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เพราะพลังของหนึ่งหมัดนี้คุกคามถึงชีวิตเขาโดยตรง!
ตูม!
ครู่ต่อมาร่างของไท่ชูซวนเซถอยหลัง ถูกซัดจนต้นกำเนิดชีวิตสั่นสะเทือน สารกาย พลังชีวิต จิตวิญญาณ เลือดลมทั่วร่างกายถูกโจมตีเหมือนโดนทัณฑ์สวรรค์ก็ไม่ปาน
นี่คือการต่อสู้ที่เจาะจงเล่นงานชีวิต แข็งแกร่งถึงขั้นที่วิธีทั่วไปไม่สามารถต้านทานได้!
ทว่าไท่ชูกลับหัวเราะเสียงดัง “ไม่เลวๆ ไม่เสียแรงที่ข้ารอมาไม่รู้นานเท่าไร สิ่งที่รอคอยก็คือมรรคแห่งชีวิตเช่นนี้!”
ขณะพูดเขาพลันยื่นมือคว้ากลางอากาศ
พลังของฝ่ามือนี้เหมือนพาดผ่านกาลเวลาไร้สิ้นสุด ทลายการขวางกั้นของไอแรกกำเนิดเป็นชั้นๆ และก็เป็นเวลานี้ที่เงาร่างงดงามอรชรนั้นของซย่าจื้อค่อยๆ เดินออกจากเขตผนึกอัศจรรย์
ทว่ายังไม่รอนางยืนมั่น ฝ่ามือของไท่ชูก็คว้าเข้ามาแล้ว
กับเรื่องนี้หลินสวินเตรียมพร้อมไว้นานแล้ว หรือพูดอีกอย่างว่าตั้งแต่การประชันครั้งนี้ยังไม่เริ่มขึ้น เขาก็ได้บอกเรื่องที่ซย่าจื้อจะกลับมาไปแล้ว
การเลือกลงมือตอนนี้ของไท่ชูย่อมไม่ทำให้เขาประหลาดใจ
“ไป!”
หลินสวินความคิดขยับไหว ม่านแสงแรกกำเนิดที่มหัศจรรย์คลุมเครือสายหนึ่งปรากฏกลางอากาศตรงหน้าซย่าจื้อ ขวางกั้นอยู่เบื้องหน้าฝ่ามือของไท่ชู
ตูม!
เสียงปะทะปานฟ้าถล่มดินทลายดังก้อง ห้วงอากาศตรงนั้นปั่นป่วน
ส่วนเงาร่างของหลินสวินพลันพริบไหว ทะยานไปหาซย่าจื้อก่อนแล้ว เมื่อเทียบกับการโจมตีไท่ชู เขาสนใจความปลอดภัยของซย่าจื้อมากกว่า
ไท่ชูจะให้เขาสมใจได้อย่างไร เงาร่างทะยานไปขัดขวาง
“เจ้าขวางไม่อยู่หรอก”
หลินสวินว่าพลางกำลังจะชูหมัดโจมตี
ทว่าตอนนี้เองเสียงอบอุ่นสายหนึ่งดังขึ้น “สหายน้อยหลินโปรดหยุดมือ ไม่เช่นนั้นชีวิตของอาจารย์เจ้ายากจะรักษาไว้ได้”
ในใจหลินสวินสะท้าน สีหน้าที่สุขุมเยือกเย็นมาตลอดเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงในชั่วขณะนี้
ในจิตรับรู้ของเขา
จักจั่นทองซึ่งยืนดูการต่อสู้ห่างออกไป เวลานี้กลับวางมือบนไหล่ของโพธิ สีหน้าราบเรียบ เพียงแต่สีหน้าของโพธิกลับทั้งโกรธทั้งตกใจ เต็มไปด้วยความยากจะเชื่อ
คล้ายคิดไม่ถึงว่าจักจั่นทองจะลงมือกับเขาตอนนี้!
การเปลี่ยนแปลงนี้หลินสวินก็คิดไม่ถึงเช่นกัน ทำให้เขาตั้งตัวไม่ทัน แม้แต่สภาวะจิตยังปรากฏความปั่นป่วนไปชั่วพริบตา
ก็เป็นตอนนี้เอง ไท่ชูฉวยโอกาสฟันฝ่ามือกลางอากาศ
ตูม!
สารกาย พลังชีวิตและจิตวิญญาณทั้งร่างหลินสวินถูกทำลายอย่างสิ้นเชิง ร่างกายของเขาเหมือนสูญเสียพลังชีวิตไปทันที เหี่ยวเฉาแตกสลาย ปรากฏรอยแตกนับไม่ถ้วน
“หลินสวิน!”
โพธิทั้งโกรธทั้งตกใจ พยายามดิ้นรน แต่ฝ่ามือของจักจั่นทองที่กดบนไหล่เขากลับมั่นคงจนน่ากลัว กักขังกำราบมรรควิถีขั้นไร้ขอบเขตสัมบูรณ์ของเขาไว้ อย่าว่าแต่ดิ้นรน แม้แต่นิ้วมือหนึ่งยังไม่สามารถขยับได้
และเวลานี้เฉินซีที่กำลังต่อสู้กับบรรพจารย์วานรนัยน์ตาหดรัดลงเช่นกัน
เขาไม่ได้ลนลาน แต่พลันสูดหายใจลึกคราหนึ่ง เงาร่างพุ่งไปข้างหน้า พริบตานั้นก็ซัดบรรพจารย์วานรกระเด็นออกไปทั้งอย่างนั้น
ฉวยโอกาสนี้เฉินซีเคลื่อนย้ายผ่านห้วงอากาศ โจมตีใส่ไท่ชู
“สหายยุทธ์ นี่คือการต่อสู้มหามรรคระหว่างพวกเขาสองคน โปรดหยุดเท้าด้วย”
ทันใดนั้นจักจั่นทองมาขวางอยู่เบื้องหน้าเฉินซี สีหน้าสงบนิ่ง และในมือเขายังคงคุมตัวโพธิอยู่
ตูม!
เฉินซีฟันกระบี่ออกมา
จักจั่นทองแขนเสื้อโบกสะบัด ปรากฏเงาแสงศักดิ์สิทธิ์อัศจรรย์ สกัดกั้นกระบี่นี้อย่างเงียบๆ
เฉินซีนัยน์ตาหดรัดเล็กน้อย
และไม่ไกลนักบรรพจารย์วานรเคลื่อนย้ายผ่านห้วงอากาศเข้ามาโจมตีอีกครั้ง ทำให้เฉินซีตกสู่สถานการณ์ถูกศัตรูโจมตีทั้งหน้าและหลัง
ตูม!
บรรพจารย์วานรโจมตีเข้ามา เฉินซีไม่อาจไม่รับศึก เพียงแต่สีหน้ากลับอึมครึมลงไม่น้อย “จักจั่นทอง เจ้าเป็นใครกันแน่”
แม้แต่เขาก็คิดไม่ถึงว่าในฝั่งของพวกเขา จักจั่นทองกลับกลายเป็น ‘คนทรยศ’
อีกทั้งจังหวะการลงมือของจักจั่นทองเรียกได้ว่าเหมาะเจาะ เป็นชั่วขณะที่หลินสวินจะรับตัวซย่าจื้อพอดี
ชีวิตของโพธิถูกคุกคาม ทำให้หลินสวินตั้งตัวไม่ทันไปชั่วขณะ เปิดโอกาสให้ไท่ชูมอบการโจมตีที่รุนแรงถึงชีวิตให้หลินสวิน!
และการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ทำให้สถานการณ์ของการประชันหมากเกิดการเปลี่ยนแปลง หลินสวินไม่เพียงตกอยู่ในอันตราย สถานการณ์ของโพธิอาจารย์ของเขาและซย่าจื้อก็น่าเป็นห่วง
ดังนั้นภายใต้ผลกระทบทั้งหมด ทำให้สถานการณ์ของเฉินซีและเฉินหลินคงเปลี่ยนเป็นย่ำแย่เช่นกัน
นี่ก็คือการขยับครั้งเดียวส่งผลทั้งกระดาน
และจักจั่นทอง กลับกลายเป็นตัวแปรที่ใหญ่ที่สุดในการประชันหมากครั้งนี้!
——