เมื่อตายจึงเกิด นิพพานแล้วเกิดใหม่!
การเสียอาการของจักจั่นทองและไท่ชู ทำให้อีกาดำและบรรพจารย์วานรเกิดลางสังหรณ์ไม่ดี
ส่วนโพธิ เฉินหลินคง ซย่าจื้อ เดิมทีโศกเศร้าหาใดเปรียบ ทว่าชั่วขณะนี้กลับสัมผัสได้อย่างฉับไวว่าสถานการณ์คล้ายจะไม่เหมือนที่พวกเขาเห็น
หรือว่า…
ตูม!
และบริเวณที่หลินสวินระเบิดตัวตาย พลังทำลายล้างน่ากลัวแผ่ขยายออกมา ทำให้ทั้งแดนเทพมากเร้นล้วนสั่นสะเทือนรุนแรง
ทว่าขณะเดียวกันในเขตผนึกอัศจรรย์ที่ลึกยิ่งกว่ากลับมีพลังบ่อเกิดแรกกำเนิดไร้สิ้นสุดผุดขึ้นมา เหมือนถูกชักนำอย่างไรอย่างนั้น จากสายน้ำเล็กๆ นับไม่ถ้วนรวมตัวเป็นแม่น้ำใหญ่ จากแม่น้ำใหญ่รวมตัวเป็นมหาสมุทร จากนั้นโถมออกจากเขตผนึกอัศจรรย์ปานจะปิดฟ้าคลุมดิน ทะลวงการขวางกั้นของไอแรกกำเนิดเป็นชั้นๆ พุ่งมายังพื้นที่ที่หลินสวินระเบิดตัวตายอย่างยิ่งใหญ่เกรียงไกร
ประหนึ่งน้ำจากธารสวรรค์หมายท่วมทับฟ้าดินผืนนี้!
“บ่อเกิดแรกกำเนิดของเขตผนึกอัศจรรย์ถูกชักนำมาทั้งหมดแล้ว…”
ภาพนี้ทำให้ทุกคนตะลึง
เขตผนึกอัศจรรย์เป็นสถานที่ลึกลับเพียงใด ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันคนอย่างเฉินซี ไท่ชู และมือกระบี่คนนั้น ก็ทำได้เพียงหยั่งรู้กลิ่นอายของเขตผนึกอัศจรรย์อยู่ในแดนเทพมากเร้น ไม่กล้าก้าวเข้าไปแม้สักก้าว
ทว่าตอนนี้กลิ่นอายต้นกำเนิดของเขตผนึกอัศจรรย์กลับประหนึ่งน้ำจากธารสวรรค์บดบังฟ้าดิน พุ่งมายังพื้นที่ที่หลินสวินระเบิดตัวตาย!
ภาพอันเหลือเชื่อนี้ใครจะไม่ตกใจ
เมื่อตายจึงเกิด นิพพานแล้วเกิดใหม่
ในหัวทุกคนนึกถึงคำพูดของจักจั่นทองโดยไม่รู้ตัว
“เปิด!”
และตอนนี้เองจู่ๆ เงาร่างของไท่ชูก็พุ่งขึ้นไป บนร่างสูงโปร่งองอาจของเขาปรากฏกลิ่นอายมหามรรคอันน่ากลัวไร้ขอบเขต วิวัฒน์เป็นแหล่งสถานคุนหลุน แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ แหล่งสถานศุภโชค…
ท้ายที่สุดถึงกับควบรวมออกมาเป็นลักษณ์มายาของแหล่งสถานอัศจรรย์
เขาขวางอยู่ตรงนั้น ใช้มหามรรคของตนวิวัฒน์จตุโบราณสถานออกมา ก็เหมือนปราการสวรรค์แห่งหนึ่ง หมายจะขวางต้นกำเนิดแหล่งสถานอัศจรรย์ที่โถมเข้ามาอย่างยิ่งใหญ่
ตูม!!!
เสียงปะทะที่ไม่อาจอธิบายได้ดังกึกก้อง ปราการสวรรค์ที่ไท่ชูสร้างขึ้นถูกโจมตีอย่างรุนแรง ชักนำกระแสแสงมรรคไม่สิ้นสุด ภาพนั้นเหมือนคนผู้หนึ่งกำลังขวางกั้นน้ำจากธารสวรรค์ พาให้คนตื่นตะลึง
เฉินซีกับจักจั่นทอง และบรรพจารย์วานร แม้ยังคงต่อสู้กันอย่างดุเดือด แต่พวกเขาล้วนแบ่งสมาธิเสี้ยวหนึ่งออกมาจับจ้องทุกสิ่งนี้ และตอนนี้ก็อดหวั่นไหวไม่ได้เช่นกัน
ไม่ว่าใครล้วนมองความไม่ยินยอมของไท่ชูออก
เดิมทีเขาสามารถชิงวิชามรรคนิพพานของหลินสวินได้ แต่การระเบิดตัวตายของหลินสวินไม่เพียงทำลายการเคลื่อนไหวของเขา ยังทำให้การเปลี่ยนแปลงของ ‘นิพพานแล้วเกิดใหม่’ เป็นจริง
นี่จะให้ไท่ชูยอมได้อย่างไร
หรือพูดอีกอย่าง ตอนนี้เขายอมให้หลินสวินทำให้การเปลี่ยนแปลงที่ไม่เคยมีมาก่อนไม่ได้จริงๆ
ไม่เช่นนั้นการประชันหมากครั้งนี้เป็นไปได้สูงมากว่าจะพ่ายแพ้แต่เพียงเท่านี้
ตูม โครม… ตูมโครม…
พลังต้นกำเนิดที่พุ่งออกจากเขตผนึกอัศจรรย์ยิ่งใหญ่และเกรียงไกรขึ้นเรื่อยๆ และโจมตีร่างของไท่ชูรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
ในกระแสพลังนั้นล้วนประทับนัยเร้นลับที่เกี่ยวกับชีวิตไว้มากมาย ทั้งวัฏจักร มอบวิญญาณ จิตใจ สารกาย พลังชีวิต จิตวิญญาณ… ล้วนเป็น ‘มรรค’ แกนหลักที่สุดของยุคแรกกำเนิดนี้
ภายใต้การพุ่งโจมตีเช่นนี้ทำให้ไท่ชูเหมือนกำลังประชันกับทั้งเขตผนึกอัศจรรย์ แค่คิดก็รู้ว่าอันตรายเพียงใด
พรวด!
เพียงครู่เดียวไท่ชูก็กระอักเลือด แต่ในดวงตาเขากลับเต็มไปด้วยแววบ้าคลั่งเด็ดขาด “ข้ารอมาไม่รู้นานเท่าไร สิ่งที่รอไม่ใช่ผลลัพธ์เช่นนี้…”
เสียงของเขาต่ำลึก ทั้งร่างเหมือนแผดเผาลุกโชน “ยิ่งกว่านั้นข้าเพียงอยากแสวงหามรรคาที่สูงกว่าเท่านั้น หากไปไม่ถึง ตายไปยังดีกว่า!”
บนร่างเขากลิ่นอายเผด็จการ บ้าคลั่ง รุนแรงถาโถม มรรควิถีทั้งตัวปลดปล่อยสุดขีด ลุกโชนเต็มที่!
การจำศีลในกาลเวลาไร้สิ้นสุด อนุมานมหามรรคอย่างโดดเดี่ยวเดียวดาย ไม่ง่ายกว่าจะรอจนการเปลี่ยนแปลงที่ไม่เคยมีมาก่อนในหมื่นกาลนี้มาเยือน แม้ต้องตายเขาก็ยอมเสี่ยง!
ตูม!
แดนเทพมากเร้นสั่นไหวปานฟ้าถล่มดินทลาย
เงาร่างของไท่ชูเหมือนปราการสูงใหญ่ไร้สิ้นสุด สู้เพื่อปัจจุบัน ไม่ยอมถอยหลัง ยิ่งไม่ยอมให้พลังต้นกำเนิดของเขตผนึกอัศจรรย์นั่นเข้าใกล้บริเวณที่หลินสวินอยู่
ท่าทีที่ไม่กลัวความตาย เด็ดขาดสุดขีดนั่น ทำเอาในใจพวกเฉินซี โพธิ เฉินหลินคงยังอดตะลึงไม่ได้
แม้จะเป็นศัตรู แต่คนบนโลกนี้ใครจะสามารถปฏิเสธความแข็งแกร่งของไท่ชูได้!
แต่ไม่นานไท่ชูก็กระอักเลือดต่อเนื่อง สีหน้าขาวซีดแล้ว เผ้าผมยุ่งเหยิง บนร่างองอาจปรากฏรอยเลือดบาดตามากมาย
แต่เขาไม่ได้ถอย
ใจสู้ไม่ลดละ ยอมตายก็ไม่ยอมแพ้!
แม้บาดเจ็บสาหัส แม้ความตายอยู่ตรงหน้าก็ไม่ถอย!
“เจ้าลัทธิ!!”
ชั่วขณะนี้อีกาดำร้องออกมาอย่างเจ็บปวด น้ำตาอาบใบหน้างาม ดวงตาแดงก่ำเต็มไปด้วยความร้อนรนและกังวล
ควรรู้ว่านางกำลังต่อสู้กับเฉินหลินคง แต่ชั่วขณะนี้กลับจิตใจปั่นป่วน ปรากฏช่องโหว่จนถูกปราณกระบี่แถบหนึ่งกวาดโดน ร่างอรชรเลือดไหลอาบ
ภายใต้ความเจ็บปวด นางเบิกตาโต ทั้งคล้ายคลุ้มคลั่งไปแล้ว เอ่ยว่า “แค่ตายเท่านั้น ข้าหรือจะกลัว!”
นางจะสู้สุดชีวิตแล้ว
เฉินหลินคงกลับเก็บมือกะทันหัน พูดอย่างเย็นเยียบ “ข้าไม่ใช่พวกสารเลวไร้ยางอายอย่างจักจั่นทองที่ฉวยโอกาสยามอีกฝ่ายอยู่ในช่วงอันตราย!”
อีกาดำอึ้งไป ใบหน้างามเปลี่ยนแปลงไม่สามารถสงบได้ จากนั้นก็เหมือนวิญญาณหลุดออกจากร่าง หมุนตัวอย่างยากลำบากมองไปยังร่างองอาจผึ่งผายที่ทระนงเด็ดเดี่ยวซึ่งอยู่ห่างออกไปอีกครั้ง
หัวใจของนางรัดเกร็งจนเจ็บปวด ทั้งร่างเหมือนจะพังทลาย น้ำตาไหลราวกับสายฝน
บนโลกนี้คนเดียวที่ดีต่อนางคือไท่ชู
เป็นเช่นนี้มาตลอด
เป็นเช่นนี้เสมอมา
แม้แต่มรรควิถีขั้นไร้ขอบเขตสัมบูรณ์ของนาง ยังเป็นไท่ชูใช้เลือดในอกช่วยนางสร้างขึ้นมา
ตอนนี้เมื่อเห็นไท่ชูต่อสู้อย่างเด็ดขาดเต็มกำลัง นางจะไม่ปวดใจได้อย่างไร
เฉินหลินคงมองท่าทางเจ็บปวดยิ่งยวดของอีกาดำ ในใจอดทอดถอนใจไม่ได้
จักจั่นทองต่ำช้าไร้ยางอายแค่ไหน แต่ก็ไม่ได้ฆ่าโพธิและซย่าจื้อ
เขาเฉินหลินคงจะไม่ฉวยโอกาสยามผู้อื่นอยู่ในภาวะสุ่มเสี่ยงช่วงชิงชีวิตอีกฝ่ายไป
หากทำเช่นนั้นยังต้องเอ่ยถึงการต่อสู้มหามรรคอะไรอีก!
เขาเฉินหลินคงมีความทระนงและความยึดมั่นของตนเอง
ปัง!
ทันใดนั้นร่างกายของไท่ชูระเบิดออก ฝนเลือดสาดกระเซ็น เหลือเพียงพลังจิต
แต่เขาเหมือนไม่รู้ตัว ยังขวางอยู่ตรงนั้น
หมายมุ่งไม่หวั่นความตายอะไร มองความตายเป็นการหวนกลับอะไร ในสายตาเขาล้วนไม่ใช่
เขาเพียงแค่ไม่ยินยอม สิ้นชีพเพียงเพื่อแจ้งมรรค แม้ตายก็ไม่เสียดาย!
แต่ตอนนี้เองเสียงราบเรียบเสียงหนึ่งดังขึ้น “เจ้าแพ้แล้ว”
สามคำแต่กลับทำให้พลังจิตของไท่ชูสะท้าน
และทำให้จิตใจของทุกคนสั่นไหวเช่นกัน
ก็เห็นว่า…
เงาร่างปานมายาสายหนึ่งเดินออกจากบริเวณที่หลินสวินระเบิดตัวตาย เมื่อเขาสะบัดแขนเสื้อ พลังจิตของไท่ชูก็ลอยคว่ำออกไปอย่างไม่อาจควบคุม
“ไม่…!”
ไท่ชูตะโกน หมายจะพุ่งไปข้างหน้าคล้ายบ้าคลั่ง พลังจิตของเขากลับถูกกักขังอยู่ตรงนั้นอย่างมั่นคง
ส่วนเงาร่างมายานั่นกลับเหมือนสถานที่ที่หมื่นกระแสย้อนกลับ พลังต้นกำเนิดที่แผ่มาจากเขตผนึกอัศจรรย์พุ่งเข้าไปในเงาร่างนั้นอย่างยิ่งใหญ่
จากนั้นเงาร่างมายาค่อยๆ ควบรวม เกิดการแปรสภาพไม่หยุด อานุภาพบนร่างยิ่งคลุมเครือยิ่งมหัศจรรย์
ท้ายที่สุดทั้งร่างก็เหมือนดั่งแรกกำเนิดขุ่นมัว ควบรวมออกมาเป็นแหล่งสถานคุนหลุน แหล่งสถานศุภโชค แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ แหล่งสถานอัศจรรย์… จากนั้นปรากฏลักษณ์แห่งการสับเปลี่ยนยุคมัย มีมหามรรคนับไม่ถ้วนวิวัฒน์ถือกำเนิด…
การเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้เมื่อถูกคนอื่นๆ มองเห็น สีหน้าของทุกคนล้วนแตกต่าง ในใจก็มีอารมณ์ที่ต่างกันไปเช่นกัน
จักจั่นทองซึ่งกำลังสู้กับเฉินซี เวลานี้อดถอนหายใจยาวไม่ได้ สีหน้าเต็มไปด้วยความเปล่าเปลี่ยว หมดซึ่งความสนใจ เอ่ยว่า
“สหายยุทธ์ ไม่จำเป็นต้องสู้แล้ว”
เขาหมุนตัวจะจากไป
ตูม!
พลังฝ่ามือของเฉินซีแผ่ลงมา แต่จักจั่นทองกลับเหมือนไม่รู้สึก ครู่ต่อมาเงาร่างเขาก็ถูกแรงฝ่ามือตบกระเด็นออกไปอย่างแรง ในปากกระอักเลือด สีหน้าล้วนเปลี่ยนเป็นซีดขาว
เฉินซีขมวดคิ้ว สุดท้ายก็กลั้นเอาไว้ ไม่ได้ฉวยโอกาสนี้สังหารจักจั่นทอง
ยามถูกโจมตี จักจั่นทองกลับเพียงส่ายหน้ายิ้มขื่น ไม่ได้เอาคืน เดินมาตรงหน้าโพธิและซย่าจื้อ สายตาซับซ้อน เอ่ยทอดถอนใจ “ข้าแพ้แล้ว”
สามคำ แต่กลับคล้ายมีความผิดหวังและขมขื่นไร้สิ้นสุด
ไม่มีใครรู้ว่าตอนนี้ในใจจักจั่นทองคิดอย่างไร
โพธิเงียบ สายตามีความแค้น ความโกรธ และมีความเสียใจที่บอกไม่ถูก
เขาไม่สามารถให้อภัยการ ‘ทรยศ’ ก่อนหน้านี้ของจักจั่นทองได้
ส่วนซย่าจื้อไม่ได้สนใจจักจั่นทองตั้งแต่ต้นจนจบ
ดวงตาของนางมองไปยังไกลๆ เงาร่างปานแรกกำเนิดนั่นกำลังเปล่งจังหวะชีวิตที่ไม่เคยมีมาก่อนออกมา ต้นกำเนิดอัศจรรย์ไร้สิ้นสุดกำลังพุ่งเข้าไปในมรรควิถีของเขา ทำให้เขากำลังผ่านการแปรสภาพอันเหลือเชื่อ
แต่ซย่าจื้อไม่ได้เป็นห่วงเรื่องพวกนี้
นางรู้เพียงว่าหลินสวินยังมีชีวิตอยู่!
น้ำตาไหลจากขอบตาอย่างไม่ทราบสาเหตุ แต่บนใบหน้างามไร้ที่ติของนางกลับเผยรอยยิ้มเจิดจ้าออกมา
“เจ้าลัทธิสูงสุด เจ้ายังไม่คิดยอมแพ้หรือ” เฉินซีตะโกน
บรรพจารย์วานรกลับเหมือนไม่ได้ยิน ลงมือเต็มกำลัง แววตาราบเรียบไร้อารมณ์
เมื่อใช้ไร้อารมณ์แจ้งมรรค มีหรือจะสนใจความน่ากลัวของความเป็นตาย
ตูม!
เฉินซีไม่ลังเลอีก สะบัดแขนเสื้อออกไป เบื้องหน้าปรากฏลักษณ์แห่งวัฏจักร กำราบอีกฝ่ายซึ่งเคยเป็นเจ้าลัทธิสูงสุดผู้ยิ่งใหญ่เกรียงไกรเอาไว้
“ครั้งก่อนข้าให้เจ้าอยู่ในวัฏจักรนิรัดร์ ครั้งนี้… ไม่แล้ว”
วัฏจักรไหลเคลื่อน ปรากฏพลังคลุมเครือมหัศจรรย์ เงาร่างของบรรพจารย์วานรก็เหมือนถูกแยกชิ้นส่วน ค่อยๆ กลายเป็นเงามายาพร่าเบลอหายลับไปไร้ร่องรอย
ก่อนตายในดวงตาปานไร้อารมณ์ของบรรพจารย์วานร กลับเจือความรู้สึกหลุดพ้นเสี้ยวหนึ่งก่อนจะหายไปสิ้น
ตูม!
เฉินซีเก็บวัฏจักร ดวงตากวาดมองถ้วนทั่ว
จักจั่นทองเงียบไม่พูดจา หดหู่ผิดหวัง
โพธิและซย่าจื้อล้วนจ้องมองหลินสวินซึ่งอยู่ห่างออกไป สีหน้าของโพธิแฝงความตื่นเต้นดีใจ ส่วนฝ่ายหลังยิ้มทั้งน้ำตา
อีกาดำตัวสั่นน้อยๆ สองมือกำแน่น บนใบหน้างามลออเต็มไปด้วยความเจ็บปวดเสียใจ
และห่างออกไป พลังจิตที่ถูกกักขังของไท่ชูยังคงพยายามดิ้นรน ไม่ยอมปล่อยมือและก้มหัวแต่เพียงเท่านี้
เฉินหลินคงกลับเงียบงัน บนใบหน้าเผยอารมณ์ซับซ้อน เพราะคิดไม่ถึงว่าการต่อสู้มหามรรคอันยิ่งใหญ่นี้จะปรากฏตัวแปรที่คิดไม่ถึงมากมายเช่นนี้
จากนั้นสายตาของเฉินซีก็มองไปยังหลินสวิน
การกระทำที่ระเบิดตัวตายเพื่อให้ ‘เมื่อตายจึงเกิด นิพพานแล้วเกิดใหม่’ ของหลินสวินเป็นตัวแปรที่ยิ่งใหญ่ที่สุด และเป็นการพลิกสถานการณ์ตรงหน้าอย่างไม่ต้องสงสัย
ตายแล้วเกิดใหม่ ทำให้การเปลี่ยนแปลงที่เหนือความคาดหมายที่สุดกลายเป็นจริงในสถานการณ์สิ้นหวัง
การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้ไท่ชูสู้สุดชีวิตโดยไม่สนใจอะไร และเท่ากับพ่ายแพ้ในการประชันหมากครั้งนี้แล้ว
ทั้งยังทำให้จักจั่นทองก้มหัว ทำให้อีกาดำเจ็บปวดเสียใจ ทำให้บรรพจารย์วานรไม่มีโอกาสพลิกสถานการณ์อีก…
………………….