ตอนที่ 3237 เรื่องของจักจั่นทองตัวนั้น

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

จักจั่น​ทอง​จากไป​แล้ว​

หาย​ไป​จาก​โลก​นี้​อย่าง​สิ้นเชิง​

นึกถึง​แต่ละ​เหตุการณ์​ที่​เกิดขึ้น​วันนี้​ ย้อน​คิดถึง​ความทรงจำ​เกี่ยวกับ​จักจั่น​ทอง​ใน​อดีต​

ทุกคน​ต่าง​อด​เสียใจ​ไม่ได้​

เกลียด​ไหม​

ก็​ไม่ถึงกับ​เกลียด​

ไม่เกลียด​หรือ​

ก็​ไม่ใช่

อารมณ์​ของ​ทุกคน​ล้วน​ละเอียดอ่อน​และ​ซับซ้อน​

สำหรับ​โพธิ​กับ​เฉิน​หลิน​คง​ จักจั่น​ทอง​คือ​ ‘สหาย​รู้ใจ​’ และ​เป็น​ผู้​ร่วม​มรรค​ เป็น​สหาย​ที่​เคย​ดื่ม​สุรา​ถก​มรรค​ เคียงบ่าเคียงไหล่​กัน​

สำหรับ​หลิน​สวิน​ จักจั่น​ทอง​คือ​ผู้อาวุโส​ที่​ควร​แก่​การ​ไว้วางใจ​และ​เลื่อมใส​

สำหรับ​เฉิน​ซี ซย่า​จื้อ​ ตัวตน​ของ​จักจั่น​ทอง​ ที่ผ่านมา​ก็​ไม่เคย​ทำให้​พวกเขา​รู้สึก​ถึงความ​เป็น​อริ​ใดๆ​

ทว่า​ความจริง​ที่​ไม่สามารถ​ปฏิเสธ​ได้​คือ​ จักจั่น​ทอง​ ไท่​ชู และ​เจ้าลัทธิ​ไท่​ซ่างเดิมที​เป็น​ร่าง​เดียวกัน​ แม้พวกเขา​มีมรรคา​ที่​ตน​เสาะแสวง​ แต่​ใน​ด้าน​การช่วงชิง​พลัง​แห่ง​นิพพาน​ พวกเขา​อยู่​ฝ่าย​เดียวกัน​

เพราะ​แบบนี้​ยาม​จักจั่น​ทอง​หาย​ไป​จาก​โลก​นี้​ จึงทำให้​อารมณ์​พวกเขา​ซับซ้อน​ จิตใจ​ยาก​จะสงบ​

ห่าง​ออก​ไป​ไท่​ชูกำลัง​จ้อง​บริเวณ​ที่​จักจั่น​ทอง​หาย​ไป​อย่าง​อึ้ง​ๆ คล้าย​หัวเราะ​และ​เหมือน​ร้องไห้​ สีหน้า​แปรเปลี่ยน​ไม่หยุด​ ซับซ้อน​ถึงขีดสุด​

ครู่ใหญ่​สายตา​ของ​เขา​มอง​ไป​ยัง​หลิน​สวิน​ เอ่ย​ว่า​ “ไว้ชีวิต​… อีกา​ดำ​ได้​หรือไม่​”

อีกา​ดำ​สั่น​ไป​ทั้งตัว​ เบิก​ตาโพลง​

ใน​ภาพ​จำของ​นาง​ ทั้ง​ชีวิต​นี้​เจ้าลัทธิ​ผ่าน​ยุคสมัย​มากมาย​ ใน​กาลเวลา​ไร้​สิ้นสุด​ที่ผ่านมา​พบ​เจอ​เรื่องราว​ใน​โลก​ไม่น้อย​ ผ่าน​ความ​ทรมาน​เป็น​ตาย​ แต่กลับ​ไม่เคย​อ้า​ปาก​ขอร้อง​ใคร​!

ทว่า​ตอนนี้​…

เขา​กลับ​ขอร้อง​หลิน​สวิน​เพื่อ​นาง​!

“ข้า​ไม่เอา​! ไม่เอา​!…” อีกา​ดำ​คล้าย​เสีย​การควบคุม​ แผดเสียง​กล่าว​ “ก็​แค่​ตาย​เท่านั้น​ ข้า​ไป​กับ​ท่าน​ด้วย​ ข้า​ไม่กลัว​!”

ไท่​ชูยิ้ม​น้อย​ๆ ไม่ได้​สนใจ​นาง​ เพียง​เคลื่อน​สายตา​ไป​มอง​หลิน​สวิน​

“นาง​อยู่​กับ​ข้า​ตั้งแต่​เด็ก​ ติดตาม​เคียงข้าง​ข้า​มาทั้ง​ชีวิต​ ข้า​สามารถ​รับรอง​ได้​ว่า​ที่ผ่านมา​นาง​ไม่เคย​มีโอกาส​ก่อกรรม​ทำชั่ว​ แม้ยาม​เจ้าเข้ามา​ใน​แหล่ง​สถาน​อัศจรรย์​ นาง​อยาก​ฆ่าเจ้าให้​ตาย​ก็​ไม่สามารถ​ทำได้​ เพราะ​ถูก​ข้า​พา​มาอยู่​ข้าง​ตัวแทน​…”

ไท่​ชูพูด​เสียง​เบา​ “ผู้หญิง​ที่​ดี​เช่นนี้​ หาก​ตาย​เพราะ​ข้า​ไท่​ชูก็​น่าเสียดาย​เกินไป​แล้ว​”

“ได้​”

ห่าง​ออก​ไป​หลิน​สวิน​พยักหน้า​

ไท่​ชูคล้าย​ผ่อน​ลมหายใจ​ยาว​ ประสานมือ​พร้อม​รอยยิ้ม​ “ขอบคุณ​มาก​”

“เจ้าลัทธิ​ ข้า​บอก​แล้ว​ ข้า​จะอยู่​กับ​ท่าน​ ต่อให้​เป็น​ความตาย​ก็​ต้อง​ตาย​ด้วยกัน​…”

อีกา​ดำ​เงย​ใบหน้า​เล็ก​ขึ้น​จ้องมอง​ไท่​ชู ใน​ดวง​ตาแดง​เลือด​วาววาม​มีน้ำตาไหล​ไม่หยุด​ เสียง​กลับ​ขาด​ๆ หาย​ๆ จากนั้น​ร่าง​พลัน​อ่อน​ยวบ​ล้ม​ลง​ใน​อ้อมกอด​ของ​ไท่​ชู

และ​บน​ร่าง​นาง​ พลัง​ชีวิต​กำลัง​ไหล​ออก​ไป​อย่าง​รวดเร็ว​ ร่าง​อรชร​เปลี่ยนเป็น​ก็​เย็นเยียบ​ลง​

รอยยิ้ม​บน​ใบหน้า​ของ​ไท่​ชูชะงัก​ค้าง​ไป​ทันที​

เขา​ก้มหน้า​ลง​ มอง​เด็กสาว​ใน​อ้อมกอด​ ครู่ใหญ่​ถึงยกมือ​ที่​สั่น​ระริก​ขึ้น​มา ลูบ​ผม​ยาว​ของ​อีกา​ดำ​เบา​ๆ เอ่ย​เสียง​เบา​ว่า​ “ข้า​บอก​เจ้าตั้งแต่​เมื่อก่อน​แล้ว​ว่า​ข้า​แพ้​น้ำตา​ที่สุด​ แต่​เหตุใด​จึง… ไม่เชื่อฟัง​คำพูด​ข้า​…”

เสียง​จนปัญญา​ มีความเศร้า​และ​ความขมขื่น​ที่​ยาก​จะปกปิด​เสี้ยว​หนึ่ง​

ภาพ​นี้​ทำเอา​พวก​หลิน​สวิน​ เฉิน​ซีที่อยู่​ห่าง​ออก​ไป​อด​หวั่นไหว​ไม่ได้​

ฆ่าตัวตาย​เพื่อ​บูชา​ความรัก​หรือ​

หรือ​ควร​พูดว่า​ ไม่ยอม​มีชีวิต​อยู่​บน​โลก​นี้​เพียงลำพัง​ ถึงได้​ใช้วิธี​เช่นนี้​ฆ่าตัวตาย​ต่อหน้า​คน​ที่​ตน​รัก​ที่สุด​

“ข้า​สามารถ​ช่วยชีวิต​นาง​กลับมา​ได้​”

ห่าง​ออก​ไป​หลิน​สวิน​พูด​

การกระทำ​ของ​อีกา​ดำ​ ทำให้​เขา​นึกถึง​ท่าที​อัน​เด็ดเดี่ยว​ที่​เพื่อ​ช่วย​ตนเอง​ก็​ไม่สนใจ​อะไร​ทั้งสิ้น​ของ​ซย่า​จื้อ​เมื่อ​ครู่​ ใน​ใจเกิด​อารมณ์​แปลกประหลาด​

“ไม่ต้อง​แล้ว​ ให้​นาง​มีชีวิต​อยู่​ต่อไป​อาจจะ​เจ็บปวด​ยิ่งกว่า​ตาย​ไป​เช่นนี้​…”

ไท่​ชูก้มหน้า​มอง​อีกา​ดำ​ใน​อ้อมแขน​ น้ำตา​คลอ​ใน​ดวงตา​ “อีกา​น้อย​ บน​โลก​นี้​ก็​มีแค่​เจ้าที่​โง่งมถึงเพียงนี้​…”

จากนั้น​เขา​ส่ายหน้า​ ดวงตา​กวาด​มอง​พวก​หลิน​สวิน​ เฉิน​ซี ก่อน​ยิ้ม​กล่าว​ “ทุกท่าน​ การประชัน​หมาก​ใน​วันนี้​ข้า​มีความสุข​มาก​ ตอนนี้​ความ​ไม่ยินยอม​ใน​ใจก็​สล่ย​หาย​ไป​แล้ว​ สิ่งเดียว​ที่​เสียดาย​ อาจจะ​เป็นเรื่อง​ที่​ไม่สามารถ​เจอ​มือ​กระบี่​คน​นั้น​อีกครั้ง​ แต่​แบบนี้​ก็ดี​ แม้ตาย​ไป​ก็​สามารถ​เก็บ​ไว้​เป็น​ที่ระลึก​ได้​”

เขา​กอด​ร่าง​งดงาม​ของ​อีกา​ดำ​พร้อม​รอยยิ้ม​ สีหน้า​เบิกบาน​ คล้าย​กลับ​ไป​เป็น​ผู้​ที่​ทระนง​ สง่างาม และ​เยือกเย็น​เหมือน​เช่น​เมื่อ​ครา​แรก​

เพียงแต่​เขา​กับ​อีกา​ดำ​ใน​อ้อมแขน​กลับ​ค่อยๆ​ กลายเป็น​ละออง​แสงมายา​ หาย​ไป​ทีละน้อย​กลาง​ฟ้าดิน​ จากไป​เช่นนี้​

ไม่มีความเป็นไปได้​ที่จะ​ปรากฏตัว​อีก​

บริเวณ​ที่​พวกเขา​หาย​ไป​มีหิน​ลับ​กระบี่​คู่​หนึ่ง​ทิ้ง​ไว้​ตรงนั้น​

เวลานี้​เฉิน​ซีประสานมือ​จาก​ไกลๆ​ “ลาก่อน​!”

ส่วน​หลิน​สวิน​เดิน​เข้าไป​เก็บ​หิน​ลับ​กระบี่​คู่​นั้น​

‘เก็บ​เป็น​ที่ระลึก​… ก็​ไม่รู้​ว่า​เมื่อ​ผู้อาวุโส​มือ​กระบี่​ผู้​นั้น​รู้​ว่า​เจ้าร่วงหล่น​ที่นี่​ จะดีใจ​หรือ​เสียดาย​แทน​เจ้า…’

หลิน​สวิน​พึมพำ​กับ​ตัวเอง​เบา​ๆ

ขณะ​พูด​ซย่า​จื้อ​ก็​พุ่ง​เข้ามา​แล้ว​ กอด​หลิน​สวิน​ไว้​แน่น​

บน​ใบหน้า​งดงาม​ไร้​ที่​ติ​เจือ​ความ​โล่งใจ​และ​ยินดี​จาก​ส่วนลึก​ของ​หัวใจ​

ห่าง​ออก​ไป​โพธิ​และ​เฉิน​หลิน​คง​เห็น​เช่นนี้​ต่าง​ยิ้ม​อยู่​เงียบๆ​

เวลานี้​ความ​เงียบ​ชนะ​เสียง​ใดๆ​

……

วันนี้​ การประชัน​หมาก​แห่ง​ยุค​ที่​รอคอย​มาใน​กาลเวลา​ไร้​สิ้นสุด​ปิด​ม่าน​ลง​แล้ว​

จักจั่น​ทอง​ เจ้าลัทธิ​ไท่​ซ่าง และ​ไท่​ชู ล้วน​สิ้นชีพ​ลง​ที่นี่​ หาย​ไป​จาก​โลก​นี้​

จอม​มรรค​ชะตา​สวรรค์​ทั้ง​เก้า​ เทียน​อู​และ​ซื่อ​ที่ซ่อน​อยู่​ใน​โลก​หม่น​มัว​ ล้วน​ถูก​เฉิน​ซีพา​ตัว​เข้าสู่​วัฏจักร​นิรันดร์​

ใน​วันนี้​ หลิน​สวิน​ที่​ใช้วิธี​ ‘เมื่อ​ตาย​จึงเกิด​ นิพพาน​แล้ว​เกิด​ใหม่​’ ทะลวง​ระดับ​ ก้าว​สู่มรรคา​ชีวิต​ตาม​ความหมาย​อย่าง​แท้จริง​ ควบ​รวม​ต้นกำเนิด​จตุ​โบราณสถาน​ใน​ร่าง​เดียว​ หยั่งถึง​นัย​เร้นลับ​แกน​หลัก​ของ​ยุค​แรก​กำเนิด​

……

ไม่กี่​วัน​หลังจากนั้น​

แดน​เทพ​มาก​เร้น​

หลิน​สวิน​ที่​กำลัง​ดื่ม​สุรา​กับ​เฉิน​ซีจู่ๆ ก็​นิ่ง​ไป​ เอ่ย​ว่า​ “ผู้อาวุโส​ ท่าน​อยาก​ฟังเรื่อง​หนึ่ง​หรือไม่​”

เฉิน​ซีเอ่ย​ด้วย​ความสนใจ​ยิ่ง​ “เกี่ยวกับ​ใคร​หรือ​”

“จักจั่น​ทอง​ตัว​หนึ่ง​”

“ที่แท้​ก็​เป็น​เขา​…”

เมื่อนานมาแล้ว​ก่อนหน้านี้​

นาน​ถึงขึ้น​ที่​เป็นเวลา​ที่​ยุค​แรก​กำเนิด​นี้​เพิ่งจะ​ก่อเกิด​เป็นรูปเป็นร่าง​ มีจักจั่น​ทอง​ข้าม​ห้วง​อวกาศ​ไร้​ขอบเขต​ กระพือปีก​บิน​สู่ยุค​แรก​กำเนิด​นี้​

มัน​กำลัง​เสาะแสวง​มรรค​

เสาะแสวง​มหา​มรรค​ไร้​เทียมทาน​ที่​เกี่ยวข้อง​กับ​ชีวิต​และ​วาสนา​

มัน​ล้มลุกคลุกคลาน​ ทะลวง​ผ่าน​กลาง​ไอ​แรก​กำเนิด​ขุ่นมัว​ ในที่สุด​ก็​มาถึงหน้า​ต้น​ชีวิต​อัศจรรย์​ ฟุบ​นอน​อยู่​ตรงนั้น​ สัมผัส​การ​เติบโต​และ​การเปลี่ยนแปลง​ของ​ต้น​ไม้ต้น​นี้​เงียบๆ​

ฟุบ​นอน​อยู่​เช่นนี้​จน​ผ่า​ไป​แล้ว​ไม่กี่​กาลเวลา​

ต้น​ไม้ต้น​นี้​ได้​เป็น​ประจักษ์พยาน​ใน​กระบวนการ​สร้าง​จตุ​โบราณสถาน​จาก​ความว่างเปล่า​ ได้​เป็น​พยาน​มองดู​โลก​ยุคสมัย​ที่​วิวัฒน์​จาก​สภาพ​โครงร่าง​เป็น​สมบูรณ์​ เป็น​พยาน​มองดู​อารยธรรม​ยุคสมัย​แห่ง​แล้ว​แห่ง​เล่า​รุ่งเรือง​และ​เสื่อมโทรม​สับเปลี่ยน​…

และ​จักจั่น​ทอง​ตัว​นี้​ ก็​เป็น​พยาน​ที่​มองดู​การเปลี่ยนแปลง​และ​เติบโต​ของ​ต้น​ไม้ต้น​นี้​

ในที่สุด​วันหนึ่ง​จักจั่น​ทอง​ก็​สัมผัส​ถึงนัย​เร้นลับ​ของ​นิพพาน​แล้ว​ ทำให้​มัน​ดีใจ​หา​ใด​เปรียบ​ ยอมรับ​ว่า​นี่​เป็น​วาสนา​ที่​มัน​แสวงหา​อย่าง​ยากลำบาก​ สามารถ​แก้ไขปัญหา​คอขวด​และ​ภัย​แฝงบน​มรรคา​ของ​มัน​ได้​

ทว่า​ก็​เป็น​เวลานี้​ที่​พิบัติ​เคราะห์​มาเยือน​ ทำลาย​กิ่ง​ใบ​ของ​ต้น​ชีวิต​อัศจรรย์​ต้น​นี้​ และ​ทำลาย​มรรค​แห่ง​ชีวิต​ที่​หล่อเลี้ยง​บน​ต้น​ไม้ต้น​นี้​เช่นกัน​

ทำให้​ต้นกำเนิด​นิพพาน​นั่น​ถูก​โจมตี​อย่าง​รุนแรง​ไป​ด้วย​

ชั่ว​ขณะที่​พิบัติ​เคราะห์​มาเยือน​จักจั่น​ทอง​หนี​ออก​ไป​ก่อน​แล้ว​ และ​ได้​แต่​มอง​ทั้งหมด​นี้​เกิดขึ้น​ตา​ปริบๆ​ ใน​ใจเจ็บปวด​สุด​แสน​

วาสนา​ครั้งนี้​ อีก​เพียง​นิดเดียว​เท่านั้น​ แต่กลับ​คลาด​กัน​ไป​เช่นนี้​ กาลเวลา​ยาวนาน​ที่​รอคอย​มา ความ​ทุ่มเท​ทั้งหมด​ที่​เสีย​ไป​ล้วน​สูญเปล่า​

ไม่มีใคร​รู้​ว่า​จักจั่น​ทอง​มาถึงยุค​แรก​กำเนิด​นี้​ เป้าหมาย​ที่​แสวงหา​มรรค​แห่ง​ชีวิต​และ​วาสนา​ ก็​เพื่อ​สลาย​ภัย​แฝงใน​สภาวะ​จิต​ของ​เขา​

ทว่า​ภัย​แฝงนี้​กลับ​ปะทุ​ยาม​เห็น​ต้น​ชีวิต​อัศจรรย์​นั่น​พบ​เจอ​พิบัติ​เคราะห์​

หนึ่ง​ร่าง​ของ​เขา​กลับ​มีวิญญาณ​แยกกัน​สามสาย​ หนึ่ง​กลายเป็น​ไท่​ชู (แรก​ปฐม​) ยึดมั่น​ใน​มรรค​ที่​หาญกล้า​และ​มุ่งมั่น​

อีก​หนึ่ง​กลายเป็น​ไท่​ซ่าง (สูงสุด​) ยึดมั่น​ใน​มรรค​ลืม​อารมณ์​สูงสุด​

ส่วน​อีก​หนึ่ง​กลายเป็น​จักจั่น​ทอง​ ยึดมั่น​ใน​เจตนารมณ์​ของ​ตน​

…ฟังเรื่อง​นี้​จบ​ เฉิน​ซีดื่ม​สุรา​จอก​หนึ่ง​แล้ว​เอ่ย​ “กล่าว​เช่นนี้​ นอก​ยุค​แรก​กำเนิด​นี้​ยังมี​ยุค​แรก​กำเนิด​อื่นๆ​ หรือ​”

“เป็น​เช่นนั้น​”

หลิน​สวิน​กล่าว​ “ทว่า​มีเพียง​ก้าว​สู่มรรค​แห่ง​ชีวิต​ จึงจะสามารถ​ไป​จาก​ยุค​แรก​กำเนิด​นี้​ได้​”

“เช่นนั้น​ตอนแรก​จักจั่น​ทอง​มาได้​อย่างไร​”

เฉิน​ซีถาม

หลิน​สวิน​กล่าว​ “ยาม​มาเยือน​ยุค​แรก​กำเนิด​นี้​ ร่าง​ต้น​ของ​เขา​ ไท่​ชูและ​ไท่​ซ่างได้​ก้าว​สู่มรรค​แห่ง​ชีวิต​แล้ว​ เพียงแต่​มรรคา​ของ​เขา​เกิด​ปัญหา​ สภาวะ​จิต​ก็​เกิด​ปัญหา​ ถึงได้​เสาะหา​วิธี​แก้ไข​อย่าง​ยากลำบาก​”

เฉิน​ซีพยักหน้า​น้อย​ๆ แล้ว​เอ่ย​ “มิน่า​ไท่​ชู ไท่​ซ่างและ​จักจั่น​ทอง​ล้วน​มีมรรคา​ของ​ตน​ มีความ​ยึดมั่น​ของ​ตน​ ความรู้​ความเข้าใจ​ระหว่าง​พวกเขา​ถึงขั้น​เกิด​ความขัดแย้ง​ต่อกัน​อย่าง​ยิ่งใหญ่​ นี่​เป็นไปได้​สูงมากว่า​จะเป็น​ภัย​แฝงถึงชีวิต​ใน​สภาวะ​จิต​ของ​เขา​ตั้งแต่​แรกเริ่ม​”

“ไม่ผิด​ มีเพียง​ผู้อาวุโส​จักจั่น​ทอง​ที่​รักษา​จิต​ตั้งต้น​ของ​ร่าง​ต้น​ของ​เขา​ไว้​ได้​ น่าเสียดาย​ เพราะ​วาสนา​ใน​มรรค​วิถี​ ทำให้​หลังจากนั้น​เวลา​มากกว่า​ครึ่ง​ล้วน​ตก​อยู่​ใน​สภาวะ​เลื่อนลอย​สับสน​…”

หลิน​สวิน​กล่าว​ “สาเหตุ​ก็​อยู่​ที่​ร่าง​ต้น​ของ​เขา​คือ​จักจั่น​”

“เห็ด​เช้าไม่รู้จัก​ยาม​ค่ำ​ จิ้งหรีด​จักจั่น​ไม่รู้จัก​วสันต์​สารท​ ใน​โลก​จักจั่น​ปรากฏตัว​เพียง​ฤดูร้อน​ ไม่อาจ​เห็น​ทิวทัศน์​ฤดูใบไม้ผลิ​และ​ฤดูใบไม้ร่วง​ หาก​มรรค​ของ​จักจั่น​ทอง​เป็น​เช่นนี้​ นี่​ก็​จะเป็น​จุดบกพร่อง​ใน​ชีวิต​ของ​เขา​” เฉิน​ซีเอ่ย​อย่าง​กระจ่าง​

“เป็น​เช่นนั้น​” หลิน​สวิน​กล่าว​ “นี่​ก็​คือ​เหตุผล​ที่​ใน​อดีต​มรรค​วิถี​ของ​ผู้อาวุโส​จักจั่น​ทอง​ขึ้นๆ ลงๆ​ แม้ใน​หลาย​ยุคสมัย​ล้วน​มีคน​เคย​เจอ​ผู้อาวุโส​จักจั่น​ทอง​ แต่กลับ​มีน้อย​คน​ที่จะ​รู้​ว่า​เขา​เป็น​คน​ที่​ยอดเยี่ยม​มาก​คน​หนึ่ง​”

“หาก​ข้า​เป็น​จักจั่น​ทอง​ จะทำลาย​มรรค​ของ​ไท่​ชูกับ​ไท่​ซ่าง ผสาน​เป็น​มรรค​ของ​ตน​เพื่อ​ความ​สมบูรณ์แบบ​ จากนั้น​ไป​หยั่ง​นิพพาน​อีกครั้ง​ เพื่อ​สลาย​ภัย​แฝงใน​สภาวะ​จิต​”

เฉิน​ซีกล่าวถึง​ตรงนี้​ก็​อด​ส่ายหน้า​ไม่ได้​ “ไม่ถูก​ คน​อย่าง​จักจั่น​ทอง​จะไม่รู้จัก​การ​ใช้วิธี​นี้​แจ้งมรรค​ได้​อย่างไร​ พูด​ได้​เพียง​ว่า​ ต้นเหตุ​อยู่​ที่​สภาวะ​จิต​แรกเริ่ม​ของ​เขา​ต่างหาก​”

หลิน​สวิน​เอ่ย​ทอดถอนใจ​ “ข้า​เอง​ก็​เพิ่ง​ตระหนัก​ได้​ถึงเรื่อง​ของ​ผู้อาวุโส​จักจั่น​ทอง​ ยาม​อนุมาน​กลิ่นอาย​ของ​ต้น​ชีวิต​อัศจรรย์​เมื่อครู่นี้​ และ​เข้าใจ​แล้ว​ว่า​เหตุใด​เขา​ถึงร่วมมือ​กับ​ไท่​ชูและ​ไท่​ซ่าง มาช่วงชิง​พลัง​แห่ง​นิพพาน​ ว่า​กัน​ถึงที่สุด​ นี่​คือ​ความ​ยึดติด​ใน​ใจร่าง​ต้น​ของ​เขา​”

เฉิน​ซีพยักหน้า​น้อย​แล้ว​พลัน​เอ่ย​ถาม “เช่นนั้น​พิบัติ​เคราะห์​ที่​เจาะจงเล่นงาน​ต้น​ชีวิต​อัศจรรย์​นั่น​มาจาก​ไหน​”

หลิน​สวิน​กล่าว​เสียง​ขรึม​ “ข้า​อนุมาน​ได้​แค่​รางๆ​ ว่า​เคราะห์​นี้​มาจาก​นอก​ยุค​แรก​กำเนิด​นี้​ มาเพื่อ​เล่นงาน​มรรคา​ชีวิต​ หาก​อยาก​ยืนยัน​ บางที​อาจ​มีเพียง​ยาม​ทำให้​มรรคา​ชีวิต​กลับมา​สัมบูรณ์​อีกครั้ง​จึงจะได้​เบาะแส​มาบ้าง​”

เฉิน​ซีกล่าว​ “พูด​เช่นนี้​ มีเพียง​หลัง​ใช้พลัง​แห่ง​นิพพาน​สร้าง​ต้นกำเนิด​ของ​ต้น​ชีวิต​อัศจรรย์​ขึ้น​มาใหม่​อีกครั้ง​ มรรค​แห่ง​ชีวิต​นี้​ก็​จะสามารถ​ปรากฏ​ใน​ยุค​แรก​กำเนิด​นี้​ได้​หรือ​”

“เป็น​เช่นนั้น​ แต่​อยาก​ทำได้​ถึงขั้น​นั้น​ ด้วย​พลัง​ของ​ข้า​ตอนนี้​ก็​ไม่รู้​ต้อง​ใช้เวลานาน​เท่าไร​กว่า​จะสามารถ​สร้าง​ต้นกำเนิด​ของ​ต้น​ชีวิต​อัศจรรย์​ได้​ ดังนั้น​เรื่อง​นี้​ต้อง​ให้​ผู้อาวุโส​ช่วย​ถึงจะได้​”

หลิน​สวิน​ว่า​พลาง​จรด​นิ้ว​ลง​ไป​ครา​หนึ่ง​ วง​แสงที่​ผสาน​นัย​เร้นลับ​นิพพาน​สาย​หนึ่ง​ปรากฏ​ออกมา​ ก่อน​จะพุ่ง​ไป​ทาง​เฉิน​ซีผ่าน​อากาศ​

เฉิน​ซีอึ้ง​ไป​ จากนั้น​ยิ้ม​พูด​ “เป็นห่วง​ว่า​ข้า​จะรู้สึก​ไม่ดี​ที่​รับ​นัย​เร้นลับ​นิพพาน​นี้​ไว้​ จึงหา​เหตุผล​มาทำให้​ข้า​ไม่สามารถ​ปฏิเสธ​ได้​ใช่หรือไม่​”

หลิน​สวิน​เอง​ก็​ยิ้ม​เช่นกัน​ “ผิด​แล้ว​ ข้า​เพียง​อยาก​หา​คน​มาช่วย​ข้า​แบ่งเบาภาระ​การ​สร้าง​มรรค​แห่ง​ชีวิต​เท่านั้น​ ถึงอย่างไร​ข้า​ก็​ไม่ได้​จะอยู่​ที่​แหล่ง​สถาน​อัศจรรย์​ตลอดเวลา​”

เฉิน​ซีลูบ​จมูก​กล่าว​ “ที่แท้​ก็​ลาก​ข้า​มาเป็น​แรงงาน​ แต่​นี่​ก็​ไม่อาจ​ปฏิเสธ​ได้​จริงๆ​…”

เขา​หัวเราะ​ฮ่าๆ ก่อน​จะถามว่า​ “คราวนี้​เจ้าคิด​จะไป​ไหน​”

หลิน​สวิน​ถอนหายใจ​ยาว​ ยิ้ม​พูด​ “กลับบ้าน​”

…………………..

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท