อาณาเขตของเมืองเทพศุภโชคเทียบเท่ากับโลกใหญ่แห่งหนึ่งแล้ว
อีกทั้งตอนนั้นหลินสวินเคยปรับแก้เมืองนี้ รวมแดนลับต่างๆ อย่างแดนลับดวงกมล แดนแรกเริ่ม แดนพ่อมด แดนฌาน แดนวิญญาณเป็นต้นไว้ในเมืองนี้ ทำให้อาณาเขตของเมืองนี้ แตกต่างจากเดิมโดยสมบูรณ์
ยามหลินสวินและซย่าจื้อเดินเข้าไปในเมือง ก็เห็นบนถนนเต็มไปด้วยผู้คนเดินขวักไขว่ไปมา คึกคักรุ่งเรือง
ความครึกครื้นที่พุ่งเข้ามาทำเอาแววตาของหลินสวินเหม่อลอย
นับดูแล้ว ตั้งแต่เขาไปจากเมืองเทพศุภโชคมุ่งหน้าสู่ทะเลโชคชะตาจนกระทั่งกลับมาครั้งนี้ ก็ผ่านไปหลายร้อยปีแล้ว
เมืองเทพศุภโชคในตอนนี้เห็นชัดว่าไม่เหมือนที่เขาเคยเห็นในอดีต เต็มไปด้วยทิวทัศน์สันติและคึกคัก รุ่งเรืองและงดงาม
ผู้ฝึกปราณที่เดินอยู่ภายในมาจากแต่ละอารยธรรมยุคสมัยของแหล่งสถานศุภโชค ไม่ว่าพลังปราณสูงต่ำล้วนอยู่ด้วยกันอย่างสามัคคีปรองดองและสงบสุข
พ่อค้าข้างถนนกล้าโต้เถียงกับระดับอมตะเพื่อค้าขายโอสถวิญญาณ ยามข้ารับใช้ในโรงน้ำชาพบคนสูงศักดิ์ก็รู้รุกรู้ถอย ไม่ถ่อมตนหรือเย่อหยิ่งเกินไป แม้แต่พวกคนงานพ่อค้าเร่ตัวเล็กๆ ก็ต่างคนต่างอยู่ ไม่หาเรื่องกัน…
ทุกภาพเหล่านี้แสดงถึงภาพความรุ่งเรืองอันสงบสุขและครึกครื้น
“นายท่าน หลายปีมานี้นับว่ามีพวกอันธพาลไม่น้อยมาก่อเรื่องในเมือง แต่ข้าล้วนทำตามคำพูดของท่านในตอนนั้น ใช้เอ่ยกฎระเบียบกับพวกที่คุยได้ด้วยเหตุผล ใช้หมัดกับพวกที่ไม่มีเหตุผล ถึงตอนนี้ทั้งแหล่งสถานศุภโชค ไม่มีใครกล้าก่อเรื่องในเมืองแล้ว”
อู๋ซวงหัวเราะเอ่ยเบิกบาน
นางสวมชุดขาว งดงามบริสุทธิ์ เหมือนเซียนน้อยอย่างไรอย่างนั้น ระหว่างทางดึงดูดความสนใจจากสายตาไม่น้อย
ทว่าเมื่อเทียบกันแล้ว ยามสายตาของผู้คนสังเกตเห็นซย่าจื้อซึ่งอยู่ข้างๆ หลินสวิน กลับจิตใจล่องลอยคล้ายวิญญาณหลุดออกจากร่างโดยไม่มีข้อยกเว้น
เห็นเช่นนี้หลินสวินรีบเตือนให้ซย่าจื้อปิดบังสักหน่อย
ซย่าจื้อขานรับว่าอ้อคำหนึ่งอย่างเพิ่งรู้ตัว กลิ่นอายบนร่างเปลี่ยนแปลงเงียบๆ รูปลักษณ์งดงามยิ่งยวดที่สามารถกำราบทุกคนบนโลกนั่นเปลี่ยนเป็นดูธรรมดาลง
ระหว่างทางหลินสวินจงใจกดจิตรับรู้ไว้ ใช้เพียงสายตาและจิตใจของคนธรรมดาไปสัมผัสเรื่องต่างๆ ในเมือง ก็อดทอดถอนใจไม่ได้
เขาไม่ลืมปณิธานอันยิ่งใหญ่ของเหล่าเมธีอย่างพวกไท่เสวียน อู๋ยางในปีนั้น ตั้งจิตเพื่อฟ้าดิน สร้างชีวิตเพื่อสรรพชีวิต ร่ำเรียนเพื่อมุ่งหน้าสู่อริยะ สร้างสันติสุขเพื่อใต้หล้า!
เทพศุภโชคแห่งนี้ก็คือทิวทัศน์แห่งสันติสุขอันยิ่งใหญ่ของใต้หล้า ภายหน้ามีตนอยู่ แผ่นดินนี้ทั้งบนล่างล้วนจะเป็นเช่นนี้
ตอนที่กำลังเดินอยู่ จู่ๆ ห่างออกไปก็มีเสียงคึกคักดุเดือดระลอกหนึ่งดังก้อง
หลินสวินเงยมองไป ก็เห็นว่าเสียงนั่นดังมาจากลานมรรคขนาดใหญ่แห่งหนึ่งกลางเมือง
“นายท่าน นี่คือลานมรรคที่ผู้อาวุโสเสวียนเฟยหลิงเปิดไว้ เพื่อเป็นสถานที่แลกเปลี่ยนถกมรรค แน่นอนว่าหากผู้ฝึกปราณในเมืองเกิดความขัดแย้ง ก็สามารถมาต่อสู้ในลานมรรคนี้ได้ ถึงขั้นที่พวกที่มีความแค้นต่อกันบางส่วนก็มาตัดสินเป็นตายสะสางความแค้นที่นี่”
อู๋ซวงพูดเสียงเบา
หลินสวินพยักหน้า
อยู่ร่วมกันอย่างสันติใช่ว่าจะไม่มีความขัดแย้ง คำว่า ‘พิบัติเคราะห์’ ก็เกิดจากสิ่งนี้ การเข่นฆ่าและการต่อสู้ก็ถูกกำหนดให้ไม่มีทางหายไปจากโลก
นี่ก็คือกฎของชีวิต เพราะอุปนิสัยไม่เหมือนกัน มรรคาไม่ตรงกัน ย่อมยากจะเลี่ยงไม่ให้เกิดความผิดพลาด เภทภัย ความแค้นต่อกัน
“ไป พวกเราไปดูสักหน่อย”
หลินสวินเองก็สนใจขึ้นมาทันที พุ่งตรงไป
ลานมรรคใหญ่มาก สามารถรองรับคนได้นับหมื่น
ตอนนี้การต่อสู้เพิ่งจะจบลง บริเวณที่นั่งผู้ชมล้วนกำลังแสดงความยินดีกับเด็กหนุ่มชุดดำที่ได้รับชัยชนะ คลื่นเสียงสะเทือนฟ้า
“ไม่เสียทีที่เป็นนายน้อยเก้าของตระกูลหลินรุ่นปัจจุบัน ในร่างมีสายเลือดของตระกูลหลินไหลอยู่!”
มีคนทอดถอนใจ
“หลินเหิงตู้ เจ้ารีบอายุครบสิบแปดเร็วหน่อยสิ พี่สาวอย่างข้ารอแต่งกับเจ้าอยู่นะ!”
เด็กสาวงดงามคนหนึ่งยิ่งตื่นเต้นจนตะโกนเสียงกังวาน สองตาหลงใหล
นี่ดึงดูดเสียงกึกก้องขึ้นอีกไม่น้อย
ในลานมรรคเด็กหนุ่มชุดดำที่ถูกเรียกว่าหลินเหิงตู้ตอนแรกยังสุขุมมาก แต่หลังจากได้ยินเด็กสาวเหล่านั้นแสดงความรัก ใบหน้าหล่อเหลาของเขากลับแดงก่ำขึ้นไม่น้อย อึดอัดและเขินอายอย่างมาก รีบประสานมือคารวะไปรอบๆ แล้วหมุนตัวจากไปอย่างเร่งรีบ
“อ๊าๆๆ ข้าจะตายแล้ว น้องหลินเหิงตู้น่ารักเกินไปแล้ว…” เสียงกรีดร้องคลั่งไคล้ของเด็กสาวกลุ่มหนึ่งดังขึ้นในที่นั้น
“นายท่าน หลินเหิงตู้ผู้นี้คือลูกคนที่เก้าของคุณชายหลินฝาน ปีนี้เพิ่งจะอายุสิบสี่ปี มีมรรควิถีระดับอริยะแท้แล้ว มีชื่อเสียงอย่างมากในเมืองเทพศุภโชค”
อู๋ซวงยิ้มเบิกบาน “ข้าเองก็มองดูเขาเติบโตมาเช่นกัน นิสัยดีมาก เพียงแต่ยามถูกเด็กผู้หญิงจ้องมักจะเขินอาย”
“เขินอายหรือ”
หลินสวินจนคำพูด จากนั้นพลันตระหนักอะไรได้ เอ่ยอย่างประหลาดใจ “ช้าก่อน เจ้าบอกว่านี่คือลูกคนที่เก้าของหลินฝานหรือ”
อู๋ซวงพยักหน้า “ใช่ เหนือนายน้อยเหิงตู้ยังมีพี่สาวสามคน พี่ชายห้าคน คนโตสุดคือนายน้อยหลินเหิงอวิ๋น ปีนี้อายุสองร้อยสามสิบเก้าปีแล้ว ตอนนี้ครอบครองมรรควิถีระดับอมตะขั้นอายุขัยเทียมฟ้าแล้ว…”
หลินสวินทั้งประหลาดใจทั้งปลาบปลื้มใจ ดวงตาพลิวลอยเอ่ยว่า “หลินฝานเจ้าเด็กนี่… ลูกดกขนาดนี้เชียว…”
ข่าวดีนี้เขาคาดไม่ถึงจริงๆ
“ไป พวกเราไปหาเจ้าเด็กนั่นสักหน่อย”
อารมณ์ของหลินสวินไม่สามารถสงบได้เท่าไร จากไปไม่กี่ร้อยปีเท่านั้น ตนถึงกับมีหลานแล้ว! ทั้งยังมีถึงเก้าคน!
ฐานะเปลี่ยนเป็นปู่ในชั่วพริบตา ทำเอาสภาวะจิตของหลินสวินเกิดการเปลี่ยนแปลงอันละเอียดอ่อนอย่างแปลกประหลาดอยู่บ้าง
……
นอกลานมรรค
เด็กสาวชุดเขียวคนหนึ่งเดินออกมาพร้อมกับหลินเหิงตู้
เด็กสาวจำนวนไม่น้อยที่พวกเขาเจอระหว่างทางล้วนอยากเข้าใกล้หลินเหิงตู้ กลับถูกสายตาเย็นเยียบของเด็กสาวชุดเขียวกวาดมอง ได้แต่หยุดฝีเท้าไว้ตรงนั้นอย่างขลาดกลัว กล้าเพียงมองจากไกลๆ เท่านั้น
“ท่านพี่ ท่านขู่พวกเขาทำไม ดุขนาดนี้ต่อไปผู้ชายคนไหนจะกล้าเข้าใกล้ท่าน”
หลินเหิงตู้เอ่ยขำๆ
เด็กสาวชุดเขียวแค่นเสียงขึ้นจมูก “ข้ามุ่งมั่นฝึกปราณ จะไปสนใจเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ระหว่างชายหญิงได้อย่างไร กลับเป็นเจ้านั้นแหละ เพิ่งอายุสิบสี่ อย่าได้ถูกมารยาของเด็กสาวพวกนั้นทำให้ลุ่มหลงเชียว ท่านแม่บอกไว้นานแล้วว่าก่อนจะอายุครบสิบแปด ไม่อนุญาตให้เจ้าคบหาเด็กผู้หญิงคนไหนทั้งนั้น”
“หรือท่านไม่ใช่เด็กผู้หญิง” หลินเหิงตู้พูดอย่างจนใจ
“ข้าเป็นพี่สาวเจ้า!”
เด็กสาวชุดเขียวชูนิ้วดีดหน้าผากหลินเหิงตู้ ท่าทางดุร้ายเช่นนั้นทำเอาหลินเหิงตู้ตกใจจนคอหด
ทั้งสองคุยกันไปพลางเดินไปข้างหน้า
และด้านหลังพวกเขา อู๋ซวงเอ่ยเสียงใส “นายท่าน นี่คือคุณหนูเหิงหลัน เป็นลำดับที่แปดของรุ่นนี้ ปีนี้อายุสิบเก้าปี นางกับนายน้อยเหิงตู้แทบจะโตมาด้วยกัน ความสัมพันธ์ก็สนิทสนมที่สุด”
หลินสวินพยักหน้าน้อยๆ มองแผ่นหลังของพี่น้องที่อยู่ห่างออกไป ในใจเต็มไปด้วยความเบิกบาน
“นายท่าน จู่ๆ ข้าก็นึกข่าวดีเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้”
อู๋ซวงพูดขึ้นโดยพลัน
ไม่รอหลินสวินถาม อู๋ซวงก็เล่าเรื่องราวทั้งหมดออกมาแล้ว
ที่แท้ถังเจียงคู่บำเพ็ญของหลินฝานตั้งครรภ์ได้สิบเดือนแล้ว กำลังจะคลอด!
“เหตุใดเจ้าจึงไม่พูดให้เร็วกว่านี้”
หลินสวินอึ้งไปแล้ว จากนั้นในใจพลันตื่นเต้น “ไป รีบไปดูกัน!”
หลายปีที่ผ่านมายามหลานเก้าคนถือกำเนิด เขาไม่เคยอยู่ในเหตุการณ์สักครั้ง ตอนนี้มีหลานอีกคนกำลังจะเกิด ปู่อย่างเขาจะพลาดได้อย่างไร
ชั่วขณะนี้หลินสวินไม่มีกะจิตกะใจจะเดินเล่นอีก อยากรีบกลับบ้านโดยเร็วที่สุด
“เด็กสองคนอย่างพวกเจ้าก็มากับข้าด้วยเถอะ”
ระหว่างทางในใจหลินสวินกระตุกวูบ เพียงสะบัดแขนเสื้อ หลินเหิงหลันและหลินเหิงตู้ที่กำลังเดินเคียงกันห่างออกไปจู่ๆ ร่างก็เบาพลิ้ว ถูกพามาอยู่ข้างกายหลินสวินแล้ว
ทั้งสองตกใจขนลุกซู่ อ้าปากหมายจะตะโกน แต่ยามเห็นรูปลักษณ์ของหลินสวินชัดล้วนเบิกตาโพลง เผยสีหน้ายากจะเชื่อ
“ท่าน… ท่านคือท่านปู่หรือ” หลินเหิงตู้ร้องเสียงหลง
“เจ้ารู้จักข้าหรือ”
หลินสวินหัวเราะเอ่ยเบาๆ
“ข้าจำได้แน่นอน ตอนเด็กข้าก็เคยเห็นภาพเหมือนของท่าน!”
หลินเหิงตู้พูดอย่างตื่นเต้น
หลินเหิงหลันที่อยู่ข้างๆ สูดหายใจลึกเฮือกหนึ่งแล้วเอ่ยว่า “น้องชาย ระวังโดนเขาหลอก ใครจะรู้ว่าเขาเป็นคนไม่ดีที่ปลอมตัวเป็นท่านปู่หรือไม่”
หลินสวินยิ้มพูด “นางหนูนี่นับว่ามีไหวพริบ ไม่เลวๆ”
หลินเหิงตู้มองพี่สาว แล้วมองหลินสวิน ซย่าจื้อและอู๋ซวงอีกครั้ง อดพูดไม่ได้ “ท่านพี่ บนโลกนี้ใครกล้าปลอมตัวเป็นท่านปู่ ถ้าทำเช่นนั้นคงถูกอู๋ซวงฆ่าไปนานแล้ว!”
“เจ้าตัวเล็กวิเคราะห์ได้ไม่เลว” รอยยิ้มของหลินสวินยิ่งอบอุ่น
หลินเหิงหลันก็เยือกเย็นลงแล้ว ตระหนักได้ถึงจุดนี้ อดมองหลินสวินอึ้งๆ ไม่ได้ เอ่ยว่า “ท่าน… คือท่านปู่… จริงหรือ”
“รอไปถึงตระกูลหลินพวกเราค่อยคุยกัน”
หลินสวินไม่ได้อธิบายอะไรอีก จิตใจกระเพื่อมไหว พาทุกคนหายไปจากกลางอากาศแล้ว
……
แดนลับดวงกมล
ในโถงแห่งหนึ่งของตระกูลหลิน
พวกหลินเหวินจิ้ง ลั่วชิงสวิน หลินฝานต่างรวมตัวกัน รออยู่ที่นั่น ล้วนทั้งตื่นเต้นทั้งรอคอย
นอกโถง
บุตรชายคนโตของหลินฝาน หลินเหิงอวิ๋นรวมตัวกับน้องคนอื่นๆ กำลังรอคอยและพูดคุยกันเบาๆ
จู่ๆ ในห้วงอากาศพลันเกิดคลื่นระลอกหนึ่ง สะท้อนออกมาเป็นเงาร่างคนกลุ่มหนึ่ง ดึงดูดความสนใจของพวกหลินเหิงอวิ๋น
“เหิงหลัน เหิงตู้ พวกเจ้ามาแล้วหรือ เอ๊ะ พวกเขาคือ…”
พวกหลินเหิงอวิ๋นอึ้งไปก่อน จากนั้นสายตาล้วนมองไปยังหลินสวินโดยพร้อมเพรียง ดวงตาเบิกโพลง หน้าตาเช่นนั้นพวกเขารู้จักดียิ่งจริงๆ เพียงแต่…
“ท่านพี่ทุกท่าน เขา…. เขาบอกว่าเขาคือท่านปู่…” หลินเหิงตู้อดพูดเสียงเบาไม่ได้
ท่านปู่!!
พวกหลินเหิงอวิ๋นลนลานอยู่บ้างแล้ว พวกเขาได้ยินตำนานเรื่องเล่าต่างๆ เกี่ยวกับท่านปู่หลินสวินมาตั้งแต่เด็ก และเห็นภาพวาดของท่านปู่หลินสวินมาไม่รู้กี่รอบแล้ว แต่ถึงอย่างไรก็ไม่เคยเจอหน้า
ยามผู้ยิ่งใหญ่เช่นนี้จู่ๆ ก็ปรากฏตัวออกมา พวกเขาจึงทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ
ในที่นั้นก็เงียบไปอยู่บ้าง
ดวงตาหลินสวินกวาดมองเด็กหนุ่มสาวเหล่านั้น รอยยิ้มบนใบหน้ายิ่งกว้างขึ้น
“ท่านพ่อ!”
ตอนนี้เองร่างหนึ่งพุ่งออกจากโถง เป็นหลินฝาน เห็นชัดว่าเขาสังเกตเห็นความเคลื่อนไหวด้านนอก และยามมองเห็นหลินสวินชัดแล้วก็อดร้องออกมาอย่างตื่นเต้นดีใจไม่ได้
ฮูม…
จากนั้นพวกจ้าวจิ่งเซวียน หลินเหวินจิ้ง ลั่วชิงสวินเองก็พุ่งออกมาเช่นกัน เมื่อเห็นหลินสวิน พวกเขาล้วนยากจะปกปิดความดีใจ
ก็เป็นเวลานี้เอง ในที่สุดพี่น้องทั้งเก้าอย่างพวกหลินเหิงอวิ๋นถึงกล้ามั่นใจ ว่าคนตรงหน้าคือหลินสวินท่านปู่ของพวกเขา!
ผู้ที่ถูกทุกคนบนโลกมองว่าเป็นตำนานไร้เทียมทานตั้งแต่พวกเขายังเด็ก!
และก็เป็นตอนนี้เอง…
เสียงร้องของทารกดังมาจากส่วนลึกของโถง ถังเจียงที่ตั้งครรภ์สิบเดือนให้กำเนิดลูกสาวอย่างปลอดภัย
มงคลคู่มาเยือน
…………………..