บทที่ 394 ผมมองคุณเป็นเพื่อนแท้ๆ แต่คุณกลับ…
ไป๋เยี่ยเพิ่งจะเดินออกมาจากห้องน้ำหลังจากที่ไปช่วยมิเชลนวดเต้านมมา การนวดเต้านมเป็นหัตการที่ต้องอาศัยคนมีประสบการณ์ ไม่ใช่แค่ในแง่ของการกะแรงเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมในแง่ของสภาพจิตใจและกำลังใจด้วย!
ทุกครั้งที่ไป๋เยี่ยไปช่วยมิเชล เขาไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมา เพราะกลัวว่าจะเผลอไปสบสายตาอันแพรวพราวของมิเชล ไป๋เยี่ยกล้าสาบานว่าจิตใจของเขาใสสะอาดมากจริงๆ ใสยิ่งกว่านัยน์ตาของเด็กน้อยอีก!
ในที่สุดการรักษาก็เสร็จสิ้นแล้ว ไป๋เยี่ยคลี่ยิ้มเล็กน้อย “คุณมิเชล วันนี้ไปตรวจด้วยนะครับ ผมว่าใกล้จะหายแล้วละ ต่อไปคุณจะต้องเปลี่ยนไลฟ์สไตล์และต้องอารมณ์ดีไว้นะครับ”
มิเชลยิ้มรับพลางมองไป๋เยี่ยด้วยสายตาคาดหวัง “ขอบคุณนะคะ ถ้าฉันรู้จักคุณไวกว่านี้ ลูกฉันต้องเป็นเด็กลูกครึ่งหน้าตาหล่อเหลาแน่ๆ”
ไป๋เยี่ย “…”
ไป๋เยี่ยรู้สึกว่าตนไม่ควรคุยกับมิเชลจริงๆ เพราะรู้สึกว่าเธอจะพยายามหยอกตนเล่นอยู่เสมอ
มิเชลเห็นไป๋เยี่ยเงียบไปก็รู้สึกประสบความสำเร็จนิดๆ “ไป๋เยี่ยที่รัก พรุ่งนี้ฉันจะไม่อยู่ที่จีนแล้วนะ คุณไม่มีอะไรอยากจะบอกฉันหน่อยเหรอ”
ไป๋เยี่ยลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “อืม…ลดราคาเครื่องตรวจสอบสมดุลฮอร์โมนลงหน่อยได้ไหมครับ…”
นี่คือปัญหาที่ไป๋เยี่ยคิดมากที่สุด!
มิเชลชะงักไปก่อนจะยกยิ้ม “ไม่ค่ะ”
ไป๋เยี่ยกลอกตาไปมา เมื่อกี้เพิ่งจะสร้างมิตรไมตรีกับเธอไปแท้ๆ แต่เรื่องราคาดันลดให้ไม่ได้ซะงั้น
มิเชลพูดต่อ “แต่ถ้าต่อไปคุณมาซื้อผลิตภัณฑ์จากเอสพีโอเอ็มอีก คุณก็จะได้รับราคาสมาชิกนะคะ และไม่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมด้วย”
“บริษัทของเรามักจะผลิตผลิตภัณฑ์ตามสั่งโดยเฉพาะเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้ในการทำงานวิจัย ฉันเชื่อว่าคุณน่าจะเคยได้ยินมาบ้างแล้ว ต่อไปคุณมาซื้ออะไร ฉันก็จะขายให้คุณในราคาสมาชิก คิดว่าไงบ้างคะ”
ไป๋เยี่ยได้ฟังคำพูดของมิเชลก็เบิกตากว้างพร้อมกับมองเธอด้วยสายตาไม่น่าเชื่อ คำพูดของเธอมีเสน่ห์ดึงดูดมากจริงๆ
ลูกค้าของบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างเอสพีโอเอ็มล้วนเป็นองค์กรชั้นนำระดับโลกทั้งนั้น พวกเขาจะต้องผ่านการอนุมัติสิทธิ์การเป็นสมาชิกโดยเอสพีโอเอ็มเสียก่อน
สิทธิประโยชน์สำหรับสมาชิกนั้นมีมากมาย ตัวอย่างเช่น เครื่องตรวจสอบสมดุลฮอร์โมนที่ไป๋เยี่ยเพิ่งซื้อมาจะมีราคาเพียงสิบล้านดอลลาร์เท่านั้น ต่างกันตั้งเท่าไหร่
มิเชลหรี่ตาลง “เป็นไงบ้าง ตื่นเต้นไหมคะ คุณสนใจเครื่องตรวจจับความหนาแน่นของกระดูกจากบริษัทเราในราคาสมาชิกไหมคะ”
ไป๋เยี่ยยิ้มตอบ “ดีเลยครับ แต่โรงพยาบาลของเราไม่แสวงหากำไร ไม่มีเงินซื้อเครื่องใหม่แล้วครับ!”
ไป๋เยี่ยไม่ได้พูดเล่น ตอนนี้กิจการของไป๋เยี่ยแทบจะรับไม่ไหวแล้ว ถึงแม้สิ่งที่เขากำลังวิจัยอยู่ในปัจจุบันกำลังเป็นไปได้สวยก็ตาม ไป๋เยี่ยสาบานกับตนเองว่าถ้ายังไม่ได้ผลการวิจัยของงานก่อนหน้า เขาจะไม่เริ่มศึกษาประเด็นใหม่เด็ดขาด!
ตอนนี้เขากังวลว่าถ้าเขายังทำวิจัยแบบไม่มีแผนต่อไปเรื่อยๆ ก็คงจะได้ยื่นฟ้องล้มละลายในไม่ช้าแน่ๆ
มิเชลมองไป๋เยี่ยพลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เราคุยกันเรื่องความร่วมมือได้นะคะ”
ไป๋เยี่ยเงยหน้าขึ้น “ความร่วมมือเหรอครับ”
มิเชลพยักหน้า “ใช่ค่ะ บริษัทของเราก็มีทีมวิจัย แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเรามีจะทำวิจัยเพียงอย่างเดียว แต่เรามักจะถ่ายโอนเทคโนโลยีต่างๆ ไปให้ผู้อื่นวิจัยแล้วจึงซื้อผลการวิจัยกลับมา คุณคิดว่าไงล่ะคะ”
ทันใดนั้นไป๋เยี่ยก็เบิกตากว้าง!
ดีสิ!
อย่างไรเสีย สถาบันวิจัยของไป๋เยี่ยก็เป็นหน่วยงานด้านการทำวิจัย การร่วมมือกันในลักษณะนี้เป็นวิธีที่ถูกต้องในการเปิดตัวสถาบันวิจัย ท้ายที่สุดแล้วการดึงดูดแหล่งเงินทุนเข้ามา ดำเนินงานวิจัย ปรับปรุงคุณภาพของตนเองและทำกำไรไปพร้อมๆ กันก็เป็นสิ่งที่สถาบันวิจัยต้องทำอยู่แล้ว
จากนั้นกำไรที่ได้ก็จะถูกนำไปใช้ลงทุนกับงานวิจัยต่อไป
ไป๋เยี่ยรู้สึกยินดีมาก “ได้ครับ! เราจะร่วมมือกันยังไงดี ผมเชื่อว่านักวิจัยของผมมีศักยภาพมากพอ บางทีถ้าเราได้ร่วมมือกันบ่อยๆ คุณก็อาจจะได้เห็นความแข็งแกร่งของสถาบันเรานะครับ”
มิเชลยิ้มพลางส่ายหัวไปมา “คุณรู้ไหม สถาบันวิจัยในโลกจะได้รับการจัดอันดับตามผลงานวิจัยในปัจจุบันของสถาบันนั้นๆ ดูจากผลงานของคุณในตอนนี้แล้ว บริษัทของเราก็คงยังร่วมมือด้วยไม่ได้ค่ะ อันที่จริงแล้วอีกหนึ่งเดือน บริษัทของเราจะมีการเปิดประมูลโครงการวิจัยต่อสาธารณะ ราคาสุดท้ายของโครงการขนาดใหญ่จะอยู่ที่ประมาณหกร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐ ถ้าคุณได้ครอบครองมันล่ะก็ ไม่แน่ว่าคุณอาจจะได้เงินค่าวิจัยไปหกร้อยล้านดอลลาร์นะคะ”
ไป๋เยี่ยถึงกับอึ้ง เขารู้ว่าในต่างประเทศนั้นงานวิจัยคือสิ่งที่มีมูลค่ามหาศาลถึงหลักร้อยล้าน แต่เขาไม่คิดเลยว่าโครงการวิจัยจากการประมูลภายนอกจะทำเงินได้ถึงหกร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐ
มิเชลพูดต่อ “เอสพีโอเอ็มลงทุนกับงานวิจัยมานับสิบปีแล้ว ทั้งยังใช้เงินไปกว่าสี่พันล้านดอลลาร์และมีการเชิญชวนผู้ได้รับรางวัลโนเบลสิบสองรายมาเข้าร่วมด้วย ถึงแม้ว่าผลลัพธ์จะออกมาดีแต่ก็ยังมีปัญหาอยู่ ซึ่งบริษัทตัดสินใจแก้ไขปัญหาโดยการเปิดประมูลโครงการ ผู้ที่ชนะการประมูลจะได้รับอนุญาตให้ทำวิจัย ได้รับทรัพยากรต่างๆ จากเอสพีโอเอ็มและได้รับเงินค่าทำงานวิจัยคืนทั้งหมด คุณสนใจเงินหกร้อยล้านดอลลาร์ไหมคะ”
หากไป๋เยี่ยตอบว่าไม่สนใจก็โกหกแล้ว!
นั่นคือเงินหกร้อยล้านดอลลาร์เชียวนะ! มันเทียบเท่ากับเงินสี่พันล้านหยวน ซึ่งก็เท่ากับทรัพย์สินของบริษัทน่าย่าในปัจจุบัน
เมื่อพูดถึงงานวิจัยแล้ว แน่นอนว่าไป๋เยี่ยไม่เกรงกลัวใครทั้งนั้น ถ้าเขาได้เงินทุนก้อนนั้นมาก็คงดี
แต่มันเป็นงานวิจัยเกี่ยวกับอะไรล่ะ
ไป๋เยี่ยคิดแล้วก็เอ่ยถามอีกฝ่ายไป “ถามได้ไหมครับว่าเป็นงานวิจัยเกี่ยวกับอะไร”
มิเชลยกยิ้มอย่างมีเลศนัย “ความลับค่ะ!”
“แต่…ฉันบอกคุณก็ได้” มิเชลหัวเราะก่อนจะพูดต่อ “มันไม่ใช่หัวข้อทั่วๆ ไปแต่เป็นหัวข้อเกี่ยวกับบริษัทคู่แข่งไงล่ะคะ!”
“คุณรู้จักกายอุปกรณ์[1]ไหมคะ ตัวอย่างก็เช่นพวกข้อต่อเทียมน่ะค่ะ ในโลกของเรามีตลาดสำหรับอุปกรณ์เหล่านั้นที่กว้างใหญ่มาก และเป็นตลาดที่มีมูลค่ามากกว่าสองถึงสี่แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งตัวเลขนี้ก็ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แค่พูดถึงตลาดที่ใหญ่ขนาดนี้ก็เพียงพอที่จะทำให้ทุกคนตื่นเต้นแล้ว ทางเราเองก็กำลังศึกษาด้านนี้อยู่เช่นกัน”
[1] กายอุปกรณ์ คือ อุปกรณ์ที่ใช้กับร่างกายเพื่อช่วยเหลือการเคลื่อนไหว เช่น แขนเทียม ขาเทียม